สามปีผ่านไปประตูเรือนจำของเมืองเอสค่อยๆเปิดออกเผยให้เห็นเรื่อนร่างหญิงสาว เธอค่อยๆก้าวเท้าของเธอออกจากประตูของเรือนจำร่างกายของเธอดูซูบผอม เธอสวมใส่ชุดสีขาวชุดเดียวกันกับเมื่อสามปีที่แล้วที่เธอได้สวมใส่เข้ามาในเรือนจำ แต่วันนี้ชุดที่เธอใส่กลับดูหลวมโคร่งเธอก้าวขาอย่างเชื่องช้ามุ่งหน้าไปยังเค้าเตอร์ที่อยู่ห่างจากเธอประมาณร้อยเมตร ในมือของเธอถือถุงพลาสติกสีดำซึ่งข้างในมีเหรียญสามสิบเอ็ดเหรียญห้าสิบเซ็นพร้อมบัตรประชาชนของเธออากาศช่างร้อนระอุจนมองเห็นไอแดดที่ขึ้นมาจากพื้นถนนที่เธอกำลังเดินอยู่ ในวันนั้นอากาศประมาณสามสิบสาม สามสิบสี่องศาเซลเซียส แต่กลับไม่มีหยาดเหงื่อไหลออกมาจากหญิงสาวเลยแม้แต่หยดเดียวแม้ว่าเธอจะเดินอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุนั้นก็ตาม บ่งบอกให้รู้ว่าร่างกายของเธอขาดน้ำอย่างหนักมีรอยฟกช้ำสีดำและน้ำเงินเผยอยู่บนผิวอันขาวซีดของเธอ นอกจากนี้ที่หน้าผากของเธอยังมีรอยแผลเป็นยาวประมาณสามเซนติเมตรใกล้ๆกับไรผมของเธอ ซึ่งไม่น่ามองเท่าไรนักรถบัสมาจอดลงที่ตรงหน้าของเธอ เธอค่อยๆนับเหรียญและจ่ายค่าโดยสาร พนักงานขับรถมองเธอด้วยสายตาที่รังเกียจก่อนจะค่อยๆละสายตาไป…บนรถนั้นมีคนไม่มา
สามเดือนผ่านไปแล้วตั้งแต่ที่เจนเริ่มทำงานที่ อีสต์เอ็มเพอเรอร์เมื่อเวลาค่ำคืนมาถึงพื้นที่แห่งนี้ ที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนจะเริ่มสว่างไสวด้วยแสงไฟจากสถานบันเทิงย่านนี้เจนเพิ่งจะทำความสะอาดร่องรอยการอาเจียนของหญิงสาวที่เมามาย ถึงแม้ว่าเจนจะเคลื่อนไหวตัวเองค่อนข้างช้า แต่เธอก็ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากนั้นเธอได้วางน้ำหอมปรับอากาศทิ้งไว้ที่มุมห้องเพื่อดับกลิ่นเธอถือไม้ถูพื้นทำความสะอาดห้องน้ำแต่ละห้องจนมาถึงห้องด้านในสุดที่เธอใช้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาดตาผู้ดูแลงานที่ตอนนี้หายไปไหนก็ไม่รู้ แต่เจนก็ไม่ได้สนใจอะไร เธอเก็บอุปกรณ์ไม้ม๊อบและถังน้ำในห้องเก็บอุปกรณ์และนั่งลงในพื้นที่ว่างข้างๆ‘เจน ทั้งหมดที่เธอเจออยู้นี่มันคือความต้องการของคุณสจ๊วต‘เจน เธอไม่มีอะไรเลยในตอนนี้ เธอสูญเสียครอบครัวอันอบอุ่น เธอสูญเสียภาพพจน์การแต่งตัวที่สวยงามเธอสูญเสียการศึกษา ที่เธอเป็นได้ในตอนนี้ก็แค่นังขี้คุกคนนึงเท่านั้นเอง!‘เจน แค่เชื่อฟังเขาอย่าตอบโต้ ทุกอย่างมันก็เป็นไปตามความต้องการของเขาทั้งนั้น‘เจน เธอมันก็แค่นังขี้คุก เธอยังจะต้องการไตสองข้าง
หัวใจของเจนยังคงเต้นเร็วและรัว แต่ก่อนที่เธอจะทันได้รู้สึกโล่งใจทีตัวเองไม่ร่วงลงไปกองกับพื้น จู่ๆเธอก็นึกขึ้นได้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังโอบเอวของเธออยู่“อุ้ยยย…” เจนตกใจและกรีดร้อง ตลอดทั้งชีวิตของเธอไม่เคยมีผู้ชายคนไหนโอบกอดแนบชิดเธอขนาดนี้มาก่อน จะเว้นก็แต่พี่ชายของเธอเอง ไม่เคยมีเลยแม้กระทั่ง…เขาคนนั้นเซอรอสค่อยๆเงื้อมมือมาปิดปากของเจน “เงียบเดี๋ยวนี้นะ เธอจะกรี๊ดทำกัน” เธอนี่เป็นผู้หญิงที่พิลึกจริงๆผู้หญิงส่วนใหญ่จะกรีดร้องตั้งแต่ที่เข้าจะล้มลงที่พื้นแล้ว แต่กับเธอไม่แม้จะส่งเสียงออกมาซักแอะ แล้วทำไมจู่ๆเธอมากรีดร้องเอาตอนนี้หะ?“ดะ-ดะ-ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ”ไฮด์ เริ่มสังเกตุว่าตัวเธอสั่น และก็มีสิ่งหนึ่งผุดเข้ามาในหัวของเขา “นี่เธอคงไม่ได้กรี๊ดเพียงเพราะฉันโอบเอวของเธออยู่หรอกนะ?”ไฮด์สังเกตุผู้หญิงในอ้อมแขนของเขามีสีหน้าที่ซีด จนเขาอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมาเอะ... หรือว่าเป็นเพราะฉันเหยียบเท้าเธอหรอ?” เขาคิดบางอย่างก่อนจะเผยรอยยิ้มแปลกๆ ให้เธอ “ นี่คุณผู้หญิง อย่าบอกนะ ว่าเธอไม่เคยถูกผู้ชายทำแบบนี้กับเธอมาก่อนอ่ะ?”ไฮด์ เห็นว่าปฎิกิริยาของเธอมันช่างน่ารักน่าสนใจ และสังเกตุเห็นใ
ตอนนี้พวกผู้ชายเหล่านั้นพุ่งความสนใจมาที่เธอ! เธอรู้ดีว่าเธอไม่ควรที่จะพยายามช่วยซูซี่ตั้งแต่แรก!ตอนนี้เจนเองรู้สึกว่าตัวเธอได้คิดและตัดสินใจผิดมหันต์ที่ช่วยซูซี่“นี่ยัยพนักงานทำความสะอาด ฉันถามไม่ได้ยินหรืออย่างไรกัน?เจนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าพวกผู้ชายเหล่านั้นหัวเราะอย่างมีความสุข พลางหันไปพูดกับซูซี่ด้วยน้ำเสียงที่เหยียดหยาม“ คุณได้ยินไหม? ขนาดพนักงานทำความสะอาดยังมองสถานการณ์ได้ดีกว่าคุณเลย" เขาคว้าวอดก้าและวางไว้บนโต๊ะอีกครั้ง “ดื่มให้หมด มิฉะนั้นฉันจะโทรหา ออโรร่า สมิธ” ซูซี่เริ่มรู้สึกกลัว เมื่อกล่าวถึงออโรร่า สมิธ ครอบครัวของเธอยากจนมาก และที่ซูซี่มาทำงานที่อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ ก็เพราะเงินเดือนที่สูง ถ้าออโรร่า ทราบเรื่องนี้เธอถูกไล่ออกแน่ๆ“อย่าโทรหา ออโรร่านะ!” ซูซี่รีบคว้าวอดก้าบนโต๊ะคริสตัลนั้น “ตกลง ฉันจะดื่มมัน!” น้ำตาเธอไหลก่อนที่จะยกวอดก้าในขวดนั้นขึ้นมาดื่ม“เดี๋ยวก่อน” เสียงนุ่มลึกกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ เจนรีบหันหลังกลับไปที่มุมนั้น ร่างกายของเธอเริ่มสั่นหลังจากที่ได้ยินเสียงนั้นความหวาดกลัวฉายขึ้นในแววตาของเธอ และเธอเริ่มหายใจติดขัด“หันกลับมา” เสี
“คุณอยากทำอะไรหลังจากออกจากคุกนี่หรอเจน? ฉันอยากไปทะเลสาบ เอ๋อไห่ ที่นั่นสวยมากน้ำก็ใสสะอาด นกน้ำที่นั่นน่ารักมาก ๆ ปลา และกุ้งก็สดและอร่อย ท้องฟ้าเป็นสีฟ้ามีน้ำใส ๆ แสงแดดก็อุ่นกว่าที่นี่เยอะเลย”“ ฉันอยากทำงานเยอะ ๆ เพื่อหาเงินให้ได้มาก ๆ แล้วฉันจะไปอยู่ที่นั่น เปิดโฮมสเตย์เล็ก ๆ ฉันไม่ได้ต้องการไปหาเงินที่นั่น ฉันเพียงแค่อยากจะเห็น เอ๋อไห่ ทุกวันนั่งดูกระแสน้ำไหลผ่านไป เงินไม่ใช่เป้าหมายหลักของชีวิตฉัน แค่ยังพอมีกินมีใช้ก็เพียงพอแล้ว บางครั้งฉันมักจะเห็นภาพเหล่านักเดินทางแบ็คแพ็คเกอร์ไป ๆ มา ๆ ที่นั่นอยู่บ่อย ๆ“ เจน ฉันคิดว่าตัวฉันกำลังจะตาย ฉันควรจะทำอย่างไรดี? ฉันยังไม่เคยเห็นความงามของ เอ๋อไห่ ด้วยตาของตัวเองเลย”เจนจะไม่มีวันลืมเสียงอันไพเราะ แต่น่าเศร้านั้น เธอกอดผู้หญิงคนนั้นและใช้อุณหภูมิร่างกายของเธอเพื่อทำให้ร่างกายของผู้หญิงคนนั้นค่อย ๆ เย็นขึ้นในขณะที่เธอกำลังจะตาย ดวงตาที่สดใสของหญิงสาวยังคงเต็มไปด้วยความปรารถนา เธอมองไปที่ท้องฟ้านอกหน้าต่างโลหะเล็ก ๆ ของเรือนจำและพูดว่า“ เจนบอกตรง ๆ ว่าฉันไม่เคยไปที่ เอ๋อไห่ ฉันเห็นความงดงามนั้นแค่ในจอทีวีและในนิตยสาร ฉันรู้ว่าแม้
เรย์กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เอลิออร์เข้ามาขัดจังหวะเขา ดวงตาที่แคบยาวเป็นประกายด้วยความเจ้าเล่ห์ขณะที่เขาพูดว่า “โอ้เธอทำอะไรอยู่นะเหรอ? เธอทำให้คุณชายสจ๊วตโกรธเห็นไหม? วอดก้าขวดนั้น” เอลิออร์ ชี้ไปที่ขวดบนโต๊ะอย่างลวก ๆ “คุณชายสจ๊วตให้ทางเลือกสองทางกับเธอคือดื่มทั้งขวด หรือจูบกับผู้ชายคนนั้นต่อหน้าทุกคนเพื่อความบันเทิง”“โอ้ว ~” ไฮด์ลากเสียง “โอ้ว” ยาวพรางค่อย ๆ เดินไปที่เจนและทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ฌอนซึ่งยังคงนั่งอยู่บนโซฟาของเขา ไฮด์ลูบคางตัวเองอย่างโอหังพลางพูดว่า“นายจะสนุกแน่นอนคุณชายสจ๊วต เนื่องจากนายอยากที่จะดูการแสดงที่ร้อนแรง ฉันจะอาสาเป็นนักแสดงนำชายให้เอง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะคุยโวนะ แต่ฉันหน่ะจูบเก่ง จูบของฉันหน่ะสุดยอดอันดับหนึ่งเลย”ด้วยเหตุนี้เขาจึงเคลื่อนไหวตัวอย่างรวดเร็วเอื้อมแขนยาว ๆ ออก และดึงเจนที่ยังยืนมึนงงเข้ามาในอ้อมกอดของเขาเจนไม่มีเวลาตอบโต้ และล้มลงในอ้อมแขนของเขา วินาทีต่อมามีความอบอุ่นที่ริมฝีปากของเธอและดวงตาของเธอก็เบิกกว้างทันทีเธอ…ถูกจูบหรอ?ฟิ้วววววว! บรรยากาศช่างเงียบงันมีเพียงแค่เสียงลมพัดผ่านใบหน้าของเธอร้อนขึ้นทันทีและเปลี่ยนเป็นสีแดงตั้งแต่
"ไม่คิดว่าคุณหนูดันน์ ผู้เย่อหยิ่งในสมัยก่อน จะเต็มใจที่จะขอความเมตตาคุกเข่า และจูบผู้ชายต่อหน้าผู้คนมากมาย บอกฉันทีว่าคุณคิดว่าชายชราโจเซฟ ดันน์จะรู้สึกอับอายแค่ไหนถ้าเขาได้ยินเรื่องนี้” โจเซฟคือชื่อพ่อของเจนร่างกายของเจนสั่นสะท้านและเธอก็หน้าซีดทันที แต่วินาทีถัดมาเธอจำอะไรบางอย่างได้และเริ่มที่จะตอบโต้ด้วยริมฝีปากที่ซีด ๆ ของเธอ “ครอบครัวดันน์ไม่มีลูกสาวชื่อเจน ฉันเป็นแค่นักโทษ” เธอมองไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาตรงหน้าเธอ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นใบหน้าชายในฝันของเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้หายใจและอยู่อย่างสงบ"คุณชายสจ๊วต ฉันเป็นแค่นักโทษชั้นต่ำ ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมอย่างคุณ ไม่ควรมีอะไรที่ข้องเกี่ยวกับฉันดังนั้นโปรดช่วยปล่อยฉันไปเถอะ” เธอบังคับให้เขาหวาดกลัว และพยายามทำตัวเองให้ต่ำต้อยที่สุด ทั้งหมดที่เธอทำก็เพียงแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขศักดิ์ศรีของเธอมีความหมายอย่างไรกับเธอตอนนี้? ในที่สุดเธอก็เดินออกจากคุกมืดนั้น ในที่สุดเธอก็สามารถมองเห็นแสงแดดแสงตะวันได้แล้ว เธอไม่ต้องการละทิ้งความอบอุ่นนี้ที่เธอต่อสู้มาอย่างหนักเพื่อที่จะรู้สึกไปเพียงเพื่ออยากจะชนะดวงตาของฌอนหรี่
มีตู้เอทีเอ็มตรงข้ามละแวกบ้านของเธอ เธอใส่บัตรธนาคารของเธอเข้าไปในตู้ และเมื่อเธอเห็นตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าจอเจนก็กัดฟันของเธอ และถอนเงินจำนวณสองพันเหรียญออกมาเมื่อกดเงินแล้ว เธอก็เรียกรถแท็กซี่ และบอกกับแท็กซี่ "ได้โปรดพาฉันไปที่ ... " เมื่อเธอเข้าไปนั่งข้างในรถเท่านั้น เธอเพิ่งจะคิดได้ว่า ... เธอกระวนกระวายรีบที่จะหนี แต่ไม่ทันได้คิดว่าเธอจะไปที่ไหน"คุณกำลังจะไปไหน?" คนขับแท็กซี่กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพึงพอใจนัก“ ฉันจะไปที่ไหน…?” เจนรู้สึกงุนงง ทันใดนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าแม้โลกใบนี้จะมีขนาดใหญ่มหึมา แต่เธอก็ไม่มีที่จะไป“ คุณจะไปไหนหรือเปล่า? ถ้าไม่ก็ลงไป ฉันมีธุระต้องทำ” คนขับแท็กซี่ขมวดคิ้วและดูถูกเจน ชิ …วันนี้ฉันช่างโชคร้ายซะจริง ๆ เชียว? เขากล่าวหลังจากที่ออกจากบ้านมาและพบเจนในรอบแรกของการรับผู้โดยสาร“ ... ขอโทษค่ะฉันยังคิดไม่ออกว่าจะไปไหนดี” เจนพูดช้า ๆ แม้ว่าคนขับแท็กซี่จะอารมณ์ไม่ดีและตะคอกใส่เธอ แต่เธอก็ไม่สู้และกล่าวขอโทษอย่างน่าเวทนา มันทำให้เธอดูอ่อนแอ และช่างน่าสมเพชยิ่งนักคนอ่อนแอถูกเหยียบย่ำเหมือนพรมบนพื้นและมันก็เป็นเช่นนั้นมาตลอด คนขับแท็กซี่โกรธยิ่งขึ้นเมื
ฉันชื่อ ลูก้า สจ๊วต มันเป็นชื่อแปลก ๆ ใช่ไหม? แบบว่ามันเหมือนกับคำว่า ‘ดูสิ! สตูว์’คุณปู่ของฉันตั้งชื่อให้ฉัน ประสบการณ์หลายปีของฉันตอนเป็นเด็กบอกฉันว่าปู่ของฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ดีไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่นเลย แค่ดูชื่อที่เขาตั้งให้ฉันสิ เขามีชื่อที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขากลับตั้งชื่อแปลก ๆ นี้ให้กับฉันอย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ฉันทักท้วงเรื่องนี้กับเขา เขามักจะบอกว่านั่นเป็นความผิดของพ่อฉัน ถ้าพ่อเป็นเด็กผู้หญิงนั่นจะเป็นชื่อของเขาแทนดูสิ คุณปู่เป็นคนที่ตั้งชื่อที่น่ากลัวนี้ให้ฉัน แต่เขายังคงโยนความผิดทั้งหมดให้พ่อของฉันอ้อ ลืมแนะนำตัวอย่างเป็นทางการไปเลยปู่ของฉันชื่อ ฌอน สจ๊วตเขาค่อนข้างเป็นคนที่น่าทึ่งในวัยเยาว์ย่าของฉันชื่อ เจน ดันน์บางครั้งฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองคนลงเอยด้วยกันได้อย่างไร พวกเขาเป็นคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะปู่กับย่าของฉันได้หย่าร้างกันก่อนที่พ่อของฉันจะเกิดเสียอีกหลังจากการหย่าร้างครั้งนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้แต่งงานกันใหม่นะพวกเขาน่าจะแยกทางกันไปอย่างสันติ แต่คุณปู่ก็ไร้ยางอายอย่างที่สุด เขาจึงคอยรบกวนคุณย่าของฉันตลอดเวลาเลยเท่าที่ฉันจำไ
ที่โรงพยาบาล ประตูวอร์ดถูกเปิดออกเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีเสียง ครั้งนี้ดอสไม่ได้แจ้งการมาถึงของแขกล่วงหน้าเมื่อเอลิออร์มาถึงอย่างรีบร้อน เขาก็เห็นผู้หญิงคนนั้นก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร อโลร่าก็ดึงเขากลับออกไปที่ทางเดิน ประตูเปิดแล้วปิดลงอีกครั้งคนบนเตียงนอนตะแคง และกำลังหลับอยู่ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังฝันถึงอะไร แต่ใบหน้าที่ขมวดคิ้วลึกแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีความฝันที่น่าพอใจนักมือของเขาวางอยู่บนผ้าห่ม แหวนแต่งงานของเขายังคงอยู่บนนิ้วของเขาหญิงสาวเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าเตียงของเขาดวงตาของเธอสดใส และชัดเจน เธอจ้องมองแหวนบนนิ้วมือของเขาไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เธอจ้องไปที่แหวนเป็นเวลานานนาน จนเธอรู้สึกงุนงงหลังจากนั้นไม่นานดวงตาของชายคนนั้นก็เบิกโพลง สิ่งแรกที่เขาเห็นคือคนในความฝันเขายิ้มหน้าซีดให้เธอ “โอ้ ฉันฝันไปอีกแล้วสินะ”ราวกับว่าเขากำลังคุยกับเพื่อนที่เขาไม่ได้เจอมานาน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และดีใจจนแทบจะเห็นได้ชัดผ่านการแสดงออกทางร่างกายของเขา "ดีแค่ไหน. คุณยังเต็มใจจะมาเยี่ยมฉันในความฝัน”หญิงสาวยืนอยู่ที่เตียงของเ
"เจน เอ๋อไห่ไม่ใช่สวรรค์หรือความสงบตามที่เธอพูดหรอก มันเป็นเพียงแค่การหลบหนีของเธอ" อโลร่ากล่าวอย่างเคร่งขรึมเธอไม่ควรพูดทั้งหมดนี้ แต่เธอเห็นบางสิ่งที่เจ้าตัวมองไม่เห็นบางทีภาพอาจจะดูชัดเจนขึ้นจากคนภายนอกที่เฝ้าดู หรือบางทีอาจจะไม่ถึงกระนั้นเธอก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเจนกำลังลังเลเมื่อสามปีก่อนเธอเคยช่วยเจนหนี เพราะเธอต้องการให้เจนมีชีวิตที่สงบสุขอย่างแท้จริงนับตั้งแต่นั้นสามปีหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป เธอก็เติบโตขึ้นด้วยเป็นเพราะความเป็นผู้ใหญ่ที่เพิ่งค้นพบทำให้เธอไม่เคยหยุดคิดถึงเรื่องนี้เช่นกันเธอคิดถูกหรือเปล่าที่ช่วยเจนหนีเมื่อสามปีก่อน มันอาจจะเป็นความผิดพลาดหรือเปล่านะ?เธอเริ่มคิดว่าเธอคิดผิดในตอนนั้นผู้หญิงคนนี้ถูกผีเข้าเต็ม ๆ ไม่มีทางที่เธอจะหยุด และมองไปรอบ ๆ เพื่อดูผู้คน และข้อเท็จจริงตลอดสามปีที่ผ่านมาอโลร่าได้เห็นว่าฌอนไม่เคยหยุดตามหาเธอเลย ทุกคนบอกให้เขาหยุด โดยบอกว่ามันไม่มีจุดหมายปลายทางเลย บางทีเจนอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเธอยังไม่ตายไป เหตุใดการค้นหาอย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาถึงสามปีจึงไม่เกิดผลอะไรเลย?อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นปฏิเสธที่
"ที่นายมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อที่แค่จะคุยเรื่องของคุณปู่กับฉันหรือเปล่า?" ชายบนเตียงหัวเราะเบา ๆ ความไม่เชื่อเผยขึ้นในแววตาของเขาอย่างชัดเจน “ไมเคิล ลูเธอร์ ชายชราคนนั้นเขาไม่ห่วงว่าฉันจะเป็นหรือฉันจะตายหรอก เขายังมีหลานชายอีกคนที่จะสืบทอดบัลลังก์ของเขา”ไมเคิลหัวเราะอย่างแดกดัน“นายคิดว่าฉันจะกลับไปเป็นสจ๊วตจริง ๆ งั้นหรอ? สถานที่สกปรกแบบนั้น”“นายไม่ได้ต้องการ บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม หรอกหรอ?” ฌอนกล่าวอย่างเย็นชา “ในกรณีนั้น ฉันกลัวว่านายจะต้องผิดหวัง”“สจ๊วตอุตสาหกรรมงั้นหรอ เฮอะ” ไมเคิลกวาดสายตามองไปยังฌอน ก่อนที่จะมองออกไปนอกหน้าต่าง“นั่นเป็นแหล่งเงินแหล่งทองชั้นดีเลย ดังนั้นฉันคิดว่าฉันต้องการมัน นายจะให้ฉันได้ไหมหล่ะ?”“ถ้าฉันไม่ให้ นายจะไม่บังคับเหรอ?”“ถ้านายเป็นคนถือมัน แน่นอน” ไมเคิลไม่พยายามปิดบังความทะเยอทะยานของเขา “แต่ถ้านายตายไป ฉันจะไม่เอามันมาจากเธอหรอก”ฌอนหรี่ตา “นายแน่ใจถึงความภักดีต่อความรู้สึกของนายที่มีต่อเธอไหม ฉันควรจะขอให้นายดูแลเธอก่อนที่ฉันจะตายหรือไม่?”“เฮ้อ ตัดเรื่องตลกออกไปก่อน นายกำลังจะตาย พวกนายทั้งสองไม่ได้หย่าร้างกันแล้วหรอ?“นั่นมันหมายค
ไมเคิล ลูเธอร์ เข้าสู่คฤหาสน์เก่าแก่ของสจ๊วต"คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างไม่ใช่เหรอ?"โดยไม่มีคำเตือนหรือบริบทใด ๆ เขาก็ตะโกนใส่ชายชราสจ๊วตที่กำลังจิบชาอย่างใจเย็นอยู่“คุณมาจากทางไหนกลับไปทางนั้นเลย…ถ้าจะมาเพื่อแสดงกิริยาความไม่เคารพต่อปู่ของคุณอย่างนี้?” ชายชราสจ๊วตวางถ้วยน้ำชาลง ใบหน้าอันแก่ชราของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างยากลำบาก“คุณเป็นคนวางแผนเรื่องพ่อบ้านซัมเมอร์เองไม่ใช่หรอ?“ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางกล้าทำหรอก จริงไหม?”"หมายความว่ายังไงหรอ? ฉันเป็นคนทำให้พ่อบ้านซัมเมอร์ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?""คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของเจน นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากที่จะรู้ความจริง เป็นคุรจริง ๆ ใช่ไหม?!" ไมเคิลยืนยันความคิดของตัวเองช่วงเวลาที่ชายชราสจ๊วตได้ยินชื่อของเจน การแสดงออกของเขาก็เคร่งขรึมลงในทันที “นี่หลานจะท้าปู่ของตัวเอง และแสดงกิริยาเช่นนี้ เพียงเพื่อเธอคนนั้นหรอ?”“นั่นคงหมายความว่า…คุณยอมรับมัน”ไมเคิลกำหมัดแน่น ทั้งตัวของเขานั้นสั่นสะท้านด้วยความโกรธ "เธอไปทำอะไรให้คุณปู่ขุ่นเคืองหรือ?""ทุก ๆ อย่าง ทุกอย่างที่เธอทำ มันทำให้ฉันขุ่นเคือง""เธอเป็นแค่เด
สามวันต่อมา บุคคลนั้นไม่ได้กลับเข้าบ้านอีกเลยเทรส และคัวโตรยืนอยู่ที่ประตูอย่างเงียบขรึมราวกับว่าพวกเขาทั้งสองคือรูปปั้นของเทพผู้พิทักษ์ที่อยู่อาศัยของเธอจากก่อนหน้านี้ได้ถูกไฟไหม้เสียหายไปบางส่วน เธอจึงกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์สจ๊วตก่อน ลึกเข้าไปภายในคฤหาสน์ เธอไม่ได้ยินเสียงนกหรือกลิ่นดอกไม้ใด ๆ เลย พ่อบ้านก็เป็นมืออาชีพมาก ๆ เขาจัดเตรียมทุกอย่างเพรียบพร้อมไว้สำหรับเธอนอกเหนือจากเทรสและคัวโตรแล้ว เธอก็ไม่ค่อยได้พบใครเลย เธอไม่ได้พูดคุยกับใครเลยไม่แม้แต่เทรส และคัวโดรก็ไม่ได้คุยกับเธอสำหรับพ่อบ้านประจำตระกูล เขามักจะทำตัวสุภาพกับเธอทุกครั้งที่พบกันตอนนี้หูของเธอมันไร้ประโยชน์จริง ๆ แล้วปากของเธอก็คงเป็นเพียงแค่เครื่องประดับบนใบหน้าเพียงเท่านั้นคนรับใช้บางคนที่นี่ก็ดูคุ้นเคย ในขณะที่บางคนก็คงจะมาใหม่เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มันไม่สำคัญหรอกไม่ว่าใครในบ้านนี้เมื่อพวกเขาพบเห็นเธอ พวกเขาก็จะโค้งตัวด้วยความเคารพก่อนจะเดินจากไปทำงานของตัวเองต่อเธอนั่งมองดูคนสวนกำลังทำสวนผ่านกระจกหน้าต่างแม้ว่าในฤดูนี้ใบไม้ และดอกไม้ต่าง ๆ ในสวนจะร่วงโรยไปจนหมดแทบไม่มีสีสันในสวนหลงเหลืออยู่เล
วันผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกของเจสันเขาเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงดันน์อยู่ดูแลข้าง ๆ เขา"อย่าประหม่าไปเลย เจสัน ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี" คุณหญิงดันน์ปลอบใจ ถึงกระนั้นลูกชายของเธอก็ยังคงเอาแต่เงียบขณะที่เธอจ้องไปที่หน้าของลูกชายของเธอ เธอก็เอาแต่ด่าเจนในใจ"ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่มีจิตใจดีคนนี้ที่บริจาคให้กับลูก นังเจน เด็กคนนั้นก็เกือบจะฆ่าลูกแล้ว"เจสันจ้องมองอย่างไม่พอใจ"คุณแม่ พอได้แล้ว!""หือ? ลูกเป็นอะไรไป?“แม่กำลังรู้สึกเสียใจกับลูกนะ จะมาตะโกนใส่แม่ทำไม?”“คุณแม่ อย่าพูดถึงเจนแบบนั้นนะ”“ทำไมจะทำไม่ได้? เธอไม่สนใจสมาชิกในครอบครัวของเธอเองเสียด้วยซ้ำ”คุณหญิงดันน์เกลียดลูกสาวคนนี้สุดหัวใจแม้ว่าจะได้รับการชี้แจงว่าเธอเข้าใจผิดว่าเจนไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง แต่คุณหญิงดันน์ก็ยังคงมีอคติกับลูกสาวคนนี้ของเธออยู่ดีหลังจากนั้นเธอก็เอาแต่เลี้ยงดูลูกชาย และคอยอยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก มันจึงทำให้ลูกชายของเธอสนิทกับเธอส่วนนังเด็กคนนั้น ... เด็กเลว ๆ คนนั้น เธอกลับมาที่เมืองเอสนี้ในตอนนั้น ก็เพื่อที่จะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของ ดันน์ กรุ๊ป ไปดันน์ กรุ
วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ชายคนนั้นมักจะทำอาหารทุกมื้อของเธอด้วยตัวของเขาเอง เมื่อเขาออกไปทำงานเขาจะพาผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ข้าง ๆ ตัวเขาตลอด ทำให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา พวกเขาจึงดูเหมือนคู่รักที่แสนหวาน และรักกันมากมีความอิจฉาริษยาในสายตาของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อพวกเขาเห็นเจนอยู่กับฌอนเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ทุกคนในแวดวงต่างรู้ว่าทั้งสองมักจะตัวติดกันอยู่ตลอดเวลามีใครบางคนถอนหายใจออกมา ‘เจน ดันน์ จากตระกูลดันน์ ได้ครอบครองหัวใจชายคนนี้ในที่สุด หลังจากที่เธอไล่ตามฌอนในตอนนั้นเธอดูเป็นคนที่กล้าแสดงออกมาก 'คนทั่วไปต่างก็คิดว่า ในที่สุดเจนก็ได้รับในสิ่งที่เธอต้องการแล้วในวันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่ง“ฉันอยากเจอเขา”"ใคร?""... พี่ชายของฉัน"มีความสั่นไหวในดวงตาของชายคนนั้น ถึงกระนั้นเขาก็ยังรักษาภาพพจน์ของตัวเอง"คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเจสัน"เขาพูดด้วยท่าทางสบาย ๆเจนบีบหมัดของเธอแน่น และหลังจากนั้นไม่นาน…"สภาพของเขาคงดูไม่ดีนัก ฉันจึงอยากจะเห็นด้วยตาของตัวเอง""นี่ผมปฏิบัติต่อคุณไม่ดีพอหรือ?" ชายคนนั้นเชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอกำลังพยายามที่จะหนีจากเขาไปอีกครั้ง “เจสัน
ในที่สุดเจนก็ตื่นฟื้นขึ้นมา เมื่อเธอตื่นขึ้นมาห้องก็มืดสลัว เธอลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เธอไม่ได้ตกใจกับชายที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาภายใต้แสงไฟอันอบอุ่นในห้องนั่งเล่นนั้นในห้องนั่งเล่นระดับเสียงของทีวีนั้นมันถูกตั้งไว้ในระดับที่ต่ำที่สุด ราวกับว่าเขากังวลว่าเขาจะรบกวนเธอจากการพักผ่อน ถ้าหากเขาเปิดเสียงดังกว่านี้เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากทางเดิน ชายคนนั้นรีบหันไปมองทันทีพวกเขาทั้งสองสบตากันอารมณ์ของพวกเขาทั้งสองดูเหมือนว่ามันจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มันดูราวกับว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันมานานมากแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจซึ่งกันและกันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร พวกทั้งสองไม่ได้ทำลายความสงบสุขที่แปลกประหลาดนี้ทุกอย่างมันดูราวกับว่า ... พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติชายคนนั้นลุกขึ้นยืนและเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ เขาอุ่นโจ๊ก และวางไว้บนเคาน์เตอร์บาร์หญิงสาวเดินเข้าไปเงียบ ๆ จากนั้นเธอก็นั่งทานอาหารดูเหมือนกับว่าที่นี่มันไม่เคยมี ความรัก – ความเกลียด พัวพันระหว่างทั้งสอง ไม่มีความทรงจำที่เจ็บปวดร่วมกันเกิดขึ้นทุกคนอาจจะคิดว่าบรรยากาศช่างเต็มไปด้วยค