ฮาร์วีย์ ยอร์กมองไปที่สตีเฟ่น ยอร์กด้วยท่าทางเชิงประชดประชัน ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แฝดของนายก็ฉลาดอยู่นะ แต่ทำไมนายดันปัญญาอ่อนซะล่ะ” “ฉันคุ้นเคยกับรูปแบบการกระทำของยัยมดเฒ่าคนนี้มากกว่านายเป็นร้อยเท่า!” “นายไม่เคยคิดเกี่ยวกับมันบ้างเลยเหรอ?” “ถ้าฉันไม่มีความมั่นใจ ฉันจะกล้าก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ในวันนี้ได้ยังไง?” ทุก ๆ คนจากตระกูลยอร์กต่างก็รู้สึกตื่นตระหนก แท้ที่จริงแล้ว ฮาร์วีย์ ยอร์กหรือที่รู้จักในนามเจ้าชายยอร์ก เขาใช้ความพยายามของเขาอย่างมากในการปลุกและสร้างตระกูลยอร์กที่ไม่มีชีวิตชีวาให้กลับขึ้นใหม่ หลังจากนั้นตระกูลยอร์กก็กลายเป็นตระกูลชั้นนำของเซาท์ไลท์ในเวลาเพียงแค่สามปี ตลอดกระบวนการนี้ เขาเป็นคนที่ติดต่อกับคุณย่ายอร์ก เมลิสซา ลีโอมากที่สุด สำหรับสมาชิกคนอื่น ๆ ของยอร์ก พวกเขาบางคนอาจไม่มีแม้กระทั่งสิทธิ์ที่จะได้พบกับหญิงชราปีละครั้งด้วยซ้ำ ดังนั้น คนที่รู้จักสนิทคุ้นเคยกับคุณย่ายอร์กมากที่สุดก็อาจจะเป็นเขาจริง ๆ การแสดงออกของสตีเฟ่น ยอร์กเปลี่ยนไปทันที หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดด้วยความเย็นชาว่า “ฮาร์วีย์ อีธาน ฮันต์ที่อยู่ข้าง ๆ แกในตอนนี้ถือเป็นไพ่ที่ดีท
“ถ้าผมไม่เสียใจล่ะ?”ท่าทีของฮาร์วีย์ ยอร์กไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยดูเหมือนว่าเขาไม่มีความต้องการที่จะเป็นเจ้าชายยอร์กอีกครั้ง“อย่างนั้น ฉันจะทำให้แก...เสียใจที่ต้องเกิดมาบนโลกใบนี้!”คำแต่ละคำของคุณย่ายอร์กที่พูดออกมาเป็นเหมือนมีดอันแหลมคม“ความจริงแล้ว ฉันไม่เคยเห็นว่าแกเป็นหลานชายของฉันเลย สำหรับฉันแล้วแกเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น!”“ไม่มีใครได้ข่าวของพ่อแม่ของแกตั้งแต่ที่พวกเขาไปที่ภูเขาคีล แกอยู่เพียงลำพังในตระกูลยอร์ก!”“คือฉันเองที่เลือกแกและฝึกฝนแก แต่แกไม่ได้เชื่อฟังฉันเหมือนสุนัข…”“ฉันยังให้แกดูแลรับผิดชอบตระกูลยอร์กและกลายเป็นเจ้าชายยอร์กผู้เป็นตำนาน!”“แต่แล้วแกล่ะ?”“แกท้าทายฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”“ตอนนี้ฉันเริ่มเสียใจแล้วล่ะ!”“ต่อให้ฉันเลี้ยงดูหมาตัวหนึ่ง มันก็รู้ว่าควรจะรู้คุณใคร แต่กับแกทำไม่ได้!”“สำหรับฉันแล้ว แกไม่คู่ควรที่จะใช้แม้กระทั่งนามสกุลของยอร์ก!”โยนาธานได้ยินเสียงคำพูดของเธอดังสนั่นและกล่าวอย่างเย็นชาในอีกด้านหนึ่ง “ฮาร์วีย์ แกคิดว่าแกจะโค่นตระกูลยอร์กได้เหรอ? อย่าจิตหลอนสิ!”“เมื่อสามปีก่อนแกยังทำไม่ได้!”“สามปีต่อมาแกก็ทำไม่ได้เหมือนกัน!”
หุ่นเชิด?!หุ่นกระบอก?!ถึงแม้ว่าคำพูดของฮาร์วีย์ ยอร์กจะดูสงบนิ่งมาก…แต่สิ่งที่คนในตระกูลยอร์กได้ยินนั้นมันกลับเหมือนสายฟ้าผ่าลงสู่พื้นดินในขณะนั้น สายตาของควินตัน ยอร์กเหลือบไปมองด้านข้างของคุณย่ายอร์กอย่างไม่รู้ตัวหลังจากนั้น เขาจึงพูดอย่างเอาจริงเอาจัง “ฮาร์วีย์ ตอนนี้นายหยุดพูดเพ้อเจ้อได้แล้ว!”“มันเป็นเกียรติของนายที่คุณย่ายอร์กเลือกนายในตอนนั้น แต่นายกลับเอาแต่ไม่เชื่อฟังเธอ!”“เพราะแบบนี้นายเลยต้องเผชิญหน้ากับผลที่ตามมาจากการกระทำของตัวเอง!”“ทั้งหมดนี้เป็นความรับผิดชอบของนาย นายจะโทษคุณย่ายอร์กคนเดียวไม่ได้!”“ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่นายจะทำได้คือการคุกเข่าและแสดงความสำนึกผิดซะ!”“สำนึกผิด?”ฮาร์วีย์หัวเราะ“ทำไมฉันต้องทำด้วย?”“ควินตัน ยอร์ก นายนี่โง่จริง ๆ หรือว่านายแค่แกล้งโง่?”“ตอนนี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”“ถ้าเธอชื่นชมในตัวนายจริง ๆ ตอนนี้นายคงจะได้เป็นเจ้าชายยอร์กไปแล้วตอนนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ผู้นำของสี่ผู้ลือชื่อของตระกูลยอร์ก!”“เหตุผลง่าย ๆ ที่สร้างสี่ผู้ลือชื่อขึ้นก็เพราะว่าเธอกลัวว่าจะทำผิดพลาดซ้ำอีกครั้งเหมือนที่ทำกับฉัน”“ดังนั้น เธอจึงปล่อยให้คู่แฝด
เวลาผ่านไปไม่นานภายใต้สายตาของคนในตระกูลยอร์ก ก็ได้มีชายคนหนึ่งออกมาท่ามกลางเหล่าอันธพาลที่สวมใส่สูทสีดำไทสัน วูดส์ใบหน้าของไทสันในตอนนี้ดูชั่วร้ายและน่าหวาดกลัวเขารีบเดินไปหาฮาร์วีย์ ยอร์กอย่างสำรวมพร้อมกันกับอีธาน ฮันต์ พวกเขายืนคุ้มกันฮาร์วีย์โดยหนึ่งคนยืนอยู่ด้านซ้ายและอีกคนยืนอยู่ด้านขวาของเขาแต่สำหรับเขา เขายังเป็นผู้มาใหม่บนท้องถนนในเมืองบัควู้ด ดังนั้นเขาจึงเป็นคนแปลกหน้าสำหรับตระกูลยอร์ก“น่าเสียดายที่เวย์นไม่ได้อยู่ที่นี่…” โยนาธาน ยอร์กกัดฝันของเขาเล็กน้อยเวย์น ยอร์กคือคนที่คุ้นเคยกับเรื่องบนท้องถนนมากที่สุด แต่น่าเสียดายที่เขายังโคม่าอยู่แต่ถึงอย่างนั้นควินตัน ยอร์กก็ได้เดินก้าวไปข้างหน้าและมองไปที่ไทสันอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นเขาจึงพูดขึ้นมาอย่างเมินเฉย “ถ้าฉันจำไม่ผิด นายคือไทสัน วูดส์ คนที่เพิ่งมาใหม่บนท้องถนนใช่ไหม?”ไทสัน วูดส์เหลือบมองไปที่ฮาร์วีย์ หลังจากที่เห็นว่าฮาร์วีย์ไม่ได้โต้กลับอะไร เขาจึงเพียงแค่ยิ้มและพูดขึ้น“สวัสดีครับนายน้อยรอง ผมรู้สึกโชคดีจริง ๆ ที่นายน้อยรองรู้จักผมด้วย…”คนในตระกูลยอร์กต่างส่งเสียงหัวเราะออกมาไทสัน ผู้ชายคนนี้ก็
“ผู้อาวุโสจอห์น…”ฮาร์วีย์ค่อย ๆ ขมวดคิ้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังลุกขึ้นยืน“คุณก็ต้องการที่จะเข้ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลยอร์กด้วยเหรอครับ?”“ฉันไม่กล้าทำอย่างนั้นหรอก ใครจะกล้าเข้าไปจุ้นจ้านกับเรื่องในตระกูลยอร์ก ตระกูลชนชั้นสูงในเซาท์ไลท์?” จอห์น ก็อตติพูดอย่างเฉยเมย“น่าเสียดายที่คุณไม่ได้เจ้าชายยอร์กหลังจากที่ผ่านมาสามปี”“การออกมาต่อต้านคุณก็ไม่ได้ขัดต่อความตั้งใจของผู้อาวุโสยอร์กด้วย”“ฉันติดหนี้บุญคุณตระกูลยอร์กไว้ ฉันจะต้องต่อสู้เพื่อตระกูลยอร์กสามครั้งและครั้งนี้ก็เป็นครั้งสุดท้าย…”หลังจากได้ยินคำพูดของจอห์น คนในตระกูลยอร์กต่างหัวเราะออกมาจอห์น ก็อตติ ผู้ปกครองที่แท้จริงบนท้องถนน!บุคคลนี้เป็นบุคคลที่มีระดับเทียบเท่ากับบรรพบุรุษอย่างแท้จริง!สิ่งนี้เป็นเพราะว่าเขาเป็นผู้ที่สร้างกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ขึ้นมาเขาเคยรับมือการเรื่องซับซ้อนต่าง ๆ ทั้งเรื่องทางการและเรื่องของกองทัพมีแม้กระทั่งคำพูดในเซาท์ไลท์ว่าจอห์น ก็อตติคือผู้บัญชาการบนถนนแห่งเซาท์ไลท์และแน่นอนว่าจอห์น ก็อตติค่อนข้างสันโดษ ทำให้เขาปฏิเสธคำพูดเหล่านี้ด้วยตัวเองแต่อย่างไรแล้ว ชื่อเสียงของเขายังคงนำหน
สมาชิกในตระกูลยอร์กต่างกำลังมองหน้ากันหลังจากนั้น สายตาของทุกคนจ้องมองไปยังฮาร์วีย์ ยอร์กเขายังสามารถที่จะใจเย็นได้ในสถานการณ์อย่างนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะเชิญคน ๆ นี้มาที่นี่โดยเฉพาะ?ไม่นานรถออดี้ เอ6 ป้ายทะเบียน 00001 ได้หยุดลงคนขับรถรีบลงจากรถ เพื่อพุ่งตัวมายังด้านหลังข้างซ้ายของรถออดี้และเปิดประตูรถออกมาจากด้านหลังรถ ชายร่าเริงวัยกลางคนในชุดสูทแบบจีนค่อย ๆ ก้าวเท้าลงจากรถด้านข้างของเขาค่อนข้างเรียวและดูเหมือนชายชราทั่วไปแต่อย่างไร เขาได้ปลดปล่อยบรรยากาศที่เสมือนการบ่งบอกว่า “ฉันเป็นราชา จะเป็นใครนอกจากฉันได้” ในตอนที่เขาเงยศีรษะของเขาขึ้น“ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งเซาท์ไลท์ เชลดอน ซาเวียร์!”ท่าทีของจอห์น ก็อตติผิดปกติไปหลังจากที่เขาพึมพำชื่อนี้เขาและเชลดอล ซาเวียร์ คนหนึ่งเป็นราชาของทางการและอีกคนที่เป็นราชาแห่งบนท้องถนนทั้งคู่มักจะมีความเข้าใจโดยปริยาย พวกเขาจะเลี่ยงการพบกันเสมอ จนมีคำกล่าวว่า “ราชาสององค์ไม่อยู่ในอาณาจักรเดียวกัน”ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้จักกัน แต่พวกเขากลับไม่เคยเจอกันอย่างเป็นทางการแต่วันนี้ทั้งคู่กลับมาเจอกันอย่างไม่คาดคิดใบหน้าของทุดคนในตระก
ทันใดนั้น ทุกคนต่างรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นอยู่ในตอนนี้ ทุกสายตาต่างจ้องมองไปยังฮาร์วีย์ ยอร์กผู้คนเริ่มสงสัยว่าเขาจะเป็นหลานเขยของเชลดอน ซาเวียร์หรือเปล่าเพราะความสงบและเจียมตัวของเขาผู้คนในตระกูลยอร์กจึงเริ่มจะโกรธขึ้นมา!‘ถ้าเขาเป็นหลานเขยของเชลดอน ซาเวียร์จริง ๆ คนทั้งเซาท์ไลท์จะกล้าเตะต้องเขาได้อย่างไร?!’เพียงแค่คำ ๆ เดียวของชายที่ชื่อว่าเชลดอน ซาเวียร์ก็สามารถทำให้ครอบครัวธรรมดา ๆ ได้รับความรุ่งโรจน์และความร่ำรวยหรืออาจทำให้สูญสิ้นได้แม้ว่าตระกูลยอร์กจะเป็นตระกูลชนชั้นสูงอันดับต้น ๆ ในเซาท์ไลท์ พวกเขาก็ต้องก้าวอย่างระมัดระวังต่อเชลดอน ซาเวียร์แม้ว่าเชลดอนจะไม่มีอำนาจที่จะทำลายตระกูลยอร์กด้วยเพียงแค่คำพูดเดียว แต่การยั่วยุเขาก็หมายความว่าตระกูลยอร์กจะต้องรับมือกับศัตรูที่ทรงอำนาจเพิ่มอีกหนึ่งคนในอนาคตไม้เท้าหัวมังกรของเมลิสซา ลีโอสั่นเล็กน้อยหลังจากที่เธอได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าที่มีริ้วรอยของเธอแสดงออกอย่างมืดมือราวกับแสงกลางคืนตอนนี้เธอจะต้องประเมินฮาร์วีย์ ยอร์กใหม่ ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา ชายคนที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลยอร์กเกี่ยวข้องกับกลอุบายอะไรบ้าง? เขามีแผนการก
ไม่นาน เชลดอน ซาเวียร์ก็ได้เดินตรงไปหาฮาร์วีย์ ยอร์กไทสัน วูดส์ต้องการที่จะขัดขวางเขา แต่สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพราะความลังเล เขาทำได้เพียงแค่กัดฟันสู้และก้าวออกไปข้างหน้าและมือด้านขวาของอีธาน ฮันต์ที่ได้ค่อย ๆ กำดาบของเขาไว้พวกเขาไม่รู้สาเหตุการมาของผู้มีอิทธิพลคนนี้ แต่เมื่อเขาอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้หัวหน้าของเขาได้“อีธาน ไทสัน ถอยไป!”แม้ในตอนนี้ ฮาร์วีย์ ยอร์กก็ไม่คิดที่จะลุกขึ้นยืนและพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะ “ผมสงสัยว่าผู้อาสุโสเชลดอนมาถึงที่นี่เพราะมีจุดประสงค์อะไรเหรอครับ?”“ทำไมอวดดีอย่างนี้! แกยังกล้านั่งอยู่อย่างนั้นต่อหน้าผู้บัญชาการสูงสุดแห่งเซาท์ไลท์ได้ยังไง?! แกคิดว่าแกเป็นใคร?!” โยนาธาน ยอร์กดุด่าขึ้นท่ามกลางฝูงชนมากมายเขาไม่รู้ว่าระหว่างฮาร์วีย์และเชลดอน พวกเขามีความสัมพันธ์อย่างไรต่อกัน แต่เขามองเห็นโอกาสเพียงเล็กน้อยเมื่อภาพปรากฏต่อหน้าเขาโอกาสที่จะปลุกปั่นและยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่หลังจากที่ได้ยินอย่างนี้ ควินตัน ยอร์กจึงพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ฮาร์วีย์ แม้ในสถานการณ์อย่างนี้นายยังจะอวดดีได้ขนาดนี้เลยเหรอ? นายคิดว่าสถานภาพของ
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข