ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนานเปล่งเสียงถามร่างสูงที่เดินนำหน้าทันที “พ่อ แม่ แล้วก็น้องชายคุณไม่อยู่เหรอคะทำไมบ้านเงียบจัง” “แม่อยู่บนห้อง โปรดไปทำงาน ส่วนพ่ออยู่อีกบ้านกลับมานาน ๆ ที” ประภาวินท์หยุดเดินแล้วหันไปตอบคนด้านหลังด้วยน้ำเสียงปกติ แต่นัยน์ตากลับไหววูบแสดงออกถึงความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจ “คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ” สำหรับคนอื่นอาจจะมองไม่ออกว่าเขากำลังรู้สึกอะไรบางอย่าง แต่สำหรับวารีแล้วเธอใส่ใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับคนรัก อยู่ด้วยกันมาก็นานมีหรือจะมองไม่ออก ไหนจะประโยคที่เขาพูดออกมาอีกมันต้องมีอะไรแน่นอน มือเรียวยื่นไปจับแขนแกร่งหลวม ๆ มองสบแววตาไหววูบอย่างสื่อความหมาย “หากมีอะไรไม่สบายใจสามารถระบายให้ฉันฟังได้นะคะ”“ครับ” เสียงทุ้มขานรับสั้น ๆ นัยน์ตาไหววูบมองสบดวงตากลมโตอย่างซาบซึ้ง คงจะมีแต่เธอที่ใส่ใจเขามากจนมองออกว่าตอนไหนเขาโอเค ไม่โอเคสมกับเป็นผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจจริง ๆ “ไว้ทุกอย่างลงตัวแล้วผมจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้พาลูกไปนอนบนห้องก่อน แล้วเราค่อยไปหาแม่กันท่านมีอะไรจะคุยกับคุณเยอะเลย” เขามองสบดวงตากลมโตนานนับนาทีก่อนเอ่ยต่อ สิ้นเสียงพูดก็เริ่มก้าวเท้าเดินอีกครั้งนำเธ
“ที่ผ่านมาฉันมันเป็นแม่ที่แย่มากเอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ไม่สนใจ ไม่แคร์ว่าลูกจะมีความสุขกับสิ่งที่เลือกให้ไหม ทำให้ชีวิตครอบครัวต้องพังลงไม่เป็นท่า” คุณหญิงรตีเอ่ยเสียงเครือน้ำตายังคงรินไหลออกจากหางตาไม่ขาดสายชวนให้วารีรู้สึกสงสารจับใจ น้ำเสียง สีหน้า และแววตาที่คุณหญิงรตีแสดงออกมาเธอเชื่อสนิทใจว่าท่านรู้สึกผิดจริง ๆ ท่านคงเจ็บปวดและเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมามาก “คุณหญิงอย่าโทษตัวเองเลยค่ะเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว เดินหน้าทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่าค่ะ” เธอระบายยิ้มบาง ๆ พร้อมยื่นมือไปกอบกุมมือคุณหญิงรตีไว้หลวม ๆ เชิงปลอบประโลม และให้กำลังใจในคราวเดียวกัน “หนูเชื่อว่าคุณปราณและคุณโปรดเข้าใจในความรัก ความหวังดีของคุณหญิงไม่ถือโทษโกรธแน่นอน คุณหญิงทำใจให้สบายนะคะ”“ขอบใจหนูมากนะ” คำปลอบประโลมจากเด็กสาวทำให้คุณหญิงรตีดีขึ้นบ้างเล็กน้อย ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกลวก ๆ มองเด็กสาวด้วยแววตาอ่อนโยนต่างไปจากเมื่อก่อนถนัดตา “ฉันเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมตาปราณถึงรักหนูมาก ยืนยันกับฉันมาตลอดว่าหนูคือผู้หญิงที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว”หลังจากเอ่ยจบคุณหญิงรตีก็นิ่งเงียบไปนานนับนาที ดึงมือออกจากการกอบกุมเปลี่ยนเป
ประภาวินท์สัมผัสได้ถึงพิรุธที่หญิงสาวแสดงออกมาทางสีหน้าท่าทาง แกะมือเรียวทั้งสองข้างที่กอดรัดเอวออก แล้วหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเธอ ยกมือจับไหล่มนทั้งสองข้างมองหน้าถามอย่างจับพิรุธ “ทำไมถึงไม่ให้ผมไปคุยกับแม่ มีอะไรบอกผมมาดี ๆ”“เออ..คือ คือว่า” คนถูกจับพิรุธถึงกับเลิ่กลั่กกลอกกลิ้งตาไปมาไม่กล้ามองสบดวงตาคมกริบตรง ๆ รู้สึกร้อน ๆ หนาวขึ้นมาทันทีทันใด บ้าจริงเธอไม่น่าเล่นอะไรโง่ ๆ เลยจะเอายังไงดีละทีนี่ สมองพยายามคิดหาวิธีเอาตัวรอดพัลวัน แต่ก่อนอื่นเธอต้องพูดดักไว้ก่อนเพราะรู้ว่าเขาต้องโกรธเธอแน่ ๆ ไม่มากก็น้อย“ถ้าบอกแล้วคุณห้ามโกรธฉันนะคะ หรือถ้าโกรธก็โกรธได้แต่น้อย ๆ พอ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนทำหน้าออดอ้อนสุดฤทธิ์เพราะรู้ดีว่าเขาแพ้ลูกอ้อน ประภาวินท์เลิกคิ้วมองคนที่ทำหน้าเหมือนหมาหงอยส่งสายตาออดอ้อนเขาอย่างครุ่นคิด ก่อนรอยยิ้มร้ายจะผุดขึ้นประดับมุมปากเสี้ยวนาทีแล้วหายไป พอจะเดาได้แล้วว่าทำไมเธอคงโกหกเขาเรื่องผู้เป็นแม่สินะรู้ว่าตัวเองมีความผิดก็ใช้ลูกอ้อนเข้าช่วยฉลาดเหลือเกินแม่คุณขนาดตัวเองทำผิดยังมีหน้ามาต่อรองบอกให้เขาโกรธน้อย ๆ หน่อยแบบนี้ต้องสั่งสอนและทำโทษสักหน่อยแล้ว“ครับไม่โก
แรงทุบตีราวกับมดไม่ได้ทำให้ผู้ชายร่างบึกบึนอย่างประภาวินท์รู้สึกเจ็บสักนิด กลับกลั้วหัวเราะออกมาอย่างนึกเอ็นดูคนบนตักที่ทำหน้าคว่ำมองเขาตาเขียวปัด แผลงฤทธิ์เดชใส่ไม่อยู่หย่อนไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหนกันถึงได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย “รู้ตัวไหมว่าตั้งแต่เจอกันคราวนี้คุณทั้งดื้อทั้งพยศเก่ง แถมยังชอบใช้กำลังด้วย ตีผมจนระบมไปหมดแล้วเนี่ย” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงกรุ่มกริ่มพร้อมกับคลายมือข้างขวาออกจากเอวคอดเคลื่อนขึ้นมาบีบจมูกโด่งรั้นอย่างมันเขี้ยว อีกคนที่หน้าคว่ำอารมณ์สวิงอยู่แล้วยิ่งหน้าคว่ำเข้าไปอีก สวนกลับทันควันพลางปัดป่ายมือหนาออกจากจมูก “แล้วคุณรู้ตัวรึเปล่าว่าตัวเองก็เปลี่ยนไปมากทั้งร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการ บ้า ๆ”“ยังด่าเก่งอีกด้วยนะเนี่ย” ประภาวินท์ยักคิ้วไหวไหล่ยอมรับโดยไม่โต้เถียง ก่อนยื่นหน้าเข้าใกล้ใบหน้าเรียว เอื้อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ “แบบนี้ต้องเรียกเมียคนเดิมกลับมาแล้ว”“ว๊าย!” ไม่ว่าเปล่าสิ้นเสียงพูดเขาก็หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับยกร่างบางบนตักขึ้นอุ้มในท่าลิงอุ้มแตงทำให้วารีที่ไม่ทันได้ตั้งตัว และคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้ร้องอุทานด้วยความตกใจ รีบผวากอดร
วันนี้เธอเลือกจะวางเรื่องราวไม่ดีไว้ข้างหลังแล้วจับมือเดินไปข้างหน้ากับเขาสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบด้วยกันเพื่อความสุขของลูกและตัวเอง ไม่ว่าจะเจอขวากหนามอะไรก็จะไม่ปล่อยมือจากเขาอีกแล้วพร้อมจะฝ่าฟันไปด้วยกันจนวันสุดท้าย มือเรียวยกทั้งสองข้างยกขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาส่งผ่านความรักความเสน่หาที่อยู่ในใจผ่านแววตาลึกซึ้ง เอื้อนเอ่ยคำว่ารักออกมาให้ชายหนุ่มอันเป็นที่รักรับรู้ทั้งทางกายและวาจา “ฉันก็รักคุณนะคะ คุณเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับฉันและลูก”คนได้ฟังระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุขหัวใจพองโตคับอกไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาได้กลับมาบรรจบกับผู้หญิงอันเป็นที่รักอีกครั้งพร้อมกับพยานตัวน้อยที่เกิดจากความรักความผูกพันธ์ของเขากับเธอ มือหนาข้างขวาเลื่อนลงโอบเอวคอดรั้งร่างบางเข้ามาแนบชิด อีกมือเชยคางมนขึ้นมารับจูบแสนหวานจากเขาริมฝีปากหนาบดคลึงกลีบปากอวบด้วยความรักความเสน่หาละเมียดละไมชิมความหวานจากกลีบปากอวบอย่างนุ่มนวล ก่อนค่อย ๆ สอดเรียวลิ้นเข้าไปคว้านหาความหวานในโพรงปากฉ่ำ เกี่ยวกระหวัด ดูดดึงลิ้นนุ่มอย่างดูดดื่ม อีกคนหลับตาลงดื่มด่ำกับจูบแสนหวานยกมือขึ้นคล้องลำคอแกร่งหลวม ๆ จูบตอบอย
“รักนะครับ” ประภาวินท์อดไม่ได้จะพาตัวขึ้นไปกดจูบขมับชื่นเหงื่อด้วยความรักใคร่ เอ็นดู พร่ำบอกรักข้างหูเสียงอ่อนเสียงหวาน ก่อนขบงับติ่งหูเล็กเบา ๆ แล้วเคลื่อนใบหน้าไปบรรจงจูบริมฝีปากอวบอิ่มต่ออย่างดูดดื่ม เขาทำทุกอย่างอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ผู้หญิงอันเป็นที่รักมีความสุขที่สุด ใช้เข่าแยกขาเรียวอ้าออกกว้างจับแท่งเอ็นถูไถปากทางรักฉ่ำเยิ้ม ก่อนจะดันพรวดเข้าไปสุดลำขยับเข้าออกอย่างนุ่มนวล พอรับรู้ได้ว่าโพรงสีหวานคุ้นชินก็เริ่มเร่งจังหวะ ปากครอบครองดูดดึงลิ้นเล็กจนเกิดเสียงน่าอาย สลับใช้เรียวลิ้นตวัดหยอกเย้า ความเสียวซ่านถาโถมเข้าใส่ร่างบอบบางอีกระลอกมันหนักหน่วง รุ่มร้อนกว่าครั้งที่เขาปรนเปรอเธอด้วยลิ้นและนิ้ว ทั้งรู้สึกดีระคนเสียวซ่านยามเขาฝากฝังตัวตนเข้ามาแอ่นสะโพกขึ้นรับแรงกระแทกหนัดแน่นอย่างลืมอายให้เขาตอกตรึงเข้ามาได้ลึกขึ้น จิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างระบายความรู้สึกรัญจวน ยิ่งเสียวซ่านมากเท่าไรก็ยิ่งจูบตอบ ดูดดึงลิ้นสากแรงขึ้นเท่านั้นร่องสาวคับแน่นตอดรัดแท่งเอ็นถี่ ๆ สร้างความซ่านสยิวให้เจ้าของเป็นอย่างมากจนต้องผละจูบออกเชิดหน้าขึ้นครางกระหึ่มในลำคอระบาย ก่อนก้มมองใบหน้าแดงซ่านของส
วันต่อมาประภาวินท์ก็พาบุตรสาวมาทานไอศกรีมที่ห้างตามที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อวาน หลังจากทานไอศกรีมเสร็จก็พาบุตรสาวไปเล่นสวนสนุกในห้างต่อวารียืนมองชายหนุ่มที่พาบุตรสาวขึ้นเครื่องเล่นนู่นลงเครื่องเล่นนี่คอยดูแลไม่ห่างกายด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม เห็นบุตรสาวมีรอยยิ้ม หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอพลอยมีความสุขไปด้วยคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่เริ่มต้นใหม่กับเขาอีกครั้งเธอยืนมองสองคนพ่อลูกอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งทั้งสองเดินกลับมาหาโดยคนเป็นพ่ออุ้มบุตรสาวอยู่บนแขน“คุณแม่ข๋าน้องปริมอยากเล่นอีก แต่คุณพ่อไม่ให้เล่นค่ะ” เด็กน้อยเอ่ยฟ้องผู้เป็นแม่เสียงเจื้อยแจ้วทันทีที่เดินมาถึงพร้อมกับทำหน้าง้อใส่ผู้เป็นพ่อ“ที่พ่อให้น้องปริมเล่นแค่นี้เพราะน้องปริมเพิ่งหายป่วยครับ เล่นมาก ๆ เกิดป่วยขึ้นมาอีกจะทำยังไงครับ น้องปริมอยากเข้าโรงพยาบาลอีกเหรอครับ” ประภาวินท์บอกล่าวบุตรสาวด้วยเหตุผล ที่เขาให้บุตรสาวเล่นเพียงนิดเดียวเพราะกลัวว่าอาการบุตรสาวจะกำเริบขึ้นมาอีกหากเหนื่อยมาก ๆ เพิ่งผ่านการผ่าตัดมาด้วย มือหนาอีกข้างยกขึ้นวางบนศีรษะเล็กทุยพร้อมกับเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าเดิม “ไว้น้องปริมแข
@บ้านกิตติธนปกรณ์“คุณปราณคะคุณผู้หญิงสั่งไว้ว่าหากกลับมาแล้วให้คุณปราณกับคุณวารีไปพบท่านที่ห้องด้วยค่ะ” ทันทีที่ประภาวินท์ วารีและบุตรสาวย่างกายเข้ามาในบ้านอิมแม่บ้านวัยสามสิบห้าก็เดินเข้ามาบอกกล่าวทันที“อืม” ประภาวินท์ขานรับสั้น ๆ แล้วยื่นถุงกล่องเค้กไปให้ “จัดเค้กใส่จานแล้วเอาขึ้นไปให้คุณแม่ด้วยนะ”“ไปหาแม่กันครับ” จากนั้นก็หันไปพยักเพยิดหน้าชวนหญิงสาว ก่อนจะอุ้มบุตรสาวเดินตรงขึ้นไปยังห้องผู้เป็นแม่ วารีเดินตามหลังไปติด ๆ"แม่มีอะไรเหรอครับ" เสียงทุ้มถามไถ่ด้วยความสงสัยหลังจากเดินมาหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงนอนผู้เป็นแม่แล้ว"วันนี้ไปเที่ยวมาสนุกไหมคะน้องปริม" คุณหญิงรตีหาได้สนใจเสียงถามบุตรชายไม่กลับระบายยิ้มถามหลานสาวตัวน้อยที่นั่งข้างบุตรชายแทน"สนุกมากค่ะคุณย่า น้องปริมซื้อเค้กมาฝากคุณย่าด้วยนะคะ" เด็กน้อยเปล่งเสียงตอบเจื้อยแจ้วพร้อมกับขยับไปนั่งชิดคนเป็นย่า"น่ารักจริงรู้จักนึกถึงย่าด้วย" คุณหญิงรตีที่เห่อหลานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งหลงหนักเข้าไปอีกเมื่อเจอความน่ารักของหลาน เอื้อมมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มด้วยความรักใคร่ เอ็นดู ประภาวินท์กับวารีได้แต่ยืนมองหน้ากันตาปริบ ๆ ก่อนวารีจะปราย
“มองแบบนี้อยากได้ลูกเพิ่มเหรอครับ” ประภาวินท์ที่เงยหน้าขึ้นมาเจอกับสายตาของเมียสาวเอ่ยเย้าแหย่ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงกรุ่มกริ่ม “คนบ้า” คำพูดจาแสนทะลึ่งของคนเป็นสามีทำเอาวารีถึงกับหมดอารมณ์ซึ้ง แว้ดใส่เบา ๆ เพราะไม่อยากให้บุตรสาวได้ยินเอื้อมมือไปหยิกมือหนาที่วางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้จนอีกคนสะดุ้งโหยง นัยน์ตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังในเสี้ยววินาทีทำปากขมุบขมิบต่อว่าเบา ๆ “ในสมองพี่มีแต่เรื่องแบบนี้หรือไงกัน”“ครับก็เมียน่ากินนิ” คนหื่นยอมรับหน้าระรื่นหนำซ้ำยังส่งสายตาพราวระยับราวกับเสือร้ายใส่ เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยเธอคงไม่รู้ตัวสินะว่าตัวเองน่ากินขนาดไหนยิ่งท้องก็ยิ่งมีน้ำมีนวลจับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือไปหมด แค่คิดส่วนนั้นของเขาก็กระตุก“เฮ้อ พี่นี่มันจริง ๆ เลย” วารีได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาว่าคนหน้ามึนหื่นกามอย่างสามีหนุ่มยังไงดี ก่อนหันมองบุตรสาวที่นั่งดูการ์ตูนในไอแพด ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กด้วยความรักใคร่ขี้เกียจจะสนใจคนเป็นสามีแล้วไม่อย่างนั้นคงเย้าแหย่เธอไม่เลิกผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีพนักงานก็ทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟสี่คนพ่อแม่ล
ชายหนุ่มมอบความรักให้กับเธอ มอบสิ่งล้ำค่าอย่างลูก ๆ ให้กับเธอ เข้ามาเติมส่วนที่ขาดหายในชีวิตจากเด็กกำพร้าที่โหยหาความรักความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็กบัดนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ความรักและความอบอุ่นที่เขามอบให้ ประภาวินท์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้หญิงอันเป็นที่รัก เอื้อมมือไปโยกศีรษะเล็กทุยด้วยความรักใคร่เอ็นดู มองสบแววตาหวานฉ่ำอย่างลึกซึ้ง เป็นเขาเองมากกว่าที่ต้องของคุณเธอที่มอบความรักดี ๆ และลูก ๆ ที่น่ารักให้กับเขาทำให้เขามีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างเช่นทุกวันนี้ “พี่รักหนูกับลูกมากนะครับ”“น้องปริมก็รักคุณพ่อ คุณแม่ น้องปันค่ะ” ปราณรวีที่ก้มหน้าก้มตาก่อประสาททรายหยุดการกระทำเงยขึ้นมองหน้าพ่อแม่ และน้องสาวสลับไปมาก่อนเอ่ยออกมาเสียงเจื้อยแจ้วฉีกยิ้มจนตาหยี จากนั้นก็โน้มตัวไปจูบท้องนูน ๆ ของผู้เป็นแม่ที่มีน้องชายอยู่ด้านใน “แล้วก็รักน้องปลื้มด้วยค่ะ”“ฮ่าฮ่า” ความน่ารักของบุตรสาวทำเอาคนเป็นพ่อแม่มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาอย่างชอบใจยิ่งนับวันบุตรสาวคนโตก็ยิ่งช่างเจรจาฉอเลาะมากขึ้นจนน่ามันเขี้ยว ก่อนคนเป็นพ่อจะเลื่อนมือไปโยกศีรษะเล็กเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยวระคนเอ็นดู จากนั้
“ฮ่าฮ่า”“คุณพ่ออย่าวิ่งเร็ว ๆ สิคะน้องปริมวิ่งหนีไม่ทัน” “พ่อวิ่งช้าที่สุดแล้วครับ” เสียงหัวเราะแห่งความสุขเคล้าเสียงตะโกนพูดคุยกันของสามพ่อลูกทำให้วารีที่เอนกายพักผ่อนสายตาบนเก้าอี้ชายหาดที่ตั้งอยู่บนผืนทรายสีขาวนวลปรือตาขึ้นมา ก่อนหยัดกายลุกขึ้นนั่งตัวตรงสอดส่องสายตามองหาต้นเสียง คิ้วสวยพลันขมวดยุ่งเหยิงเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับสามีและลูกน้อยกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างสนุก นึกตำหนิผู้เป็นสามีในใจลำพังพาปราณรวีบุตรสาวคนโตวิ่งเล่นเธอไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่ดันอุ้มปราณตะวันบุตรสาวอีกคนวัยขวบครึ่งวิ่งด้วย เกิดเขาพลาดท่าหกล้มขึ้นมาจะทำยังไง“มันน่าจับตีทั้งพ่อทั้งลูก” เธอบ่นพึมพำอย่างคาดโทษ ก่อนลุกเดินไปหาสามคนพ่อลูกด้วยท่าทางอุ้ยอ้ายเพราะท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นทุกวันตามอายุครรภ์ ใช่ฟังไม่ผิดตอนนี้ในท้องเธอมีลูกคนที่สามอยู่อายุครรภ์ได้ห้าเดือนกว่า ๆ แล้ว ผลงานของคุณพ่อตัวดีเลยที่ขยันผลิตลูกเหลือเกิน เธอบอกว่ามีสองคนพอ แต่เขาก็ใช้ลูกอ้อนเว้าวอนทุกวันว่าขอมีลูกชายอีกสักคน สุดท้ายเธอก็ใจอ่อนจนได้ คราวนี้เขาก็ได้ลูกชายสมใจอยากแล้วล่ะ “พี่ปราณพาลูกวิ่งทำไมเกิดล้มขึ้นมาจะทำยังไงคะ” เธอเอ่ยเสียงดุ
ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มบาง ๆ เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วพบว่าเมียสาวกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง เท้าใหญ่เดินไปหยุดด้านหลังร่างบางแล้วโน้มตัวลงเกยคางบนไหล่มน สอดมือเข้าไปโอบกอดเอวคอดหลวม ๆ "เมียพี่ไม่ต้องแต่งหน้าก็สวยอยู่แล้วครับ""ปากหวาน" วารีมองสบสายตาชายหนุ่มอันเป็นที่รักผ่านกระจกพร้อมกับระบายยิ้มออกมาบาง ๆ "พี่พูดจริงครับน้องสวยทั้งหน้าตาและจิตใจ" เขาว่าพลางเคลื่อนนิ้วมือขึ้นจิ้มบนอกด้านขวาที่มีก้อนเนื้อเต้นอยู่ด้านใน สิ้นเสียงพูดก็หอมแก้มนุ่มนิ่มฟอดใหญ่ทำให้คนที่กำลังบรรจงทาลิปสติกหน้านิ้วคิ้วขมวดเพราะรบกวนการแต่งหน้าของเธอ เปล่งเสียงดุอย่างไม่จริงจังมากนัก "วาแต่งหน้าอยู่พี่ปราณอย่าเล่นสิคะ""โอเคครับพี่จะอยู่นิ่ง ๆ" ร่างสูงยอมอยู่นิ่ง ๆ มองเมียสาวแต่งหน้าไปเงียบ ๆ กระทั่งเสร็จเขาจึงผละอ้อมกอดออกจากเอวคอด จับเก้าอี้แล้วหมุนให้ร่างบางหันมาเผชิญหน้า"ขอพิสูจน์หน่อยว่าลิปสติกสีนี้ดีจริงไหม" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ จับจ้องริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบลิปสติกสีสวยด้วยแววตาปรารถนา ว่าจบก็จับคางมนเงยขึ้นมารับรสจูบแสนหวานคนที่นั่งงงงวยกับคำพูดของเขาเข้าใจได้ในทันทีว่าหมา
หลายวันต่อมา..แสงแดดยามแปดโมงเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระจกกระทบสามคนพ่อแม่ลูกที่กำลังนอนกอดกันอยู่ โดยคนเป็นลูกน้องอยู่ตรงกลางมีพ่อแม่กกกอดไว้ ประภาวินท์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกตามด้วยบุตรสาว ส่วนวารียังคงหลับสนิทเพราะเมื่อคืนโดนพ่อของลูกรังแกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกว่าจะได้นอนก็ครึ่งค่อนคืน"ชูว์""อย่ากวนแม่ครับให้แม่นอนต่ออีกสักหน่อย" เขายกนิ้วขึ้นชูว์ปากห้ามปรามบุตรสาวที่กำลังจะหันไปปลุกคนเป็นแม่เบา ๆ ซึ่งเด็กน้อยก็ทำตามในทันทียกมือปิดปากพร้อมกับค่อย ๆ ขยับตัวไปนั่งห้อยขาริมเตียงประภาวินท์ระบายยิ้มมองบุตรสาวด้วยความรักใคร่พร้อมกับขยับไปนั่งห้อยขาข้าง ๆ ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กทอย เอียงหน้ากระซิบข้างกกหูเล็กเบา ๆ พอได้ยิน "เดี๋ยวพ่อพาไปอาบน้ำนะครับ จะได้ลงไปทานอาหารเช้ากัน""ค่ะ" เมื่อเสียงใส ๆ ขานรับเขาก็หยัดกายลุกลงจากเตียงเดินไปเตรียมน้ำให้บุุตรสาวในอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กที่เขาเพิ่งซื้อมา ตีฟองสบู่และใส่น้ำนมให้เสร็จสรรพจึงเดินออกมาจัดการปลดเปลื้องชุดนอนให้บุตรสาวต่อจนหมด จากนั้นก็จูงบุตรสาวเข้าห้องน้ำแล้วเริ่มลงมืออาบน้ำให้โดยให้บุตรสาวนอนแช่ในอ่างน้ำนมวางศีรษะบนที่ร
@บ้านกิตติธนปกรณ์“คุณปราณคะคุณผู้หญิงสั่งไว้ว่าหากกลับมาแล้วให้คุณปราณกับคุณวารีไปพบท่านที่ห้องด้วยค่ะ” ทันทีที่ประภาวินท์ วารีและบุตรสาวย่างกายเข้ามาในบ้านอิมแม่บ้านวัยสามสิบห้าก็เดินเข้ามาบอกกล่าวทันที“อืม” ประภาวินท์ขานรับสั้น ๆ แล้วยื่นถุงกล่องเค้กไปให้ “จัดเค้กใส่จานแล้วเอาขึ้นไปให้คุณแม่ด้วยนะ”“ไปหาแม่กันครับ” จากนั้นก็หันไปพยักเพยิดหน้าชวนหญิงสาว ก่อนจะอุ้มบุตรสาวเดินตรงขึ้นไปยังห้องผู้เป็นแม่ วารีเดินตามหลังไปติด ๆ"แม่มีอะไรเหรอครับ" เสียงทุ้มถามไถ่ด้วยความสงสัยหลังจากเดินมาหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงนอนผู้เป็นแม่แล้ว"วันนี้ไปเที่ยวมาสนุกไหมคะน้องปริม" คุณหญิงรตีหาได้สนใจเสียงถามบุตรชายไม่กลับระบายยิ้มถามหลานสาวตัวน้อยที่นั่งข้างบุตรชายแทน"สนุกมากค่ะคุณย่า น้องปริมซื้อเค้กมาฝากคุณย่าด้วยนะคะ" เด็กน้อยเปล่งเสียงตอบเจื้อยแจ้วพร้อมกับขยับไปนั่งชิดคนเป็นย่า"น่ารักจริงรู้จักนึกถึงย่าด้วย" คุณหญิงรตีที่เห่อหลานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งหลงหนักเข้าไปอีกเมื่อเจอความน่ารักของหลาน เอื้อมมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มด้วยความรักใคร่ เอ็นดู ประภาวินท์กับวารีได้แต่ยืนมองหน้ากันตาปริบ ๆ ก่อนวารีจะปราย
วันต่อมาประภาวินท์ก็พาบุตรสาวมาทานไอศกรีมที่ห้างตามที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อวาน หลังจากทานไอศกรีมเสร็จก็พาบุตรสาวไปเล่นสวนสนุกในห้างต่อวารียืนมองชายหนุ่มที่พาบุตรสาวขึ้นเครื่องเล่นนู่นลงเครื่องเล่นนี่คอยดูแลไม่ห่างกายด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม เห็นบุตรสาวมีรอยยิ้ม หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอพลอยมีความสุขไปด้วยคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่เริ่มต้นใหม่กับเขาอีกครั้งเธอยืนมองสองคนพ่อลูกอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งทั้งสองเดินกลับมาหาโดยคนเป็นพ่ออุ้มบุตรสาวอยู่บนแขน“คุณแม่ข๋าน้องปริมอยากเล่นอีก แต่คุณพ่อไม่ให้เล่นค่ะ” เด็กน้อยเอ่ยฟ้องผู้เป็นแม่เสียงเจื้อยแจ้วทันทีที่เดินมาถึงพร้อมกับทำหน้าง้อใส่ผู้เป็นพ่อ“ที่พ่อให้น้องปริมเล่นแค่นี้เพราะน้องปริมเพิ่งหายป่วยครับ เล่นมาก ๆ เกิดป่วยขึ้นมาอีกจะทำยังไงครับ น้องปริมอยากเข้าโรงพยาบาลอีกเหรอครับ” ประภาวินท์บอกล่าวบุตรสาวด้วยเหตุผล ที่เขาให้บุตรสาวเล่นเพียงนิดเดียวเพราะกลัวว่าอาการบุตรสาวจะกำเริบขึ้นมาอีกหากเหนื่อยมาก ๆ เพิ่งผ่านการผ่าตัดมาด้วย มือหนาอีกข้างยกขึ้นวางบนศีรษะเล็กทุยพร้อมกับเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าเดิม “ไว้น้องปริมแข
“รักนะครับ” ประภาวินท์อดไม่ได้จะพาตัวขึ้นไปกดจูบขมับชื่นเหงื่อด้วยความรักใคร่ เอ็นดู พร่ำบอกรักข้างหูเสียงอ่อนเสียงหวาน ก่อนขบงับติ่งหูเล็กเบา ๆ แล้วเคลื่อนใบหน้าไปบรรจงจูบริมฝีปากอวบอิ่มต่ออย่างดูดดื่ม เขาทำทุกอย่างอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ผู้หญิงอันเป็นที่รักมีความสุขที่สุด ใช้เข่าแยกขาเรียวอ้าออกกว้างจับแท่งเอ็นถูไถปากทางรักฉ่ำเยิ้ม ก่อนจะดันพรวดเข้าไปสุดลำขยับเข้าออกอย่างนุ่มนวล พอรับรู้ได้ว่าโพรงสีหวานคุ้นชินก็เริ่มเร่งจังหวะ ปากครอบครองดูดดึงลิ้นเล็กจนเกิดเสียงน่าอาย สลับใช้เรียวลิ้นตวัดหยอกเย้า ความเสียวซ่านถาโถมเข้าใส่ร่างบอบบางอีกระลอกมันหนักหน่วง รุ่มร้อนกว่าครั้งที่เขาปรนเปรอเธอด้วยลิ้นและนิ้ว ทั้งรู้สึกดีระคนเสียวซ่านยามเขาฝากฝังตัวตนเข้ามาแอ่นสะโพกขึ้นรับแรงกระแทกหนัดแน่นอย่างลืมอายให้เขาตอกตรึงเข้ามาได้ลึกขึ้น จิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างระบายความรู้สึกรัญจวน ยิ่งเสียวซ่านมากเท่าไรก็ยิ่งจูบตอบ ดูดดึงลิ้นสากแรงขึ้นเท่านั้นร่องสาวคับแน่นตอดรัดแท่งเอ็นถี่ ๆ สร้างความซ่านสยิวให้เจ้าของเป็นอย่างมากจนต้องผละจูบออกเชิดหน้าขึ้นครางกระหึ่มในลำคอระบาย ก่อนก้มมองใบหน้าแดงซ่านของส
วันนี้เธอเลือกจะวางเรื่องราวไม่ดีไว้ข้างหลังแล้วจับมือเดินไปข้างหน้ากับเขาสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบด้วยกันเพื่อความสุขของลูกและตัวเอง ไม่ว่าจะเจอขวากหนามอะไรก็จะไม่ปล่อยมือจากเขาอีกแล้วพร้อมจะฝ่าฟันไปด้วยกันจนวันสุดท้าย มือเรียวยกทั้งสองข้างยกขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาส่งผ่านความรักความเสน่หาที่อยู่ในใจผ่านแววตาลึกซึ้ง เอื้อนเอ่ยคำว่ารักออกมาให้ชายหนุ่มอันเป็นที่รักรับรู้ทั้งทางกายและวาจา “ฉันก็รักคุณนะคะ คุณเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับฉันและลูก”คนได้ฟังระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุขหัวใจพองโตคับอกไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาได้กลับมาบรรจบกับผู้หญิงอันเป็นที่รักอีกครั้งพร้อมกับพยานตัวน้อยที่เกิดจากความรักความผูกพันธ์ของเขากับเธอ มือหนาข้างขวาเลื่อนลงโอบเอวคอดรั้งร่างบางเข้ามาแนบชิด อีกมือเชยคางมนขึ้นมารับจูบแสนหวานจากเขาริมฝีปากหนาบดคลึงกลีบปากอวบด้วยความรักความเสน่หาละเมียดละไมชิมความหวานจากกลีบปากอวบอย่างนุ่มนวล ก่อนค่อย ๆ สอดเรียวลิ้นเข้าไปคว้านหาความหวานในโพรงปากฉ่ำ เกี่ยวกระหวัด ดูดดึงลิ้นนุ่มอย่างดูดดื่ม อีกคนหลับตาลงดื่มด่ำกับจูบแสนหวานยกมือขึ้นคล้องลำคอแกร่งหลวม ๆ จูบตอบอย