การแสดงออกของเอลานอร์เปลี่ยนไป ศีรษะของเธอมีเม็ดเหงื่อหยดลงมาอย่างเห็นได้ชัดเธอไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะรับมือได้ยากขนาดนี้ แถวเขายังสามารถมองเจฟฟ์ได้อย่างทะลุปรุโปร่งอีกด้วยพูดง่าย ๆ ก็คือ การกระทำของเจฟฟ์ชัดเจนพอ ๆ กับฮาร์วีย์ในแต่ละวันฮาร์วีย์หรี่ตามองเอลานอร์ครู่หนึ่งก่อนที่จะส่งยิ้มเล็ก ๆ ให้เธอ“แต่อย่ากังวล“แต่ในเมื่อผมอยู่ที่นี่ ก็หมายความว่าผมยินดีที่จะทำงานร่วมกับนายน้อยของคุณ แม้ว่าเขาจะมีแผนการของตัวเองก็ตา“ไม่ว่ายังไง เราทุกคนจะได้สิ่งที่ต้องการจากความร่วมมือนี้“การที่คุณนั่งอยู่ที่นี่ก็พอที่จะแสดงทัศนคติของเจฟฟ์ต่อสถานการณ์นี้ได้แล้ว“ดังนั้นคุณก็บอกผมหน่อยสิว่าเจฟฟ์อยากให้ผมทำอะไรแทนเขา“ผมจะไม่ติดใจเอาความเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ก็ได้ แล้วผมจะร่วมมือกับเขาด้วยความยินดีเลยทีเดียว”ในที่สุด เอลานอร์ก็ถอนหายใจเมื่อได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์เธอคิดว่าฮาร์วีย์จะต่อต้านเจฟฟ์อย่างหนักเพราะแผนการลักพาตัวแมนดี้เสียอีกแต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์แล้ว ฮาร์วีย์ก็ไม่ได้ทำอะไรล้ำเส้นและรู้จักจัดการสิ่งต่าง ๆ เป็นอย่างดีเนื่องจากเจฟฟ์ไม่ได้ทำร้ายแมนดี้จริง ๆ เพื่อประโยชน
เอลานอร์ตัวแข็งทื่อ"ทำไม? อะไรทำให้นายคิดว่าฉันจะพูดอย่างนั้น”ฮาร์วีย์ยืนขึ้นและหยิบเช็คขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ“คุณเป็นเมียน้อยลำดับที่ห้า คุณจะไม่มีวันได้เป็นนายหญิงของตระกูลบาวเออร์…”ฮาร์วีย์หันหลังกลับและจากไปหลังจากนั้นในขณะที่สีหน้าของเอลานอร์เปลี่ยนไปอยู่เนืองๆ ราเชลก็เข้ามาในห้องเธอวางเช็คลงตรงหน้าเอลานอร์โดยไม่ตั้งใจดวงตาของเอลานอร์กระตุกอย่างบ้าคลั่งหลังจากเห็นตัวเลขในนั้นมันเขียนไว้ที่ เจ็ดสิบล้านดอลลาร์ฮาร์วีย์ลงนามในเช็คไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจนดวงตาของเอลานอร์มองปราดจนกลายเป็นแสงจ้าอันแรงกล้า“นี่มันหมายความว่ายังไง?” เธอเรียกร้องอย่างเย็นชา“เขาพยายามจะซื้อตัวฉันเหรอ?"ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ! ผู้หญิงของนายน้อยบาวเออร์ไม่ใช่คนที่จะถูกซื้อตัวไปได้!“เรามีชีวิตอยู่เพื่อนายน้อยบาวเออร์เท่านั้น!”"ใจเย็น ๆ ก่อน"ราเชลแตะไหล่บาง ๆ ของเอลานอร์อย่างสงบ“คุณยอร์กไม่ได้คิดจะซื้อตัวเธอหรอก“เขาแค่อยากให้เธอรู้ว่าบางครั้งสนมของจักรพรรดิบางคนก็ยังถูกส่งไปอยู่ในตำหนักเย็นเลย“แล้วกับนายน้อยจอมเสเพลอย่างนายน้อยบาวเออร์จะต่างอะไร“ภายนอกเธอถูกเรียกว่าภรรยาก็จริงแ
มีผู้สูงอายุคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงกลางห้องโถงดวงตาของเขาโปนออกมา เขาไม่หายใจและแน่นิ่งไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว ทำราวกับเขาตายไปแล้วอย่างใดอย่างนั้น “ชดใช้พวกเรามาเดี๋ยวนี้นะ ไอ้สารเลว! เข้าใจที่พูดหรือเปล่า!”ชายร่างใหญ่กำลังตะโกนใส่ดิลลอนอย่างโหดเหี้ยม“พ่อของฉันชื่นชอบศิลปะการต่อสู้ แต่ตระกูลของฉันไม่อนุญาตให้เขาฝึกเพราะเห็นว่าอายุมากแล้ว!“และพวกนายก็โผล่มาจากไหนไม่รู้!“นายแจกใบปลิวไปตามท้องถนน! แล้วพ่อของฉันก็ได้หนึ่งในใบปลิวพวกนั้นมา!“เขามาที่นี่ระหว่างจะฝึกฝน หลังจากเห็นว่าเขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ฟรีสามวัน!“และดูสิว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น? เขาไม่ทันได้ร้องสักแอะก่อนตายด้วยซ้ำ!“นี่คือบูโดกันหรือห้องเก็บศพวะเนี่ย!“พวกนายกำลังฆ่าคน!”สมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลโกรธเคืองอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของชายผู้นั้น"ถูกต้อง! เลิกพยายามชักจูงนักเรียนของพวกนายให้หลงทางได้แล้ว ถ้าไม่มีปัญญาสอนพวกเขาให้ดีล่ะก็!”“พวกนายจะต้องชดใช้ชีวิตปู่ของฉันมาซะดีๆ!”“เลิกพูดได้แล้ว! แค่ฆ่าพวกเขาก็พอ!”“ฆาตกร! ฆาตกร!”สมาชิกในตระกูลกรีดร้องด้วยความโกรธ ดูเหมือนพวกเขาพร้อมที่จะสังหารดิลล
“ผมไม่ให้เขาลงทะเบียน เพราะเขาดูค่อนข้างอ่อนแอ…“แต่เขาก็ยังยืนกรานที่จะมา แล้วบอกว่าเขาอยากจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น“เขาคว้าดาบค้ำยันตัวเขาเองเอาไว้ก่อนจะหมดสติไป“หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หยุดหายใจไป“จู่ ๆ สมาชิกในตระกูลของพวกเขาก็ปรากฏตัวมาจากที่ไหนไม่รู้ หลังจากนั้น“พวกเขาบอกว่าเราเป็นคนฆ่าเขา“ผมพยายามอธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว แต่พวกเขาก็พุ่งมาทำร้ายผมโดยไม่ฟังอะไรเลย“ถ้าผมไม่มีทักษะการต่อสู้อยู่บ้างล่ะก็ ผมคงตายไปแล้ว!“ผมไม่ได้ต่อสู้กลับเลยแม้แต่นิดเดียว”ดิลลอนอธิบายสถานการณ์สั้น ๆ ให้ฮาร์วีย์ฟัง คล้ายกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูกในฐานะศิษย์อันดับต้น ๆ ของสาขาหลงเหมินแห่งฟลัตเวลล์ ดิลลอนมักจะเป็นคนที่อวดตัวเสมอ เขาจะทำตามอำเภอใจไปทุกที่ที่เหยียบย่างแต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ เขายังปล่อยให้คนอื่นทำร้ายจนหน้าบวมเหมือนหมูอีกต่างหากในขณะที่ดิลลอนกำลังอธิบายสถานการณ์ ชายร่างใหญ่ก็อุทานเสียงดัง “นายฆ่าพ่อฉัน!“ทุกคนที่นี่เป็นพยานได้!“พ่อของฉันไปรำไทเก๊กที่จัตุรัสสาธารณะทุกวัน เขามีคู่หูหลายคนอีกด้วย“คนในเขตนี้มักจะบ่นเขาเพราะเขาทำแบบนี้ตอนตีส
ฮาร์วีย์ยืนขึ้นหลังจากมองอย่างใกล้ชิด“พ่อของนายยังมีชีวิตอยู่“ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากที่ฉันรักษาเขาเสร็จแล้วเขาจะกลับมาแข็งแรงปึ๋งปั๋งอีกด้วย อีกไม่นานเขาจะกลับมาเป็นปกติแล้ว”"อะไรนะ? เขายังมีชีวิตอยู่?”“นายช่วยเขาได้เหรอ! เป็นไปได้ยังไงกัน?”“นั่นมันไร้สาระที่สุด! เขาตายแล้ว! ใคร ๆ ก็เห็นว่าเขาตาย! เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วนายจะช่วยเขาได้ยังไง!”“ผู้ชายคนนั้นบอกว่าเขาสามารถช่วยชายคนนั้นได้เหรอ?”“บางทีเขาอาจมีเส้นสายคอยช่วยเหลือเขาอยู่! ความช่วยเหลือคงกำลังจะมาแล้ว!”“เขากำลังรอคนอื่นมาช่วยชายคนนั้น!”ฝูงชนต่างซุบซิบกันราวกับพายุหลังจากเห็นท่าทางสงบของฮาร์วีย์‘ที่นี่คือบูโดกัน ไม่ใช่โรงพยาบาล’‘เขาคิดว่าเขาสามารถชุบชีวิตคนตายได้เหรอ? เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร?’ชายร่างใหญ่และคนอื่นๆ จ้องมองไปที่ฮาร์วีย์อย่างเย็นชา พวกเขาไม่มีทางเชื่อได้หรอกว่าฮาร์วีย์จะมองเห็นกลอุบายของพวกเขาได้จริง ๆ“ผมโทรหาตำรวจแล้ว คุณยอร์ก คุณไม่จำเป็นต้อง…” ดิลลอนพูดใบหน้าของเขาดูแย่มาก“เอาขวานมาให้ฉันที เดี๋ยวฉันจะรักษาผู้ชายคนนั้นด้วยขวานเล่มนั้นเอง”ฮาร์วีย์ขัดจังหวะดิลลอนทันที โดยบอกให้อีกฝ่า
“ฉันพาพ่อนายกลับมาได้แล้ว”ฮาร์วีย์ปล่อยขวานของเขาแล้วก้าวไปข้างหน้าอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็เตะชายร่างใหญ่ลงไปที่พื้น“ถึงขั้นนี้แล้ว นายจะไม่อธิบายสถานการณ์ทั้งหมดนี้ให้ฉันฟังหน่อยเหรอ?“นายกล้าดีนะที่ใช้ วิชาลมหายใจเต่าที่นี่ ค่อนข้างน่าประทับใจทีเดียว…“ปัญหาเดียวก็คือตาแก่นี่กลัวตาย“เพราะถ้าเขายอมปล่อยให้ฉันตัดหัวเขาออกแล้วก็ พวกนายคงกำจัดฉันได้แล้ว“น่าเสียดาย…”ชายร่างใหญ่จ้องมองชายชราอย่างโกรธเกรี้ยว“ใครบอกให้แกตื่นฮะ ไอ้สารเลว!”ชายร่างใหญ่มีสีหน้าเศร้าหมองซึ่งนั่นแปลว่าเขายอมรับแล้วว่าเขาพยายามข่มขู่ฮาร์วีย์"พูด ใครเป็นคนส่งนายมา” ฮาร์วีย์เรียกร้องอย่างเย็นชาชายร่างใหญ่กัดฟัน"ไม่มีใครส่งฉันมาทั้งนั้น! เรื่องทั้งวันนี้เกิดขึ้นเพราะพวกนายไม่มีปัญญาสอนใครทั้งนั้น! นายทำให้นักเรียนของนายต้องหลงทาง!“เลิกพูดอะไรไร้สาระเรื่องวิชาหายใจเต่าหรืออะไรทำนองนั้นได้แล้ว…”ชายร่างใหญ่รู้สึกหมดพลังโดยสิ้นเชิงขณะพยายามหักล้างฮาร์วีย์ นั่นก็เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นได้พิสูจน์แล้วว่าเขามาที่นี่เพื่อข่มขู่ฮาร์วีย์และหมายจะสร้างปัญหาจริง ๆฮาร์วีย์มองดูชายสูงอายุด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
ใบหน้าของฮาร์วีย์มืดลงทันทีเขาไม่คิดว่าศัตรูจะพลีชีพเพื่อจัดการกับเขานี่มันไร้ยางอายจริง ๆ!ดิลลอนตกใจอย่างหนัก“เราจะทำยังไงต่อไปดี คุณยอร์ก!” เขาอุทานด้วยความตื่นตระหนก“จะทำอะไรน่ะเหรอ? เรียกรถพยาบาลไง!" ฮาร์วีย์ตอบด้วยสีหน้าอันน่ากลัวมีคนพร้อมที่จะเป็นพยานเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหอฝึกยุทธเป็นจำนวนมาก แต่ฮาร์วีย์จะยังคงประสบปัญหามากมายหากมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากที่นี่อย่างน้อยก็ยังมีอีกหลายสิบชีวิตที่ต้องเสี่ยงไปด้วยแม้ว่าฮาร์วีย์จะไม่ต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของใคร แต่ชื่อเสียงของที่นี่ก็จะได้รับผลกระทบ หากรัฐบาลยื่นมือเข้ามาเมื่อไหร่ หอฝึกยุทธจะถูกปิดลงอย่างถาวรแม้ว่าฮาร์วีย์จะมีเส้นสายมากมาย แต่เขาก็ต้องระวังเรื่องคำวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชนนั่นคือเหตุผลที่ฮาร์วีย์ตัดสินใจว่าจะเป็นการดีที่สุดถ้าเขาเรียกรถพยาบาลเพื่อพาผู้คนออกไปจากที่นี่เสียก่อนจากนั้นเขาก็โทรหาเคย์เดนเพื่อให้อีกฝ่ายจัดการกับสถานการณ์เป็นการดีที่สุดสำหรับปลาซิวปลาสร้อยอย่างเคย์เดนที่จะจัดการกับเรื่องแบบนี้อย่างลับ ๆครึ่งชั่วโมงต่อมาเคย์เดนก็ปรากฏตัวขึ้นในรถปอร์เช่ของเขา เขาวิ่งเหยาะ ๆ ไปท
“พูดง่าย ๆ ก็คือฮอลแลนด์ ลีเป็นหนี้บุญคุณวิลเบอร์ ลี!“นอกจากนี้ ฮอลแลนด์ยังคอยเกาะติดวิลเบอร์และเป็นหนี้เขามหาศาลด้วย“แน่นอนว่าหากจำเป็นเขาก็ต้องชดใช้ให้อีกฝ่าย“ยกตัวอย่างเช่น วางยาพิษร้ายแรง”ฮาร์วีย์ ยอร์กขมวดคิ้ว“แหล่งข้อมูลที่คุณได้มาน่าเชื่อถือหรือเปล่า?“คุณแน่ใจนะว่านี่เป็นฝีมือของปลาซิวปลาสร้อยอย่างวิลเบอร์ที่จัดฉากให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่โตแบบนี้ขึ้น?“ดูเหมือนนี้จะเป็นสิ่งที่โจเซฟ บาวเออร์หรือไคลด์ ออสบอร์นจะทำเสียมากกว่า”“เรื่องนั้นผมก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน”เคย์เดน บัลเมอร์ มีท่าทางสิ้นหวัง“คนน่าจะรู้ว่าผมได้พบกับผู้คนทุกประเภทหลังจากต่อสู้ฝ่าฟันฝ่าโลกใต้ดินแห่งฟลัตเวลล์มา...“แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนที่มีอำนาจมหาศาลเช่นกัน ข้อมูลทั้งหมดที่ผมได้รับส่วนใหญ่รวมเป็นข้อมูลที่ไม่มีใครยืนยันได้“คุณคงต้องให้จอร์จ ซาเบลช่วย ถ้าคุณต้องการข้อมูลมากกว่านี้”“เขาคงทำอะไรไม่ได้มาก หากมีใครเต็มใจใช้กลอุบายที่ชั่วร้ายเช่นนี้กับผม พวกเขาจะปกป้องเราอย่างแน่นอน” ฮาร์วีย์ตอบ“ต่อให้ผมจะต้องขอความช่วยเหลือจากจอร์จ เขาก็ทำได้เพียงค้นหาเรื่องที่ศัตรูต้องการจะเปิดเผยแก่เราอยู่แล้วเท่านั
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข