นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์ยืนอยู่กลางห้องโถงไว้ทุกข์ ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวปกคลุมไปทั่ว ๆ ร่างกายของเขา ราวกับเสือที่หลับใหลในถ้ำมามานานแสนนานและกำลังจะกลับมาเผยเขี้ยวอันคมกริบอีกครั้ง การตื่นขึ้นของเสือที่ดุร้ายและแข็งแกร่งย่อมมีกองกระดูกเหมือนภูเขาและเลือดไหลนองเหมือนสายน้ำ ไม่ไกลจากนายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์ อีแวนเดอร์สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เขาดูโดดเดี่ยวและดูหดหู่ แต่ผู้คนที่รู้ว่าเขาเป็นใครก็ยังคงตัวสั่นและไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อนร่างกายของตัวเอง เขาพร้อมที่จะฆ่าเพราะในวันนี้เขาสวมใส่ชุดสีขาวล้วน! ว่ากันว่าอีแวนเดอร์จะฆ่าทุกครั้งที่เขาสวมชุดสีขาว! นี่ไม่ใช่แค่ข่าวลือ มีสงครามนับไม่ถ้วนที่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้ นอกจากนั้น ยังมีเหล่าคนดังมากมายจากวงสังคมระดับสูงของบัควู้ดที่ยืนอย่างไม่เป็นระเบียบมากนักในพื้นที่ว่างบริเวณหน้าห้องโถงไว้ทุกข์ ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนจากบัควู้ดจริง ๆ เสียด้วยซ้ำ พวกเขาทั้งหมดมาจากตระกูลใหญ่ ๆ และเป็นตัวแทนของผู้มีอำนาจในบัควู้ด ที่พวกเขาอยู่ที่นี่ก็เพื่อมาเข้าร่วมการประชุมการลงทุนและการมีส่วนร่วมทางธุรกิจ แต่ทว่าพวกเขาต้องมาร่วมงานศพในวันนี้
นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์ยกมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อแสดงให้ทุกคนเงียบ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นช้า ๆ ว่า “ฉันอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาสี่ปีเต็ม งานอดิเรกที่ฉันชอบคือท่องคัมภีร์บนภูเขา!” “แต่ฉันไม่คาดคิดเลยว่าจะมีคนโง่เขลาบางคนที่มาเข่นฆ่าคนของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า!” “พวกเราชาวเยตส์จากอเมริกาต้องการเพียงแค่ทำธุรกิจที่นี่ในบัควู้ดเท่านั้น เราไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งใด ๆ เลยแม้สักนิด!” “แต่เราเองก็ไม่มีความกลัวต่อผู้อื่นด้วยเช่นกัน!” “เนื่องจากมีคนต้องการที่จะต่อต้านพวกเรา ฉันจึงมาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของตระกูลเยตส์จากอเมริกา!” “พวกเราจะไม่หยุดจนกว่าสกาย คอร์ปอเรชั่นจะถูกทำลาย!” “เราจะไม่หยุดจนกว่าเจ้าชายยอร์กจะตาย!” “เราจะไม่หยุดจนกว่าฮาร์วีย์ ยอร์กจะตาย!” สุนทรพจน์ของนายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์ดังก้องไปทั่วทุกที่ "ตาต่อตาฟันต่อฟัน!" “เลือดแลกด้วยเลือด!” อันธพาลทั้งหมื่นห้าพันคนโห่ร้องพร้อมเพรียงกัน จิตสังหารพุ่งทะยานขึ้นสูงผ่านท้องฟ้า การแสดงอำนาจออกมาเช่นนี้ทำให้ทุกคนในงานรู้สึกสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุด ใครจะไปกล้าต่อกรกับตระกูลเยตส์จากอเมริกาบ้างล่ะ? พวกเข
“ถ้าอย่างนั้น กระผมทั้งสองหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะมีเกียรติอย่างเช่นงานในวันนี้ในทุก ๆ ปีของชีวิตนะครับ นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์!” "นี่…" ฝูงชนต่างอ้าปากค้างหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น พวกเขาอยู่ในอาการตกตะลึงจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว คำพูดนั้นมันช่างน่าตกใจมาก! ชายคนนั้นเพิ่งสาปแช่งนายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์ให้มีเกียรติในงานศพลูกของเขาทุกปีโดยการพูดอย่างนั้นออกมาหรือเปล่านะ?! “นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์! สองคนนี้หยิ่งยโสมากจนเกินไปแล้ว! ไม่ต้องรออะไรแล้ว เราจะฉีกสกาย คอร์ปอเรชั่นให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเดี๋ยวนี้!” สายตาของกัสเย็นชาและเต็มไปด้วยตวามดูแคลน พวกเขานี่ช่างรนหาที่ตายเสียจริง ๆ บังอาจมายั่วยุตระกูลเยตส์จากอเมริกา! ในขณะเดียวกันญาติสนิทของตระกูลเยตส์ต่างก็จ้องมองพวกเขาด้วยความเย็นชาด้วยเช่นเดียวกัน พวกคนเหล่านี้ต่างก็มีความภาคภูมิใจในฐานะญาติสนิทของตระกูลเยตส์จากอเมริกา ถึงกระนั้นก็ยังมีคนกล้าดูถูกบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในตระกูลอย่างนายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์! ใครบ้างที่จะไม่โกรธเคือง! “สารเลว! ให้ตายเถอะเจ้าชายยอร์ก
นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์มองดูภาพนั้นอย่างเย็นชา จากนั้นก็พูดอย่างใจเย็นว่า “จัดงานศพต่อไป ส่งลูกชายของฉันไปที่สงบสุข!” “คำนับแรก!” “คำนับครั้งที่สอง!” “คำนับครั้งที่สาม!” “ทำความเคารพบรรพบุรุษ!” ***ขณะนี้ผู้คนนับไม่ถ้วนกำลังมอบช่อดอกไม้อย่างเป็นระเบียบ ภาพเช่นนี้หาดูได้ยากเป็นอย่างยิ่ง การฝังศพของกษัตริย์ในอดีตอาจไม่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เสียด้วยซ้ำ “นายใหญ่ที่สี่ครับ เราควรเริ่มฝังศพเลยดีไหม?” เลย์ตันถามขึ้นเบา ๆ “ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ ฉันต้องการให้เหล่าผู้บริหารระดับสูงในสกาย คอร์ปอเรชั่นทุกคนเป็นคนแบกโลงศพ!” “และฉันยังต้องการที่จะฝังเจ้าชายยอร์กและเจ้าฮาร์วีย์ไว้ใต้โลงศพด้วย!” "ไปจัดการซะ เนื่องจากมีคนต้องการเล่นสนุกกับพวกเรา เราก็จะเล่นกับพวกเขากลับบ้าง!” “ไปที่สกาย คอร์ปอเรชั่น!” “ไปลากคอเจ้าชายยอร์กมาทั้งเป็น!” ผู้คนหนึ่งหมื่นห้าพันคนกำลังคำรามอย่างเดือดดาล พวกเขาทั้งหมดเดือดดาลด้วยความโกรธ บรรดาคนดังของบัควู้ดต่างโทรศัพท์หาญาติ ๆ ของพวกเขาหลังจากเห็นภาพดังกล่าว พวกเขาขอให้ครอบครัวของพวกเขาปิดร้าน และอยู่แต่ภายในบ้านเท่านั้น นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์พร
ฮาร์วีย์มองไปที่โลงศพโบราณแล้วยิ้ม “ตอนนี้นายก็รู้ตัวตนที่แท้จริงของฉันแล้วหนิ ทำไมนายยังไม่คลานเข้าไปในโลงศพนั่นด้วยตัวเองล่ะ นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์?” “เราทั้งสองสามารถเก็บแรงของเราด้วยวิธีนี้!” “หึ หึ หึ หึ…” นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์หัวเราะเบา ๆ “ฉันเตรียมโลงศพไว้ให้นายด้วยเหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันก็ได้รู้แล้วว่าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนยอร์กก็คือเจ้าชายยอร์กนั่นเอง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!” “แต่นายกับฉันมันต่างกัน ฉันจะไม่ปล่อยให้นายได้คลานเข้าไปเองหรอกนะ ฉันจะโยนนายเข้าไปด้วยมือของฉันเอง!” ฮาร์วีย์หัวเราะ “ขอโทษนะ แต่ฉันยังเด็กไม่แก่หงำเหงือกเหมือนนาย นายก็เหมือนอยู่ในดินลึกถึงเข่าแล้วนะ!” “นอกจากนี้ ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าสำหรับฉันที่จะมีชีวิตอยู่ถ้าเราต้องต่อสู้กันจนตัวตาย” “โลกต้องการให้ฉันอยู่เพื่อรักษาความสงบ!” ฮาร์วีย์ยิ้มอย่างไม่ละอายกับคำพูดนั้น แม้ว่าเขาจะพูดความจริงก็ตาม "แก…" นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์เดือดดาลด้วยความโกรธ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะมาล้อเล่นกับฮาร์วีย์ เขาพยายามหายใจเข้าลึก ๆ และบังคับตัวเองให้สงบลง “ให้ฉันได้ถามนายเถอะ เจ้าชายยอร์ก ใค
อกสั่นขวัญหนี! นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์และคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้าง พวกเขาตกใจจนแทบสิ้นสติ! ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งมาก! ใคร ๆ ก็รู้ว่าการจะเป็นหัวหน้าแก๊งค์อันธพาลแห่งท้องถนนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้นั้น คน ๆ นั้นจะต้องมีอำนาจมาก ๆ และคนที่อยู่ภายใต้อำนาจของเขาก็จะถูกพิจารณาและผ่านการทดสอบมาแล้วทั้งนั้น แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาทั้งหมดจะถูกจัดการหลังจากเวลาผ่านไปเพียงแค่สามวินาทีเท่านั้น นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์เข้าใจดีแล้วว่าฮาร์วีย์มีชายผู้ทรงพลังอยู่เคียงข้างเขา นั่นคือสาเหตุที่ทหารชั้นสูงทั้งสามของเขาถูกสังหาร ชายที่อยู่เบื้องหน้าของเขานายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์นั้นช่างดูลึกลับ! นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์ถึงกับคิดว่าชายผู้นี้ต้องคู่ควรกับฉายาของเทพสงคราม แต่ความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัวของนายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถหันหลังกลับได้แล้ว แล้วตอนนี้นับประสาอะไรกับแค่เรื่องของอีธานถึงจะต้องเข้ามาอยู่ในสายตาของนายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าอีธานเป็นเทพสงครามจริง ๆ เขาก็จะไม่หยุดสงครามครั้งนี้ “ฉันรู
พวกอันธพาลท้องถนนไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต พวกเขาทั้งหมดมองไปที่กลุ่มชายผู้มาเยือน ขณะที่การแสดงออกทางสีหน้าของพวกเขานั้นดูตึงเครียดขึ้นมาทันที พวกเขานั้นดูลึกลับมาก พวกเขาดูแปลกมากไม่ว่าใครจะมองอย่างไร "กองกำลังพิเศษเหรอ? แล้วไง?” นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์โพล่งออกมาด้วยความเย็นชา “ลืมไปหรือเปล่าว่าฉันก็มาจากหน่วยรบพิเศษเหมือนกัน?” “แม้ว่าพวกคนเหล่านี้จะเป็นทหารชั้นสูง พวกนายก็ยังคงต้องฆ่าพวกเขาทุกคน!” “พวกเรามีตั้งหนึ่งหมื่นห้าพันจะกลัวแค่ยี่สิบคนนี้จริง ๆ เหรอ?! ไปจัดการพวกมันซะ!" วินาทีต่อมาพวกอันธพาลทั้งหมดมองหน้ากันแล้วหัวเราะอย่างเยือกเย็น 'นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์พูดถูก พวกมันมีเพียงแค่ยี่สิบคน พวกมันจะสามารถทำอะไรกับพวกเราทุกคนได้บ้าง?' "ลุย!" พวกอันธพาลทั้งหมดต่างก็พุ่งไปข้างหน้า กองกำลังการ์ดมังกรทั้งยี่สิบคนเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน ดาบเหล็กโบราณและอาวุธปืนล้ำสมัยเล็งไปที่ศัตรูในเวลาเดียวกัน ปัง ปัง ปัง! เสียงดังโครมครามไปทั่วทั้งสุสาน พวกอันธพาลที่ต้องการเข้าใกล้ฮาร์วีย์ล้วนนอนราบเป็นหน้ากลองกับพื้นทันที ในเวลาเ
อีธานชักดาบออกจากฝัก ฉึบ! แสงสีขาวราวกับหิมะส่องประกายออกมา สีหน้าของอีแวนเดอร์เปลี่ยนไปอย่างบ้าคลั่ง เขากวาดมีดไปมาต่อหน้า เคร้ง! ทั้งสองโจมตีซึ่งกันและกัน ในวินาทีต่อมาอีแวนเดอร์ก็เซไปชนก้อนหินขนาดใหญ่ ก้อนหินแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากของอีแวนเดอร์ เมื่อเขากำลังพยายามที่จะจะลุกขึ้น อีธานก็มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ตุบ! รองเท้าบู๊ทของอีธานกดลงบนหน้าอกของอีแวนเดอร์ ทันที อั่ก! อีแวนเดอร์พยายามขัดขืน แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งมีเลือดไหลออกมามากเท่านั้น อีธานขยี้น้ำหนักมากขึ้นจนร่างกายของเขากระตุก หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว ทหารชั้นสูงลำดับที่หนึ่งก็มองชายข้างหน้าเขาด้วยดวงตาที่กลมโต เขาแสดงท่าทางที่ไม่อยากเชื่อ แต่เขาได้หายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว เทพนักฆ่าในสนามรบไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะตายเร็วและน่าสยดสยองขนาดนี้ เมื่อเทียบกับยอดฝีมือที่แท้จริง เขานั้นแทบไม่มีอะไรเทียบได้เลย น่าทึ่งจริง ๆ !นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์และสมาชิกระดับสูงคนอื่น ๆ ในตระกูล หลังจากเห็นภาพนี้พวกเขาก็รู้สึกกลัวและจนปัญญา ทหารชั้นสูงลำดับที่หนึ่งในตำนานอย่างอีแวนเดอร์ก็ยังพ่ายแพ้ใ
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข