“คงจะเป็นแบบนั้น!”“ผมเคยได้ยินว่าคนใหญ่คนโตล้วนแล้วแต่เป็นคนสุภาพ!”“โยนาธานเป็นผู้นำตระกูลยอร์ก ผมได้ยินมาว่าเขาเพิ่งได้ตำแหน่งกลับมาดูแลตระกูลเมื่อวานนี้!”“ในสายตาของคนใหญ่โตแบบนั้นคงไม่ใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้!”“ลูกชายของเขาควรมาขอโทษเพราะนั่นคือความผิดของเขา!”ไซม่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรู้สึกประทับใจในความมีเมตตาและมารยาทของโยนาธานจากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูดว่า “ด้วยการเลี้ยงดูที่ดีจากครอบครัว เวย์นจะมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน!”“ใช่! คงจะดีถ้าเขาได้มาเป็นลูกเขยของเรา!” ทั้งไซม่อนและลิเลียนต่างโพล่งปากพูดออกมาพวกเขาโลภทั้งเงินและยศฐานบรรดาศักดิ์ และพวกเขายังหลงรักผู้มีฐานะสูงแบบนี้แม้ว่าเวย์นจะทำเรื่องแบบนั้นลงไป พวกเขาก็ยังหวังว่าจะได้ใกล้ชิดกับเขามากกว่านี้แมนดี้ขมวดคิ้ว เธอรู้สึกว่าเรื่องต่าง ๆ ไม่น่าจะง่ายดายแบบนั้น แต่เธอก็ไม่สามารถบอกถึงต้นต่อสาเหตุได้ตระกูลยอร์กเป็นตระกูลที่เป็นอันดับสูงสุดในเซาท์ไลท์ เธอไม่คิดว่าตระกูลยอร์กจะจบลงด้วยฝีมือฮาร์วีย์ได้ง่าย ๆ“เอาล่ะ ก็ได้ ปล่อยให้อดีตผ่านไป! มันคงไม่ดีถ้าพวกยอร์กจำพวกเราได้!”“คุณพ่อคุณแม่คะ หยุดคิดเรื่
ลิเลียนชี้นิ้วไปที่ฮาร์วีย์ “แกรู้ไหมว่าการเป็นผู้บัญชาการลำดับสามของมณฑลมันหมายความว่ายังไง?”“มันหมายความว่าถ้าเขาต้องการมัน ตระกูลเยตส์ก็จะเป็นตระกูลอันดับต้น ๆ ตระกูลต่อไปของเซาท์ไลท์!”“ลูกเขยอย่างแกจะไปรู้อะไร แต่แกยังพูดพล่ามเหลวไหลพวกนี้อีก!”“ฉันเตือนแกแล้ว เมื่อเราไปถึงตระกูลเยตส์แกควรระวังปากไว้ด้วย! ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะไม่ปล่อยแกไปง่ายๆ แน่!”แม้ลิเลียนจะมีสีหน้าโกรธจัด แต่ท่าทีของฮาร์วีย์ยังนิ่งไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อใดก็ตามที่ฮาร์วีย์อยู่กับผู้บัญชาการสูงสุดแห่งของเซาท์ไลท์ คนอื่น ๆ จะต้องคำนับให้ความเคารพฮาร์วีย์และแน่นอนผู้บัญชาการลำดับสองแห่งเซาท์ไลท์ก็คงไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับฮาร์วีย์แล้วผู้บัญชาการลำดับสามจะมีค่าให้เขาเกรงกลัวได้อย่างไร?ในขณะนั้นซีนเธียร์ที่อยากจะให้เรื่องทุกอย่างราบรื่นพูดว่า “คุณพ่อคุณแม่คะ เมื่อกี้พี่เขยอาจจะพูดจาไม่สุภาพ แต่เขาก็ยังให้เกียรติตระกูลเยตส์มาก ใช่ไหม?”ฮาร์วีย์พยักหน้า “ใช่ครับ”ความโกรธของลิเลียนก็ลดลง “งั้นก็ดี!”“อย่าลืมเลือกของขวัญที่ดีที่สุด! ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ฉันโทษแกคนเดียว!”ฮาร์วีย์พยักหน้าอีกครั้ง เขาห
ในเวลาเดียวกันซีนเธียร์มาถึงตลาดของโบราณที่มีชื่อเสียงในบัควู้ดเมื่อพูดถึงของขวัญที่จะต้องจัดเตรียมให้คุณย่าเยตส์ ของขวัญจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอนซีนเธียร์ถือบัตรที่แมนดี้ให้เธอไว้ ต้องหาของที่ดีที่สุดในตลาดแห่งนี้ไม่นานหลังจากนั้นเธอสนใจชามกระเบื้องบนโต๊ะแคชเชียร์ เธอพิจารณาและกำลังจะถามรายละเอียดเกี่ยวกับชามใบนั้นทันใดนั้นชายสองคนก็เดินเข้ามาหนึ่งในนั้นคว้าชามลายครามที่ซีนเธียร์สนใจ อีกคนพูดกับพนักงานต้อนรับว่า “เราต้องการชามกระเบื้องพวกนี้”“เฮ้! คุณไม่รู้กฎของ ‘มาก่อนได้ก่อน’ ในวงการธุรกิจหรือไง? คุณไม่เห็นหรือว่าฉันต้องการของสิ่งนี้ก่อน?”ซีนเธียร์ตะโกนเสียงดังทันทีชายทั้งสองหันกลับมามอง พวกเขามีใบหน้าเหมือนกับพวกอเมริกัน มีผมเงาและใบหน้าขาวเหมือนแป้งหนึ่งในนั้นมองซีนเธียรหัวจรดเท้าพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงต่างประเทศ “เด็กน้อย ถ้วยชามนี้เป็นสมบัติของประเทศ J ของเรา! เป็นเรื่องปกติที่เราจะซื้อกลับบ้าน!”“พวกคนประเทศ H คงไม่รู้คุณค่าที่แท้จริงของมัน…”ซีนเธียร์ชะงัก ผู้ชายพวกนี้เป็นพลเมืองของประเทศ J งั้นเหรอ?ถ้าพวกเขาต้องการซื้ออะไรก็แค่ซื้อมัน! แต่พวกเขามาบอกสินค
“ไอ้เด็กผู้หญิงหยาบคาย! เธอกล้าตบฉันเหรอ!”ชายชาวประเทศ J สองคนโกรธจัดในทันทีพวกเขาคุ้นเคยกับการแสดงออกอย่างหยิ่งยโสเมื่อตอนอยู่ในประเทศของตัวเอง ไม่มีใครกล้าโต้กลับเขาแบบนี้แม้ว่าจะรังควานผู้หญิงแบบไหนก็ตาม ไม่เคยเลยสักครั้งในชีวิตที่จะถูกผู้หญิงตบเพียะ!ในเวลาต่อมา หนึ่งในนั้นตบซีนเธียร์กลับไป!“กล้าตบฉันเหรอ! อยากตายหรือไง?”“เราจะไปแจ้งความ! เธอจะต้องชดใช้ความเสียหายของเรา!”อีกคนหนึ่งทุ่มชามกระเบื้องลงพื้นแตกเป็นชิ้น ๆจากนั้นก็โทษความผิดให้ซีนเธียร์จนถึงตอนนี้สถานการณ์เริ่มแย่ลงพนักงานในตลาดของโบราณเริ่มออกมามุงดูชายวัยกลางคนที่เป็นที่ดูเป็นผู้นำขมวดคิ้ว “ผม วอลเลซ ชอว์น เป็นผู้จัดการตลาดของโบราณ ถ้ามีอะไรก็แจ้งปัญหาผมได้ครับ”ทุกคนเรียกเขาทันที “ผู้จัดการ! คนพวกนี้กำลังรุมทำร้ายเด็กสาวคนนี้ พวกเขาเขวี้ยงทิ้งสินค้าและกล่าวโทษเธอทุกอย่าง!”เมื่อวอลเลซรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เขาให้ชายสองคนไปพักผ่อนในเลานจ์ส่วนตัววีไอพี“เชิญคุณผู้ชายเข้าไปพักผ่อนด้านในก่อนนะครับ ผมจะให้คำตัดสินที่ยุติธรรมแก่คุณสำหรับเหตุการณ์นี้”ในสายตาของท
“ไร้ยางอายสิ้นดี!”ซีนเธียร์แทบไม่เชื่อหูของเธอเลย ผู้ชายคนนี้พูดแบบนี้ต่อหน้าผู้คนมากมายได้อย่างไร?“เห็น ๆ กันอยู่ว่าพวกเขารังแกฉันก่อน! ฉันโกรธ ฉันก็ต้องปกป้องตัวเอง!”“ไม่เพียงแต่พวกเขาทำร้ายฉันแต่ยังทำลายสินค้าในร้านอีก คุณยังขอให้ฉันเป็นคนชดใช้ค่าเสียหายอีกเหรอ? คุณยังต้องการให้ฉันไปดื่มกับพวกเขาต่ออีกเหรอ?! คุณมันช่างไร้เหตุผลได้อะไรอย่างนี้?!”“โอ้ โอ้! คุณยอมรับแล้วเหรอว่าคุณทำร้ายพวกเขาก่อน!”“ผมได้ให้คนบันทึกวิดีโอที่คุณทำร้ายพวกเขา!”“ถ้าคุณไม่ยอมรับเงื่อนไขการไกล่เกลี่ยของเรา เราจะแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้!”“แค่จ่ายเงินหนึ่งล้านดอลลาร์ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณติดคุกได้นาน!”วอลเลซขู่ซีนเธียร์ชะงักแม้ว่าเธออาจจะดูร้ายกาจไปบ้างในบางครั้ง แต่เธอก็ยังเป็นแค่เด็กนักเรียน เธอไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์อะไรแบบนี้เธอไม่อยากเชื่อเลยว่า วอลเลซ ชอว์น จะทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ต่อคนในเมืองเดียวกับทั้งหมดนี้ทำเพื่อเพียงเพื่อเอาใจและเลียแข้งเลียขาเลียนิ้วเท้าเหม็น ๆ ของพวกต่างชาติอย่างประเทศ J แค่นั้นหรือ?“คุณ คุณ และคุณ…!”“ถ้าคุณยังคิดจะพูดเรื่องเหลวไหลนี่ต่อไป ผมจะแจ้งจับพวกคุณ
เมื่อซีนเธียร์เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฮาร์วีย์ฟัง สีหน้าของเขาก็มืดลงทันทีแต่ก่อนที่ฮาร์วีย์จะพูดอะไรออกไป วอลเลซก็เยาะเย้ยเขา “เดี๋ยวนะ คุณกำลังโทรฟ้องพ่อแม่ของคุณเหรอ?”“ผมขอบอกไว้เลยว่า! อย่าคิดว่าเรื่องจะจบแบบนี้แน่!”“บอกคนจากประเทศ J สองคนนั้นให้ออกไปจากที่นี่ซะ!”ฮาร์วีย์สบถออกมาอย่างเย็นชา“เด็กของคุณไม่รู้จักเคารพผู้อื่นและคุณก็คงไม่รู้เหมือนกัน?”“พวกเขาเป็นแขกคนสำคัญจากต่างประเทศ!” วอลเลซตะโกนอย่างโกรธจัด “คุณกำลังพูดไม่ให้เกียรติพวกเขา”ฮาร์วีย์ตอบกลับอย่างเย็นชาว่า “พวกเขาจะถูกเรียกว่าแขกชาวต่างชาติได้ก็ต่อเมื่อพวกเขามาเยี่ยมเยือนที่นี่ด้วยความสุภาพ ผมมองพวกเขาแล้วคงเรียกได้เพียงแค่เป็นขยะ”“ผมให้เวลาคุณสามวินาที ให้พวกเขาคลานออกมาตรงนี้และขอโทษซะ!”“จะบ้าเหรอ! แกอยากให้แขกคนาสำคัญของเราคลานมาตรงนี้และขอโทษงั้นเหรอ? แกไปได้ความคิดนี้มาจากที่ไหน?”วอลเลซโวยวายฮาร์วีย์พยายามนับถอยหลังอย่างเย็นชา “สาม สอง หนึ่ง…”วอลเลซพูดอย่างดูถูก “แกมันโรคจิต! แกนับจริง ๆ งั้นเหรอ? ต่อให้นับไปถึงร้อยก็ไม่มีใครสนใจหรอก!”“แกรู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน?”“ที่นี่คือถิ่นของตระกูลไน
ฮาร์วีย์ผลักวอลเลซออกไป จากนั้นเขาก็เตะเปิดประตูห้องรับรองวีไอพี สายตาของเขาจับจ้องไปที่พวกชายจากประเทศ J สองคนที่อวดดี ฮาร์วีย์พูดอย่างเย็นชาว่า “พวกคุณเป็นคนทำร้ายเธอและเขวี้ยงชามกระเบื้องนั่นใช่ไหม? แล้วยังบังคับให้ซีนเธียร์ไปกับดื่มต่ออีกด้วย?”พวกชายชาวประเทศ J สองคนลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นฮาร์วีย์“ใช่ ฝีมือพวกเรา แล้วไง? ขยะอย่างคุณจะเอาคืนงั้นเหรอ?”พวกชายชาวประเทศ J สองคนนี้พูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง แต่พวกเขาจ้องไปที่ฮาร์วีย์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกดูก็รู้ว่าพวกเขาเหนือกว่า“คุกเข่าขอโทษซะ” ฮาร์วีย์สั่ง “ผมจะปล่อยผ่านไปแค่ครั้งเดียว”“ขอโทษเหรอ? ไม่มีทาง!”“พวกเราเป็นแขกคนสำคัญ เราจะขอโทษคนที่ด้อยกว่าได้ยังไง?”“แต่คุณ คุกเข่าขอโทษพวกเราแทนซะจะดีกว่า!”พวกชายประเทศ J สองคนนี้หยิ่งผยองในตัวเองมาก แน่นอนว่าในตอนนี้พวกเขาไม่เห็นฮาร์วีย์และซีนเธียร์อยู่ในสายตาของพวกเขาแม้แต่น้อยในความคิดของเขาคนที่ด้อยกว่าทั้งสองคนนี้ไม่มีค่าให้ต้องเสวนาด้วย“รปภ. อยู่ไหน? มันอยู่ที่ไหน?”“เร็วสิและลากไอ้พวกชั้นต่ำออกไป!”“เขาขัดจังหวะเวลาพักผ่อนของเรา!”ชายชาวประเทศ J สองคนยืนขึ้น
วอลเลซรู้สึกใจเต้นแรง เขารู้สึกสับสนเขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น เขาทำได้เพียงส่งเสียง “เอ่อ เอ่อ เอ่อ” ในลำคอเท่านั้นเขามองไปที่ฮาร์วีย์โดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่าฮาร์วีย์จะเป็นคนโทรไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนแล้วท่านประธานของเขาก็มาจริง ๆ และยังไล่เขาออกภายในเวลาไม่ถึงห้านาทีที่เจอหน้าตอนนี้วอลเลซรู้สึกตัวดีแล้วและอยากจะแย้งอะไรออกไป แต่เชนก็ตบหน้าเขาเต็มฝามือทันที “ไปให้พ้น! ฉันไม่อยากฟังคำอธิบายอะไร! ฉันรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว!”“เดี๋ยวก่อน!”จู่ ๆ ฮาร์วีย์ก็พูดขึ้นวอลเลซยิ้มอย่างมีความสุข เป็นไปได้ไหมที่ชายคนนี้จะรู้สึกว่าการลงโทษนั้นหนักหนาเกินไปและอยากจะช่วยเขา?ทันทีที่วอลเลซนึกแบบนั้น เขาก็โค้งคำนับและเริ่มเดินเข้าไปหาฮาร์วีย์ “ได้โปรดคุณผู้ชาย! ผมขอความเมตตาจากคุณ! ได้โปรดเถอะครับ!”ฮาร์วีย์เมินเฉยต่อคำพูดของวอลเลซ เขากลับชี้ไปที่คนงี่เง่าสองคนที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้น แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “จำสิ่งที่ผมเพิ่งพูดได้ไหม?”สีหน้าของวอลเลซซีดเผือดราวกับกระดาษในทันทีวอลเลซจะจำไม่ได้ได้อย่างไร? ฮาร์วีย์สั่งให้วอลเลซตบไอ้โง่สองคนนั้นจนกว่าเขาจะสั่งให้หยุดแต่ปัญหาคือเขาไม่กล
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข