ลูคัสยิ้ม “คุณน้าไม่ต้องห่วงครับ“ความสัมพันธ์ของผมกับไคท์จะไม่เปลี่ยนเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้“เชื่อใจผมก็พอครับ ไคท์ไม่ใช่แค่ลูกสาวของคุณแต่เธอยังเป็นคู่หมั้นของผมด้วย”“แน่นอนว่าผมจะต้องรักและเอาใจใส่เธออย่างยิ่งเขาดีดนิ้วเบา ๆ หลังจากที่พูดจบผู้หญิงในชุดสีแดงที่ยืนอยู่ในระยะไกลเดินเข้ามาและโค้งคำนับ“เมซี่ โทรหาพวกเขาหน่อย“บอกให้พวกเขาพาไคท์กลับมา”เมซี่ ฮาเวิร์ดพยักหน้าแล้วถอยหลังไป 2-3 ก้าว เธอกดโทรศัพท์ สีหน้าของเธอว่างเปล่าและเฉยเมยจากนั้นสีหน้าของเธอก็เริ่มแปลกไป เธอรีบกดหมายเลขอื่นจากนั้นก็เบอร์ที่สาม แล้วก็สี่…เธอโทรเป็นสิบสาย แต่ไม่มีใครรับสายหรือไม่ก็สายไม่ว่างเมซี่ไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป เธอรีบไปหาลูคัสและกระซิบเบา ๆ ว่า “เจ้าชายคะ ติดต่อใครไม่ได้เลย ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่นอน”ลูคัสดูเฉย ๆ เขาเห็นแววตาที่งุนงงของแองเจลีน่าและพูดว่า “ค้นหาตำแหน่งของพวกเขาและให้คนอื่นไปช่วย”เมซี่โทรออกอีกสองสามครั้ง ในไม่ช้า ตาเธอกระตุกและเธอก็กระซิบกับลูคัสอีกครั้งว่า “เจ้าชาย ตำแหน่งของรถและโทรศัพท์มือถือชี้ไปทาง…“บริเวณที่เรียกว่าชายฝั่งของสามเหลี่ยมปี
เมซี่พูดอย่างเคร่งขรึม “เจ้าชายคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณเสียอารมณ์“แต่ฉันต้องทำ เรื่องนี้สำคัญมาก!”เสียงของลูคัสเย็นชา เขาพูดช้าๆ “พูดเลย!”เมซี่รีบเข้าไปใกล้หูของเขาและรีบกระซิบข่าวเบา ๆสีหน้าของลูคัสซึ่งเดิมที่สงบ กลับกังวลเมื่อได้ยินคำพูดของเมซี่“คุณผู้หญิงแองเจลิน่า ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะพาไคท์กลับมาอย่างปลอดภัยก่อนรุ่งสาง”ลูคัสสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วและลุกขึ้นยืน“ผมยินดีมากที่ได้พบคุณวันนี้ แต่ผมมีธุระที่จะต้องไปจัดการ“พรุ่งนี้มาทานอาหารดี ๆ ด้วยกันอีกนะครับ“ครั้งหน้าผมขอเป็นเจ้ามือ”ไม่ว่าจะฉุกเฉินเพียงใด ลูคัสจะสามารถรักษาความสงบและท่าทางที่สุขุมไว้ได้เสมอ“ได้เลย ไปเถอะ”แววตาของแองเจลีน่าสั่นไหวเล็กน้อย เธอไม่บังคับให้ลูคัสอยู่ต่อ เธอเพียงแต่ยิ้มและพูดว่า “ไคท์ไร้เดียงสามาก ในเมื่อเธอยังอายุน้อย ได้โปรดอดทนกับเธอด้วย”แองเจลิน่าสันนิษฐานว่าคนของลูคัสที่ที่ถูกส่งไปจัการฮาร์วีย์และไคท์น่าจะได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตแล้ว บางทีลูคัสอาจแอบโกรธและกำลังจะไปทำลายฮาร์วีย์ให้รู้แล้วรู้รอดความคิดนี้ทำให้เธอมีความสุขตราบใดที่ลูคัสเคลื่อนไหว มันก็ไม่สำคัญว่
นอกจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนแล้ว เลนนี่และทีมงานหลายคนก็อยู่ด้วย เมื่อพวกเขาเห็นลูคัส พวกเขาทั้งหมดก็คุกเข่าพร้อมกันและทักทายเขา “เจ้าชาย!”ลูคัสถามอย่างเย็นชา “เดนเซลอยู่ไหน?”เลนนี่เดินไปข้างหน้าพร้อมกับกล่องของขวัญ“ดี! ดีมาก!"ลูคัสเอื้อมมือไปหยิบมัน เมื่อเขาเห็นหัวที่ขาดข้างใน สีหน้าของเขาแย่ลงสีหน้าของเดนเซลยังคงดุร้าย อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะตายอย่างเปล่าประโยชน์“เดนเซล ไม่ต้องห่วง ฉันจะหาตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้และสับเขาเป็นชิ้น ๆ เพื่อล้างแค้นให้แกเอง!”ลูคัสไม่ได้โกรธ สำหรับเขา ความโกรธไม่มีประโยชน์ การแก้แค้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเขาระงับอารมณ์ของเขาและกำลังจะวางกล่องลงอย่างไรก็ตาม ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อเขาพบว่ามีบางอย่างติดอยู่ระหว่างคิ้วของเดนเซลฟุ่บ!ลูคัสดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมามีข้อความสีแดงเขียนอยู่บนกระดาษ“ใครก็ตามที่พยายามจะทำร้ายหลงเหมิน…“จะต้องตาย!”ลูคัสผงะเล็กน้อย เสี้ยววินาทีต่อมาเขาก็หัวเราะดังลั่น“หลงเหมิน?!“ขู่ฉัน?!“ส่งข้อความถึงฉัน?!“ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าใครบนโลกนี้กล้าหยุดฉันจากการรับตำแหน่งหัวหน้
“ใช่ค่ะ คุณยอร์ก!”ราเชลนึกอะไรบางอย่างออก“นอกจากนี้ รถสองคันที่ไล่ตามคุณบนถนนเลียบชายฝั่งเมื่อครู่ไม่ใช่ของตระกูลวอล์คเกอร์”“พวกนั้นเป็นคนของลูคัส“หลังจากได้ยินว่าพวกนั้นตกลงไปในทะเล เขาก็โกรธและส่งเลอบรอนมาจัดการกับคุณ“ออกนอกบ้านช่วงนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ เลอบรอนไม่ใช่คนธรรมดา”“เลอบรอน?”ฮาร์วีย์ค่อนข้างสนใจชายคนนี้"เขาเป็นใคร?"“เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นนักแม่นปืนของหน่วยปฏิบัติการพิเศษแห่งอเมริกา เขาเชี่ยวชาญการใช้อาวุธปืนทุกประเภท!“หลังจากที่เขาออกจากกองทัพ ลูคัสก็จ้างให้เขามาจัดการกับปัญหาในราคาแพงลิ่ว“เลอบรอนมีใบอนุญาตทางการทูต แม้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา ลูคัสก็จะไม่ถูกลากเข้าไปเอี่ยวด้วย“ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีผู้คนตายด้วยน้ำมือของเลอบรอนนับไม่ถ้วน”ฮาร์วีย์ครุ่นคิดถึงคำพูดของเธอ จากนั้นเขาก็ถามว่า “เลอบรอนไม่ใช่ชื่อจริงของเขาใช่ไหม?”ราเชลตอบว่า “ค่ะ นั่นเป็นเพียงสมญานามของเขา สำหรับชื่อจริงของเขานั้นไม่มีใครรู้ว่าเขาชื่ออะไรกันแน่“ฉันจะให้คนคอยสืบหาที่อยู่ของเขา ฉันจะรายงานให้คุณทราบทันทีที่มีข้อมูลเพิ่มเติม”ฮาร์วีย์พยักหน้า ในขณะที่เขากำลังจะพ
ฮาร์วีย์รู้สึกผ่อนคลายและโล่งใจในเวลาเดียวกันเป็นเรื่องดีที่เลอบรอนปรากฏตัวก่อนที่ฮาร์วีย์จะไปถึงเฮงเดียน เวิร์ล สตูดิโอ หากมีซีนเธียร์อยู่ใกล้ ๆ เขาจะไม่สามารถแสดงฝีมือได้เต็มที่แต่เมื่อมองไปอีกมุม บางทีศัตรูของเขาอาจเตรียมการอะไรมากมายจนทำให้ซีนเธียร์ต้องถ่ายทำกลางดึกเพราะอย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องบังเอิญมากเกินไปฮาร์วีย์ไม่กลัวปืน แต่เขากังวลเรื่องซีนเธียร์ ก่อนหน้านี้เขาได้ส่งไทสันและคนของเขาอีกสองสามคนให้ไปคุ้มครองเธอ“คุณดูจองหองเหลือเกินนะ พ่อหนุ่ม…”เลอบรอนสงบและสำรวม“ในเมื่อคุณยอมรับว่าฆ่าพี่น้องของผม มันก็ง่ายกับผมขึ้นแล้ว”“คุณยินยอมที่จะจบชีวิตตัวเองไหม? หรือคุณอยากให้ผมเลาะผิวหนังของคุณออกทีละชิ้นหลังจากหักแขนขาของคุณทั้งหมดแล้ว”“ผมขอแนะนำให้คุณเลือกอย่างแรก ตายแบบไม่ทรมานน่ะดีที่สุดแล้ว”ฮาร์วีย์หรี่ตา เขาพูดจาโยกโย้ออกไปว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมก็จะให้คุณเลือกสองทางเหมือนกัน”“อย่างแรก คุกเข่าและร้องขอความเมตตาซะ”“อย่างที่สอง ตาย”เวลาเป็นสิ่งสำคัญ และฮาร์วีย์ก็ไม่ได้มีเวลาสำหรับเรื่องไร้สาระกับเลอบรอน“ดูเหมือนคุณจะเป็นพวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงสินะ”เ
คราวนี้ฮาร์วีย์ไม่หลบกระสุน เขายืนนิ่งและโยนกรวดที่เขากำไว้เมื่อสักครู่ตู้ม ตู้ม ตู้ม!ก้อนกรวดกระเด็นออกไปตามวิถีกระสุนราวกับฮาร์วีย์รู้ว่าพวกมันถูกเล็งไปยังที่ใด มันพุ่งเข้าใส่กระสุนได้อย่างพอดิบพอดีเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วบริเวณ ก่อนที่กระสุนจะเข้าถึงตัวฮาร์วีย์ พวกมันก็ระเบิดขึ้นเสียก่อนสีหน้าของเลอบรอนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็น เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะคาดเดาวิถีการโจมตีของเขาได้เลอบรอนตวัดปืนและยิงอีกครั้งปึก ปึก ปึก!ฮาร์วีย์เร็วมาก เขาขว้างกรวดใส่กระสุนอีกครั้งกระสุนแตกตัวออกทันทีที่สัมผัสกับกรวด ถึงตอนนี้เลอบรอนเหลือกระสุนบนเข็มขัดเพียงครึ่งเดียววี้หว่อ วี้หว่อ วี้หว่อ!ไซเรนตำรวจที่ดังเสียดหูดังขึ้นในขณะนี้ มีคนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่และได้โทรแจ้งตำรวจเลอบรอนหยุดโจมตีและถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างช้า ๆ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณโชคดี หนุ่มน้อย ไม่เลวเลยล่ะ”“น่าเสียดายที่คุณทำให้เจ้าชายไม่พอใจ”“นี่แค่เรียกน้ำย่อย”“ในไม่ช้า คุณจะเข้าใจว่าปืนไรเฟิลซุ่มยิงของผมดีกว่าของเล่นแบบนี้มาก”“อีกสามวัน ผมจะมาเอาหัวคุณไป!”“คุณควรทำความสะอาดคอโสโครกของคุณให้ดีเสีย
ซีนเธียร์มองไปรอบ ๆ อย่างกระสับกระส่าย รอยยิ้มของเธอค่อนข้างเหือดแห้ง ผู้กำกับเฟร็ด มิลเลอร์กำลังยืนอยู่ข้างสเตซี่ในขณะที่ทีมแพทย์ที่เพิ่งมาถึงกำลังรักษาเธอสเตซี่เป็นลมหมดสติไปหลังจากที่ศีรษะของเธอได้รับบาดเจ็บจากม่านที่ตกลงมา แม้ว่าแพทย์จะทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปแล้ว แต่สเตซี่ยังต้องถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลในภายหลังอยู่ดีภาพที่เห็นทำให้ซีนเธียร์หวาดกลัว เธอไม่ใช่นักแสดงที่มีชื่อเสียงอะไร และผู้คนคงไม่ปฏิบัติกับเธอเหมือนสเตซี่ หากเธอประสบอุบัติเหตุแบบเดียวกัน เธออาจจะเลือดออกหมดตัวก่อนที่จะได้ไปโรงพยาบาลด้วยซ้ำ “สเตซี่ เกิดอะไรขึ้น! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ?"ชายพุงพลุ้ยในชุดสูทพร้อมกับสาว ๆ สองสามคนก้าวเข้ามาข้างในอย่างรีบร้อน ความวิตกกังวล ฉายชัดบนใบหน้าของเขาทันทีที่เห็นสภาพของสเตซี่ ใบหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างยิ่งผู้อำนวยการมิลเลอร์รีบวิ่งไปต้อนรับชายคนนั้นทันที พร้อมกับตะโกนว่า “ซีอีโอคีตัน!”“ผู้ชายคนนั้นคือสามีของสเตซี่ ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นซีอีโอของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เห็นได้ชัดว่าเขาแก่กว่าสเตซี่ราวยี่สิบปีได้! เขามีโครงการที่แฟรเกรินท์ ฮิลล์และค่อนข้างร่ำรวยด้วย”“
ซีนเธียร์ตัวแข็ง วินาทีต่อมา เธอพูดออกมาอย่างไม่พอใจ “คุณคีตัน ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลย!“ตอนที่ม่านร่วงลงมาฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลย! ฉันเองก็กลัว!“ฉันก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน! ฉันก็ไม่ได้ใช้สเตซี่เป็นเกราะกำบังเสียหน่อย!“คุณมากล่าวหาฉันแบบนั้นไม่ได้นะ!”เซธตอบอย่างเย็นชา “ฉันกล่าวหาเธอเหรอ? ระหว่างผู้อำนวยการมิลเลอร์กับคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบเธอ เธอคิดว่าใครน่าเชื่อถือมากกว่ากัน?“ถึงเธอไม่ผลักสเตซี่ ทำไมเธอไม่ช่วยกันม่านให้หล่อนล่ะ?“เธอเป็นนักแสดงนำหญิงของหนังเรื่องนี้! ในฐานะตัวประกอบ เธอก็ควรจะปกป้องสเตซี่ไม่ใช่เหรอ?“แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนร้าย แต่เธอก็แค่ยืนดูอยู่เฉย ๆ ในขณะที่สเตซี่กำลังตกอยู่ในอันตราย“อธิบายตัวเองมาสิ!ด้วยความโกรธ ซีนเธียร์เริ่มหัวเราะ"คุณคีตัน! ในเมื่อคุณพูดแบบนั้น คุณก็ควรเข้าใจสิว่าฉันไม่เคยผลักสเตซี่?“จะให้มาปกป้องเธองั้นเหรอ? ฉันไม่ใช่บอดี้การ์ดของเธอเสียหน่อย! ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ฉันจะทำอะไรได้?“อยากให้ฉันยืนตรงนั้นแล้วถูกโจมตีแทนเธองั้นเหรอ?“ฉันเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสเตซี่ แต่อุบัติเหตุนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย!“ไม่ว่า
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข