นิทรรศการเปิดตัวในวันนี้และโรเซ่รู้สึกทั้งตื่นเต้นและประหม่า ผสมผสานกันอย่างลงตัว ร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เดินผ่านทางเดินที่เต็มไปด้วยความหรูหราและแสงไฟที่จับจ้องไปที่ผลงานต่างๆ แต่เธอพยายามไม่ให้ความรู้สึกนี้มากวนใจ แม้ว่าจะรู้สึกกดดันจากการที่เธอต้องพิสูจน์ตัวเองในวงการแฟชั่นที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน“เธอรู้ไหม โรเซ่ ฉันคิดว่าเธอสามารถทำได้ดีมาก!” ยอนฮี เพื่อนสนิทของเธอกล่าวพลางยิ้มอ่อนโยนให้“ถ้าเธอพูดแบบนี้นะ ยอนฮี ฉันอาจจะกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ในวงการนี้เลยนะ” โรเซ่พูดขำๆ พลางยักคิ้วให้กับยอนฮีและเพื่อนคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ข้างๆ“โรเซ่ ความคิดสร้างสรรค์ของเธอคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ ไม่มีใครเหมือนเธอหรอก” จูฮี เพื่อนอีกคนพูดและเสริมด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นโรเซ่หัวเราะและยักไหล่ “ขอบคุณนะ แต่ทุกครั้งที่ฉันต้องเผชิญหน้ากับการเปิดตัวใหม่ๆ มันก็เหมือนกับการโดนตีในท้อง แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ ฉันคงไม่รู้จักตัวเองว่าความสามารถที่แท้จริงของฉันคืออะไร”“ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันนะ” จูฮีกล่าว “แต่เราจะอยู่ข้างเธอเสมอ สู้ๆ นะ โรเซ่”โรเซ่รู้สึกอบอุ่นใจจากคำพูดของเพื่อนๆ ซึ่งเป
โรเซ่ยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นผู้คนให้ความสนใจกับคอลเลกชันของเธอ ความรู้สึกที่ผสมผสานกันระหว่างความภูมิใจและความพึงพอใจในตัวเองทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง ทุกสิ่งที่เธอทำมาเพื่อวันนี้ มันเริ่มผลิดอกออกผลอย่างที่เธอเคยหวัง“โรเซ่! คอลเลกชันของเธอน่าทึ่งมาก!” ยอนฮีพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะที่เดินเข้ามาหาเธอ “เธอทำได้จริงๆ!”“จริงเหรอคะ?” โรเซ่ยิ้มอย่างเขินๆ พลางยักคิ้วไปมาด้วยความตื่นเต้น “ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่ตัวเองรักเท่านั้นแหละค่ะ”“รักที่ได้เห็นเธอเติบโตขึ้นมาแบบนี้นะ” จูฮีกล่าวอย่างอบอุ่นและยิ้มให้กับโรเซ่“ขอบคุณค่ะ... แต่ถ้าไม่มีพวกเธอฉันคงไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้เลย” โรเซ่ตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจในขณะที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น โรเซ่ก็เห็นกลุ่มนักวิจารณ์แฟชั่นที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กำลังพูดถึงผลงานของเธอ เธอรู้สึกตื่นเต้นแต่ก็พยายามจะไม่ให้มันมากวนใจ“ชุดนี้ของโรเซ่สื่อความเป็นตัวของตัวเองได้อย่างน่าทึ่ง” นักวิจารณ์คนหนึ่งกล่าว“ใช่ครับ และการใช้ผ้าไหมในคอลเลกชันนี้ก็เป็นการตัดสินใจที่ดีมาก มันทำให้ดูมีความหรูหราและทันสมัย” นักวิจารณ์อีกคนเสริม“เธอทำได้ดีจริงๆ โรเซ่” ยอนฮีบอกเมื่อได้ย
ในเช้าวันที่อากาศสดใส โรเซ่นั่งอยู่ในห้องรับแขกที่บ้านหลังใหญ่ของครอบครัว สายตาของเธอจับจ้องไปที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ตู้เสื้อผ้า พร้อมกับเสียงพูดคุยจากพ่อแม่และน้องสาวที่นั่งอยู่รอบๆ โต๊ะกาแฟ พ่อของโรเซ่ซึ่งเป็นผู้ชายที่เคร่งครัดและเข้มงวดในหลายเรื่อง กำลังนั่งพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสงบ ขณะที่แม่ของเธอก็นั่งเคียงข้าง พร้อมกับมีรอยยิ้มอบอุ่น"โรเซ่ลูก... ไปเมืองปารีสคราวนี้ต้องระวังตัวหน่อยนะจ๊ะ" แม่ของโรเซ่พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย พลางยิ้มไปที่ลูกสาวคนโตของเธอ"ค่ะแม่... หนูรู้แล้วค่ะ" โรเซ่ตอบเสียงนุ่ม แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจ “ทุกอย่างจะต้องเป็นไปได้ดีค่ะ”“แม่พูดถูกนะ... ถ้าไปที่เมืองใหญ่อย่างนั้น ต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกด้าน” พ่อของโรเซ่เสริมอย่างหนักแน่นมินจี น้องสาวของโรเซ่ยิ้มแย้มและนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางที่สดใส “พี่โรเซ่... หนูคิดถึงพี่แล้วนะคะ อยากให้พี่ไปเร็วๆ แต่ว่าก็เข้าใจว่าเป็นโอกาสสำคัญสำหรับพี่” มินจีพูดพลางกอดแขนพี่สาวอย่างอ่อนโยน“แล้วตอนนี้พี่จะไปแล้วนะ มินจีต้องดูแลตัวเองด้วยนะ” โรเซ่พูดพลางยิ้มหวานให้กับน้องสาวของเธอ“พี่โรเซ่... หนูจะ
หลังจากที่โรเซ่และเพื่อนสนิทของเธอมาถึงปารีส ความตื่นเต้นที่มีต่อเมืองแห่งแฟชั่นก็ไม่สามารถหยุดได้ แต่หลังจากผ่านไปสองสามวัน ปัญหาบางอย่างเริ่มเข้ามาในชีวิตของโรเซ่ พวกเขาทั้งหมดต้องเผชิญกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่ค่อนข้างท้าทาย แม้ว่าโรเซ่จะเคยเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง แต่การปรับตัวในเมืองใหญ่เช่นปารีสก็ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายโรเซ่เดินไปที่ถนนที่มีร้านค้าหรูหราเรียงรายกันอย่างสวยงาม และดูเหมือนว่าความฝันของเธอจะกลายเป็นความจริงเมื่อได้เห็นทุกสิ่งที่เคยเห็นในนิตยสารแฟชั่นและแกลเลอรี่มากมาย ทว่าในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกถึงความแปลกแยกในบางครั้ง การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ไม่ได้ง่ายเสมอไป โดยเฉพาะเมื่อเธอรู้สึกว่าความเร่งรีบและการแข่งขันที่รุนแรงนั้นอยู่รอบตัว“มันรู้สึกแปลกไปนะ” ยอนฮีกล่าวขณะที่พวกเขาเดินไปตามถนนในเขตมองมาร์ต “ทุกอย่างมันเร็วไปหมด แต่เรายังรู้สึกเหมือนเรายังไม่เข้ากับที่นี่”โรเซ่หันมองไปที่เพื่อนๆ ก่อนจะยิ้ม “ใช่ มันเหมือนกับการต้องรีบเดินตามอะไรบางอย่างที่ไม่รู้ว่าจะมีจุดสิ้นสุดไหม แต่เราไม่ยอมแพ้หรอก”ในขณะที่เดินผ่านถนนที่คึกคัก โรเซ่ก็เห็นร้านหนังสือเก่าๆ ที่น่าส
ท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงบ โรเซ่ฝันอีกครั้งถึงห้องสมุดแห่งความฝัน ที่ซึ่งหนังสือหลายพันเล่มเรียงรายอย่างมีเสน่ห์ในแสงสลัว เธอเดินสำรวจไปตามชั้นหนังสืออย่างเงียบๆ และทันใดนั้น เสียงที่เธอคิดถึงก็ดังขึ้นเบื้องหลัง"คุณยังมาที่นี่อีกเหรอครับ?" เสียงของซูโฮฟังดูอบอุ่นและคุ้นเคยจนหัวใจของเธอเต้นแรง โรเซ่หันไปเห็นเขายืนอยู่ในมุมหนึ่ง สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบง่ายที่ตัดกับรอยยิ้มอบอุ่นของเขา"คุณซูโฮ! ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว" โรเซ่พูดพร้อมกับยิ้ม ขณะที่เธอเดินเข้าไปหาเขา"ผมบอกแล้วไงครับว่าที่นี่คือสถานที่ที่เราจะพบกันเมื่อคุณต้องการ" เขาตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "แล้วคุณกำลังค้นหาอะไรอยู่ในคืนนี้?""ฉัน...อาจจะกำลังมองหาแรงบันดาลใจค่ะ" โรเซ่พูดเบาๆ "ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าความคิดของฉันยังไม่ชัดเจนพอสำหรับคอลเลกชันใหม่"ซูโฮยิ้มเล็กน้อยก่อนจะชี้ไปที่ชั้นหนังสือที่อยู่ไม่ไกล "บางครั้ง คำตอบก็ไม่ได้ซ่อนอยู่ในความซับซ้อน แต่มันอยู่ในความเรียบง่ายครับ ลองมองดูหนังสือพวกนั้นสิ คุณอาจจะเจอบางอย่างที่คุณกำลังมองหา"โรเซ่พยักหน้าแล้วเดินไปยังชั้นหนังสือที่เขาแนะนำ ขณะที่เธอพลิกดูหนังสือเล่มหนึ่ง เ
หลังจากตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ โรเซ่รู้สึกถึงพลังงานที่เต็มเปี่ยมในตัวเอง แสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านหน้าต่างกระทบใบหน้าเธอ เธอยิ้มรับกับวันใหม่ด้วยความมั่นใจและพร้อมเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า“วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่ๆ” เธอพูดกับตัวเองพร้อมหยิบปากกาและสมุดบันทึกเล่มโปรดมาเขียนไอเดียที่พุ่งเข้ามาในหัว เธอเขียนไปพลางฮัมเพลงโปรดของเธอไปด้วย น้ำเสียงใสราวกับเสียงกระดิ่งเล็กๆ ที่ใครได้ยินก็คงอดยิ้มตามไม่ได้หลังจากนั้น โรเซ่เตรียมตัวไปประชุมกับทีมงานของเธอเพื่อวางแผนโปรเจกต์ใหม่ ขณะที่เธอเดินเข้าห้องประชุม บรรยากาศกลับดูตึงเครียด ทีมงานบางคนดูเหมือนจะไม่เห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับแนวทางของงาน"เราทำแบบนี้ไม่ได้ครับ มันเสี่ยงเกินไป" หนึ่งในทีมงานพูดขึ้น น้ำเสียงเขาแฝงความกังวลโรเซ่ยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่มั่นคง "ทุกไอเดียมีความเสี่ยงค่ะ แต่ความเสี่ยงนั้นแหละที่จะทำให้เราได้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง ถ้าเรากลัวจนไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ามันจะสำเร็จหรือเปล่า?"ทุกคนในห้องเงียบลงเพื่อฟังเธอพูด เธอไม่เพียงแต่แสดงความมั่นใจในตัวเอง แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้ทุก
บรรยากาศที่เต็มไปด้วยแรงกดดันเริ่มก่อตัวขึ้นในสำนักงาน Aura Seoul เมื่อโรเซ่รับรู้ว่าข่าวลือที่ไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับตัวเธอเริ่มแพร่สะพัดในวงการแฟชั่น ข่าวลือพุ่งเป้าไปที่ความสามารถของโรเซ่ โดยอ้างว่าเธอลอกเลียนแบบงานออกแบบจากดีไซเนอร์คนอื่น และความสำเร็จทั้งหมดของเธอไม่ได้มาจากฝีมือจริง ๆ แต่เกิดจากการใช้สายสัมพันธ์ทางธุรกิจ เรื่องนี้ทำให้โรเซ่รู้สึกโกรธและผิดหวัง แต่เธอเลือกที่จะไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น“ข่าวลือก็เหมือนกระดาษในสายลม ถึงมันจะลอยฟุ้งกระจายไปไกลแค่ไหน สุดท้ายมันก็ไร้ค่าเหมือนเดิม” โรเซ่พูดกับตัวเองพร้อมยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องประชุมอย่างมั่นใจที่โต๊ะประชุม แคลร์ เพื่อนสนิทที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่เริ่มต้นมองโรเซ่ด้วยความกังวล “โรเซ่ พวกเรารู้ว่าข่าวลือพวกนี้ไม่มีมูลความจริง แต่เธอจะปล่อยผ่านจริง ๆ เหรอ”“ใช่ โรเซ่” อลิซ เพื่อนอีกคนพูดเสริม “คนในวงการเริ่มพูดกันหนักขึ้นแล้วนะ บางคนอาจเชื่อไปแล้วด้วยซ้ำ”“ทุกคนก็แค่ต้องการอะไรบางอย่างมาปั่นกระแสอยู่แล้ว ไม่ต้องไปสนใจ” โรเซ่พูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ แต่แววตาแฝงไปด้วยความมั่นคง“แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ นะ
โรเซ่ยืนอยู่หน้ากระจกในห้องทำงานที่ส่องแสงสว่างทั่วทั้งห้อง ส่องให้เห็นใบหน้าที่สดใสและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเธอ เมื่อเธอพิมพ์อีเมลตอบกลับลูกค้าคนสำคัญในขณะนั้น เสียงแจ้งเตือนจากสมาร์ตโฟนดังขึ้นขัดจังหวะมือของเธอที่กำลังขยับแป้นพิมพ์ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและพบข้อความจากแคลร์ที่ส่งมาว่า “เธอทำได้แล้วนะ! ทุกคนรักคอลเลกชันนี้! ฉันดีใจมากที่เธอไม่ตอบโต้ข่าวลือแล้วกลับมาสู่เส้นทางที่เธอเลือก”โรเซ่หัวเราะเบาๆ ด้วยความภูมิใจในตัวเอง ข้อความจากแคลร์ทำให้เธอรู้สึกว่าความพยายามและการตัดสินใจที่ไม่ตอบโต้ข่าวลือนั้นไม่เคยผิดเลย ทุกอย่างเริ่มกลับมาที่จุดที่ควรจะเป็น จากความยากลำบากที่เธอต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือที่ไม่เป็นธรรม การถูกท้าทายจากคู่แข่งในวงการแฟชั่น หรือแม้กระทั่งความกดดันจากทุกคนรอบตัว เธอก็ยังยืนหยัดได้โดยไม่ยอมให้อะไรมาเปลี่ยนแปลงเธอ“เธอเก่งมากเลยโรเซ่” เสียงของลูอิสดังขึ้นจากประตูห้องทำงาน ทำให้โรเซ่หันไปมอง “คอลเลกชันนี้ไม่เพียงแค่มีสไตล์ แต่มันยังมีความคิดสร้างสรรค์ที่สะท้อนถึงตัวตนของเธอได้ดีมาก ๆ เลย”“ขอบใจนะลูอิส” โรเซ่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ใบหน้าของเธอสดใสและเต็มไปด้วย
โรเซ่นั่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของเธอ บนโต๊ะทำงานเต็มไปด้วยหนังสือที่ซูโฮเคยอ่านและเขียนไว้ เธอมักจะเปิดดูมันในบางครั้งเพื่อค้นหาคำตอบที่เขาเคยทิ้งไว้ในทุกบรรทัด ทุกตัวอักษรที่เขาเขียนดูเหมือนยังคงมีชีวิตและพลังงานบางอย่างหลงเหลืออยู่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว แต่มันก็เหมือนกับเขายังคอยมอบคำแนะนำให้กับเธออยู่เสมอ"ซูโฮ... ขอบคุณที่ยังคงอยู่ในหัวใจของฉันเสมอ" โรเซ่พูดเบาๆ กับตัวเอง ขณะที่เธอเปิดอ่านบทหนึ่งจากหนังสือที่เขาชื่นชอบ ซึ่งมันเต็มไปด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความหวังและความรัก "ความฝันไม่มีวันสิ้นสุด"เมื่อเวลาผ่านไป โรเซ่เริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเอง เธอเริ่มเปิดใจให้กับสิ่งใหม่ๆ หลังจากที่เธอได้พอใจกับการทำงานและการสร้าง Aura Seoul จนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่บางครั้ง ความเหงาก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจ เมื่อเธอกลับบ้านในค่ำคืนที่เงียบสงบ เธอไม่อาจหลีกหนีความรู้สึกของการสูญเสียซูโฮ แม้เธอจะพยายามปล่อยให้เขาอยู่ในความทรงจำ แต่ความรู้สึกที่มีต่อเขากลับยังคงแน่นแฟ้นจนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้พบกับยองเจเป็นครั้งที่สองในงานเลี้ยงของเพื่อนๆ เขามีลักษณะภายนอกท
โรเซ่กลับมาที่สำนักงานของ Aura Seoul ด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยพลังและความมั่นใจในตัวเองมากกว่าที่เคย เธอเดินผ่านห้องต่างๆ ของสำนักงาน, มองเห็นทีมงานที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น ความคิดของเธอกลับไปที่การเริ่มต้นใหม่ที่เธอตัดสินใจในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดในชีวิต การกลับมาครั้งนี้ไม่เพียงแค่การกลับมาเพื่อทำงาน แต่เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะสามารถสร้างบางสิ่งที่ยั่งยืนและเต็มไปด้วยความหมาย"วันนี้คุณพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงแล้วใช่ไหม?" แคลร์ถามด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอเดินเข้ามาในห้องทำงานของโรเซ่โรเซ่ยิ้มให้กับเพื่อนรักของเธอ ขณะที่เธอนั่งลงที่โต๊ะทำงาน "พร้อมแล้วล่ะ ไม่แค่พร้อม ยังรู้สึกว่าเหมือนจะมีพลังเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย"แคลร์ยิ้มตอบ ก่อนจะพูดต่อ "นี่แหละที่เรารอคอยมานานที่สุด ใครจะไปรู้ว่าโรเซ่ที่เคยลังเล จะกลับมาแข็งแกร่งขนาดนี้"โรเซ่เอนตัวไปข้างหลังในเก้าอี้สำนักงาน พูดเบาๆ ว่า "เพราะในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่า ไม่ว่าโลกความจริงหรือโลกความฝัน ฉันสามารถทำสิ่งที่ฉันรักได้"หลังจากที่โรเซ่กลับมาทำงานและเริ่มสร้างทีมออกแบบที่แข็งแกร่งขึ้น เธอก็ได้พาทีมพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ จนทำให้ Aura Seoul กลายเป็
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของห้องสมุดแห่งความฝัน โรเซ่พบว่ามันแตกต่างจากครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่เธอมาที่นี่ มักจะมีแสงอ่อนๆ สะท้อนผ่านหน้าต่างบานใหญ่ พร้อมเสียงเพลงเบาๆ ที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่น แต่ครั้งนี้ มันกลับดูหม่นหมองเล็กน้อย คล้ายกับการบอกลาที่กำลังใกล้เข้ามาซูโฮยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง เขายิ้มให้เธอเหมือนทุกครั้ง แต่โรเซ่รู้สึกได้ถึงความเศร้าที่แฝงอยู่ในดวงตาของเขา เธอเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเขา"ผมดีใจที่คุณมาที่นี่อีกครั้ง" เสียงของซูโฮนุ่มนวลเหมือนเคย"ฉันจะไม่มาได้ยังไงล่ะ" โรเซ่ตอบพร้อมยิ้ม แม้ในใจเธอจะรู้สึกหนักอึ้ง "คุณเป็นคนสำคัญสำหรับฉันนี่นา"ซูโฮยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า "คุณเองก็เป็นคนสำคัญสำหรับผม แต่ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเดินไปข้างหน้า ด้วยตัวของคุณเอง"โรเซ่เม้มริมฝีปาก เธอรู้ว่านี่คือบทสนทนาสุดท้ายของพวกเขา แต่เธอกลับไม่อยากยอมรับความจริง"ฉันไม่อยากจากคุณไป..." เธอพูดเสียงเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นซูโฮก้าวเข้ามาใกล้ จับมือเธอไว้อย่างอ่อนโยน "ผมไม่อยากจากคุณเหมือนกัน แต่คุณมีชีวิตที่ต้องใช้ในโลกความจริง และมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด"โรเซ่พ
หลังจากให้คำสัญญา โรเซ่รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่เคยเกาะกุมจิตใจเริ่มเบาบางลง เธอมองซูโฮที่ยังคงยิ้มให้เธอ รอยยิ้มนั้นแม้จะแฝงไปด้วยความเศร้า แต่กลับเต็มไปด้วยความจริงใจ"คุณเคยคิดไหมว่าทำไมฉันถึงได้พบคุณที่นี่" โรเซ่ถามพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม"ผมคิดว่าเราคงถูกกำหนดให้พบกัน" ซูโฮตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "บางทีการพบกันของเราอาจเป็นบทเรียนสำหรับทั้งคุณและผม""บทเรียน?" โรเซ่ทวนคำ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย"ใช่ครับ บทเรียนที่ทำให้คุณเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และทำให้ผมได้เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง" ซูโฮอธิบายโรเซ่นิ่งเงียบ ดวงตาของเธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของซูโฮ เธอเริ่มเข้าใจความหมายที่เขาพยายามจะบอก"แต่ฉันยังไม่อยากให้คุณไป" เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย"โรเซ่" ซูโฮพูดชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น "ทุกสิ่งในโลกนี้มีเวลาของมัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความเศร้า สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักยอมรับและปล่อยวาง""คุณพูดเหมือนง่าย" เธอพึมพำ"มันไม่ง่ายหรอกครับ" ซูโฮยอมรับ "แต่คุณเป็นคนที่เข้มแข็ง ผมเชื่อว่าคุณทำได้"โรเซ่เม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขาอย่างไรดี น้ำตาเริ่มไหลลงมาช้าๆ"ฉันไม่เคยคิดเ
โรเซ่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดในความฝัน เธอรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งดึงเธอไว้ ทำให้เธอไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างที่ใจต้องการ เธอกุมมือของตัวเองแน่น ดวงตากวาดมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกว้าวุ่นในใจ"ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้..." เธอพึมพำเบาๆไม่นานนัก เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นเบาๆ ในความเงียบสงัด เธอหันไปตามเสียง และพบว่าซูโฮยืนอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเขายังคงอ่อนโยนและสงบเหมือนทุกครั้ง แต่ดวงตากลับแฝงด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน"คุณดูเหมือนกำลังคิดมาก" ซูโฮพูดเบาๆ น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างที่อยู่ในใจของเธอ"ฉันแค่..." โรเซ่พูดติดขัด เธอเงยหน้ามองเขาและสูดลมหายใจลึก "ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าฉันควรทำยังไงต่อไป ฉันรักที่จะได้มาที่นี่ ได้เจอคุณ แต่ในขณะเดียวกัน ฉันรู้ว่ามันอาจไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรยึดถือไว้ตลอดไป"ซูโฮมองเธอเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น "คุณกลัวที่จะต้องเลือกใช่ไหม?"คำถามนั้นแทงเข้าไปในหัวใจของโรเซ่อย่างจัง เธอพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองรอบตัว ราวกับกำลังมองหาคำตอบที่เธอไม่เคยหาเจอ"ฉันรู้สึกเหมือนฉันต้องเลือกระหว่างความสุขที่ฉันรู้ว่ามัน
โรเซ่เปิดม่านห้องนอนออกเพื่อรับแสงแดดยามเช้า ท้องฟ้าในกรุงโซลสวยงามราวกับมีใครแต่งแต้มไว้ให้ เธอยืนมองทิวทัศน์จากระเบียงและสูดหายใจลึก รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้า"วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่นอน" เธอพูดกับตัวเองเสียงเบาเมื่อเดินเข้าครัว เธอพบมินจีที่กำลังนั่งคุยกับแม่อยู่บนโต๊ะอาหาร มินจีดูสดใสเสมอในตอนเช้า เธอเป็นพลังบวกที่ทำให้โรเซ่รู้สึกอบอุ่น"พี่โรเซ่! ทำไมวันนี้ตื่นสายล่ะ?" มินจีถามพร้อมรอยยิ้มโรเซ่หัวเราะเบา ๆ "เมื่อคืนพี่นอนดึก วาดแบบเพลินไปหน่อย"แม่ยกแก้วชาเขียวขึ้นจิบก่อนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ลูกควรพักผ่อนให้มากกว่านี้นะโรเซ่ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะป่วยเอา"โรเซ่เดินไปหยิบแก้วน้ำของตัวเองแล้วนั่งลงข้างมินจี "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะแม่ หนูแข็งแรงอยู่แล้ว แต่ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ" เธอยิ้มให้แม่อย่างอ่อนโยนมินจีเริ่มเล่าเรื่องราวที่เธอได้ดูจากซีรีส์เมื่อคืน โรเซ่ฟังน้องสาวเล่าเรื่องอย่างตั้งใจ แม้ว่าเนื้อหาจะเบาสมองและไม่เกี่ยวกับเธอเลย แต่เธอก็อดหัวเราะไม่ได้กับความตลกในน้ำเสียงและท่าทางของมินจี"พี่ควรดูด้วยนะ มันสนุกมาก!" มินจีพูดด้วยความกระตือรือร้น"ถ้าพี่ว่าง พี่จะลองดูนะ" โรเ
โรเซ่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเองตั้งแต่เธอเริ่มฝันถึงซูโฮบ่อยขึ้น ความฝันแต่ละครั้งชัดเจนราวกับความจริง เสียงของเขานุ่มนวลเหมือนเคย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือซูโฮในความฝันเริ่มมีอารมณ์เหมือนคนที่มีชีวิตจริง เขาหัวเราะ เสียใจ หรือแม้แต่แสดงความห่วงใยเธอในแบบที่ลึกซึ้งจนโรเซ่เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองคืนหนึ่ง โรเซ่ฝันว่าเธอกำลังเดินอยู่ในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ซูโฮเดินเคียงข้างเธอ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอ่อนโยน แต่ดวงตาดูลึกซึ้งจนยากจะเข้าใจ“คุณดูเงียบกว่าปกตินะคะ วันนี้มีอะไรในใจหรือเปล่า?” โรเซ่ถามพลางหันไปมองเขา“บางครั้งผมก็รู้สึกว่าเวลาของเราในที่นี่มันไม่ยั่งยืน” ซูโฮตอบ น้ำเสียงของเขามีความเศร้าปนอยู่โรเซ่ขมวดคิ้ว “คุณหมายความว่ายังไง? คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมฉันถึงฝันถึงคุณบ่อยขนาดนี้?”ซูโฮหยุดเดินและมองเธอ ดวงตาของเขาสั่นไหวเหมือนคนที่กำลังเก็บความลับบางอย่าง “ผมคือส่วนหนึ่งของความฝันที่คุณสร้างขึ้น คุณไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้มาทำร้ายคุณ”“แต่คุณมาจากไหน? คุณเป็นคนจริง ๆ หรือเปล่า?”เขาไม่ตอบ แต่เพียงส่งยิ้มบาง ๆ ให้เธอ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “คุณรู้ไหมว่าคุณมีความสามารถมากก
วันนั้นในกรุงโซล อากาศเย็นสบายลอยผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องของโรเซ่ แสงแดดอ่อน ๆ ทอประกายลงบนโต๊ะทำงานของเธอที่ยังคงมีร่องรอยจากโปรเจกต์ก่อนหน้านี้ โรเซ่ลุกขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ เธอเดินลงไปที่ห้องครัว พ่อของเธอกำลังตักข้าวใส่ชาม และแม่ของเธอก็กำลังเตรียมเครื่องเคียง“เช้านี้ดูมีพลังจังเลยนะลูก” แม่ทักพร้อมรอยยิ้มโรเซ่ยิ้มกว้าง “แน่นอนค่ะ เมื่อคืนได้นอนเต็มอิ่มและมีเรื่องอยากเล่าให้ทุกคนฟังด้วย”มินจี น้องสาวของเธอที่กำลังตักกิมจิใส่จาน เงยหน้าขึ้นมาพูดแซว “จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับแฟชั่นโชว์ที่ปารีสอีกหรือเปล่า? พี่นี่คงไม่หยุดพูดเรื่องนั้นแน่”โรเซ่หัวเราะเบา ๆ “แน่นอนสิ! นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตฉันเลยนะ มินจี เธอควรภูมิใจกับพี่สาวคนนี้บ้าง”ทุกคนหัวเราะและนั่งล้อมรอบโต๊ะ โรเซ่เริ่มเล่าเรื่องการแสดงแฟชั่นโชว์ ทั้งบรรยากาศของงาน ชุดที่เธอออกแบบ และเสียงปรบมือที่ได้รับ“พ่อคะ แม่คะ ตอนที่ฉันยืนอยู่บนเวทีแล้วมองไปยังฝูงชน ฉันรู้สึกเหมือนความฝันมันเป็นจริงเลยค่ะ”แม่ของเธอจับมือของโรเซ่ “แม่ภูมิใจในตัวลูกมากนะ สิ่งที่ลูกทำมันยิ่งใหญ่มากจริง ๆ”โรเซ่ยิ้
ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงไฟและเสียงดนตรี โรเซ่ยืนอยู่เบื้องหลังม่านเวทีของแฟชั่นโชว์ระดับโลกในปารีส เธอสวมชุดสูทสีดำที่ออกแบบเอง ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอเมื่อเธอก้าวออกไปกลางเวที ผลงานการออกแบบของเธอได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม การได้ยินเสียงเหล่านั้นทำให้เธอยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจหลังการแสดงจบลง ดีไซเนอร์ชื่อดังคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม แต่คำพูดของเขากลับสร้างแรงสะท้อนในใจของเธอ“ผลงานของคุณยอดเยี่ยมมาก แต่ยังมีบางจุดที่สามารถพัฒนาได้ ผมเห็นศักยภาพในตัวคุณ อย่าหยุดแค่นี้”โรเซ่ยิ้มรับ “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ฉันจะไม่หยุดพัฒนาตัวเองแน่นอน”แม้จะรู้สึกภูมิใจ แต่คำวิจารณ์นั้นก็ทำให้เธอเริ่มคิดลึกซึ้งยิ่งขึ้น เธอตระหนักว่าการเดินทางครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุด มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเมื่อเธอกลับมาถึงโรงแรม โรเซ่เอนตัวลงบนเตียง สายตาเหม่อมองเพดาน คำพูดของซูโฮในโลกความฝันยังคงวนเวียนอยู่ในใจ“คุณสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่คุณต้องเชื่อในตัวเอง”โรเซ่หัวเราะเบา ๆ “คุณนี่ช่างรู้จักปลอบใจฉันในทุกช่วงเวลาเลยจริง ๆ”ในคืนนั้น โรเซ่พยายามฝันถึงซูโ