การกระทำของฮาร์วีย์ทำให้เฮงเดียน เวิร์ล สตูดิโอตกอยู่ในความโกลาหลและในฐานะหนึ่งในบุคคลที่ทำให้เกิดเรื่อง เฟร็ดจึงถูกบริษัทสอบสวนและทำให้เขาเกิดความเครียดอย่างมากวันนั้นเขาตามแลรี่ไปกระทืบใครบางคน นั่นคือเหตุผลที่เขาจึงเปล่งอำนาจการที่เฟร็ดสาดน้ำใส่หน้าจอร์จเป็นเพียงการทักทายเท่านั้นยังมีอีกมากที่จะตามมาหลังจากนั้นดาราหญิงสองสามคนที่ตามมาล้วนแสดงสีหน้าที่ดูถูกเหยียดหยามฮาร์วีย์ดูถูกแลรี่และเฮงเดียน เวิร์ล สตูดิโอ นี่ไม่ใช่สิ่งที่การโดนน้ำไม่กี่แก้วราดหน้าจะแก้ปัญหาได้แลรี่มองสถานการณ์อย่างเมินเฉยในขณะที่นั่งไขว่ห้างและสูบซิการ์ของเขาในสายตาของเขา เขาควรจะแสดงอำนาจเหนือฮาร์วีย์เผื่อว่าผู้คนจะคิดว่าเขาถูกรังแกได้ง่ายทว่า จอร์จไม่โกรธ เขาเช็ดน้ำออกจากหน้าและพูดอย่างใจเย็นว่า “ผู้อำนวยการมิลเลอร์ คุณทำเกินไปแล้ว! คุณไม่รู้หรือว่าเราจะมีโอกาสทำงานร่วมกันได้มากขึ้นถ้าเราเข้ากันได้?”“ใช่! คุณโวยวายที่นี่มาทั้งวันแล้ว! ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแต่จะไม่โกรธ แต่เขายังเอาน้ำมาให้คุณด้วย! ถ้าคุณจะไม่รับก็ไม่เป็นไร แต่คุณยังสาดมันใส่หน้าเขาอีก! คุณไม่คิดว่ามันแรงไปหน่อยเหรอ?”“จริง! ภ
“ต้องการอะไร?”ฮาร์วีย์ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ราวกับว่าเขากำลังมองแมวหรือสุนัขข้างถนน“ฮาร์วีย์ ยอร์ก ฉันขอเตือน“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่ออวดว่าฉันแข็งแกร่งแค่ไหน!“แต่ฉันมาที่นี่เพื่อบอกถวงสิ่งที่เป็นของฉันคืน!“อย่างน้อยแกจะต้องจ่ายค่าเสียหายของเฮงเดียน เวิร์ล สตูดิโอคืนเป็นสิบเท่า ไม่สิ ร้อยเท่า!“ถ้าแกกล้าปฏิเสธ ฉันจะหักขาของแกเดี๋ยวนี้และทำให้แกเป็นอาหารปลา!”เฟร็ดกำลังข่มขู่อย่างมากในตอนนั้นหลังจากที่รู้ว่าแลรี่ได้การสนับสนุนจากอีเลียส หนึ่งในหกเจ้าชายแห่งมอร์ดู เฟร็ดก็เต็มไปด้วยความกล้าหาญด้วยการสนับสนุนอันทรงพลังที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้เจอกับเจ้าชายแห่งมอร์ดูองค์อื่น แม้แต่เฟร็ดก็ยังสามารถทำตามที่ใจต้องการได้เฟร็ดเป็นตัวอย่างที่ดีของชายผู้ต่ำต้อยที่ถูกอำนาจครอบงำดาราหญิงสองสามด้านหลังเฟร็ดกำลังมองฮาร์วีย์ด้วยความสนุกสนานในสายตาของพวกเธอ พวกเธอคิดว่าคนที่กล้าท้าทายแลรี่และทำให้เฮงเดียน เวิร์ล สตูดิโอตกอยู่ในความโกลาหลจะต้องเป็นทายาทผู้มั่งคั่งหรือคนดังที่มีชื่อเสียงมากพวกเธอไม่คิดว่าเด็กหน้าตาธรรมดาคนนี้จะเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดถ้าเจอได้เจอ
ฮาร์วีย์หยิบแก้วใบหนึ่งที่จอร์จถือมาให้ จากนั้นก็จิบเล็กน้อยเพื่อความชุ่มคอ หลังจากที่เช็ดฝ่ามือด้วยกระดาษทิชชู่แล้ว เขาก็หรี่ตามองแลรี่“คุณแชมเบอร์ส คุณไม่ทำให้ผิดหวังเลย“ผมคิดว่าคุณจะมาคุกเข่าต่อหน้าผมซะอีก“ไม่คิดเลยว่าคุณจะยังนั่งอยู่นิ่ง ๆ ได้“ดูเหมือนว่าผมคงจะยังทำไม่มากพอ!”ฮาร์วีย์หยิบโทรศัพท์ออกมาและส่งข้อความสองสามข้อความระหว่างที่เขากำลังพูดสักพักโทรศัพท์ของแลรี่ก็ดังขึ้นขณะที่ดวงตาของเขากระตุกอย่างรุนแรง ในตอนนั้นข่าวร้ายได้ถูกส่งไปยังโทรศัพท์ของเขาสีหน้าออกของแลรี่นั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง เขาไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะยังคงไม่ให้เกียรติแม้ในตอนนี้“ฮาร์วีย์ ยอร์ก ในสายตาของผม คุณเป็นเพียงชายหนุ่มที่ไม่รู้จักความกลัวเพราะความไร้ประสบการณ์ของคุณ คุณไม่รู้ขีดจำกัดของคุณเลย!”หลังจากที่หายใจเข้าลึก ๆ แลรี่ก็ห้ามเฟร็ดและคนอื่น ๆ ที่กำลังจะบ้า จากนั้นเขาก็มองฮาร์วีย์ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมในสายตาของแลรี่ ฮาร์วีย์จะต้องจบสิ้นแน่นอนเมื่อเขาเผยไพ่เด็ดของเขาถึงตอนนั้น แลรี่จะทำให้ฮาร์วีย์คุกเข่าและตบหน้าเขาสักสิบครั้งหรือมากกว่านั้น“คุณแชมเบอร์ส คุณไม่คิดว่ามันเด็กเกินไปหน่อย
“พาเทล?”หลังจากที่เห็นตรานั้นแล้ว ฮาร์วีย์ก็ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ราชวงศ์พาเทลจากดินแดนโกลเดน แซนที่ไม่มีอยู่แล้วงั้นเหรอ?”“ฉลาดมาก!”แลรี่ชูนิ้วโป้งไปทางฮาร์วีย์“ตรานี้เป็นของเจ้าชายแห่งตระกูลพาเทลในมอร์ดู เจ้าชายอีเลียส พาเทล!“เขาเป็นหนึ่งในหกเจ้าชายแห่งมอร์ดูด้วย!“เขาบอกให้ผมนำตรามาที่นี่และบอกกับคุณสามอย่าง!“หนึ่ง หยุดการปราบปรามเฮงเดียน เวิร์ล สตูดิโอของคุณซะ!“สอง ชดใช้ค่าเสียหายสองเท่า!“และสาม คุกเข่าและขอโทษผม!“เขาจะปล่อยทุกอย่างผ่านไปหากคุณทำตามสามข้อนี้ได้ ไม่อย่างนั้น คุณและคนที่ติดตามคุณจะมีชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!”แลรี่แสดงสีหน้าเย็นชาอย่างมากหลังจากที่เขาพูดจบจะมีสักกี่คนที่มีหนึ่งในหกเจ้าชายแห่งมอร์คอยสนับสนุน?เฟร็ดกุมหน้าตัวเองและพูดว่า “ฮาร์วีย์ ยอร์ก ในเมื่อแกรู้จักตระกูลพาเทล แกก็คงจะรู้ว่าเจ้าชายพาเทลเป็นคนแบบไหน!“ถามคนข้างหลังแกสิ!“ดูสิว่าพวกเขาจะคิดว่าแกสามารถท้าทายเจ้าชายพาเทลได้หรือไม่!“ไม่มีใครสามารถปกป้องแกจากเรื่องนี้ได้!“ตอนนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะยอมแพ้นะ!“ถ้าแกช้าไปแม้แต่นิดเดียว แกจะไม่มีโอกาสยอมแพ้แล้วนะ!”
แลรี่หรี่ตาแล้วอธิบายว่า “จริง ๆ ผมก็ต้องการมากกว่านี้นะ แต่ผมรู้สึกว่าผมควรจะใจกว้างสักหน่อย“ท้ายที่สุดผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณมีเงินมากขนาดนั้นหรือเปล่า“นอกจากนี้คุณยังทำให้เซธขุ่นเคืองด้วย! เขาจะต้องไปหาคุณแน่นอน!“อ๋อ ผมลืมบอกไปเลย คนที่สนับสนุนเซธไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนายน้อยเฟจ!“เขาเป็นสมาชิกของตระกูลลินช์ หนึ่งในสิบตระกูลอันดับต้น ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่!”แลรี่โน้มตัวเข้าไปใกล้ฮาร์วีย์ จากนั้นก็พูดเบา ๆ ว่า “ไหนบอกผมสิ คุณจะจบเห่หรือไม่?!”ฮาร์วีย์หัวเราะเบา ๆ“ทิโมธี เฟจเหรอ?”แลรี่นั่งไขว่ห้างและจุดซิการ์ของเขาอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็ถามอย่างใจเย็นว่า “ทำไม? กลัวเหรอ?“เบนจามินเป็นสุภาพบุรุษที่สุภาพและสง่างามเมื่อทำธุรกิจ คุณสามารถบอกได้จากนิสัยใจคอของเขา“แต่ทิโมธีเป็นเครื่องบดเนื้อเมื่อเทียบกับเจ้าชายและนายน้อยคนอื่น ๆ คุณคิดว่าคุณจะหยุดความก้าวร้าวของเขาได้จริง ๆ เหรอ?”เฟร็ดและเหล่าดาราหัวเราะด้วยความเย็นชา‘เสแสร้งต่อสิ!’‘คิดว่าตัวเองเก่งมาจากไหน?!’‘พลังที่แกคิดว่าแกมีจะทำให้แกดูเหมือนคนโง่เขลา!’‘เราจะได้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาเป็นสิบเท่าหลังจากที่เสียมันไปเพราะแก!’
เซธตัวสั่นจนถึงรองเท้าบู๊ตของเขา เขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรฮาร์วีย์พูดอย่างเฉยเมยว่า “ผมลืมบอกคุณ“ทิโมธีไม่สามารถหนุนหลังเขาได้แล้ว!“ผมหักแขนขาของเขาเอง“คุณคิดว่าเขาจะยังสามารถช่วยเซธได้จริง ๆ เหรอ?”ข่าวนั้นทำให้คนทั้งวงช็อก!‘อะไรนะ?!’‘เขาหักแขนขาของทิโมธีอย่างนั้นเหรอ?!’‘เป็นไปได้อย่างไร?!’เฟร็ดและคนอื่น ๆ แทบจะอ้าปากค้างจนค้างหลุดจากโครงหน้า! พวกเขามองฮาร์วีย์อย่างเหลือเชื่อพวกเขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ฮาร์วีย์พูด แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นดวงตาของแลรี่กระตุกไม่หยุด“แม้แต่ทิโมธีก็ไม่สามารถหนุนหลังเขาได้ คุณคิดว่าอีเลียส พาเทลจะช่วยอะไรคุณได้จริง ๆ เหรอ?”เคล้ง!ฮาร์วีย์หยิบตราวงตระกูลพาเทลขึ้นมาและหักมันสีหน้าของเฟร็ดและคนอื่น ๆ เปลี่ยนไปอย่างลนลาน จากนั้นพวกเขาก็มองฮาร์วีย์ในขณะที่ยังคงไม่เชื่อคำพูดของเขา พวกเขาต่างปิดปากตนเองและพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่กรีดร้องสีหน้าของแลรี่เปลี่ยนไปในทันที“ไอ้สารเลว!“กล้าดียังไงถึงได้ทำลายตราของเจ้าชายพาเทล?!”ฮาร์วีย์ปรบมือด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง จากนั้นก็พูดว่า “ไทสัน มีคนต้องสงสัยว่าแบล็กเมล์ฉันเพื่อเงินรวม 3.2 พันล้า
อีเลียสพูดอย่างใจเย็นว่า “แลรี่ ที่นี่ไม่ใช่ตลาดสด คุณไม่มาที่นี่มากเกินไปหน่อยเหรอ?”แน่นอนว่าเขาจะรู้ว่าแลรี่จะไม่มาที่นี่หากปัญหาของเขาได้รับการแก้ไขแล้วแต่ในเมื่อเขามาปรากฏตัวอีก นั่นหมายความว่าเขาพลาดอีกแล้วดวงตาของแลรี่ยังคงกระตุก เขาพูดในขณะที่เกือบจะคุกเข่าว่า “เจ้าชายพาเทล ผมอ่อนแอเกินไป! ผมทำให้คุณต้องอับอาย!”สายตาของอีเลียสเย็นชา แแต่เขาตอบอย่างใจเย็นว่า “คุณสู้เขาไม่ได้เหรอ?”“ใช่ครับ! เขาหักตราของคุณและส่งผมเข้าคุกข้อหาแบล็กเมล!“เขายังรับเงินจากเซธและบอกว่าเขาเป็นคนที่หักแขนขาของทิโมธีเอง”“โอ้?”อีเลียสแสดงท่าทางอยากรู้อยากเห็น“เขาต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสนใจ“แต่นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย“ทิโมธีไม่ได้มาจากหนึ่งในสิบตระกูลอันดับต้น ๆ เขาอวดอำนาจได้เพียงเพราะเบนจามินเป็นพี่เขยของเขา“เบนจามินสนใจเรื่องชื่อเสียงของเขามาก คงจะสมเหตุสมผลถ้าทิโมธีแขนขาหักเพราะเบนจามินไม่ต้องการช่วยให้พี่เขยผู้ไร้ค่าของเขาสร้างปัญหาไปมากกว่านี้“อย่ากลัวเขาเพียงเพราะเรื่องนี้“และอย่าลืมว่าคุณคือตัวแทนของผม”อีเลียสยังคงไม่พอใจแลรี่อยู่บ้าง แต่เขาก็ยังอดทนสอนสองสามเรื่องเพรา
ในที่สุดแลรี่ก็เข้าใจ“เจ้าชายพาเทล ผมได้ยินมาว่าเบนจามิน ลินช์เกือบเสียชีวิตเมื่อวันก่อน แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนว่าเขาจะฟื้นตัวแล้ว“เขาสงสัยว่ามีใครบางคนกำลังจับตามองตำแหน่งของเขาและเขาอาจถูกฆ่าเพราะเรื่องนี้“ดังนั้น เขาจึงได้ดำเนินการหลายอย่างเพื่อปกป้องตัวเอง“ถ้าฮาร์วีย์เป็นลูกน้องของเขา และโจมตีผู้คนเพื่อขยายอำนาจโดยเฉพาะ…“ทุกอย่างก็จะสมเหตุสมผล“ท้ายที่สุดเบนจามินก็ฟื้นแล้ว แน่นอนว่าเขาจะต้องการแสดงความสามารถของเขาให้ทุกคนในมอร์ดูเห็น“แต่เขาทำทั้งหมดนี้อย่างกะทันหัน เขาไม่กลัวที่จะติดกับดักตัวเองเลยเหรอ?“เขาทำร้ายคนจำนวนมากอย่างยืดเยื้อ… บางทีเขาอาจไม่กลัวแล้วว่าคนที่โจมตีเขาก่อนหน้านี้จะกลับไปโจมตีเขาอีกครั้ง?”แม้ว่าแลรี่จะค่อนข้างมีอิทธิพลในแวดวงชนชั้นสูง แต่เขาก็ยังห่างไกลจากการกลายเป็นคนสำคัญอันดับต้น ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเข้าใจเจตนาของเบนจามินได้อีเลียสวางตัวหมากรุกลงและพูดอย่างเฉยเมยว่า “สำหรับเบนจามิน การทำร้ายคนไม่กี่คนไม่ได้มีความหมายอะไรเลย“เป้าหมายของเขาตอนนี้คือการหาคนหรือแม้แต่กลุ่มและขยายบารมีของเขา“ด้วยวิธีนี้คู่ต่อสู้ของเขาจะไม่ทำร้ายผู้
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข