“แต่ถ้าเธอทำไม่ได้...“เธอก็ต้องคุกเข่าลงและขอโทษรองหัวหน้าสาขาเบเน็ตต์เสีย!“เธอจะถูกคว่ำบาตรจากการประชุมสุดยอดหลงเหมินไปตลอดชีวิตของเธอ!“ฟังดูเป็นยังไงล่ะ”เนื่องจากโคริ จอห์นคอยสร้างปัญหาให้กับฮาร์วีย์ ยอร์กไม่เลิก เขาจึงยินดีที่จะกำจัดเธอทิ้งเสียดวงตาของโคริกระตุกก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้น"ก็ได้! ถือเป็นอันตกลง!“ทุกคนที่นี่จะเป็นพยานให้เรา!”เธอไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะไม่สามารถโจมตีฮาร์วีย์ได้แม้แต่ครั้งเดียวหลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็เข้าไปในสังเวียนการต่อสู้บนสังเวียนเป็นการต่อสู้ง่าย ๆ ที่อาศัยเพียงทักษะเท่านั้น ไม่ว่าใครก็สามารถเห็นได้ด้วยตาหากมีอะไรไม่เข้าท่าเกิดขึ้นนอกจากนี้ เมื่อฮาร์วีย์กล้าที่จะท้าทายอีกฝ่ายอย่างกล้าหาญ การแข่งขันนี้ก็จะสามารถตัดสินอะไรได้ง่ายขึ้นแม้ว่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะจ้องมองฮาร์วีย์อย่างดูถูกเหยียดหยามเพราะพวกเขามั่นใจมากเกินไปพวกเขาทั้งหมดมองฮาร์วีย์อย่างนึกขัน เฝ้ารอให้เขาทำให้ตัวเองขายหน้าที่อีกด้านหนึ่งของสังเวียน โคริจ้องมองฮาร์วีย์ก่อนจะเอ่ยปากอย่างเย็นชาว่า “ฮาร์วีย์ ยอร์ก!“เห็นแก่ที่เราเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย...“ฉันจะใ
โคริ จอห์นยกมือขึ้นปิดหน้า ขณะพยายามตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้นด้วยแววตาอาฆาตแค้น“กล้าดียังไงมาลอบโจมตีฉัน ไอ้สารเลว!“ฉันยังไม่พร้อมสักหน่อย!“ครั้งนี้ไม่นับ!”"โอ้? เป็นอย่างนั้นเหรอ?ฮาร์วีย์ ยอร์กกวักนิ้วเรียกโคริ“ถ้าอย่างนั้นก็กลับมานี่”โคริกัดฟันขณะเดินไปข้างหน้า เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ และคว้าดาบยาวจากชั้นวางอาวุธชี้ไปที่ฮาร์วีย์“แน่จริงก็ให้ฉันเริ่มก่อนสิ!” เธออุทานอย่างเย็นชาฮาร์วีย์พยักหน้าเบา ๆโคริเหวี่ยงดาบของเธอออกไปในครู่ถัดมาเพี๊ยะ!ฮาร์วีย์เหวี่ยงฝ่ามือออกไปข้างหน้าอย่างไม่แยแสโคริกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะถูกส่งให้กระเด็นออกไปอีกครั้งและหลังจากกระแทกพื้น เธอก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงให้ลุกขึ้นมาอีก…ฝูงชนตกใจมากหากการตบครั้งแรกถือเป็นการลอบโจมตี การตบครั้งที่สองเพื่อนับว่าเป็นการตบที่ถูกต้องชัดเจนโคริเพิ่งเคลื่อนไหวได้กระบวนท่าเดียวเท่านั้นนี่ก็หมายความว่าฮาร์วีย์แข็งแกร่งมากกว่าใช่ไหม?!เหงื่อเย็นไหลลงตามแผ่นหลังของผู้เข้าร่วมซึ่งกำลังโกรธจัดในทันทีพวกเขากล้าที่จะดูแคลนขยะไร้ประโยชน์อย่างไม่ต้องคิด...แต่คงไม่กล้าสู้กับอัจฉริยะที่แท้จริงเช่นนี้
รูบี้ เมอร์เรย์ยิ้ม“ไม่ต้องกังวลนายน้อยบาวเออร์“พี่ชายของฉันจ้างนักเขียนผีและทำเอกสารปลอมเพื่อเพิ่มราคาทรัพย์สินในระยะแรกเป็นสามเท่าแล้ว!“จากความก้าวหน้าของเราในปัจจุบัน มูลค่าที่ดินของเราต่อทุก ๆ สิบตารางฟุตจะมีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งหมื่นสี่พันดอลลาร์!“และเนื่องจากฟลัตเวลล์ยังเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการเมืองในแถบตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ H“เราต้องสามารถตั้งราคาได้สูงมากอย่างแน่นอน“เหนือสิ่งอื่นใด พื้นที่ที่คุณเลือกก็ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์อีกด้วย!“ไม่เพียงแต่มีภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้านหลังเขตนั้นเท่านั้น แต่ที่ด้านหน้ายังสามารถเห็นทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ได้อีกด้วย!“การขยายตัวของพื้นที่และทิวทัศน์อันงดงามเหล่านี้หาไม่ได้จากที่อื่นในฟลัตเวลล์!”โจเซฟ บาวเออร์พยักหน้าเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดของรูบี้"ตกลง ติดตามความคืบหน้าแทนฉันด้วย“เราคงต้องเก็บเนื้อเก็บตัวสักพัก “หลังจากขายได้แล้วเราค่อยมาพูดเรื่องอื่น ๆ กัน”โจเซฟต้องใส่ใจกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ของเขาอย่างใกล้ชิด นั่นก็เพราะเขาทุ่มเงินกว่าครึ่งหนึ่งที่มีไปกับสิ่งนี้แต่ถ้าเขาขายทรัพย์สินทั้งหมดของเขาได้ ทรัพย์สินที่มีก็
"งั้นเหรอ?“เขากล้าฆ่าคนขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย?“ถ้าฉันจำไม่ผิด เฟร็ดดี้ การ์เซียคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของโคดี้ การ์เซีย!”โจเซฟ บาวเออร์แสดงท่าทางประหลาดใจเขาคอยสืบเสาะเรื่องราวของฮาร์วีย์ ยอร์กมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เขาไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะทำถึงขนาดนี้รูบี้ เมอร์เรย์พยักหน้า"นี่เป็นความจริง!“มีข่าวมาว่า โคดี้ออกจากโกลด์เด้น พาเลซมาแล้ว และมาถึงฟลัตเวลล์เมื่อบ่ายวันนี้!“หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้พบกับแฟรงกี้ การ์เซีย!“ลูกศิษย์คนหนึ่งของเขา เร็น การ์เซียติดตามเขามาพร้อมกับกลุ่มยอดฝีมือด้วย“พูดง่าย ๆ ก็คือ โคดี้กำลังเตรียมคนของเขาอย่างพร้อมที่จะแก้แค้น!”โจเซฟคิดต่างสถานการณ์อยู่พักหนึ่ง“มีหลักฐานบ่งชี้ว่าการฆาตกรรมเป็นฝีมือของฮาร์วีย์หรือเปล่า?“ตอนนี้ยังไม่มี แต่มีชาวอินเดียหลายคนเห็นหน้าเขาตอนที่ลงมือ“ส่วนหลักฐานอื่นยังหาไม่พบ แต่แมนดี้ ซิมเมอร์เองก็พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเดียวกับโรงพยาบาลที่เกิดการฆาตกรรมเช่นกัน“ตำรวจไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการกับฮาร์วีย์ในตอนนี้...“แต่ ณ จุดนี้ ก็พอที่จะให้คนอินเดียพวกนั้นล้างแค้นได้แล้ว”รูบี้แสดงท่าทางขี้เล่นบนใบหน้าขอ
ขณะที่โจเซฟ บาวเออร์กำลังวางแผนจะราดน้ำมันลงกองไฟ...เช้าวันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์ ยอร์กก็ทำอาหารเช้ามาที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชนแห่งฟลัตเวลล์หลังจากถูกต้อนรับและก้าวเข้าไปในลิฟต์ เขาก็มาถึงแผนกผู้ป่วยในที่อยู่ชั้นบนพูดได้เลยว่าฮาร์วีย์ค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานที่นี้เป็นอย่างดีเมื่อเขามาถึงในชั้นที่แมนดี้ ซิมเมอร์พักรักษาตัวอยู่ เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยมีกลิ่นจาง ๆ ลอยมาในอากาศมันไม่ได้มีกลิ่นเหมือนกลิ่นหอมทั่วไป แต่เป็นเหมือนกลิ่นไม้อะไรบางอย่างฮาร์วีย์ได้กลิ่นมันมาตลอดทาง จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกระแวงเพราะกลิ่นนั้นหลังจากไตร่ตรองสถานการณ์อยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ส่งข้อความออกไปก่อนที่จะเข้าไปในห้องพักคนไข้ของแมนดี้สาวกสองสามคนจากกองบังคับคดีของหลงเหมินปรากฏตัวอยู่ในห้อง พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของแมนดี้พวกเขาต้อนรับฮาร์วีย์ที่ก้าวมาข้างในด้วยความเคารพเพราะพวกเขารู้ว่าผู้มาเยือนเป็นใครฮาร์วีย์ยื่นเช็คให้ลิเลียน เยตส์อย่างไม่แยแสก่อนที่เธอจะลุกขึ้น จากนั้นเขาก็เดินไปหาแมนดี้แมนดี้เกือบหายดีแล้ว เหลือเพียงรอยฟกช้ำเล็กน้อยบนใบหน้าของเธอเท่านั้น อาการบาดเจ็บอื่นใดของเธอ
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!แพทย์สะบัดมือออกไปทันที ก่อนเผยให้เห็นเข็มเงินที่กำลังพุ่งไปทางเหล่าสาวกที่ไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำเหล่าสาวกล้มลงกับพื้นด้วยความไม่เชื่อก่อนจะนิ่งไปจากนั้น แพทย์คนเดิมก็หันกลับมาก่อนที่จะจ้องมองแมนดี้ ซิมเมอร์อย่างเย็นชารอยยิ้มของแมนดี้ถูกแทนที่ด้วยท่าทางระแวดระวัง"คุณเป็นใคร?“ฉันไม่คิดว่าฉันรู้จักคุณหรอกนะ“แล้วในเมื่อเราไม่ได้มีความแค้นต่อกันทำไมคุณต้องมาฆ่าฉันด้วย?“ถ้าคุณมาที่นี่เพราะเหมืองทองคำ ต่อให้ฉันตายคุณก็ไม่ได้อะไรหรอก”แพทย์หญิงถอดหน้ากากอนามัยออก ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นใบหน้าของเธอจากนั้นเธอก็ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคุณซิมเมอร์ ฉันไม่ได้มาฆ่าคุณหรอก“นั่นไม่ได้ส่งผลดีอะไรต่อเราเลย เราไม่ต้องการสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น“แต่ฉันเกรงว่าคุณจะต้องมากับฉัน เพราะคุณจะต้องเป็นตัวประกันของเราแพทย์หญิงคนนั้นมองเธอด้วยสายตาห่างเหิน“แน่นอน อย่าโทษที่ฉันอัธยาศัยไม่ค่อยดีนักเลย“โทษอดีตสามีของคุณเถอะ“เพราะเขาฆ่าน้องชายต่างแม่ของฉันไป”แมนดี้ชะงักและหยุดนิ่งอยู่กับที่“ฮาร์วีย์ฆ่าน้องชายของคุณเหรอ?” เธอถามโดยสัญชาตญาณ“คุณเป็นคนอินเดีย
หลังพูดจบ เร็น การ์เซียเดินไปข้างเตียงและเผยให้เห็นเข็มเงินที่ซ่อนอยู่ด้านหลังนิ้วของเธอ“พวกคุณชอบฝังเข็มกันใช่ไหม?” เธอพูดขณะมองแมนดี้ ซิมเมอร์อย่างใจเย็น“วันนี้ฉันจะทำให้แน่ใจว่าคุณจะได้กลายเป็นคนพิการโดยสมบูรณ์“ฉันขอแนะนำให้คุณอย่าได้คิดต่อต้าน แค่คอยดูฉันทำงานไปแต่โดยดีก็แล้วกัน“เพราะถ้าฉันอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา ฉันอาจเสียการควบคุมและเผลอฆ่าคุณเข้าก็ได้“ถ้าเกิดเรื่องนั้นขึ้นก็อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน”เร็นสะบัดเข็มก่อนที่จะแทงมันเข้าไปในตัวแมนดี้เพื่อที่เธอจะได้จัดการกับฮาร์วีย์ ยอร์กในภายหลังปัง!แต่ในทันใดนั้นเอง ก็มีอาวุธปืนโผล่ออกมาจากใต้เตียง ทั้งยังเหนียวไก่เข้าที่ท้องของเร็นอีกต่างหาก“อ๊าาา!“สารเลวเอ๊ย!”เร็นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เธอถูกส่งให้กระเด็นไปด้วยแรงของอาวุธปืนในขณะนี้เธอทั้งเจ็บปวดและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เผชิญเธอไม่คิดเลยว่าจะมีมือปืนซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงของแมนดี้มือปืนผู้นี้เด็ดขาดเป็นอย่างมาก เขาเหนี่ยวไกปืนได้ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเร็นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกดบาดแผลของตัวเองเอาไว้ขณะพยายามหาทางเข้าหาแมนดี้ ด้วยคิดจะพยายามจับเธอเป็นตัวประ
โครม!เร็น การ์เซียกระเด็นไปกระแทกเข้ากับกำแพงเธอพยายามตะเกียจตะกายจะลุกขึ้นยืนจากพื้น แต่ฮาร์วีย์ ยอร์กกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเธอเสียก่อนเร็นกัดฟันและส่งมีดสั้นออกไป เธอพยายามพลิกสถานการณ์อย่างสิ้นหวังมีดสั้นเล่มนั้นส่องประกายเจิดจ้า ดูเป็นภาพที่น่าหวาดเสียวไม่น้อย“ฮาร์วีย์! ระวัง!" แมนดี้ ซิมเมอร์อุทานตามสัญชาตญาณเพียะ!ฮาร์วีย์เหวี่ยงฝ่ามือไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องการเคลื่อนไหวของเขาดูไม่รวดเร็วนัก แต่เขาสามารถตบเข้าที่ใบหน้าของเร็นได้ก่อนที่เธอจะสามารถสร้างความเสียหายใด ๆ ให้กับเขาเสียอีกเร็นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เธอถูกส่งให้ถลาออกไปอีกครั้งขณะที่ยกมือกุมใบหน้า เธอหล่นลงกับพื้นอีกครั้งและไม่เหลือเรี่ยวแรงพอที่จะลุกกลับขึ้นมาแปะ แปะ!ฮาร์วีย์ปรบมือไม่นานหลังจากนั้น ทีมของรูดอล์ฟก็เข้ามาในห้องพวกเขาฉีดยาชาเข้าไปในร่างกายของเร็นอย่างรวดเร็ว และรักษาอาการบาดเจ็บให้เธอ เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะไม่สลบไปเพราะอาการเสียเลือดมากเร็นได้แต่กัดฟันเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าฮาร์วีย์กำลังพยายามช่วยเธอ แต่เธอไม่มีทางเชื่อหรอกว่าเขาจะเป็นคนดีได้ถึงขนาดนี้เมื่อทีมของ
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข