ไม่นานหลังจากนั้น รถของแมนดี้รุ่นมายบัคก็ขับออกจากลานจอดรถรถคันนี้เป็นทรัพย์สินของบริษัทฮาร์ทสโตนในอดีต รถคันนี้ไม่ได้ถูกขับมากเท่าไหร่เนื่องจากมันเป็นรถประจำตำแหน่งของซีอีโอ ดังนั้นมันจึงดูเหมือนเป็นรถคันใหม่เอี่ยมฮาร์วีย์นั่งอยู่ด้านหลังขณะชื่นชมรถอย่างเงียบ ๆแมนดี้ยื่นอาหารเช้าให้ฮาร์วีย์หลังจากเห็นเขาก้าวเข้ามา ก่อนที่จะบอกให้คนขับเคลื่อนรถออกไป“คุณเคยติดต่อกับนายน้อยบาวเออร์แล้วใช่ไหม?“เขาจะคืนเงินให้หรือเปล่า?”แมนดี้ถอนหายใจ“นายน้อยทั้งสามล้วนเป็นบุคคลสำคัญของฟลัตเวลล์“นายน้อยคนโตบาวเออร์เก่งที่สุดในสามคนแต่เขาค่อนข้างหลบซ่อนตัวจากโลกภายนอก“ปกติแล้ว แค่จะเห็นเขาในทีวีก็นับว่าไม่ง่ายแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงการพบกับเขาตัวเป็น ๆ เลย“มีคนบอกว่าเขามีที่อยู่กว่าสิบแปดแห่งที่เขาสุ่มเลือกว่าแต่ละวันจะไปอยู่ที่ไหน“เสื้อผ้าที่เขาสวมไม่เคยซ้ำกันเลยด้วยซ้ำ“ทั้งหมดนี่เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ถูกสะกดรอย”ฮาร์วีย์ยิ้มอย่างสงบ“เจฟฟ์ได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้าสาขากว่าครึ่งหนึ่งของหลงเหมิน แม้แต่ครึ่งหนึ่งของสาขาภายในและภายนอกทั้งแปดก็เข้าข้างเขา“เพราะฉะนั้นก็ไม่แป
ฮาร์วีย์หัวเราะเบา ๆ“ดูจากสิ่งที่คุณพูด ตอนนี้เธอน่าจะได้เป็นถึงซุปเปอร์สตาร์แล้วใช่ไหม?”แมนดี้ถอนหายใจ“วงการบันเทิงมืดมนกว่าที่เราคิด เอลานอร์ปฏิเสธที่จะนอนกับผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง และถูกแบนจากวงการอย่างถาวร เธอยังได้รับบทให้เล่นเป็นคนทำความสะอาดห้องน้ำหรือเหยื่อจากการถูกข่มขืนอีกด้วย“สำหรับเธอแล้ว นั่นถือเป็นเรื่องน่าละอายอย่างยิ่ง“เธอพบกับเจฟฟ์โดยบังเอิญและกลายเป็นหนึ่งในผู้หญิงของเขา หลังจากนั้นเธอก็ไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะอีกเลย”"แค่นั้นเหรอ?" ฮาร์วีย์ถามด้วยความสงสัย“ถ้าเอลานอร์เต็มใจเป็นเพียงเมียน้อยคนหนึ่งของเจฟฟ์ แล้วเธอมีสิทธิ์เจรจากับเราด้วยเหรอ?”“หลังจากอยู่กับเจฟฟ์ เธอก็ใช้อำนาจของเขาเล่นงานผู้ชายคนนั้นจนไม่เหลือชิ้นดี แม้แต่ครอบครัวของเขาก็โดนหางเลขไปด้วย“บรรพบุรุษของผู้ชายคนนั้นถูกขุดขึ้นมาจากหลุมและเผาจนไม่เหลือซาก!”แมนดี้รู้สึกตกใจอย่างหนัก เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าซุปเปอร์สตาร์ที่มีศักยภาพสูงอย่างเธอมาลงเอยแบบนี้ได้อย่างไรฮาร์วีย์สูดหายใจลึก“เธอโหดเหี้ยมจริง ๆ!“เจฟคงจะรักเธอมากสินะ”“ไม่เพียงแค่นั้น เขายังปฏิบัติต่อเธอเหมือนที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ของเ
แมนดี้ครุ่นคิดสถานการณ์อยู่ครู่หนึ่ง"ฉันมาคิดในเรื่องนี้ดูแล้ว“เราชวนเธอไปที่อื่นสองสามครั้ง ก่อนที่เธอจะยอมพบกันที่สนามชนวัว“ประการที่หนึ่ง: เธอไม่อยากเสียเวลามาพบกับเราอีก“ประการที่สอง: เธอต้องการอวดความโหดร้ายของเธอ“ประการที่สาม: บางทีเธออาจต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะดูว่าฉันคู่ควรที่จะเจรจากับเธอหรือไม่”ฮาร์วีย์ยิ้มอย่างสงบ“เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจทีเดียว ไม่แปลกใจแล้วที่เธอจะได้เป็นนายหญิงลำดับที่ห้าของเจฟฟ์ได้ แม้จะไม่มีภูมิหลังหรือตัวตนที่ทรงพลังก็ตาม”เมื่อตระหนักว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะค่อนข้างไม่เหมือนใคร ฮาร์วีย์จึงส่งข้อความจากโทรศัพท์ออกไปท้ายที่สุดแล้ว กันเอาไว้ย่อมดีกว่าต้องมาแก้ภายหลังหนึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็มาถึงชานเมืองฟลัตเวลล์ ซึ่งมีสถานที่ที่ดูคล้ายโคลอสเซียมปรากฏอยู่สถานที่นั้นกว้างขวางมาก ตัวอาคารดูราวกับถูกจำลองมาจากโบราณสถานด้านทิศตะวันออก ทิศใต้ และทิศตะวันตกมีอัฒจันทร์สูงสิบฟุต มีทางเข้าของกระทิงอยู่ทางทิศเหนือ พื้นที่แฉะ ๆ ที่คล้ายกับสนามฟุตบอลตั้งอยู่ใจกลางสถานที่มีราวเหล็กหุ้มด้วยลวดหนามล้อมรอบสถานที่เช่นกัน กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่วสถาน
เมื่อเปรียบเทียบกับความสง่างามของเศรษฐีนีแล้ว เอลานอร์นับว่าต่างออกไปเธอมีความมั่นใจที่เปล่งประกายอย่างไม่อาจบรรยายได้เธอสงบและใจเย็นมากจนคนรอบข้างคงจะเชื่อว่าเธอสามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างอยู่หมัดและเป็นที่แน่ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นคือภรรยาลำดับที่ห้าของเจฟฟ์จริง ๆชายที่ดูเย่อหยิ่งยืนอยู่ข้างผู้หญิงคนนั้นชายคนนั้นจะพ่นควันเป็นครั้งคราว ใบหน้าของเขาดูดุดันเป็นอย่างมากเขาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของเอลานอร์ สถานะของเขาก็คงจะสูงพอสมควรเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทำตัวหยิ่งผยองขนาดนี้แมนดี้มองฮาร์วีย์ และบอกเขาว่าอย่าประมาทก่อนที่เธอจะเดินไปหาเอลานอร์ด้วยรอยยิ้ม“สวัสดีตอนเช้าค่ะซีอีโอสแตนตัน” เธอพูดพร้อมกับยื่นมือขวาออกไป“ฉันแมนดี้จากบริษัทฮาร์ทสโตน“วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องหนี้สินกับคุณ“หวังว่าคงจะมีเวลาให้ฉันสักหน่อย”ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างจ้องมองแมนดี้ด้วยสายตาดูแคลนหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ'เธอมาขอเงินจากเอลานอร์เหรอ?''ซึ่งนั่นแปลว่าเธอกำลังขอเงินจากเจฟฟ์!'เธอไม่อยากอยู่ที่ฟลัตเวลล์อีกต่อไปแล้วใช่ไหม?''หรือว่าเธออยากจะตายกันแน่?'ชายผู้ดูหยิ่งผยองหรี่ตามอ
ผู้คนที่นั่นมีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้เอลานอร์สูบเลือดสูบเนื้อคนอื่นด้วยเคล็ดลับนี้มาเป็นเวลานานมากแล้วไม่ว่าแมนดี้จะเลือกวัวตัวไหน วัวตัวนั้นก็มักจะต้องตายเสมอมันอาจจะถูกวางยาพิษจนถึงตาย หรืออาจจะเสียชีวิตด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสก็เป็นได้เนื่องจากนี่คือถิ่นของเอลานอร์ คำพูดของเธอจึงเป็นคำสั่งเด็ดขาดเสมอ!“คุณกำลังล้ำเส้นนะซีอีโอสแตนตัน”แมนดี้ขมวดคิ้ว เธอไม่ใช่ผู้หญิงไร้เดียงสาที่เพิ่งเข้ามาสู่โลกธุรกิจอีกต่อไป...เธอรู้ดีว่าถ้าเธอเดิมพันกับเอลานอร์จริง ๆ เธอคงจะแพ้อย่างแน่นอน หรือมีความเสี่ยงที่จะแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยบางทีเอลานอร์อาจจะเป็นคนจัดฉากเรื่องทั้งหมดขึ้นมา...เอลานอร์ต้องการให้แมนดี้เสียเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านดอลลาร์ไปโดยปริยาย“ล้ำเส้นเหรอ?” เอลานอร์ตะคอกอย่างเย็นชา เธอยักไหล่ ริมฝีปากของเธอขดเป็นรอยยิ้มจาง ๆ“ในฟลัตเวลล์หรือแม้แต่ภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ H ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากทวงเงินฉัน“ที่ฉันยังปล่อยให้เธอยังมีลมหายใจอยู่ก็ถือว่าเห็นแก่เธอมากพอแล้ว“ฉันเสียเวลากับเธอไปมากแล้ว แต่เธอยังไม่ยอมเล่
ฝูงชนตกใจมากทุกคนมองฮาร์วีย์ด้วยความไม่เชื่อ ไม่มีใครคาดคิดว่าฮาร์วีย์จะทำอะไรแบบนี้เพื่อจัดการกับกลอุบายของเอลานอร์ในความเป็นจริง มีเพียงเอลานอร์เท่านั้นที่มักจะทำเช่นนี้กับคนอื่น ๆนี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกขัดขวางแบบนี้แมนดี้ถึงกับชะงัก เธอพบว่าตัวเองเริ่มทำอะไรไม่ถูกแล้วเหมือนกันเธอไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะทำอะไรที่เรียบง่ายกับคนหุนหันพลันแล่นถึงขนาดนี้แต่ตอนนี้กระแสน้ำไม่มีทางไหลย้อนกลับแม้ว่าเธอจะกังวลอย่างหนัก แต่เธอก็ทำได้แค่แสร้งทำเป็นสงบขณะยืนอยู่ข้างหลังฮาร์วีย์"คุณ…"“ไอ้สารเลว! กล้าดียังไงมายิงวัวตัวนั้น!”“นั่นมันวัวของนายหญิงลำดับที่ห้า!”“นายจะรับผลจากการกระทำของตัวเองไหวไหม!”ฝูงชนอยู่ในความโกลาหล บางคนพลิกโต๊ะกาแฟตรงหน้าก่อนที่จะกระเด้งขึ้นจากโซฟาบอดี้การ์ดบางคนดึงอาวุธปืนออกมาและปลดเซฟตี้ของปืนออกก่อนที่จะเล็งมาที่ฮาร์วีย์อย่างเดือดดาลบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ เมื่อรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจึงคว้าอาวุธมาก่อนจะล้อมสถานที่นั้นไว้อย่างสมบูรณ์บางคนพาสุนัขวูล์ฟฮาวด์เข้ามาด้วยเสียงฝีเท้าเร็ว เสียงเห่าอย่างดุดัน และเสียงปืนก็ดังขึ้นเสียงนั้นเพียงพอที่จะทำให้คน ๆ ห
ไม่ว่านายจะเป็นใคร แต่กับที่นี่นายทำได้แค่ต้องก้มหัวให้ฉันเท่านั้น!“เวลาคนที่อยู่สูงต้องหล่นลงจากฟ้าก็น่าสมเพชยิ่งกว่าเวลาคนธรรมดาล้มเสียอีก!” เอลานอร์พูดด้วยรอยยิ้มอันเย่อหยิ่ง“มีแต่คนที่มีอำนาจเท่านั้นแหละที่จะกล้าท้าทายคนอย่างคุณ” ฮาร์วีย์ตอบอย่างสงบทุกคนตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์น้ำเสียงและการกระทำของเขาไม่ใช่แค่ไม่เคารพเอลานอร์เท่านั้น แต่ยังเหยียดหยามเธอด้วย!เอลานอร์ดูท่าทางเข้าใจความหมายขณะที่เธอจ้องมองไปที่ฮาร์วีย์ จากนั้นเธอก็จิบคาปูชิโน่ของเธอ“ในเมื่อนายเก่งกล้าขนาดนั้น ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความแข็งแกร่งของกันและกันหรอก“มาพูดเรื่องความยุติธรรมแทนจะดีกว่า“ในเมื่อนี่คือการพนัน เราก็ต้องพูดกันเรื่องการพนันใช่ไหม?“การแข่งขันยังไม่ได้รับการตัดสินเลย นายเป็นคนยิงวัวสีเหลืองตายไปเสียก่อน แปลว่านายจงใจฝากฝืนกฎของที่นี่!“นายคิดว่าการทำแบบนี้จะทำให้ฝูงชนพอใจงั้นเหรอ?“ความพอใจของฝูงชนอย่างนั้นเหรอ?”ฮาร์วีย์หัวเราะเบา ๆ เขาก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับกอดอก“การทำให้ฝูงชนพอใจนั้นสำคัญกับคนอย่างคุณจริง ๆ หรือซีอีโอสแตนตัน?” ฮาร์วีย์ถามและจ้องมองไปที่เอลานอร์อย่างดุเ
ฮาร์วีย์ไม่สนใจชายคนนั้นและยิ้มให้เอลานอร์แทน“ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นครูที่ไม่ได้เรื่องเลยซีอีโอสแตนตัน“สุนัขของคุณเห่าผมไม่หยุดทั้ง ๆ ที่คุณกำลังพูดอยู่“นี่ดูไม่สมฐานะเลย อันที่จริงมันดูค่อนข้างต่ำช้ามากเลยนะคุณว่าไหม?”“พูดอะไรเนี่ยไอ้สารเลว!“แน่จริงก็พูดอีกรอบสิ!”ชายที่ดูเย่อหยิ่งจ้องมองอย่างดุเดือดมาที่ฮาร์วีย์ รัศมีที่ไม่อาจบรรยายได้แผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเขา“ฉันไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่เลย! แน่จริงก็พูดอีกครั้งสิ“ถ้าฉันได้ยินคำแสลงหู ฉันจะบีบคอนายให้ตาย!”ชายคนนั้นพับแขนเสื้อขึ้น พร้อมที่จะสอนบทเรียนที่ไม่มีวันลืมให้ฮาร์วีย์“หูไม่ดีก็ไปหาหมอสิ” ฮาร์วีย์ตอบอย่างใจเย็น“นายไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้องให้ฉันพูดอีกรอบ”ฟุ่บ!ชายคนนั้นกระวนกระวายใจทันที เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วชกหมัดใส่หน้าฮาร์วีย์หมัดค่อนข้างน่ากลัว แต่ก็พอจะทำให้ผู้คนรู้ว่าเขาเป็นยอดฝีมือทุกคนคงจินตนาการไปแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฮาร์วีย์ หากถูกหมัดเหล่านั้นทำร้ายเข้า แต่ก่อนที่เอลานอร์จะเข้าขัด ก่อนที่ทุกคนจะได้เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้น...หลังมือของฮาร์วีย์ก็ฟาดลงบนใบหน้าของชายผู้นั้นแล้วเปรี้ยง!หลั
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข