“คุณอยากทำอะไรหลังจากออกจากคุกนี่หรอเจน? ฉันอยากไปทะเลสาบ เอ๋อไห่ ที่นั่นสวยมากน้ำก็ใสสะอาด นกน้ำที่นั่นน่ารักมาก ๆ ปลา และกุ้งก็สดและอร่อย ท้องฟ้าเป็นสีฟ้ามีน้ำใส ๆ แสงแดดก็อุ่นกว่าที่นี่เยอะเลย”“ ฉันอยากทำงานเยอะ ๆ เพื่อหาเงินให้ได้มาก ๆ แล้วฉันจะไปอยู่ที่นั่น เปิดโฮมสเตย์เล็ก ๆ ฉันไม่ได้ต้องการไปหาเงินที่นั่น ฉันเพียงแค่อยากจะเห็น เอ๋อไห่ ทุกวันนั่งดูกระแสน้ำไหลผ่านไป เงินไม่ใช่เป้าหมายหลักของชีวิตฉัน แค่ยังพอมีกินมีใช้ก็เพียงพอแล้ว บางครั้งฉันมักจะเห็นภาพเหล่านักเดินทางแบ็คแพ็คเกอร์ไป ๆ มา ๆ ที่นั่นอยู่บ่อย ๆ“ เจน ฉันคิดว่าตัวฉันกำลังจะตาย ฉันควรจะทำอย่างไรดี? ฉันยังไม่เคยเห็นความงามของ เอ๋อไห่ ด้วยตาของตัวเองเลย”เจนจะไม่มีวันลืมเสียงอันไพเราะ แต่น่าเศร้านั้น เธอกอดผู้หญิงคนนั้นและใช้อุณหภูมิร่างกายของเธอเพื่อทำให้ร่างกายของผู้หญิงคนนั้นค่อย ๆ เย็นขึ้นในขณะที่เธอกำลังจะตาย ดวงตาที่สดใสของหญิงสาวยังคงเต็มไปด้วยความปรารถนา เธอมองไปที่ท้องฟ้านอกหน้าต่างโลหะเล็ก ๆ ของเรือนจำและพูดว่า“ เจนบอกตรง ๆ ว่าฉันไม่เคยไปที่ เอ๋อไห่ ฉันเห็นความงดงามนั้นแค่ในจอทีวีและในนิตยสาร ฉันรู้ว่าแม้
เรย์กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เอลิออร์เข้ามาขัดจังหวะเขา ดวงตาที่แคบยาวเป็นประกายด้วยความเจ้าเล่ห์ขณะที่เขาพูดว่า “โอ้เธอทำอะไรอยู่นะเหรอ? เธอทำให้คุณชายสจ๊วตโกรธเห็นไหม? วอดก้าขวดนั้น” เอลิออร์ ชี้ไปที่ขวดบนโต๊ะอย่างลวก ๆ “คุณชายสจ๊วตให้ทางเลือกสองทางกับเธอคือดื่มทั้งขวด หรือจูบกับผู้ชายคนนั้นต่อหน้าทุกคนเพื่อความบันเทิง”“โอ้ว ~” ไฮด์ลากเสียง “โอ้ว” ยาวพรางค่อย ๆ เดินไปที่เจนและทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ฌอนซึ่งยังคงนั่งอยู่บนโซฟาของเขา ไฮด์ลูบคางตัวเองอย่างโอหังพลางพูดว่า“นายจะสนุกแน่นอนคุณชายสจ๊วต เนื่องจากนายอยากที่จะดูการแสดงที่ร้อนแรง ฉันจะอาสาเป็นนักแสดงนำชายให้เอง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะคุยโวนะ แต่ฉันหน่ะจูบเก่ง จูบของฉันหน่ะสุดยอดอันดับหนึ่งเลย”ด้วยเหตุนี้เขาจึงเคลื่อนไหวตัวอย่างรวดเร็วเอื้อมแขนยาว ๆ ออก และดึงเจนที่ยังยืนมึนงงเข้ามาในอ้อมกอดของเขาเจนไม่มีเวลาตอบโต้ และล้มลงในอ้อมแขนของเขา วินาทีต่อมามีความอบอุ่นที่ริมฝีปากของเธอและดวงตาของเธอก็เบิกกว้างทันทีเธอ…ถูกจูบหรอ?ฟิ้วววววว! บรรยากาศช่างเงียบงันมีเพียงแค่เสียงลมพัดผ่านใบหน้าของเธอร้อนขึ้นทันทีและเปลี่ยนเป็นสีแดงตั้งแต่
"ไม่คิดว่าคุณหนูดันน์ ผู้เย่อหยิ่งในสมัยก่อน จะเต็มใจที่จะขอความเมตตาคุกเข่า และจูบผู้ชายต่อหน้าผู้คนมากมาย บอกฉันทีว่าคุณคิดว่าชายชราโจเซฟ ดันน์จะรู้สึกอับอายแค่ไหนถ้าเขาได้ยินเรื่องนี้” โจเซฟคือชื่อพ่อของเจนร่างกายของเจนสั่นสะท้านและเธอก็หน้าซีดทันที แต่วินาทีถัดมาเธอจำอะไรบางอย่างได้และเริ่มที่จะตอบโต้ด้วยริมฝีปากที่ซีด ๆ ของเธอ “ครอบครัวดันน์ไม่มีลูกสาวชื่อเจน ฉันเป็นแค่นักโทษ” เธอมองไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาตรงหน้าเธอ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นใบหน้าชายในฝันของเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้หายใจและอยู่อย่างสงบ"คุณชายสจ๊วต ฉันเป็นแค่นักโทษชั้นต่ำ ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมอย่างคุณ ไม่ควรมีอะไรที่ข้องเกี่ยวกับฉันดังนั้นโปรดช่วยปล่อยฉันไปเถอะ” เธอบังคับให้เขาหวาดกลัว และพยายามทำตัวเองให้ต่ำต้อยที่สุด ทั้งหมดที่เธอทำก็เพียงแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขศักดิ์ศรีของเธอมีความหมายอย่างไรกับเธอตอนนี้? ในที่สุดเธอก็เดินออกจากคุกมืดนั้น ในที่สุดเธอก็สามารถมองเห็นแสงแดดแสงตะวันได้แล้ว เธอไม่ต้องการละทิ้งความอบอุ่นนี้ที่เธอต่อสู้มาอย่างหนักเพื่อที่จะรู้สึกไปเพียงเพื่ออยากจะชนะดวงตาของฌอนหรี่
มีตู้เอทีเอ็มตรงข้ามละแวกบ้านของเธอ เธอใส่บัตรธนาคารของเธอเข้าไปในตู้ และเมื่อเธอเห็นตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าจอเจนก็กัดฟันของเธอ และถอนเงินจำนวณสองพันเหรียญออกมาเมื่อกดเงินแล้ว เธอก็เรียกรถแท็กซี่ และบอกกับแท็กซี่ "ได้โปรดพาฉันไปที่ ... " เมื่อเธอเข้าไปนั่งข้างในรถเท่านั้น เธอเพิ่งจะคิดได้ว่า ... เธอกระวนกระวายรีบที่จะหนี แต่ไม่ทันได้คิดว่าเธอจะไปที่ไหน"คุณกำลังจะไปไหน?" คนขับแท็กซี่กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพึงพอใจนัก“ ฉันจะไปที่ไหน…?” เจนรู้สึกงุนงง ทันใดนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าแม้โลกใบนี้จะมีขนาดใหญ่มหึมา แต่เธอก็ไม่มีที่จะไป“ คุณจะไปไหนหรือเปล่า? ถ้าไม่ก็ลงไป ฉันมีธุระต้องทำ” คนขับแท็กซี่ขมวดคิ้วและดูถูกเจน ชิ …วันนี้ฉันช่างโชคร้ายซะจริง ๆ เชียว? เขากล่าวหลังจากที่ออกจากบ้านมาและพบเจนในรอบแรกของการรับผู้โดยสาร“ ... ขอโทษค่ะฉันยังคิดไม่ออกว่าจะไปไหนดี” เจนพูดช้า ๆ แม้ว่าคนขับแท็กซี่จะอารมณ์ไม่ดีและตะคอกใส่เธอ แต่เธอก็ไม่สู้และกล่าวขอโทษอย่างน่าเวทนา มันทำให้เธอดูอ่อนแอ และช่างน่าสมเพชยิ่งนักคนอ่อนแอถูกเหยียบย่ำเหมือนพรมบนพื้นและมันก็เป็นเช่นนั้นมาตลอด คนขับแท็กซี่โกรธยิ่งขึ้นเมื
ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจทางด้านข้างประตูฝั่งคนขับเจนได้ยินเสียงคนภายนอกกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างและใช่มันคือหายนะที่กำลังมาเยือนเธอในไม่ช้าเธอรับรู้ได้ทันทีจากเสียงที่ผ่านลอดเข้ามาข้างใน “กรุณาช่วยเปิดประตูทีครับ”น้ำเสียงเย็นที่เย็นเรียบแบบเป็นทางการไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใดๆถึงแม้คำว่า ‘กรุณา' จะออกมาจากปากผู้ชายคนนั้นแต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่านี่คือประโยคขอร้องมันถูกแฝงไปด้วยคำสั่ง! ไม่ต่างกันเลยทั้งเจ้านาย และลูกน้องช่างเหมือนกันเสียจริงอย่างกับถูกก๊อปปี้ออกมาการมาเยือนของแขกไม่ได้รับเชิญทำให้เจนขวัญเสีย เธอได้แต่กรีดร้องใส่คนขับรถ“อย่าเปิดประตูนะ!! นายจะเอาเท่าไหร่ฉันจะจ่าย!!ขอร้องล่ะนะอย่าเปิดประตู…ฮือ”ในขณะเวลาเดียวกันทางด้านนอกแชรบบ…ครืดดดเพล้ง!!!!!เหตุการณ์ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้นโดยที่คนภายในรถไม่ได้ตั้งตัว..หน้าต่างฝั่งผู้โดยสารอีกด้านแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เจนไม่สามารถรับมือได้เธอกลายเป็นคนที่สิ้นหวังที่ไร้ทางออก“ฉะ..ฉัน..ฉันจะเเจ้งตำรวจนี่มันผิด..ผิดกฎหมาย!!”น้ำเสียงที่แฝงด้วยความหวาดกลัวเล็กๆ ดังมาจากที่นั่งฝั่งคนขับไม่ใช่แค่เธอที่กำลังจิตตกก
ในตอนนั้นเธอเองที่เป็นคนบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่หนักเเน่น "ณอน อิทธิพล และอำนาจที่ล้นมือของคุณทำให้ศัตรูมากมายกำลังหาช่องว่างในการแทรกแซง คุณไม่ควรที่จะมีจุดอ่อนใด ๆ ทั้งสิ้น อย่างแรกผู้หญิงที่จะอยู่ข้างกายคุณได้นั้นจะต้องไม่กลายจุดอ่อนให้คุณในอนาคต โรซาลีนอ่อนแอเกินไปเธอจึงไม่คู่ควรจะได้ยืนเคียงข้างคุณ แต่ฉันคือผู้ที่เหมาะสม และสมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับคุณ"เช่นเดียวกับทุกครั้งเขาเหนื่อยเหลือเกินที่จะเอ่ยปากไล่ผู้หญิงคนนี้ครั้งเเล้วครั้งเล่า “เธอต้องเป็นคนที่น่ารังเกียจแค่ไหนกันเชียว ถึงได้กล้าเดินตามผู้ชายที่เป็นของเพื่อนเธอ" และเป็นเช่นนี้เสมอเธอไม่เคยใส่ใจกับคำพูดที่เขาผลักไสเธอด้วยความระอา ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังโต้กับเขาด้วยท่าทางที่ไม่ลดความมั่นนั่นลงเลยแม้แต่น้อย "ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ได้ครอบครองคุณแต่วันใดที่โรซาลีนกลายเป็นตัวจริงของคุณฉันจะถอยห่างจากคุณเอง ฉันสาบานด้วยเกียรติของฉัน เจน ดันน์”เธอผู้ที่เคยเป็นผู้หญิงที่ยโสโอหังคนนั้น!"ขอร้องล่ะคืนเงินให้ฉันเถอะนะ ขอเงินฉันคืน" แต่ตอนนี้เสียงที่ผ่านเข้ามากระทบที่หูของเขานั้นมีเพียงการขอร้องอ้อนวอนที่งี่เง่านั่นความคิดของณอนตอนน
เจนรู้สึกอึดอัดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อยืนอยู่ตรงข้ามณอน เวลาผ่านไปไม่นาน ประตูถูกเคาะโดยใครบางคนที่อยู่ด้านนอกฌอน ตอบกลับการกระทำนั้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึกความเย็นของผู้พูดถูกถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงนั้น “เข้ามา” เจนเฝ้ามองไปยังผู้มาเยือนคนใหม่ที่กำลังเดินเข้ามาด้วยความตกใจผู้หญิงคนนั้นคือ อโลร่า สมิธ บุคคลที่เป็นคนสัมภาษณ์งานเธอเมื่อสามเดือนก่อน “สวัสดี อโลร่า” เจนรู้สึกเหมือนเธอกำลังรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกสายตาของเธอกำลังมองไปที่ฌอนที่นั่งอยู่บนโซฟาโดนเด่นเพียงหนึ่งเดียวในห้องอย่างวาดระแวงก่อนที่เธอจะเบนสายตาไปยังจุดที่อโลร่ายืนอยู่ ผู้หญิงที่เธอไม่คาดคิดว่าจะมาเจอเธอที่อีกครั้งที่นี่ หัวใจของเจนเต้นแรงราวกับถูกกระตุ้นด้วยสารเสพติดชนิดร้ายแรง เธอไม่สามารถเดาได้เลยว่าผู้ชายเลือดเย็นคนนี้กำลังวางแผนอะไรอยู่ “ดิฉันรู้สึกดีมากที่ได้พบคุณวันนี้คุณสจ๊วต” อโลร่า สวมชุดสูทสีขาวที่ถูกตัดเย็บให้ลงตัวกับเรือนร่างเครื่องประดับ และชุดที่เธอสวมใส่ไม่มีอะไรเป็นสิ่งบดบังเสน่ห์บนเรือนร่างนี้ อโลร่า รู้ดีว่าการที่เธอมายืนอยู่ตรงนี้นั้นต้องมีอะไร และเธอเป็นประโยชน์ต่อเขา “หากมีอะไรที่ดิฉันพอจะช่
ยิ่งเจนคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่เธออยากจะสะบัดมันทิ้งพร้อมกับหัวที่กำลังสั่นคลอนนี่ “ไม่นะคะคุณสจ๊วต ฉันไม่อยากไปแผนกพีอาร์” เธออ้อนวอนเขาด้วยความตื่นตระหนกเช่นทุกครั้ง “ฉันรู้ว่าได้ทำผิดพลาดไปได้โปรดอภัยให้ฉันเถอะนะ ฉันได้ชดใช้กรรมในคุกมาแล้วตลอดสามปี ฉันได้รับกรรมนั้นแล้ว ขอบัตรธนาคารฉันคืน ฉันจะหายไปจากที่นี่ทันที ฉันจะไปให้ไกลแสนไกลและฉันสาบานว่าคุณจะไม่มีวันเจอฉันอีก”สิ่งเดียวที่เจนทำได้คือการอ้อนวอนที่ไร้ประโยชน์ หล่อนไม่ทันสังเกตเห็นถึงความประหลาดในสายตาของ อโลร่าหลังจากได้ยินเรื่องที่เธอเคยเธออยู่ในคุก อโลร่าเองเพิ่งย้ายมาที่เมืองนี้เมื่อสองปีก่อน และเธอไม่ได้โตที่นี่ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจนใครก็ตามที่ทำงานกับฌอนมานานจะรู้ดีว่าทั้งหมดเกี่ยวข้องกับชื่อ เจน ดันน์ นั้นคือความอัปยศดวงตายาวของฌอนถูกหรี่ลงอย่างน่ากลัว…นี่เธอพยายามหลบหนีอย่างงั้นเหรอ?หล่อนไม่ต้องการเจอเขาอีกงั้นเหรอ?“ฮะ ~” เสียงที่ดูเหมือนไม่สบอารมณ์ดังขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะดึงโทรศัพท์ออกพูดคุยกับใครบางคนที่อยู่ภายใต้เขา ไม่นานนักมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น และผู้ชายคนหนึ่งถือบางอย่างเดินเข้ามาเพื่อ
ฉันชื่อ ลูก้า สจ๊วต มันเป็นชื่อแปลก ๆ ใช่ไหม? แบบว่ามันเหมือนกับคำว่า ‘ดูสิ! สตูว์’คุณปู่ของฉันตั้งชื่อให้ฉัน ประสบการณ์หลายปีของฉันตอนเป็นเด็กบอกฉันว่าปู่ของฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ดีไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่นเลย แค่ดูชื่อที่เขาตั้งให้ฉันสิ เขามีชื่อที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขากลับตั้งชื่อแปลก ๆ นี้ให้กับฉันอย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ฉันทักท้วงเรื่องนี้กับเขา เขามักจะบอกว่านั่นเป็นความผิดของพ่อฉัน ถ้าพ่อเป็นเด็กผู้หญิงนั่นจะเป็นชื่อของเขาแทนดูสิ คุณปู่เป็นคนที่ตั้งชื่อที่น่ากลัวนี้ให้ฉัน แต่เขายังคงโยนความผิดทั้งหมดให้พ่อของฉันอ้อ ลืมแนะนำตัวอย่างเป็นทางการไปเลยปู่ของฉันชื่อ ฌอน สจ๊วตเขาค่อนข้างเป็นคนที่น่าทึ่งในวัยเยาว์ย่าของฉันชื่อ เจน ดันน์บางครั้งฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองคนลงเอยด้วยกันได้อย่างไร พวกเขาเป็นคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะปู่กับย่าของฉันได้หย่าร้างกันก่อนที่พ่อของฉันจะเกิดเสียอีกหลังจากการหย่าร้างครั้งนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้แต่งงานกันใหม่นะพวกเขาน่าจะแยกทางกันไปอย่างสันติ แต่คุณปู่ก็ไร้ยางอายอย่างที่สุด เขาจึงคอยรบกวนคุณย่าของฉันตลอดเวลาเลยเท่าที่ฉันจำไ
ที่โรงพยาบาล ประตูวอร์ดถูกเปิดออกเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีเสียง ครั้งนี้ดอสไม่ได้แจ้งการมาถึงของแขกล่วงหน้าเมื่อเอลิออร์มาถึงอย่างรีบร้อน เขาก็เห็นผู้หญิงคนนั้นก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร อโลร่าก็ดึงเขากลับออกไปที่ทางเดิน ประตูเปิดแล้วปิดลงอีกครั้งคนบนเตียงนอนตะแคง และกำลังหลับอยู่ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังฝันถึงอะไร แต่ใบหน้าที่ขมวดคิ้วลึกแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีความฝันที่น่าพอใจนักมือของเขาวางอยู่บนผ้าห่ม แหวนแต่งงานของเขายังคงอยู่บนนิ้วของเขาหญิงสาวเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าเตียงของเขาดวงตาของเธอสดใส และชัดเจน เธอจ้องมองแหวนบนนิ้วมือของเขาไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เธอจ้องไปที่แหวนเป็นเวลานานนาน จนเธอรู้สึกงุนงงหลังจากนั้นไม่นานดวงตาของชายคนนั้นก็เบิกโพลง สิ่งแรกที่เขาเห็นคือคนในความฝันเขายิ้มหน้าซีดให้เธอ “โอ้ ฉันฝันไปอีกแล้วสินะ”ราวกับว่าเขากำลังคุยกับเพื่อนที่เขาไม่ได้เจอมานาน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และดีใจจนแทบจะเห็นได้ชัดผ่านการแสดงออกทางร่างกายของเขา "ดีแค่ไหน. คุณยังเต็มใจจะมาเยี่ยมฉันในความฝัน”หญิงสาวยืนอยู่ที่เตียงของเ
"เจน เอ๋อไห่ไม่ใช่สวรรค์หรือความสงบตามที่เธอพูดหรอก มันเป็นเพียงแค่การหลบหนีของเธอ" อโลร่ากล่าวอย่างเคร่งขรึมเธอไม่ควรพูดทั้งหมดนี้ แต่เธอเห็นบางสิ่งที่เจ้าตัวมองไม่เห็นบางทีภาพอาจจะดูชัดเจนขึ้นจากคนภายนอกที่เฝ้าดู หรือบางทีอาจจะไม่ถึงกระนั้นเธอก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเจนกำลังลังเลเมื่อสามปีก่อนเธอเคยช่วยเจนหนี เพราะเธอต้องการให้เจนมีชีวิตที่สงบสุขอย่างแท้จริงนับตั้งแต่นั้นสามปีหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป เธอก็เติบโตขึ้นด้วยเป็นเพราะความเป็นผู้ใหญ่ที่เพิ่งค้นพบทำให้เธอไม่เคยหยุดคิดถึงเรื่องนี้เช่นกันเธอคิดถูกหรือเปล่าที่ช่วยเจนหนีเมื่อสามปีก่อน มันอาจจะเป็นความผิดพลาดหรือเปล่านะ?เธอเริ่มคิดว่าเธอคิดผิดในตอนนั้นผู้หญิงคนนี้ถูกผีเข้าเต็ม ๆ ไม่มีทางที่เธอจะหยุด และมองไปรอบ ๆ เพื่อดูผู้คน และข้อเท็จจริงตลอดสามปีที่ผ่านมาอโลร่าได้เห็นว่าฌอนไม่เคยหยุดตามหาเธอเลย ทุกคนบอกให้เขาหยุด โดยบอกว่ามันไม่มีจุดหมายปลายทางเลย บางทีเจนอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเธอยังไม่ตายไป เหตุใดการค้นหาอย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาถึงสามปีจึงไม่เกิดผลอะไรเลย?อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นปฏิเสธที่
"ที่นายมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อที่แค่จะคุยเรื่องของคุณปู่กับฉันหรือเปล่า?" ชายบนเตียงหัวเราะเบา ๆ ความไม่เชื่อเผยขึ้นในแววตาของเขาอย่างชัดเจน “ไมเคิล ลูเธอร์ ชายชราคนนั้นเขาไม่ห่วงว่าฉันจะเป็นหรือฉันจะตายหรอก เขายังมีหลานชายอีกคนที่จะสืบทอดบัลลังก์ของเขา”ไมเคิลหัวเราะอย่างแดกดัน“นายคิดว่าฉันจะกลับไปเป็นสจ๊วตจริง ๆ งั้นหรอ? สถานที่สกปรกแบบนั้น”“นายไม่ได้ต้องการ บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม หรอกหรอ?” ฌอนกล่าวอย่างเย็นชา “ในกรณีนั้น ฉันกลัวว่านายจะต้องผิดหวัง”“สจ๊วตอุตสาหกรรมงั้นหรอ เฮอะ” ไมเคิลกวาดสายตามองไปยังฌอน ก่อนที่จะมองออกไปนอกหน้าต่าง“นั่นเป็นแหล่งเงินแหล่งทองชั้นดีเลย ดังนั้นฉันคิดว่าฉันต้องการมัน นายจะให้ฉันได้ไหมหล่ะ?”“ถ้าฉันไม่ให้ นายจะไม่บังคับเหรอ?”“ถ้านายเป็นคนถือมัน แน่นอน” ไมเคิลไม่พยายามปิดบังความทะเยอทะยานของเขา “แต่ถ้านายตายไป ฉันจะไม่เอามันมาจากเธอหรอก”ฌอนหรี่ตา “นายแน่ใจถึงความภักดีต่อความรู้สึกของนายที่มีต่อเธอไหม ฉันควรจะขอให้นายดูแลเธอก่อนที่ฉันจะตายหรือไม่?”“เฮ้อ ตัดเรื่องตลกออกไปก่อน นายกำลังจะตาย พวกนายทั้งสองไม่ได้หย่าร้างกันแล้วหรอ?“นั่นมันหมายค
ไมเคิล ลูเธอร์ เข้าสู่คฤหาสน์เก่าแก่ของสจ๊วต"คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างไม่ใช่เหรอ?"โดยไม่มีคำเตือนหรือบริบทใด ๆ เขาก็ตะโกนใส่ชายชราสจ๊วตที่กำลังจิบชาอย่างใจเย็นอยู่“คุณมาจากทางไหนกลับไปทางนั้นเลย…ถ้าจะมาเพื่อแสดงกิริยาความไม่เคารพต่อปู่ของคุณอย่างนี้?” ชายชราสจ๊วตวางถ้วยน้ำชาลง ใบหน้าอันแก่ชราของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างยากลำบาก“คุณเป็นคนวางแผนเรื่องพ่อบ้านซัมเมอร์เองไม่ใช่หรอ?“ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางกล้าทำหรอก จริงไหม?”"หมายความว่ายังไงหรอ? ฉันเป็นคนทำให้พ่อบ้านซัมเมอร์ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?""คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของเจน นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากที่จะรู้ความจริง เป็นคุรจริง ๆ ใช่ไหม?!" ไมเคิลยืนยันความคิดของตัวเองช่วงเวลาที่ชายชราสจ๊วตได้ยินชื่อของเจน การแสดงออกของเขาก็เคร่งขรึมลงในทันที “นี่หลานจะท้าปู่ของตัวเอง และแสดงกิริยาเช่นนี้ เพียงเพื่อเธอคนนั้นหรอ?”“นั่นคงหมายความว่า…คุณยอมรับมัน”ไมเคิลกำหมัดแน่น ทั้งตัวของเขานั้นสั่นสะท้านด้วยความโกรธ "เธอไปทำอะไรให้คุณปู่ขุ่นเคืองหรือ?""ทุก ๆ อย่าง ทุกอย่างที่เธอทำ มันทำให้ฉันขุ่นเคือง""เธอเป็นแค่เด
สามวันต่อมา บุคคลนั้นไม่ได้กลับเข้าบ้านอีกเลยเทรส และคัวโตรยืนอยู่ที่ประตูอย่างเงียบขรึมราวกับว่าพวกเขาทั้งสองคือรูปปั้นของเทพผู้พิทักษ์ที่อยู่อาศัยของเธอจากก่อนหน้านี้ได้ถูกไฟไหม้เสียหายไปบางส่วน เธอจึงกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์สจ๊วตก่อน ลึกเข้าไปภายในคฤหาสน์ เธอไม่ได้ยินเสียงนกหรือกลิ่นดอกไม้ใด ๆ เลย พ่อบ้านก็เป็นมืออาชีพมาก ๆ เขาจัดเตรียมทุกอย่างเพรียบพร้อมไว้สำหรับเธอนอกเหนือจากเทรสและคัวโตรแล้ว เธอก็ไม่ค่อยได้พบใครเลย เธอไม่ได้พูดคุยกับใครเลยไม่แม้แต่เทรส และคัวโดรก็ไม่ได้คุยกับเธอสำหรับพ่อบ้านประจำตระกูล เขามักจะทำตัวสุภาพกับเธอทุกครั้งที่พบกันตอนนี้หูของเธอมันไร้ประโยชน์จริง ๆ แล้วปากของเธอก็คงเป็นเพียงแค่เครื่องประดับบนใบหน้าเพียงเท่านั้นคนรับใช้บางคนที่นี่ก็ดูคุ้นเคย ในขณะที่บางคนก็คงจะมาใหม่เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มันไม่สำคัญหรอกไม่ว่าใครในบ้านนี้เมื่อพวกเขาพบเห็นเธอ พวกเขาก็จะโค้งตัวด้วยความเคารพก่อนจะเดินจากไปทำงานของตัวเองต่อเธอนั่งมองดูคนสวนกำลังทำสวนผ่านกระจกหน้าต่างแม้ว่าในฤดูนี้ใบไม้ และดอกไม้ต่าง ๆ ในสวนจะร่วงโรยไปจนหมดแทบไม่มีสีสันในสวนหลงเหลืออยู่เล
วันผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกของเจสันเขาเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงดันน์อยู่ดูแลข้าง ๆ เขา"อย่าประหม่าไปเลย เจสัน ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี" คุณหญิงดันน์ปลอบใจ ถึงกระนั้นลูกชายของเธอก็ยังคงเอาแต่เงียบขณะที่เธอจ้องไปที่หน้าของลูกชายของเธอ เธอก็เอาแต่ด่าเจนในใจ"ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่มีจิตใจดีคนนี้ที่บริจาคให้กับลูก นังเจน เด็กคนนั้นก็เกือบจะฆ่าลูกแล้ว"เจสันจ้องมองอย่างไม่พอใจ"คุณแม่ พอได้แล้ว!""หือ? ลูกเป็นอะไรไป?“แม่กำลังรู้สึกเสียใจกับลูกนะ จะมาตะโกนใส่แม่ทำไม?”“คุณแม่ อย่าพูดถึงเจนแบบนั้นนะ”“ทำไมจะทำไม่ได้? เธอไม่สนใจสมาชิกในครอบครัวของเธอเองเสียด้วยซ้ำ”คุณหญิงดันน์เกลียดลูกสาวคนนี้สุดหัวใจแม้ว่าจะได้รับการชี้แจงว่าเธอเข้าใจผิดว่าเจนไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง แต่คุณหญิงดันน์ก็ยังคงมีอคติกับลูกสาวคนนี้ของเธออยู่ดีหลังจากนั้นเธอก็เอาแต่เลี้ยงดูลูกชาย และคอยอยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก มันจึงทำให้ลูกชายของเธอสนิทกับเธอส่วนนังเด็กคนนั้น ... เด็กเลว ๆ คนนั้น เธอกลับมาที่เมืองเอสนี้ในตอนนั้น ก็เพื่อที่จะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของ ดันน์ กรุ๊ป ไปดันน์ กรุ
วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ชายคนนั้นมักจะทำอาหารทุกมื้อของเธอด้วยตัวของเขาเอง เมื่อเขาออกไปทำงานเขาจะพาผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ข้าง ๆ ตัวเขาตลอด ทำให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา พวกเขาจึงดูเหมือนคู่รักที่แสนหวาน และรักกันมากมีความอิจฉาริษยาในสายตาของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อพวกเขาเห็นเจนอยู่กับฌอนเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ทุกคนในแวดวงต่างรู้ว่าทั้งสองมักจะตัวติดกันอยู่ตลอดเวลามีใครบางคนถอนหายใจออกมา ‘เจน ดันน์ จากตระกูลดันน์ ได้ครอบครองหัวใจชายคนนี้ในที่สุด หลังจากที่เธอไล่ตามฌอนในตอนนั้นเธอดูเป็นคนที่กล้าแสดงออกมาก 'คนทั่วไปต่างก็คิดว่า ในที่สุดเจนก็ได้รับในสิ่งที่เธอต้องการแล้วในวันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่ง“ฉันอยากเจอเขา”"ใคร?""... พี่ชายของฉัน"มีความสั่นไหวในดวงตาของชายคนนั้น ถึงกระนั้นเขาก็ยังรักษาภาพพจน์ของตัวเอง"คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเจสัน"เขาพูดด้วยท่าทางสบาย ๆเจนบีบหมัดของเธอแน่น และหลังจากนั้นไม่นาน…"สภาพของเขาคงดูไม่ดีนัก ฉันจึงอยากจะเห็นด้วยตาของตัวเอง""นี่ผมปฏิบัติต่อคุณไม่ดีพอหรือ?" ชายคนนั้นเชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอกำลังพยายามที่จะหนีจากเขาไปอีกครั้ง “เจสัน
ในที่สุดเจนก็ตื่นฟื้นขึ้นมา เมื่อเธอตื่นขึ้นมาห้องก็มืดสลัว เธอลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เธอไม่ได้ตกใจกับชายที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาภายใต้แสงไฟอันอบอุ่นในห้องนั่งเล่นนั้นในห้องนั่งเล่นระดับเสียงของทีวีนั้นมันถูกตั้งไว้ในระดับที่ต่ำที่สุด ราวกับว่าเขากังวลว่าเขาจะรบกวนเธอจากการพักผ่อน ถ้าหากเขาเปิดเสียงดังกว่านี้เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากทางเดิน ชายคนนั้นรีบหันไปมองทันทีพวกเขาทั้งสองสบตากันอารมณ์ของพวกเขาทั้งสองดูเหมือนว่ามันจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มันดูราวกับว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันมานานมากแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจซึ่งกันและกันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร พวกทั้งสองไม่ได้ทำลายความสงบสุขที่แปลกประหลาดนี้ทุกอย่างมันดูราวกับว่า ... พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติชายคนนั้นลุกขึ้นยืนและเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ เขาอุ่นโจ๊ก และวางไว้บนเคาน์เตอร์บาร์หญิงสาวเดินเข้าไปเงียบ ๆ จากนั้นเธอก็นั่งทานอาหารดูเหมือนกับว่าที่นี่มันไม่เคยมี ความรัก – ความเกลียด พัวพันระหว่างทั้งสอง ไม่มีความทรงจำที่เจ็บปวดร่วมกันเกิดขึ้นทุกคนอาจจะคิดว่าบรรยากาศช่างเต็มไปด้วยค