แพทย์หนุ่มยิ้มเมื่อเห็นว่าชาวอินเดียเหล่านี้เริ่มสงสัยในตัวเขา“ทุกคนใจเย็น ๆ ก่อน เขามีบัตรประจำตัวมาด้วย“ได้โปรดดูนี่”แพทย์นำแล็ปท็อปออกมายื่นให้แกชาวอินเดียเหล่านั้นชาวอินเดียถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากเห็นสิ่งที่นายแพทย์คนนั้นทำ พวกเขาเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่านายแพทย์ผู้นี้เป็นแพทย์อย่างแท้จริงแต่ทันทีที่คนอินเดียลดความระแวดระวังลง แพทย์ก็โบกมือ ทิ้งกระป๋องและขวดทุกขวดลงจากรถเข็นกลิ่นฉุนค่อย ๆ โชยออกมาหลังจากสิ้นเสียงระเบิดเบา ๆชาวอินเดียสองสามคนที่อยู่ข้างหน้าไม่อาจตอบสนองต่อสถานการณ์ได้เท่าทัน ทันทีที่สูดแก๊สเข้าปอด พวกเขาก็ล้มลงกับพื้นขณะที่ฟองสีขาวปรากฏขึ้นเต็มปากชาวอินเดียที่เหลือมีสีหน้าเปลี่ยนไปก่อนจะชักปืนออกมา“อย่าขยับ!”“นายเป็นใครกัน!”นายแพทย์คนนั้นทำหน้านิ่งเมื่อได้ยินคำขู่ เขาขยับมือก่อนที่มีดผ่าตัดจะบินออกจากแขนเสื้อ“อ๊าก!”เสียงกรีดร้องจากความเจ็บปวดดังไปทั่ว ชาวอินเดียล้มลงกับพื้นพวกเขากอบกุมแขนของตัวเองด้วยสีหน้าน่าสยดสยองขณะที่ชาวอินเดียได้รับบาดเจ็บสาหัส แพทย์หนุ่มผู้นั้นก็เตะประตูให้เปิดออกแล้วเดินตรงไปหาเฟร็ดดี้ปึก!ศีรษะของเฟร็ดดี้
แต่ทันทีที่แพทย์ผู้นั้นนั่งลงบนเบาะคนขับ ร่างกายของเขาก็แข็งขึ้นมีดผ่าตัดจออยู่บนลำคอของเขาในทันที"สายัณห์สวัสดิ์…"ฮาร์วีย์ ยอร์กโผล่ศีรษะออกมาก่อนที่จะแสดงรอยยิ้มจาง ๆทันทีที่แพทย์คนนั้นเห็นหน้าฮาร์วีย์ เขาก็ถึงกับตะลึงงัน ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบกับอีกฝ่ายตัวเป็น ๆเขาพยายามเอื้อมมือไปยังที่พักแขนหวังจะรีบหยิบปืนอย่างรวดเร็วด้วยมือสั่นเทา แต่ร่างกายของเขาก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อฮาร์วีย์เริ่มลงแรงไปกับมีดผ่าตัดในมือ“นั่นไม่เข้าท่าเลย…ฮาร์วีย์ยิ้ม“ถ้านายจะเลียนแบบฉัน อย่างน้อยก็พยายามให้มากกว่านี้หน่อยสิ ฉันไม่ใช่พวกสิงปืนไวหรอกนะ”นายแพทย์ผู้นั้นฉายแววเย็นชาในดวงตา“ฉันไม่ได้อยากจะฆ่านาย…“แต่ในเมื่อนายรนหาที่…“ฉันก็ไม่มีทางเรื่องอื่นนอกจากต้องจัดการนายเสีย”“จัดการฉันเหรอ?” ฮาร์วีย์ถามด้วยรอยยิ้ม“ตอนนี้ฉันเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ“ฉันไม่สนเรื่องที่นายฆ่าเฟร็ดดี้หรอก…“แต่คงไม่ดีเท่าไหร่ถ้านายจะโยนความผิดมาให้ฉัน”ฮาร์วีย์มองเห็นการกระทำทั้งหมดแต่ไม่ได้พยายามที่จะหยุดมัน นั่นก็เพราะเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับความขัดแย้งเหล่านี้เลยนายแพทย์คนนั้นสูดลมหายใจ
ขณะที่ฮาร์วีย์ ยอร์กกำลังขอความช่วยเหลือจากเคย์เดน บัลเมอร์มาให้ช่วยจัดการเรื่องแพทย์คนนี้...ณ คฤหาสน์ตระกูลจอห์นกาวิน จอห์นกำลังจิบชาอย่างใจเย็นมีเอกสารสองสามฉบับที่มีข้อมูลเกี่ยวกับฮาร์วีย์ โจเซฟ บาวเออร์ และชาวอินเดียเหล่านั้นอยู่ในมือของเขาหลังจากวางแผนจะจัดการฮาร์วีย์แล้ว เขาก็หาคนมาสืบข้อมูลของพวกนั้นให้เขาเขาค่อนข้างประหลาดใจกับข้อมูลที่เขาได้รับมาในตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่าฮาร์วีย์เหยียดหยามชาวอินเดียเหล่านั้นและโจเซฟมาตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาเหยียบฟลัตเวลล์ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตระกูลจอห์นจะต้องพบกับความพ่ายแพ้เมื่อเผชิญหน้ากับเขายิ่งกว่านั้นเจ้าบ้านนอกฮาร์วีย์นั่นก็ค่อนข้างลึกลับทีเดียวขณะที่กาวินกำลังวางแผนเพิ่มเติม เอลเลียต จอห์นก็เดินเข้ามาพร้อมกับมีซิการ์เส้นบางยาวคาบอยู่ในปาก เขาดูคล้ายจะดีใจมากในขณะนั้น"เราทำสำเร็จแล้ว!“เราทำสำเร็จแล้วพ่อ!เอลเลียตรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก“เราเพิ่งได้ข่าวมา! เฟร็ดดี้ การ์เซียตายแล้ว! ไอ้สารเลวฮาร์วีย์เป็นคนฆ่าเขา!“คนที่เห็นเป็นชาวอินเดียเสียด้วย!”กาวินนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ดวงตาของเขาจะเป็นประกาย“นายแ
เอลเลียต จอห์นพยักหน้าเบา ๆ“พ่ออย่าห่วงไปเลย! ผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว!”"จริงสิ เราจะเชื่อใจนักฆ่าที่เราส่งออกไปได้มากแค่ไหน?” เกวิน บาวเออร์ถาม"ทุกอย่างปกติดี! ผมเตรียมแผนหลบหนีไว้ให้เขาแล้วด้วย!“เขาจะออกจากชายแดนไปพร้อมเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านดอลลาร์เมื่อทำภารกิจสำเร็จ! เขาจะได้ไปเป็นเศรษฐีที่ต่างประเทศ!“ด้วยผลประโยชน์มากมายที่รอเขาอยู่ เขาไม่มีทางขายพวกเราออกไปแน่!” เอลเลียตกล่าวด้วยท่าทางมั่นใจกาวินพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นเตรียมเดินออกไปจากจุดนี้ ตามองไปที่ลูกชาย“ฉันสอนนายมาตลอดเลยนะเอลเลียต!“เราไว้ใจได้เฉพาะคนตายเท่านั้น!”เอลเลียตตัวแข็งก่อนที่จะแสดงรอยยิ้มจาง ๆ ออกมา“ผมก็บอกพ่อแล้วไง ว่าผมได้เตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว“เศรษฐีนั่นจะต้องเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุในไม่ช้า”……ขณะที่พ่อและลูกชายกำลังวางแผนขั้นต่อไปอยู่นั้น เคย์เดน บัลเมอร์ก็มาถึงจุดนัดพบ หลังจากที่เขาพาตัวประกันไปและมอบหมายให้เขาล้วงทุกอย่างจากแพทย์คนนั้น ฮาร์วีย์ ยอร์กก็โทรหา แอนเซล ตอร์เรสฮาร์วีย์ไม่ได้ปิดบังสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย เขาเปิดเผยทุกอย่างต่อน้องชายคนนี้จนหมดเปลือกในเ
หอประชุมถูกจัดการจนโล่งเทปรักษาความปลอดภัยถูกใช้เพื่อสร้างขอบเขตประมาณหนึ่งร้อยตารางฟุตไว้ให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันแต่ละคนใช้ในการต่อสู้อาวุธไร้คมจำนวนมากถูกวางไว้ที่ด้านข้างของสังเวียน มีตั้งแต่ง้าวไปจนถึงมีดสั้น ที่นั่นมีอาวุธทุกชนิดที่มีอยู่บนโลกฮาร์วีย์ ยอร์กเดินไปยังสังเวียนที่สามสิบเก้า อย่างใจเย็นเขาเหล่ไปที่กล้องวงจรปิดที่อยู่บนหัวเขา ก่อนที่จะมองไปที่โคริซึ่งอยู่ในสังเวียนที่สี่สิบเอ็ด จากนั้นเขาก็วางมือลงบนปุ่มพร้อมที่อยู่ข้าง ๆ“นี่เป็นการต่อสู้ที่แท้จริง ฮาร์วีย์! มันแตกต่างจากการทดสอบภาคทฤษฎีโดยสิ้นเชิงเชียวล่ะ!”โคริมัดผมหางม้าในขณะที่หรี่ตามองไปยังฮาร์วีย์“นายไม่มีพื้นฐานด้านศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเลยด้วยซ้ำ! นายไม่ควรฝืนตัวเองทำอะไรเกินตัวเลย!“เพราะไม่ว่าอย่างไร สาวกหลงเหมินก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะรับมือได้ง่าย“ถ้าพวกเขาเกิดฆ่านายขึ้นมานายจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ร้องไห้ด้วยซ้ำ “อย่างไรพวกเราทุกคนก็เซ็นชื่อในเอกสารยอมรับความเสี่ยงอยู่แล้ว!”หลังจากถูกปฏิเสธและดูหมิ่นต่อหน้าทุกคน…โคริจึงมองไปที่ฮาร์วีย์ด้วยความโกรธเต็มหัวใจเธอเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าการ
หลังจากเห็นชายร่างอ้วนพุ่งเข้ามาด้วยท่าทางอาฆาตมาดร้าย เขาทำท่าราวกับพยายามจะฆ่าคู่ต่อสู้ของตัวเอง...ฮาร์วีย์ ยอร์กจึงไม่คิดจะออมมือเช่นกันเขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวก่อนที่จะแกว่งฝ่ามือไปข้างหน้าเพี๊ยะ!ชายร่างอ้วนรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงก่อนจะหมดสติไปในทันที เขาถูกส่งให้กระเด็นไปก่อนจะร่วงหล่นลงกระแทกพื้นด้านนอกสังเวียนเกิดเสียงร้องจากความเจ็บปวดขึ้นขณะที่ร่างกายของคู่ต่อสู้สั่นเทิ้มฮาร์วีย์กอดอกมองอย่างไม่แยแสคะแนนเต็ม!ผู้คุมสอบไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมอบคะแนนเต็มให้แก่ฮาร์วีย์นั่นก็เพราะว่าฮาร์วีย์สามารถเอาชนะสาวกหลงเหมินได้ด้วยการตบเพียงครั้งเดียว เป็นการต่อสู้ที่หมดจดมากใบหน้าของโคริ จอห์นเข้มขึ้นในทันทีเธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าฮาร์วีย์จะเก่งขนาดนี้ฮาร์วีย์เมินเฉยต่อโคริโดยสิ้นเชิง และส่งสัญญาณมือเรียกให้คนนอกสังเวียนเห็นคู่ต่อสู้สองคนถัดไปของเขามาทีละคน...แต่พวกเขาก็ยังไม่อาจเทียบกับฮาร์วีย์ได้ฮาร์วีย์เอาชนะคู่ต่อสู้อีกสองคนถัดไปได้อย่างง่ายดายเขาได้รับคะแนนเต็มอีกครั้งการแข่งขันจบลงในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเศษ มีเพียงสิบคนเท่านั้นที่ได้รับเลือกให้เข
เพื่อนคนหนึ่งของโคริ จอห์นไม่พอใจที่ฮาร์วีย์ ยอร์กถูกชื่นชมเธอหัวเราะอย่างเย็นชาก่อนจะพูดว่า “ออกไปจากที่นี่กันเถอะโคริ“การประชุมสุดยอดหลงเหมินนี่ดูค่อนข้างจะไม่โปร่งใสเท่าไหร่เลย!“คนธรรมดาอย่างเราจะไปสู้อะไรกับจอมลวงโลกอย่างเขาล่ะ!”"ใช่แล้ว! กล้าดียังไงมาภูมิใจกับอะไรแบบนี้!”เพื่อนอีกคนของโคริจ้องมองฮาร์วีย์อย่างเหยียดหยาม“ตอนนี้ก็ปล่อยให้เขาอวดตัวต่อไปเถอะ เพราะเข้าสู่รอบคัดเลือกระดับจังหวัดเมื่อไหร่เขาก็จะได้ลิ้มรสการถูกตบออกจากสังเวียนเองนั่นแหละ!“อีกไม่นานเราก็จะได้รู้แล้วว่าเขามีทักษะจริงหรือเปล่า!“ฉันไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมนักศิลปะยุทธต่างประเทศถึงเอาแต่ล้อเลียนเราไม่เลิก! ทั้งหมดนั่นคงเป็นเพราะพวกอยากเด่นอยากดังอย่างนายนั่นแหละ!“นายนี่มันลวงโลกจริง ๆ!”โคริหัวเราะอย่างเย็นชาต่อหน้าฮาร์วีย์ก่อนจะหันหลังกลับและจากไปอยากเด่นดัง?ลวงโลก?ฮาร์วีย์จ้องมองที่โคริอย่างเย็นชา“ฉันว่าเธอไม่ควรพูดเรื่องไร้สาระที่ไม่มีมูลจะดีกว่า“ฉันต้องการคำขอโทษจากเธอ“ถ้าเธอไม่ขอโทษ ไม่ช้าก็เร็วเราจะต้องคิดบัญชีกัน”"โอ้? กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้?“นายรู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา? หน้าด
“ฮาร์วีย์ ยอร์กทำให้ทุกคนตกตะลึงในการสอบภาคทฤษฎี!“สมาชิกหลงเหมินสาขาฟลัตเวลล์อย่างพวกคุณคงคิดว่าที่นี่ไม่มีอัจฉริยะคนอื่นเหลืออีกแล้ว! คุณถึงได้พยายามปกป้องเขาขนาดนี้!“แล้วคุณก็จัดหาคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ง่าย ๆ ให้ฮาร์วีย์ต่อสู้ด้วยสามคน!“พวกเขาเหล่านั้นถูกตบเพียงครั้งเดียว! เขาผ่านเข้ารอบไปทั้งที่ใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำ!“คุณคิดว่าเราจะยอมเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นจริง ๆ เหรอ!“ที่นี่มีคนที่ฝึกฝนตัวเองมาหลายปีแต่แทบจะเอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้เลยแม้แต่รอบเดียว!“แต่ฮาร์วีย์ที่ไม่มีพื้นฐานการต่อสู้อะไรเลย กลับชนะได้อย่างง่าย ๆ ทุกรอบ!“มันจะเป็นไปได้ยังไง!“คะแนนสอบภาคทฤษฎีของเขาก็แทบจะไม่เห็นสมเหตุสมผลเลยสักนิด นั่นก็เพราะเขาท่องจำทุกอย่างไว้จนเต็มสมองก่อนเข้าสอบยังไงล่ะ“แต่กลับกันในสังเวียน ประสบการณ์ และความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง! นี่มันเป็นเรื่องของทักษะการต่อสู้ที่แท้จริงต่างหาก!“มือสมัครเล่นอย่างเขาจะมีพลังขนาดนี้ได้ยังไง!“เขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ภายในไม่กี่วินาทีด้วยซ้ำ!โคริ จอห์นจ้องไปที่ฟิชเชอร์ เบเนตต์อย่างเหยียดหยาม“ไม่ใช่แค่ฮาร์วีย์ แม้แต่คุณก็ยังทำแบบนั
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข