พอร์กเกอร์อยากจะทำอะไรบางอย่าง แต่อย่างไรก็ตามเขาจำดวงตาคู่นั้นได้ เขาไม่เคยเห็นดวงตาแบบนั้นมาก่อนตลอดช่วงชีวิตของเขาไม่มีคนปกติทั่วไปที่จะมีดวงตาเช่นนั้นพอร์กเกอร์ลังเล"นายนี่มันขี้แยชะมัด!"เจนรู้สึกกระวนกระวาย เธอเฝ้าดูพอร์กเกอร์มองไปรอบ ๆ อย่างลังเลคนเดียวที่สามารถทำบางอย่างได้ในตอนนี้คือพอร์กเกอร์ หัวหน้าแก๊งค์ และคนตัวโตต่างก็เจ็บหนักทั้งคู่“ปล่อยเราไป ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ นอกจากนี้พวกคุณยังบาดเจ็บสาหัส แน่ใจหรือว่าคืนนี้พวกคุณจะสามารถออกจากเมืองเอสนี้ได้?” เธอพูดในขณะที่ขู่และสัญญา “ในส่วนของเงิน ฉันจะให้พวกคุณล้านเหรียญเพื่อแบ่งปันระหว่างพวกคุณเอง ถ้าไม่…” เธอมองไปที่คน ๆ นั้น เขาบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน หากพวกเขายังคงดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ เธอก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ในขณะที่กำลังตื่นตระหนกเหตุผลของเธอก็เริ่มกลับมาหาเธอ ดวงตาของเธอคมขึ้น“พวกคุณมีสองทางเลือก”“หนึ่งปล่อยเราไป ฉันจะไม่ตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ฉันจะโอนเงินหนึ่งล้านเหรียญไปยังบัญชีของคุณในวันพรุ่งนี้ ทุกคนก็จะมีความสุข”“ประการที่สองเราทำให้เก
“ทำไมคุณถึงไปอยู่ที่นั่นได้?”พวกเขาทั้งสองประคับประคองกันไปตลอดทาง เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน เธอก็เปิดประตู และเดินเข้าไปเธอหันกลับมา และจ้องมองชายคนนั้น ขณะที่รอคำตอบจากเขาเขาไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไรในช่วงเวลานั้น?ราวกับว่าชายคนนั้นไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของเธอ เขาชี้ไปที่ระเบียงอย่างไร้เดียงสา “เจนนี่ไปทำงานทุกวัน และฌอนก็จะยืนอยู่ที่นั่นเพื่อดูรถของเจนนี่แล่นออกไปเช่นกัน”“ผมรู้เวลาที่คุณเลิกงานนะเจนนี่”สิ่งที่เขาหมายถึง ก็คือเขาจะรออยู่ที่ระเบียงทุกวันเพื่อดูรถของเธอขับออกไปและกลับเข้ามาเธอตกใจมาก เธอได้คิดถึงคำตอบทั้งหมดที่เป็นไปได้ แต่เธอไม่คาดคิดว่า…อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้คาดหวังที่จะได้คำตอบเช่นนี้“ตึกนี้สูงมาก คุณจะเห็นฉันด้วยหรอ?” เธอรู้ตัวในทันใดใครคนนั้นดึงเธอไปที่ระเบียง “พี่เรย์ให้สิ่งนี้กับผม”เจนเห็นว่าที่ระเบียงมีของเยอะมาก เธอตกใจอีกครั้ง“ผมใช้เวลามากมาย ในการรวบรวมสิ่งนี้เข้าด้วยกัน” คน ๆ นั้นยังคงส่งเสียงเจื้อยแจ้วข้าง ๆ เธอ และมันก็ดังก้องอยู่ในหูของเธอเธอลดสายตาลง ใช้เวลามากมาย ในการรวบรวมสิ่งนี้เข้าด้วยกันเลยหรอ?อย่างไรก็ตาม
เรย์มึนงง ฌอนห้ามไม่ให้เขาไปที่บ้านของเจนอีกต่อไป นอกจากนี้เมื่อแพทย์ของเขาได้ให้ยากับฌอนเสร็จ และกลับไป ใบหน้าของเขาก็ดูกังวลเป็นอย่างมาก เรย์รู้สึกว่าเจนต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆในท้ายที่สุดเมื่อเขาโทรหาเจนมันก็เหมือนกับว่าเธอได้กินระเบิดเข้าไป เธอทั้งกล่าวหา และตะโกนดุด่าเขาว่า "เพลย์บอย" "ปฏิบัติต่อชีวิตของคนเหมือนเกม" และ "สอนแต่เรื่องชั่ว ๆ ให้กับคนอื่น"เรย์รู้สึกแปลกยิ่งขึ้นเมื่อเขามองไปที่การโทรที่สิ้นสุดลงแล้ว เจนก็ตัดสายเขาทิ้งเธอเรียกเขาว่าเพลย์บอย…แปลกมาก เพราะนี่ไม่ใช่วันแรกที่เจนรู้ว่าเขาเป็นเพลย์บอย และเจ้าชู้แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับเธองั้นเหรอ?นอกจากนี้เธอยังบอกว่าเขาสอนบางคนในสิ่งที่ไม่ดี ... เธอหมายถึงใครกัน?เรย์สงสัยเรื่องนี้มาก ๆ แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถคาดเดาความจริงได้เลยเจนวางสายไปแล้ว แต่เธอก็ยังโกรธอยู่ถ้าเธออธิบายเรื่องงี่เง่านั้นเป็นอย่างดี เธอก็จะบอกว่าเขาไร้เดียงสา ถ้าเธอพูดอย่างหยาบคาย เขาก็จะดูโง่เง่าที่สุด ความทรงจำ และไอคิวของเขานั้นมันเหลือเพียงแค่เด็กแปดขวบคนงี่เง่านั้นจะรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร?เขาหมายถึงอะไรกันที่บอกว่าร้อ
“ฉันอยากเจอเธอ”เธอได้ตัดสินใจแล้ว เธอไม่ได้กำลังขอ แต่เธอกำลังสั่งโครเกอร์เข้าใจ เขารู้ว่าเจนจะไม่ยอมง่าย ๆเขาพยักหน้าอย่างหนัก “ผมจะพาคุณไปพบเธอเองครับ”เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้อยากเจอซูซี่ทันทีถ้าเธอสามารถลากเขาออกจากเตียงกลางดึกด้วยโทรศัพท์เพียงครั้งเดียว นั่นหมายความว่าเธอตัดสินใจที่จะจัดการเรื่องนี้โดยเร็วนอกจากนี้ โครเกอร์ยังรู้ว่าหญิงสาวไม่เชื่อใจเขาเท่าที่เธอเคยเป็นอีกต่อไปโครเกอร์ไม่เสียเวลาพาหญิงสาวไปที่คอนโดมิเนียมเล็ก ๆ ชั้น 4 ที่ถนน ริงเมื่อกริ่งประตูดังขึ้น คนที่อยู่ข้างในก็เปิดประตู เสียงของเธอดูง่วงจากการนอน เธอพูดอย่างยั่วยวนด้วยภาษาอู๋ที่ฟังดูน่าฟัง “คุณกลับถึงบ้านแล้วเหรอ? มีอะไรสำคัญนักหนาเนี่ย? ทำไมเจ้านายของคุณน่ารำคาญจัง?”“เจ้านายของคุณไม่น่ารำคาญแน่นอน ถ้าเธอน่ารำคาญเธอจะยืนอยู่หน้าประตูของคุณได้อย่างไร?”เสียงนั้นทำให้คนในบ้านรู้สึกหนาวตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอประหลาดใจอย่างมาก“ค คุณ…ทำไมคุณมาที่นี่?”ซูซี่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย อย่างไรก็ตาม เธอดูเป็นผู้หญิงมากกว่าที่เจนจำได้ เจนมองดูใบหน้าของซูซี่เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาวในขณะที่เธอยังคงไม่แสดงสีหน้าใ
เจนมองลึกเข้าไปในตาของ ซูซี่ ทอมสัน “คุณกำลังใช้ครอบครัวดันน์ เพื่อคุกคามฉันอยู่หรือเปล่า?”“เจน ดันน์ ถ้าคุณแฉฉัน คนทั้งโลกก็จะได้รู้ว่าครอบครัวดันน์ไม่มีอะไรมากไปกว่าเปลือกที่ว่างเปล่า”“ฉันดีใจที่จะเห็นคุณสูญเสียทุกอย่าง”“ถ้าเป็นคุณ คนที่สูญเสียทุกอย่างไป คุณจะยังคงยืนอยู่ต่อหน้าฉัน และถามฉันว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ด้วยท่าทางที่ห่างเหินแบบนี้ได้ไหม?”เธอเกลียด เจน ดันน์ เจนมีสิทธิอะไรที่ทำตัวสูงส่งและยิ่งใหญ่กว่าเธอ?คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นทาสรับใช้จะมีชีวิตที่ดีกว่าเธอมาก ๆ ในอีกสามปีต่อมาได้อย่างไร?เจน ดันน์ ที่สกปรก และต่ำต้อย จะมาเปรียบเทียบกับเธอได้อย่างไร?“คุณมีความสามารถอะไร? ถ้าไม่ใช่แค่สืบทอดธุรกิจของพ่อต่อ?“ทุกสิ่งที่คุณมีในตอนนี้ มันก็มาจากบุญเก่าจากครอบครัวของคุณทั้งหมด”"ไม่ ไม่ใช่สิ”“คุณขโมยทุกอย่างมาจากครอบครัวของคุณเอง”“เจน ดันน์ คุณไม่ใช่แค่ต่ำต้อยเท่านั้นนะ แต่คุณยังเป็นคนชั่วร้ายอีกด้วย”“คุณนี่ไม่เว้นแม้กระทั่งครอบครัวของตัวเองเลยเหรอ?”ปัง! มือของโครเกอร์สั่นขณะที่เขาพูดว่า “คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร! คุณดันน์ได้กล่าวไปแล้วว่าจะปล่อยให้ผ่านไป
เจนนั่งกินเงียบ ๆ ในขณะที่อีกคนกำลังเฝ้ามองดูเธอหญิงสาวก้มหน้าลงขณะที่เธอกินอย่างเต็มปากเต็มคำ ส่วนคนที่อยู่ตรงข้ามเธอเอามือกุมไว้ใต้คางของเขาขณะที่เขาเฝ้ามองดูเธอกินอย่างเงียบ ๆ สำหรับผู้ที่ไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง พวกเขาอาจจะตีความผิดว่าพวกเขาทั้งสองคือคู่รักที่คบกันมายาวนานแน่ ๆ ในความเงียบของยามค่ำคืนการพยากรณ์อากาศได้เตือนถึงความหนาวเย็น และเป็นคืนที่อุณหภูมิลดลงอย่างกะทันหันเมื่อได้ยินเสียงกรอบแกรบเจนก็ตื่นขึ้น หลังจากตั้งใจฟังเธอก็ตระหนักได้ว่าเสียงนั้นดังมาจากใต้เตียงเธอนั่งอย่างระมัดระวังแล้วมองไปที่ด้านล่างของเตียงเธอมักจะคิดว่าคน ๆ นี้มีนิสัยแปลก ๆ โซฟาในห้องนั่งเล่นน่าจะดีกว่าพื้นห้องนอนของเธอ แต่เขาก็ดื้อรั้น และยืนกรานที่จะทำเตียงนอนของเขาบนพื้นห้องนอนของเธอแทนที่จะนอนในห้องนั่งเล่นที่สบายกว่าถ้าจะให้เธอเลือก เธอก็จะเลือกยอมไปนอนที่โซฟาในห้องนั่งเล่นดีกว่านอนที่พื้นเช่นนี้ในตอนนี้เมื่อเธอมองไปที่ด้านล่างของเตียงฟันของเขาก็ส่งเสียงกระทบกัน แขนของเขาโอบรัดรอบตัวเองแน่นขณะที่เขานอนตัวงอเป็นรูปร่างคล้ายกับกุ้ง"คุณหลับอยู่เหรอ?" ในความมืดของคื
เจนรู้สึกว่ามีบางอย่างกดเธอจากทางด้านหลัง เธอเอื้อมแขนออกไปเพื่อผลักมันออก แต่ก็ไม่สามารถผลักมันออกไปได้เลยเธอตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับ และเธอก็ได้รับ 'เซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่'“ใครให้คุณมานอนใต้ผ้าห่มของฉัน?”เธอเหวี่ยงแขนทุบตีเขาเบา ๆ และเขาก็จับแขนของเธอไว้ “เจนนี่ สวัสดีตอนเช้า”เมื่อมองไปที่ท่าทางง่วงนอนของเขา เจนก็รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ “ฌอน สจ๊วต คุณสัญญาว่าจะไม่เข้ามาใกล้ฉันแล้วนะ ใครอนุญาตให้คุณมานอนใต้ผ้าห่มของฉัน?”ชายคนนั้นตะเกียกตะกายอย่างตื่นตระหนก “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อย่าโกรธผมเลยนะเจนนี่”ด้วยความรีบร้อนที่เขาพยายามที่จะลุกขึ้นนั้น มันทำให้เขาได้ล้มทับเจนดวงตาของเธอเบิกกว้างทันที เธอรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งที่ร้อนผ่าวกำลังเผชิญหน้ากับเธออย่างเต็มที่ หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที…อร๊ายยยยย!——“ฌอน สจ๊วต!” เธอเอื้อมมือออกไปอย่างลนลาน เพื่อผลักเขาออกไปจากเธอ ผ้าห่มก็กระจัดกระจายลงไปเต็มพื้น“คุณ -” ดวงตาของเธอลุกโชนด้วยความโกรธ เมื่อเห็นรอยนูน ๆ ที่เห็นได้ชัดเจนมากภายในกางเกงนอนของชายคนนั้น "คุณ-"“เจนนี่ ผมรู้สึกไม่ค่อยดี” ใบหน้าของเขาแดงก่ำเจนพยายามระงับ
เมืองซานย่าณ โรงแรมบันยันทรี"ผ่อนคลายหน่อยสิ" ชายในชุดทักซิโด้สีอ่อนโน้มตัวเข้าหาหูของหญิงสาวอย่างเกี้ยวพาราสีได้พูดออกมาเบา ๆ อย่างนุ่มนวลหญิงสาวก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย แม้มันจะเป็นการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจและไม่ทันตั้งตัวก็ตาม แต่มันก็ยังไม่รอดพ้นสายตาอันเฉียบคมของชายคนนั้นในชั่วพริบตาเขาได้ก้าวถอยหลังไปสองก้าวในแบบฉบับบของสุภาพบุรุษ พรางหัวเราะเบา ๆ “เจน คุณดูกังวลมากเกินไปนะ”ฝ่ามือของเธอเกร็งและเธอรู้สึกได้ถึงความเหนียวจากเหงื่อที่กลางฝ่ามือของเธอ ‘แน่นอน ฉันประหม่า…คนที่ฉันกำลังจะไปเจอนั้น…’“อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องกังวลมากนักก็ได้นะ เขาชอบพักผ่อนในช่วงฤดูร้อนที่โรงแรมบันยันทรีซานย่านี้ในทุก ๆ ปี ปกติเขาจะอยู่ที่นี่ประมาณหนึ่งเดือน” ชายคนนั้นพูดนิ่ง ๆ ด้วยภาษาจีนกลางที่เน้นเสียงของเขา ซึ่งมันทุ้มต่ำราวกับเสียงของเครื่องดนตรีเชลโล“เพราะฉะนั้น เจน คุณไม่จำเป็นต้องรีบมาที่นี่เพื่อพบคน ๆ นั้นทันทีที่ลงจากเครื่องบินหลังจากการเดินทางที่ยาวนานหรอกนะ”เธอส่ายหัว จนถึงตอนนี้หัวใจของเธอก็ยังคงสับสนอยู่เธอหนีไปโดยไม่บอกใครสำหรับสิ่งที่เธอกำลังหลบหนีอยู่นั้น มีเพียงเธอคนเดียว
ฉันชื่อ ลูก้า สจ๊วต มันเป็นชื่อแปลก ๆ ใช่ไหม? แบบว่ามันเหมือนกับคำว่า ‘ดูสิ! สตูว์’คุณปู่ของฉันตั้งชื่อให้ฉัน ประสบการณ์หลายปีของฉันตอนเป็นเด็กบอกฉันว่าปู่ของฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ดีไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่นเลย แค่ดูชื่อที่เขาตั้งให้ฉันสิ เขามีชื่อที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขากลับตั้งชื่อแปลก ๆ นี้ให้กับฉันอย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ฉันทักท้วงเรื่องนี้กับเขา เขามักจะบอกว่านั่นเป็นความผิดของพ่อฉัน ถ้าพ่อเป็นเด็กผู้หญิงนั่นจะเป็นชื่อของเขาแทนดูสิ คุณปู่เป็นคนที่ตั้งชื่อที่น่ากลัวนี้ให้ฉัน แต่เขายังคงโยนความผิดทั้งหมดให้พ่อของฉันอ้อ ลืมแนะนำตัวอย่างเป็นทางการไปเลยปู่ของฉันชื่อ ฌอน สจ๊วตเขาค่อนข้างเป็นคนที่น่าทึ่งในวัยเยาว์ย่าของฉันชื่อ เจน ดันน์บางครั้งฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองคนลงเอยด้วยกันได้อย่างไร พวกเขาเป็นคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะปู่กับย่าของฉันได้หย่าร้างกันก่อนที่พ่อของฉันจะเกิดเสียอีกหลังจากการหย่าร้างครั้งนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้แต่งงานกันใหม่นะพวกเขาน่าจะแยกทางกันไปอย่างสันติ แต่คุณปู่ก็ไร้ยางอายอย่างที่สุด เขาจึงคอยรบกวนคุณย่าของฉันตลอดเวลาเลยเท่าที่ฉันจำไ
ที่โรงพยาบาล ประตูวอร์ดถูกเปิดออกเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีเสียง ครั้งนี้ดอสไม่ได้แจ้งการมาถึงของแขกล่วงหน้าเมื่อเอลิออร์มาถึงอย่างรีบร้อน เขาก็เห็นผู้หญิงคนนั้นก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร อโลร่าก็ดึงเขากลับออกไปที่ทางเดิน ประตูเปิดแล้วปิดลงอีกครั้งคนบนเตียงนอนตะแคง และกำลังหลับอยู่ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังฝันถึงอะไร แต่ใบหน้าที่ขมวดคิ้วลึกแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีความฝันที่น่าพอใจนักมือของเขาวางอยู่บนผ้าห่ม แหวนแต่งงานของเขายังคงอยู่บนนิ้วของเขาหญิงสาวเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าเตียงของเขาดวงตาของเธอสดใส และชัดเจน เธอจ้องมองแหวนบนนิ้วมือของเขาไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เธอจ้องไปที่แหวนเป็นเวลานานนาน จนเธอรู้สึกงุนงงหลังจากนั้นไม่นานดวงตาของชายคนนั้นก็เบิกโพลง สิ่งแรกที่เขาเห็นคือคนในความฝันเขายิ้มหน้าซีดให้เธอ “โอ้ ฉันฝันไปอีกแล้วสินะ”ราวกับว่าเขากำลังคุยกับเพื่อนที่เขาไม่ได้เจอมานาน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และดีใจจนแทบจะเห็นได้ชัดผ่านการแสดงออกทางร่างกายของเขา "ดีแค่ไหน. คุณยังเต็มใจจะมาเยี่ยมฉันในความฝัน”หญิงสาวยืนอยู่ที่เตียงของเ
"เจน เอ๋อไห่ไม่ใช่สวรรค์หรือความสงบตามที่เธอพูดหรอก มันเป็นเพียงแค่การหลบหนีของเธอ" อโลร่ากล่าวอย่างเคร่งขรึมเธอไม่ควรพูดทั้งหมดนี้ แต่เธอเห็นบางสิ่งที่เจ้าตัวมองไม่เห็นบางทีภาพอาจจะดูชัดเจนขึ้นจากคนภายนอกที่เฝ้าดู หรือบางทีอาจจะไม่ถึงกระนั้นเธอก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเจนกำลังลังเลเมื่อสามปีก่อนเธอเคยช่วยเจนหนี เพราะเธอต้องการให้เจนมีชีวิตที่สงบสุขอย่างแท้จริงนับตั้งแต่นั้นสามปีหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป เธอก็เติบโตขึ้นด้วยเป็นเพราะความเป็นผู้ใหญ่ที่เพิ่งค้นพบทำให้เธอไม่เคยหยุดคิดถึงเรื่องนี้เช่นกันเธอคิดถูกหรือเปล่าที่ช่วยเจนหนีเมื่อสามปีก่อน มันอาจจะเป็นความผิดพลาดหรือเปล่านะ?เธอเริ่มคิดว่าเธอคิดผิดในตอนนั้นผู้หญิงคนนี้ถูกผีเข้าเต็ม ๆ ไม่มีทางที่เธอจะหยุด และมองไปรอบ ๆ เพื่อดูผู้คน และข้อเท็จจริงตลอดสามปีที่ผ่านมาอโลร่าได้เห็นว่าฌอนไม่เคยหยุดตามหาเธอเลย ทุกคนบอกให้เขาหยุด โดยบอกว่ามันไม่มีจุดหมายปลายทางเลย บางทีเจนอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเธอยังไม่ตายไป เหตุใดการค้นหาอย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาถึงสามปีจึงไม่เกิดผลอะไรเลย?อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นปฏิเสธที่
"ที่นายมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อที่แค่จะคุยเรื่องของคุณปู่กับฉันหรือเปล่า?" ชายบนเตียงหัวเราะเบา ๆ ความไม่เชื่อเผยขึ้นในแววตาของเขาอย่างชัดเจน “ไมเคิล ลูเธอร์ ชายชราคนนั้นเขาไม่ห่วงว่าฉันจะเป็นหรือฉันจะตายหรอก เขายังมีหลานชายอีกคนที่จะสืบทอดบัลลังก์ของเขา”ไมเคิลหัวเราะอย่างแดกดัน“นายคิดว่าฉันจะกลับไปเป็นสจ๊วตจริง ๆ งั้นหรอ? สถานที่สกปรกแบบนั้น”“นายไม่ได้ต้องการ บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม หรอกหรอ?” ฌอนกล่าวอย่างเย็นชา “ในกรณีนั้น ฉันกลัวว่านายจะต้องผิดหวัง”“สจ๊วตอุตสาหกรรมงั้นหรอ เฮอะ” ไมเคิลกวาดสายตามองไปยังฌอน ก่อนที่จะมองออกไปนอกหน้าต่าง“นั่นเป็นแหล่งเงินแหล่งทองชั้นดีเลย ดังนั้นฉันคิดว่าฉันต้องการมัน นายจะให้ฉันได้ไหมหล่ะ?”“ถ้าฉันไม่ให้ นายจะไม่บังคับเหรอ?”“ถ้านายเป็นคนถือมัน แน่นอน” ไมเคิลไม่พยายามปิดบังความทะเยอทะยานของเขา “แต่ถ้านายตายไป ฉันจะไม่เอามันมาจากเธอหรอก”ฌอนหรี่ตา “นายแน่ใจถึงความภักดีต่อความรู้สึกของนายที่มีต่อเธอไหม ฉันควรจะขอให้นายดูแลเธอก่อนที่ฉันจะตายหรือไม่?”“เฮ้อ ตัดเรื่องตลกออกไปก่อน นายกำลังจะตาย พวกนายทั้งสองไม่ได้หย่าร้างกันแล้วหรอ?“นั่นมันหมายค
ไมเคิล ลูเธอร์ เข้าสู่คฤหาสน์เก่าแก่ของสจ๊วต"คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างไม่ใช่เหรอ?"โดยไม่มีคำเตือนหรือบริบทใด ๆ เขาก็ตะโกนใส่ชายชราสจ๊วตที่กำลังจิบชาอย่างใจเย็นอยู่“คุณมาจากทางไหนกลับไปทางนั้นเลย…ถ้าจะมาเพื่อแสดงกิริยาความไม่เคารพต่อปู่ของคุณอย่างนี้?” ชายชราสจ๊วตวางถ้วยน้ำชาลง ใบหน้าอันแก่ชราของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างยากลำบาก“คุณเป็นคนวางแผนเรื่องพ่อบ้านซัมเมอร์เองไม่ใช่หรอ?“ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางกล้าทำหรอก จริงไหม?”"หมายความว่ายังไงหรอ? ฉันเป็นคนทำให้พ่อบ้านซัมเมอร์ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?""คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของเจน นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากที่จะรู้ความจริง เป็นคุรจริง ๆ ใช่ไหม?!" ไมเคิลยืนยันความคิดของตัวเองช่วงเวลาที่ชายชราสจ๊วตได้ยินชื่อของเจน การแสดงออกของเขาก็เคร่งขรึมลงในทันที “นี่หลานจะท้าปู่ของตัวเอง และแสดงกิริยาเช่นนี้ เพียงเพื่อเธอคนนั้นหรอ?”“นั่นคงหมายความว่า…คุณยอมรับมัน”ไมเคิลกำหมัดแน่น ทั้งตัวของเขานั้นสั่นสะท้านด้วยความโกรธ "เธอไปทำอะไรให้คุณปู่ขุ่นเคืองหรือ?""ทุก ๆ อย่าง ทุกอย่างที่เธอทำ มันทำให้ฉันขุ่นเคือง""เธอเป็นแค่เด
สามวันต่อมา บุคคลนั้นไม่ได้กลับเข้าบ้านอีกเลยเทรส และคัวโตรยืนอยู่ที่ประตูอย่างเงียบขรึมราวกับว่าพวกเขาทั้งสองคือรูปปั้นของเทพผู้พิทักษ์ที่อยู่อาศัยของเธอจากก่อนหน้านี้ได้ถูกไฟไหม้เสียหายไปบางส่วน เธอจึงกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์สจ๊วตก่อน ลึกเข้าไปภายในคฤหาสน์ เธอไม่ได้ยินเสียงนกหรือกลิ่นดอกไม้ใด ๆ เลย พ่อบ้านก็เป็นมืออาชีพมาก ๆ เขาจัดเตรียมทุกอย่างเพรียบพร้อมไว้สำหรับเธอนอกเหนือจากเทรสและคัวโตรแล้ว เธอก็ไม่ค่อยได้พบใครเลย เธอไม่ได้พูดคุยกับใครเลยไม่แม้แต่เทรส และคัวโดรก็ไม่ได้คุยกับเธอสำหรับพ่อบ้านประจำตระกูล เขามักจะทำตัวสุภาพกับเธอทุกครั้งที่พบกันตอนนี้หูของเธอมันไร้ประโยชน์จริง ๆ แล้วปากของเธอก็คงเป็นเพียงแค่เครื่องประดับบนใบหน้าเพียงเท่านั้นคนรับใช้บางคนที่นี่ก็ดูคุ้นเคย ในขณะที่บางคนก็คงจะมาใหม่เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มันไม่สำคัญหรอกไม่ว่าใครในบ้านนี้เมื่อพวกเขาพบเห็นเธอ พวกเขาก็จะโค้งตัวด้วยความเคารพก่อนจะเดินจากไปทำงานของตัวเองต่อเธอนั่งมองดูคนสวนกำลังทำสวนผ่านกระจกหน้าต่างแม้ว่าในฤดูนี้ใบไม้ และดอกไม้ต่าง ๆ ในสวนจะร่วงโรยไปจนหมดแทบไม่มีสีสันในสวนหลงเหลืออยู่เล
วันผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกของเจสันเขาเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงดันน์อยู่ดูแลข้าง ๆ เขา"อย่าประหม่าไปเลย เจสัน ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี" คุณหญิงดันน์ปลอบใจ ถึงกระนั้นลูกชายของเธอก็ยังคงเอาแต่เงียบขณะที่เธอจ้องไปที่หน้าของลูกชายของเธอ เธอก็เอาแต่ด่าเจนในใจ"ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่มีจิตใจดีคนนี้ที่บริจาคให้กับลูก นังเจน เด็กคนนั้นก็เกือบจะฆ่าลูกแล้ว"เจสันจ้องมองอย่างไม่พอใจ"คุณแม่ พอได้แล้ว!""หือ? ลูกเป็นอะไรไป?“แม่กำลังรู้สึกเสียใจกับลูกนะ จะมาตะโกนใส่แม่ทำไม?”“คุณแม่ อย่าพูดถึงเจนแบบนั้นนะ”“ทำไมจะทำไม่ได้? เธอไม่สนใจสมาชิกในครอบครัวของเธอเองเสียด้วยซ้ำ”คุณหญิงดันน์เกลียดลูกสาวคนนี้สุดหัวใจแม้ว่าจะได้รับการชี้แจงว่าเธอเข้าใจผิดว่าเจนไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง แต่คุณหญิงดันน์ก็ยังคงมีอคติกับลูกสาวคนนี้ของเธออยู่ดีหลังจากนั้นเธอก็เอาแต่เลี้ยงดูลูกชาย และคอยอยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก มันจึงทำให้ลูกชายของเธอสนิทกับเธอส่วนนังเด็กคนนั้น ... เด็กเลว ๆ คนนั้น เธอกลับมาที่เมืองเอสนี้ในตอนนั้น ก็เพื่อที่จะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของ ดันน์ กรุ๊ป ไปดันน์ กรุ
วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ชายคนนั้นมักจะทำอาหารทุกมื้อของเธอด้วยตัวของเขาเอง เมื่อเขาออกไปทำงานเขาจะพาผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ข้าง ๆ ตัวเขาตลอด ทำให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา พวกเขาจึงดูเหมือนคู่รักที่แสนหวาน และรักกันมากมีความอิจฉาริษยาในสายตาของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อพวกเขาเห็นเจนอยู่กับฌอนเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ทุกคนในแวดวงต่างรู้ว่าทั้งสองมักจะตัวติดกันอยู่ตลอดเวลามีใครบางคนถอนหายใจออกมา ‘เจน ดันน์ จากตระกูลดันน์ ได้ครอบครองหัวใจชายคนนี้ในที่สุด หลังจากที่เธอไล่ตามฌอนในตอนนั้นเธอดูเป็นคนที่กล้าแสดงออกมาก 'คนทั่วไปต่างก็คิดว่า ในที่สุดเจนก็ได้รับในสิ่งที่เธอต้องการแล้วในวันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่ง“ฉันอยากเจอเขา”"ใคร?""... พี่ชายของฉัน"มีความสั่นไหวในดวงตาของชายคนนั้น ถึงกระนั้นเขาก็ยังรักษาภาพพจน์ของตัวเอง"คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเจสัน"เขาพูดด้วยท่าทางสบาย ๆเจนบีบหมัดของเธอแน่น และหลังจากนั้นไม่นาน…"สภาพของเขาคงดูไม่ดีนัก ฉันจึงอยากจะเห็นด้วยตาของตัวเอง""นี่ผมปฏิบัติต่อคุณไม่ดีพอหรือ?" ชายคนนั้นเชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอกำลังพยายามที่จะหนีจากเขาไปอีกครั้ง “เจสัน
ในที่สุดเจนก็ตื่นฟื้นขึ้นมา เมื่อเธอตื่นขึ้นมาห้องก็มืดสลัว เธอลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เธอไม่ได้ตกใจกับชายที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาภายใต้แสงไฟอันอบอุ่นในห้องนั่งเล่นนั้นในห้องนั่งเล่นระดับเสียงของทีวีนั้นมันถูกตั้งไว้ในระดับที่ต่ำที่สุด ราวกับว่าเขากังวลว่าเขาจะรบกวนเธอจากการพักผ่อน ถ้าหากเขาเปิดเสียงดังกว่านี้เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากทางเดิน ชายคนนั้นรีบหันไปมองทันทีพวกเขาทั้งสองสบตากันอารมณ์ของพวกเขาทั้งสองดูเหมือนว่ามันจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มันดูราวกับว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันมานานมากแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจซึ่งกันและกันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร พวกทั้งสองไม่ได้ทำลายความสงบสุขที่แปลกประหลาดนี้ทุกอย่างมันดูราวกับว่า ... พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติชายคนนั้นลุกขึ้นยืนและเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ เขาอุ่นโจ๊ก และวางไว้บนเคาน์เตอร์บาร์หญิงสาวเดินเข้าไปเงียบ ๆ จากนั้นเธอก็นั่งทานอาหารดูเหมือนกับว่าที่นี่มันไม่เคยมี ความรัก – ความเกลียด พัวพันระหว่างทั้งสอง ไม่มีความทรงจำที่เจ็บปวดร่วมกันเกิดขึ้นทุกคนอาจจะคิดว่าบรรยากาศช่างเต็มไปด้วยค