"อะไรนะ?! เธอคือเทรซี่ ฟลอเรสเหรอ?!”การกล่าวถึงชื่อนี้ทำให้ผู้ชายหลายคนตะลึงเทรซี่เป็นนักเต้นชื่อดังที่ได้รับความนิยมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่เธอมีชื่อเสียงมากขึ้น ว่ากันว่าเธอได้รับข้อเสนอสำหรับโฆษณามากมาย เธอถูกมองว่าเป็นคนที่ผู้ชายหลายคนปรารถนา แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครแตะต้องเธอได้คนอย่างเธอยังมาตามเอ็ดดี้ต้อย ๆ ที่สำคัญเขากลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอชื่ออะไร?พวกเขาจ้องมองด้วยความชื่นชม ความริษยา และความเกลียดชังต่อเอ็ดดี้ใบหน้าของเทรซี่ชาวาบ เมื่อเห็นว่ามีบางคนจำเธอได้ ดูเหมือนเธอจะไม่ชอบคนต่างชาติเลยแม้แต่น้อยเด็กซ์เตอร์เข้าหาเอ็ดดี้เพื่อจับมืออย่างกระตือรือร้น “คุณยังจำผมได้ไหมครับคุณเอ็ดดี้? เราเคยเจอกันมาแล้ว! ผมเป็นคนจัดการเรื่องข้อมูลรับรองบริษัทของคุณ…”"คุณโฮลท์ แน่นอนผมจำได้ ถ้ามีเวลาเมื่อไหร่เชิญมาดื่มชาที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปบ้างล่ะ” เอ็ดดี้กล่าวเอ็ดดี้พูดตามมารยาทพื้นฐานเท่านั้น แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เด็กซ์เตอร์กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ“ทุกคนได้ยินไหม? คุณเอ็ดดี้จำผมได้แถมยังชวนไปดื่มชาอีกต่างหาก!”"คุณเ
แมนดี้ขมวดคิ้ว เธอไม่ได้โง่นะ คนจากบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นได้อย่างไร? แล้วเอ็ดดี้จะเรียกเธอมาเพื่ออะไร? อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่สามารถเลือกอะไรได้... ขณะที่แมนดี้กำลังจะลุกขึ้น ฮาร์วีย์ก็เอื้อมมือไปหยุดเธอเอาไว้ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “บริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ป ไม่มีความหมายอะไรเลย พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาบังคับภรรยาของผม?” “มันสมควรแล้วเหรอ?” ในตอนนี้ ความสนใจของทุกคนพุ่งตรงไปที่ฮาร์วีย์ คำพูดที่ออกมาจากปากของสามีที่เอาแต่เกาะชายกระโปรงของแมนดี้ทำให้พวกเขาถึงกับตะลึงงัน 'ที่เขากำลังพูดถึงนั่นคือ บริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปเชียวนะ!' 'กล้าดียังไงถึงได้มาหยามเกียรติบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้! เขาพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง?!' 'เขากำลังพยายามจะฆ่าตัวตายอยู่แน่ ๆ !' ทุกสายตาจับจ้องไปที่ฮาร์วีย์พรางคิดว่าเขาช่างเป็นคนโง่เขลาอะไรเช่นนี้ ซัคกำลังเดือดดาลด้วยความโกรธ เขาจ้องมองไปที่ฮาร์วีย์ด้วยสายตาอันดุดัน “ประธานแมนดี้! สามีคุณเป็นบ้าอะไร?” “นอกจากเขาจะไม่ยอมแสดงความเคารพแล้ว เขายังกล้าพูดจาดูถูกคุณเอ็ดดี้อีกเหรอ? หร
ดวงตาของเอ็ดดี้ลุกโชนด้วยความโกรธขณะที่เขาจ้องมองไปที่ฮาร์วีย์ซึ่งยังคงนั่งอยู่ด้วยท่าทางไม่แยแสอะไรทั้งนั้น เขาเป็นถึงดยุคในดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน และมีความภาคภูมิใจกับสถานะอันทรงเกียรตินี้เป็นอย่างมาก แต่เจ้าลิงหลอกเจ้าจากประเทศ H ตัวนี้กลับกล้าที่จะไม่สนใจใยดีต่อเขา! ความโกรธของเขาทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นสิบเท่าเมื่อเห็นว่าแมนดี้และแทสซ่ายังคงอยู่ข้างฮาร์วีย์ ผู้หญิงทั้งสองคนมีเสน่ห์มากกว่าเทรซี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาเสียอีก ไม่เพียงแต่จะสง่างามเท่านั้น แต่รูปร่างของพวกเธอยังไม่มีใครสามารถเทียบเทียมได้ อีกทั้งพวกเธอยังแพรวพราวไปด้วยเสน่ห์อีกด้วย ถึงแม้ว่าเทรซี่เองก็ค่อนข้างสวย แต่เธอก็ดูเหมือนผู้หญิงที่เห็นแก่เงินมากจนเกินไป ก่อนหน้านี้เอ็ดดี้ยังคงมองเธอด้วยความรู้สึกพึงพอใจ แต่ทว่าทันทีที่เขาเห็นแมนดี้และแทสซ่า เขาก็เริ่มเปรียบเทียบเทรซี่กับพวกเธอทั้งสองทันที แขกที่มาร่วมงานรู้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะไม่จบลงอย่างง่าย ๆ แน่นอนเมื่อพวกเขาเห็นไฟอันลุกโชนในดวงตาของเอ็ดดี้ ซัคจ้องมองไปที่ฮาร์วีย์อย่างเย็นชา เจ้าแมงดาตัวนี้กำลังรนหาที่ตายชัด ๆ ! ‘มันไม่รู้ตัว
แมนดี้สูดลมหายใจลึก เธอหน้าถอดสีและดูสัญญาพรางขมวดคิ้วแน่น นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่มีคนแสดงเจตจำนงในการครอบครองรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ ก่อนหน้านี้ก็ตระกูลฌองจากมอร์ดูที่ทำให้เธอได้รับแรงกดดันค่อนข้างมาก สำหรับบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปนี้ได้เพิ่มแรงกดดันให้เธอเป็นสิบเท่า “ผมจะให้เวลาคุณสามนาที่ในการพิจารณาเรื่องนี้ดู ขึ้นอยู่กับคุณเลยว่าจะเซ็นสัญญาหรือไม่” “แต่ถ้าคุณไม่เซ็น จำไว้ได้เลยว่าบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปจะไม่มีวันยอมให้คนที่ดูถูกบริษัทลอยนวลอย่างแน่นอน!” เอ็ดดี้หัวเราะอย่างเยือกเย็น บอดี้การ์ดของเขาก้าวมาข้างหน้าด้วยสีหน้าเย็นชาหลังคำประกาศของเอ็ดดี้ ความกระหายเลือดของพวกมันแสดงออกมาอย่างชัดเจนมาก และมันเพียงพอที่จะหยุดฝูงชนทั้งหมดด้วยการเคลื่อนไหวง่าย ๆ เพียงครั้งเดียว ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วสถานที่ ทุกคนหายใจหายคอไม่ค่อยจะสะดวกในสถานการณ์อันน่าอึดอัดเช่นนี้ และไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมหายใจเล็ดลอดออกมาท่ามกลางความเงียบนี้เลย พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าการคัดค้านบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปนั้นไม่เป็นผลดีแน่ พวกเขาทุกคนหันไปหาแมนดี้ที่ในตอนนี้ใ
ฮาร์วีย์เมินเฉยต่อทุกคน แต่หันมามองที่เสื้อผ้าของเขาแทน “ภรรยาของฉันให้เสื้อตัวนี้กับฉัน และฉันชอบมันมาก” “ตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกโกรธ แต่ฉันก็อยากให้โอกาสพวกนาย ไปบอกเอกอัครราชทูตของดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินให้มาคุกเข่าและขอโทษฉันซะ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยให้พวกนายหลุดมือไปจนกว่าความคับแค้นใจของพวกเราจะได้รับการล้างแค้น!” "อะไรนะ?! เอกอัครราชทูตของดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน?!” คำพูดของเขาทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่พึ่งจะได้ยิน หลังจากผ่านไปราวสิบวินาที ฝูงชนก็กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง “ฮาร์วีย์ นายบ้าหรือเปล่า? นายรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร?” “นายต้องการให้เอกอัครราชทูตของดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินมาคุกเข่าและขอโทษนายอย่างนั้นเหรอ? แล้วนายถึงจะยอมยกโทษ ถูกไหม?” “หากข่าวนี้ได้แพร่ออกไป จะถือว่ามันเป็นข้อพิพาททางการทูตเลยนะ!” "แกมันบ้าไปแล้ว! แกนี่มันบ้าจริง ๆ !” “แล้วแกคู่ควรแล้วหรือยัง?! แกเป็นแค่แมงดาเกาะผู้หญิงกินไปวัน ๆ ! แกไม่มีสิทธิ์นั้นแม้ว่าแกจะได้รับการสนับสนุนจากเจ้าชายยอร์กก็ตาม!” ซัคและคนอื่น ๆ รู้สึกว่าเรื่องนี้มันช
ฮาร์วีย์เตะไปที่เข่าของเอ็ดดี้ส่งผลให้เข่าของเขาหักในทันที เอ็ดดี้กรีดร้องราวกับหมูที่ถูกเชือด และรีบคุกเข่าลงต่อหน้าของฮาร์วีย์ เปรี้ยง! ฮาร์วีย์เดินไปหาเทรซี่และตบเธออย่างแรงจนเธอล้มลงไปกองกับพื้น การตบนั้นรุนแรงมาก และดูเหมือนว่ามันจะทำให้ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วย ในเวลาไม่ถึงนาที ทั้งสองคนที่เคยอวดอ้างหยิ่งยโสโอหังก่อนหน้านี้กลับคุกเข่าลงต่อหน้าของฮาร์วีย์อย่างเปิดเผย “ฮาร์วีย์? แกรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่?! แกเพิ่งทำร้ายคนจากดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินนะ! มันเท่ากับว่าแกกำลังหาทางส่งตัวเองไปตายอยู่!” “ฮาร์วีย์ แกมันบ้าไปแล้ว!” สายตาของซัคและเด็กซ์เตอร์กลายเป็นเคร่งเครียด แม้ว่าพวกเขาจะต้องการหยุดฮาร์วีย์ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำเช่นนั้น ฮาร์วีย์หันมาจ้องมองพวกเขาอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็คว้าขวดไวน์บนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนัก เพล้ง! เสียงแก้วแตกดังขึ้นพร้อมกับขวดไวน์ที่แตกละเอียดเป็นชิ้น ๆ ตอนนี้หัวของเอ็ดดี้มีหยดเลือดจำนวนมากเริ่มไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย และร่างกายของเขาก็โอนเอียงไปมา “ฉันจะทุบหัวมันทุกครั้งที่พวกนายพูดเรื่องไร้สาระ มาดูกันว่าพวกนายจะพูดได้มากเท่
ฮาร์วีย์หัวเราะเบา ๆ “ทำไมเราต้องหนี?” “ผมต้องรอเอกอัครราชทูตของดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินที่จะมาขอโทษก่อน” “...” ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที รถยนต์หรูที่มีใบอนุญาตทางการทูตก็ปรากฏขึ้นที่หน้าร้านเวสทิน ดินเนอร์ ชายหลายคนรีบลงจากรถมุ่งตรงมายังชั้นสาม เอ็ดดี้รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเมื่อเขาได้ยินเสียงกระทบของรองเท้าคอมแบทจากทางด้านนอก ซัคและเด็กซ์เตอร์รวมถึงคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาด้วยเช่นกัน กลุ่มชายชาวตะวันตกรูปร่างสูงและกำยำผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้าเดินปึงปังเข้ามาข้างใน พวกเขาสวมเครื่องแบบเต็มยศ และบางคนก็มีวิกผมสีขาวตามแบบฉบับเครื่องแบบของชาวตะวันตกด้วย คนที่เป็นผู้นำกลุ่มคือชายชาวตะวันตกวัยกลางคน มองเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะแยกแยะได้ว่าเขาเคยผ่านสงครามมาแล้ว เขาพกออร่าอันทรงพลังติดตัวมาด้วย เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเอกอัครราชทูตของดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน ไวเคานต์รูเบิร์ตนั่นเอง อีกทั้งเขายังมีอีกตัวตนในชื่อของเขา นั่นคืออดีตรองผู้บัญชาการของอัศวินเทมพลาร์นั่นเอง แต่ตอนที่เขาต่อสู้ในสมรภูมิยูโรอเมริกันก่อนหน้านี้ เขารู้สึกหวาดกลัวชาวตะวันออกอย่างไม่สา
รูเบิร์ตได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากคุกเข่าอยู่เป็นเวลานานสองนาน เขาเงยหน้าขึ้นมองฮาร์วีย์พร้อมด้วยอาการตัวสั่นเทา ทันทีที่เขาเห็นใบหน้าของฮาร์วีย์ เขาก็รีบก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัวอีกครั้ง “ทะ...ท่านสบายดีไหมครับ” ผู้ติดตามของเขาไม่มีความกล้าแม้แต่จะสบตากับฮาร์วีย์เช่นเดียวกับรูเบิร์ต พวกเขาทั้งหมดนั่งตัวสั่นเทาอยู่ที่พื้นด้วยอาการหวาดกลัวอย่างมาก ฮาร์วีย์ตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “ฉันสบายดีแต่เหล่าผู้คนจากประเทศของคุณนั้นช่างกล้ามาก” “พวกเขากล้าที่จะบังคับให้ภรรยาของฉันขายรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์” “แล้วพวกเขาก็กล้ามากที่มาทำเสื้อตัวโปรดของฉันสกปรก” “ฉันควรจะคิดว่าเรื่องทั้งหมดเหล่านี้เป็นการที่ประเทศของคุณกำลังยั่วโมโหฉันอยู่หรือเปล่านะ?” "ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน! ท่านไม่สมควรโดนเช่นนี้! พวกเราไม่ได้ตั้งใจ! ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น!” รูเบิร์ตคร่ำครวญอยู่ที่พื้น เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว “ดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินไม่มีทางอนุญาตให้ทำเช่นนี้! ต้องมีเจ้าคนโง่ที่นี่ที่กำลังพยายามก่อความวุ่นวายอยู่แน่ ๆ !” “ผมจะมอบความยุติธรรมให้แก่ท่านอย่างแน่นอน!”
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข