รวิกานต์อ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง นั่งเหวออย่างตั้งสติรับไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของคู่แค้นตัวเอ้‘ผีหลอกหรือเปล่าวะเรา’ ยังไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นและที่ได้ยิน ก้มมองอาหารในจานสลับมองหน้าภามที่หันมาเอาอกเอาใจแกะเปลือกกุ้งจนเหลือแต่เนื้อในสีชมพูสดและตักมาป้อนให้อีกครั้ง“กินยาไม่เขย่าขวดหรือเปล่าคะพี่ภาม หรือว่าไม่สบายเพราะทนเห็นไทนี่หวานกับผู้ชายคนอื่นไม่ไหว เจ็บปวดใจจนจะกระอักเลือด” มือเล็กยื่นไปทาบหน้าผากกว้างแต่ก็ไม่เห็นจะร้อนเลยสักนิด แต่ทำไมท่าทีของภามมันถึงได้แปลก ๆ โอ๊ย! ปวดหัว คิดอะไรไม่ออกแล้ว เอาวะ จะเอาไงก็เอากัน“ทำไมฉันจะต้องไปสนใจผู้หญิงใจง่ายด้วยล่ะก้อย อยู่กับฉันปากก็บอกว่ารักฉัน แต่ดูสิมาถึงตอนนี้ขนาดว่าแฟนเพื่อนก็ยังคิดจะแย่งชิง ไม่รู้ว่าจะเรียกใจง่ายหรือว่าหน้าด้านแทน” ภามหันไปจิกกัดนันทิยาอีกดอก มองดูหน้าขาวๆ ที่มันแดงก่ำและประกายในดวงตากร้าวแข็งเป็นประกายพร้อมจะเปลี่ยนเป็นมีดทิ่มแทงให้เขาต้องเจ็บกายและใจนันทิยาสะอึกและเจ็บจี๊ดที่หัวใจ นี่ขนาดว่าอยู่ต่อหน้าเพื่อนเธอ ต่อหน้าคนอื่นนะ ภามยังด่าว่าเธออย่างไม่คิดจะรักษาหน้ากันบ้างเลย“พี่ภามว่าใครใจง่ายและหน้
‘กระทืบให้จมดิน โทษฐานที่กล้ามาทำหวานใส่นางบำเรอของเขา’“ช่วยหน่อยก็ดีค่ะพี่ภาม ไอ้มดร้าย ๆ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไปเสียที ไม่รู้จะดื้อด้านไปถึงไหน”“มันจะมากเกินไหมก้อย”ไหล่กว้างเลิกขึ้นสูง “ไม่มากหรอกค่ะกับสิ่งที่เจ้านายทำกับก้อยน่ะ กลางวันคิดจะลากก้อยขึ้นเตียง แต่พอกลางคืนกลับมาอี๋อ๋อกับเพื่อนรักของก้อยน่ะ ผู้หญิงไม่ใช่ของเล่นค่ะเจ้านาย” รวิกานต์ส่งยิ้มให้กับนันทิยาที่รู้ทัน สองร่างผุดลุกจากเก้าอี้พร้อม ๆ กันรวิกานต์ยื่นมือไปคว้าเหยือกใส่น้ำซึ่งมีน้ำแข็งก้อนโต ๆ และน้ำเย็นจัดราดลงไปบนศีรษะรัฐภาสเต็ม ๆ“จำไว้นะคะเจ้านาย ผู้หญิงไม่ใช่ของเล่น และก้อยก็ไม่ใช่ของตายสำหรับเจ้านายด้วย” รวิกานต์พูดเสียงลอดไรฟัน ดวงตากลมโตเป็นประกายดุและแข็งกร้าว อย่างรวดเร็วฝ่ามือเล็กก็ฟาดไปบนใบหน้าคร้ามแกร่งจนมีเสียงดังเผียะพร้อมกับใบหน้าคร้ามแกร่งที่หันไปอีกฝั่งเพราะแรงที่รวิกานต์ทุ่มลงไปเต็ม ๆนันทิยาไม่ปล่อยให้เพื่อนรักเป็นนางร้ายอยู่เพียงลำพัง ท่ามกลางเสียงวี้ดว้ายของผู้คนที่ตกใจและหันมามองว่ามันเกิดอะไรขึ้น ร่างโปร่งบางในชุดราตรีสั้นสีฟ้าน้ำทะเลยาวแค่เข่าก็ลุกออกจากเก้าอี้ที่นั่ง พร้อมด้วยไวน์สีสวยเต็มแก
“จะเอาไงดีไทนี่ เราจะไปทางไหนดี” รวิกานต์เอ่ยถามเสียงเครียดขัดขึ้นมากลางคัน วงหน้าสวยหันมองหลังอยู่ตลอดเวลา ด้วยความกลัวว่าสองคนนั้นจะตามมาทัน“แกติดต่อยายตาลบ้างไหมก้อย” นันทิยาเอ่ยถามถึงเอวิตราเพื่อนรักอีกคนที่เธอเองไม่ได้ติดต่อไปเลยหลังจากที่เรียนจบ ไม่รู้ว่าเพื่อนสาวจะเป็นยังไงบ้าง “ไปหาตาลกันไหมก้อย”“หือ...เปล่า แต่เคยเจอมันเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นมันกำลังเฮิร์ตหนัก” ศีรษะทุยพยักรับ เมื่อเห็นประกายตาสงสัยจากนันทิยา“เออ...อย่างที่แกคิดนั่นแหละ ยัยตาลมีปัญหากับสามี เลยหนีมาพร้อมลูกในท้อง แล้วอีตาสามีก็ตามหาตัวจนเจอ ก่อนบังคับเอาตัวไป”“แกจำคนผิดหรือเปล่า ไหนยายตาลบอกว่า ชาตินี้จะไม่แต่งงานไง”ยังจำได้ว่าเอวิตราเคยพูดอย่างหนักแน่น ชาตินี้เธอจะไม่ขอรักผู้ชายคนไหน จะไม่ยอมกลายเป็นยัยแจ๋วทำงานบ้านและเลี้ยงลูกงก ๆ ส่วนสามีน่ะลอยหน้าลอยตาจีบหญิงไปวัน ๆ เพื่อนเธอคนนี้มีครอบครัวแตกแยก เลยไม่ศรัทธาในสถาบันครอบครัวและไม่เชื่อมั่นในตัวผู้ชาย“ความรักและความต้องการของผู้ชายเวลามันมาแกคิดว่ามันจะขวางได้หรือไงไทนี่” รวิกานต์ถามตรง ๆ ก็ตัวเธอนี่ไงเป็นตัวอย่างที่ดีเลยละ เข้าใกล้รัฐภาสทีไรเหมือนกับ
นันทิยาตัวสั่น ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ ขนตามเรือนกายลุกชัน ยืนตัวแข็งเหมือนกับถูกตรึงไว้ ขยับไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ในท้องน้อยเริ่มปั่นป่วน ไฟร้อนผ่าวแล่นพล่านไปทั่วกาย เน้นหนักที่พวงแก้มอิ่มเต็ม ในหัวใจเต้นรัวเร็วเหมือนกับกลองเพลสลับไหววูบเหมือนกับจะหล่นไปกองอยู่ปลายเท้า หงุดหงิดใจที่ทำอะไรไม่ได้ ไหนจะถูกจองจำด้วยคีมเหล็กที่รัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก“ปะ...ปล่อย...ปล่อยไทนี่นะพี่ภาม” กว่าที่หญิงสาวจะหาเสียงตัวเองเจอและบอกให้อีกฝ่ายปล่อยตัวได้ก็ถูกลากจูงไปเกือบจะถึงรถแล้ว หันไปมองรวิกานต์ก็ถูกรัฐภาสลากจูงไปที่รถ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปช่วยเหลือยังไงดี ในเมื่อตัวเองก็เอาตัวแทบจะไม่รอดแล้ว“ปล่อยนะ ไทนี่จะไปช่วยก้อย” นันทิยาหน้าเสียเมื่อเห็นรวิกานต์ถูกรัฐภาสจับยัดใส่รถ ก่อนจะวิ่งไปประจำตำแหน่งคนขับและขับออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนลมพายุ“จะไปสนใจเรื่องของคนอื่นทำไมล่ะไทนี่ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะยายตัวแสบ กว่าฉันจะจับตัวเธอได้เล่นเอาเหนื่อย แถมยังจะเจ็บตัวอีก ฉันไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆ แน่นันทิยา” ภามถามน้ำเสียงเซ็กซี่ปนดุกระด้างให้หัวใจนันทิยาเต้นกระหน่ำรัวเร็ว ด้วยความรู้สึกที่มันหลากหลายแยกแยะไม่ถูก
ปัง! ภามปิดประตูรถดังโครมใหญ่อย่างไม่ชอบใจในคำพูดจากปากอวบอิ่ม ไม่รู้ทำไม เขามันน่าเกลียดนักหรือไง ถึงได้คิดแต่จะหนีลูกเดียวน่ะ สองมือใหญ่ยกขึ้นเท้าสะเอว เดินวนไปเวียนมาอยู่ชั่วครู่ แต่สายตาเผอิญเหลือบมองไปเห็นนันทิยากำลังจะเปิดประตูหนีเขาอีกครั้ง“โว้ย!! ผู้หญิงห่าอะไรวะ เรื่องมากฉิบเป๋ง ตัวเองอยากจนตัวสั่น แต่ยังจะเล่นตัวให้เขาตามอีก บ้าอย่างนี้มันน่าจะมัดตรึงกับเตียงไม่ต้องไปไหนเลย” ภามสบถเสียงเขียวด้วยความหงุดหงิดในอารมณ์ รีบปลดเข็มขัดออกจากเอว เปิดประตูแทบจะเป็นกระชาก“ว้าย! กรี๊ด ไม่นะพี่ภาม” เมื่อรู้ว่าภามกำลังคิดจะทำอะไรนันทิยาก็รีบร้องห้ามพร้อมกระเถิบตัวหนี แต่กลับถูกอีกฝ่ายกระชากตัวกลับมาพร้อมจับมือเธอไพล่ไปด้านหลังและมัดด้วยเข็มขัด“ไม่นะพี่ภาม ปล่อยไทนี่นะ ปล่อย...” เสียงที่ออกมาเป็นกระอึกกระอักแทน เมื่อภามทนไม่ไหวคว้าเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามายัดใส่ปากอวบอิ่ม“ทีนี้ก็เงียบได้แล้วใช่ไหมไทนี่”ปัง! ประตูปิดดังปังใหญ่ ปิดทางหนีนันทิยาจนหมดสิ้น น้ำตาอุ่นร้อนเริ่มเอ่อล้นคลอเบ้า ใบหน้าสวยเชิดขึ้นสูงอย่างไม่ยอมที่จะให้น้ำตาไหลลงมาให้ภามหัวเราะเยาะรัฐภาสปรายสายตามองรวิกานต์ที่นั่
“ก้อยไม่ได้หนี ไม่ได้ทำร้ายเจ้านายด้วย เจ้านายนั่นแหละที่ทำร้ายก้อย แล้วก็ถอยออกไปนะคนบ้า ก้อยอึดอัดหายใจไม่ออก” รวิกานต์ไล่เสียงสั่น กลัวใจคนเป็นนายจะทำอะไรบ้า ๆ อย่างที่พูดเอาไว้จนสั่นไปหมดทั้งตัวแล้ว ปลายมือปลายเท้าก็เย็นเฉียบจนเหมือนกับไปยืนอยู่บนก้อนน้ำแข็งแล้วรัฐภาสกลับตอบคำไล่ด้วยเสียงหัวเราะดังข้างใบหูเล็ก พร้อมปากหนาที่มันทาบขบกัดเบา ๆ ให้ท้องไส้คนตัวเล็กกว่าวาบหวิวปั่นป่วนเหมือนกับสายน้ำที่มันไหลหมุนวน “แล้วถ้าฉันไม่ถอยไปล่ะก้อย เธอจะทำอะไรฉันล่ะ” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มและเซ็กซี่ขาเรียวยาวอ่อนยวบแต่รวิกานต์ก็รีบดึงสติกลับคืนมา แม้ท่วงท่าที่ยืนอยู่จะไม่ค่อยอำนวยสักเท่าไหร่ในการทำให้ร่างหนาใหญ่ขยับห่างไป แต่ไม่ลองมันก็ไม่รู้ รอยยิ้มแต้มบนมุมหนึ่งของกลีบปากอวบอิ่ม ประกายในตากลมโตวาววับสะท้อนกับแสงไฟนีออนหลอดเล็กบนเพดาน“ก้อยก็จะทำอย่างนี้ไงคะเจ้านาย”ปึก!เท้าเล็กเขย่งขึ้นเล็กน้อยพอให้เข่ามนกระแทกไปยังจุดยุทธศาสตร์ของรัฐภาสเต็ม ๆ แต่ความสูงเกือบจะสองเมตรของอีกฝ่าย ทำให้เธอเสียหลัก แต่ถึงแม้จะโดนไม่เต็มที่แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มนั้นถอยห่างออกไปได้ เลยถือโอกาสฟาดฝ่ามือไปบนใ
ใบหน้าสวยงองุ้ม อะไร? เธอไปจุดไฟต้องการให้เมื่อไหร่กัน มีแต่เขานั่นแหละที่เอาเปรียบเธอตลอดเวลา แล้วรวิกานต์ก็ถกเถียงไม่ได้แต่เสียงไม่ได้ออกจากปาก เพราะถูกปากหนาทาบทับจุมพิตร้อนผ่าวซอกซอนกวาดไล้หาความหวานจากโพรงปากนุ่ม ก่อนขยับเคลื่อนไปทั่ววงหน้านวลเนียนที่แดงปลั่งด้วยเลือดฝาด และเคลื่อนกลับลงมาจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มอีกครั้งอย่างนุ่มนวลอ่อนโยนริมฝีปากหนาขบกัดดูดเม้มสลับลากไล้ปลายลิ้นไปตามกลีบความนุ่มละมุนเหมือนกับกลีบดอกไม้ เปิดแยกกลีบดอกไม้ที่ปิดสนิทสอดแทรกปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดพลิกพลิ้วกับปลายลิ้นเล็กๆ ฝ่ามือร้อนระอุลูบไล้ลำตัวกลมกลึงระเรื่อยเอื่อยๆ เหมือนกับสายลมที่มันพัดแผ่วพลิ้วไปตามยอดไม้ใบหญ้า ขยำนวดบั้นท้ายหนั่นแน่น ลากไล้เรื่อยลงไปตามปลีน่องกลมกลึง ตวัดปลายมือสอดแทรกไปใต้ร่มผ้า ลูบไล้ลำขาเสลาเรื่อยไปจนถึงต้นขาด้านใน“...” รวิกานต์สะดุ้งไหว กายสั่นสะท้านจากเพลิงไฟร้อนผ่าวที่เคลื่อนไหวไปอย่างอิสรเสรีบนเรือนกายนุ่มนิ่ม แม้ร่างกายจะยังมีเสื้อผ้าขวางกั้นอยู่ แต่ไฟร้อนผ่าวแนบจากเนื้อแนบเนื้อแทรกซึมเข้าไปถึงแก่นกายภายใน สร้างความปั่นป่วนระคนวาบหวิวไปทั่วทุกรูขุมขนสมองเริ่มจะไม่ทำตามคำ
“เจ้านาย...” ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดีแล้ว มันเสียววูบวาบเหมือนกับมีประกายไฟร้อน ๆ วิ่งวนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สองขาเรียวยาว ได้แต่ระบายความเสียวซ่านด้วยการถูไถปลายเท้ากับพื้นเตียงรวิกานต์ค่อยหายใจโล่งคอเล็กน้อย เปลวไฟร้อนผ่าวที่คลึงเคล้นปลายยอดทรวงแข็งตัวเป็นไต เคลื่อนไหวลงไปตามลำตัวกลมกลึง เคลื่อนตัวลงไปตามหน้าท้องแบนราบเรียบ ไล้เวียนวนตรงส่วนของสะดืออยู่สองสามรอบ ก่อนจะเคลื่อนลงไปยัง...รีบขยับส่ายสะโพกหนีเมื่อรับรู้ว่ารัฐภาสจะทำอะไร แต่ก็เหมือนดังเคยที่เธอทำอะไรไม่ได้เลย เพราะถูกร่างหนาทาบทับตรึงแนบชิด เส้นชีพจรเต้นตุบ ๆ“ก้อยจ๋า...” รัฐภาสเรียกเสียงนุ่ม เคลื่อนไหวปลายนิ้วทีละน้อย ๆ อย่างรอคอยคำตอบ“จริง ๆ นะ เจ้านายไม่โกหกก้อยนะ”รัฐภาสยิ้มทั้งปากและนัยน์ตา ทาบริมฝีปากร้อนผ่าวเหนือเนินทรวงอกเต่งตึง ส่งความร้อนผ่านเนื้อผ้านุ่มเรียบลื่น“มันจะไม่เจ็บและมันก็จะมีแต่ความสุข” ฝ่ามือใหญ่เคลื่อนไหวลูบไล้ลำขาเสลา ตวัดชายกระโปรงขึ้นมาพำนักบนหน้าท้องแบนราบเรียบ ลากไล้ปลายนิ้วไปตามขอบกางเกงชั้นในบางเบา ขาแข็งแกร่งสอดแทรกระหว่างสองขาเรียว ขยับเคลื่อนปลายนิ้วร้อนระอุไปจนถึงดอกไม้งามที่ยังมีกลีบ
“ไม่เลยไทนี่ พี่ไม่ได้ปากหวาน แต่พี่รู้ตัวว่าทำผิด ทำร้ายไทนี่ให้ต้องอับอายและเจ็บปวด” สองมือใหญ่จับมือเล็กมาทาบบนอกกว้าง“พี่ขอโทษนะไทนี่ น้องจะยกโทษให้พี่ได้ไหม ให้โอกาสกับคนที่รู้ตัวช้าและกลับตัวกลับใจคนนี้ได้พูดได้แสดงออกถึงความรักที่มีแก่ไทนี่...ไทนี่จะยอมให้โอกาสพี่...ให้โอกาสผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนี้ได้ดูแลและรักไทนี่ตลอดไปได้ไหม”ถึงจะได้ยินชัด ๆ จนเต็มสองหูแต่นันทิยาก็ยังไม่เชื่อ ถึงแม้ว่าคำว่ารักที่หนักแน่นที่หลุดออกมาจากปากหนา ให้หัวใจไม่รักดีของเธอก็ละลายกลายเป็นน้ำแล้วก็ตาม เพราะภามคือคนเบื่อง่ายหน่ายเร็ว แรกรักแรกต้องการคำหวานมีให้เสมอ แต่ยามเมื่อรักคลายน้ำต้มผักที่ว่าหวานก็ยังกลายเป็นขม“ไทนี่จะเชื่อได้หรือคะว่าพี่ภามจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องร้องไห้ อับอายและเจ็บช้ำอีก”“ถึงพี่จะให้คำมั่น แต่อดีตที่ผ่านมามันคือความทรงจำอันเลวร้ายที่พี่มอบให้ไทนี่...มันคงจะมีอย่างเดียวที่ทำให้ไทนี่มั่นใจ นั่นคือจากนี้ไปพี่ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักและความจริงใจที่พี่มอบให้สุดที่รักของพี่คนนี้” สองมือใหญ่ทาบบนใบหน้านวลเนียนนุ่ม“ขอแค่ไทนี่ให้โอกาสพี่เท่านั้นพอ...พี่สัญญาจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องน
ริมฝีปากหนาทาบทับบนกลีบปากอวบอิ่มที่เผยอแย้มจะต่อว่าและผลักไสเขาให้ออกห่าง ขบกัดกลีบปากบนสลับล่าง สอดแทรกปลายลิ้นเลาะเล็มซอกซอนหาความหวานจากโพรงปากนุ่มโดยที่นันทิยาเองก็ไม่ขัดขืน และยังจะให้ความร่วมมือส่งปลายลิ้นเล็กๆ มาเลาะเลี้ยวเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นสากระคายเสียอีก เป็นนานกว่าที่เขาจะหักห้ามใจถอนจุมพิตออกอย่างเสียดาย‘โอ๊ย! ไทนี่จ๋า อย่าตอบสนองพี่แบบนี้สิยาหยี เดี๋ยวพี่ทนไม่ไหวปล้ำไทนี่ก่อนจะได้คุยกันนะคนดี’ภามถึงกับร้อนฉ่าไปทั่วทั้งกายเมื่อนันทิยาตอบสนองกลับอย่างไม่มีแง่งอน สัดส่วนความเป็นชายเริ่มขยายตัวนูนเด่นดันตัวผ้าขนหนูออกมาแนบชิดลำขากลมกลึง“คุยกันดี ๆ ไม่คิดหนีและไม่ทำร้ายร่างกายพี่ด้วย พี่จะปล่อย ตกลงไหม” ภามกัดฟันข่มกลั้นความต้องการไว้อย่างสุดความสามารถ ลมหายใจหอบแรงจนกล้ามเนื้อไหวกระเพื่อมนันทิยาขบกัดริมฝีปาก จ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นแล้วเห็นถึงความรักและจริงใจรักหรือ...เธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า อย่างภามนี่นะรักเธอ เป็นไปไม่ได้ เธอคงจะตาฝาดไปเท่านั้น สิ่งที่เห็นเป็นเพียงแค่สายตาที่เอื้อเอ็นดูระหว่างคนที่เคยเติบโตมาด้วยกันเท่านั้นเอง วงหน้าสวยหมองเศร้าลงทันตา รีบตอบคำ
“มองอะไรไม่เคยเห็นคนหรือไง” เมื่ออีกฝ่ายยังเงียบก็อดที่จะตวาดแว้ดไปด้วยความหงุดหงิดระคนวาบหวิวในทรวง แต่เมื่อนึกได้ว่ามาด้วยเรื่องใดก็สูดลมหายใจเขาเต็มปอด ข่มความโมโหเอาไว้ภายในทั้งที่อารมณ์นั้นเดือดปุด ๆ และวาบหวิวจากสายตาคมกริบเอ่ยถามออกไปเสียงแข็ง ห้วนและกระด้าง“พี่ภามทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง จะแกล้งกันไปถึงไหน” หญิงสาวข่มกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจที่สุดท้ายแล้วภามก็ยังไม่ได้ปรับปรุงตัวเองยังทำร้ายหัวใจเธอซ้ำอีก“หือ...ทำอย่างนี้ได้ยังไง?” ภามแสร้งทวงคนถามอย่างไม่เข้าใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง เดินไปนั่งบนเตียงนอนใหญ่ที่เขาเพิ่งจะเปลี่ยนสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา พร้อมข้าวของอีกหลายชิ้นในห้องเพื่อให้เกียรตินันทิยาที่จะไม่ต้องมานอนทับบนเตียงที่เขาเคยพาผู้หญิงคนอื่นมานอน“พี่ภามอย่ามาเล่นลิ้นนะ ไทนี่ซีเรียดนะ” นันทิยาตวาดแว้ดชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนที่ยังอารมณ์ดีที่กวนโมโหจนเธอแทบจะปรี๊ดแตกแล้ว ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้ากรุ่นระอุด้วยไอโกรธที่มันพลุ่งพล่านอยู่ในเรือนกาย ร่ำ ๆ อยากจะเข้าไปทำร้ายคนหน้าเป็น‘ไม่รู้จะยิ้มอะไรหนักหนา ปากน่ะหุบเสียบ้างก็ได้คนบ้านี่’“ไม่ได้เล่นลิ้น
“รักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก้อยก็เป็นเจ้าของหัวใจฉันจนหมดทั้งดวง เลยต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อทุกอย่างทุกทางจนก้อยหลงติดกับไปไหนไม่รอดไง”ปากหนาทาบจากพวงแก้มนุ่มสีพีชสุกไล่ไปถึงริมฝีปากอวบอิ่ม กดลงไปแผ่วเบา นุ่มนวลและอ่อนโยน ตอนที่แผนการนี้ผุดขึ้นมาในสมองเขากลัวแทบตายว่ารวิกานต์จะดื้อดึงดื้อรั้นไม่ยอมง่าย ๆ แต่กาลกลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง แม้จะงอนและโกรธอยู่บ้าง แต่รวิกานต์กลับเข้าใจอะไรได้ง่ายอย่างที่คิด คงจะเป็นเพราะเธอรักเขา...แต่คำนี้นอกจากการกระทำแล้วมันก็ต้องได้ยินจากปากด้วย ถึงจะมั่นใจได้ว่าไม่ได้คิดไปเอง“ว่าไง ยังไม่ตอบให้ชื่นใจเลยนะ รักผมไหม...แล้วเราจะแต่งงานกันใช่ไหมก้อย” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้บนผิวกายเนียนนุ่ม ครอบครองฟอนเฟ้นหน้าอกหน้าใจสาวที่มันอวบอิ่มใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ริมฝีปากจุมพิตเลาะเล็มขบกัดกลีบปากเนียนนุ่มจนรวิกานต์ถึงกับตัวสั่น ยกสองมือดันกายใหญ่ให้ออกห่างอย่างยากเย็น“คุยกันก่อนสิคะเจ้านาย เล่นรุกถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ก้อยทำอะไรไม่ถูกนะคะ” หัวใจรวิกานต์เต้นตึกตัก ๆ รัวเร็วยิ่งกว่ามีใครยิงปืนกลเสียอีก ใบหน้าแดงปลั่งก้มงุดไม่กล้ามองสบสายตามคมกริบที่จ้องทะลุไปถ
ปากและใจบอกว่าไม่...อย่าไปยอมให้รัฐภาสเห็นเธอเป็นเพียงแค่ของเล่นใกล้มือที่จะหยิบมาเชยชมเมื่อไหร่ก็ได้ แต่กายกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพียงแค่ถูกเขากอดจูบเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้นมันก็พร้อมที่จะหลอมละลายกลายเป็นไอ สองมือที่วางทาบอยู่บนลำตัวเริ่มที่จะเคลื่อนไหวไปตามกล้ามเนื้อล่ำสันไปจนโอบรอบบ่ากว้าง เผลอตัวตอบรับจุมพิตหวานแผดร้อนที่แทบจะสูบเอาลมหายใจออกจากปอดจนหมดสิ้นรัฐภาสถอนจุมพิตเคลื่อนไปตามพวงแก้มอิ่มนุ่ม สันจมูกโด่งและสุดท้ายประทับบนดวงตากลมโตที่มันบวมช้ำเพราะการร้องไห้อย่างหนัก“ขอโทษนะก้อยที่ฉันมาช้า อย่าโกรธฉันนะคนดี” ปลายนิ้วยาวร้อนไล้ไปบนกลีบปากอวบอิ่มแดงระเรื่อที่ขบกัดหนี“ปล่อยก้อยได้แล้วเจ้านาย...คุณรัฐภาส” รีบเปลี่ยนเพราะตอนนี้เธอไม่ใช่พนักงานในบริษัทเขาแล้ว และไม่คิดที่จะไปลาออกให้มันถูกต้องด้วย จะทำอะไรก็ทำไม่แคร์“แล้วก็รีบออกไปจากบ้านก้อยด้วย ก้อยไม่ได้เป็นอะไรกับคุณอีกแล้ว” สองมือเล็กผลักดันกายใหญ่ให้ออกห่างและรัฐภาสก็ยอมให้ แต่...กายใหญ่ขยับลุกขึ้นพร้อมกับเกี่ยวเอากายโปร่งกลมกลึงขึ้นไปนั่งบนตักกว้าง จับรั้งไม่ให้เบือนหน้าหนี พร้อมสอดแขนใหญ่กระชับเอวเล็กคอด“หู...หายไปแค่
เปลือกตาบางปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า แพขนตายาวงอนกะพริบถี่ ๆ ก่อนจะลืมตาที่แดงก่ำ รอบ ๆ ขอบตาบวมช้ำขึ้นมาสู้กับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอน พร้อมกับอาการปวดหัวริ้ว ๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้อง มือเล็กยกขึ้นจับลำคอแห้งผากเหมือนกับมีกระดาษมาถูไถอยู่เลยไปถึงพวงแก้มนิ่มที่เย็นจัด ไล่ไปจนถึงดวงตากลมโตที่ถึงตอนนี้ก็ยังมีคราบน้ำตาหลงเหลือติดอยู่กายกลมกลึงพลิกตัวหนีแสงแดดที่ส่องมาจนตาถึงกับพร่าเลือนไปชั่วขณะหนึ่ง ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกจากจมูกที่ตอนนี้มีสิ่งไม่พึงประสงค์อุดอยู่ เสียงท้องร้องประท้วงให้เธอรีบไปหาอะไรใส่ลงไปเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่แบบนี้ ฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากแตกแห้งเพราะขาดการบำรุง พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงก็ยังลำบากยากเย็น เพราะร่างกายหมดไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจากการไม่เอาใจใส่ตัวเอง แม้อาหารก็ไม่คิดจะหามาใส่ท้องเธอร้องไห้มากี่วันแล้ว...ร้องและรอว่าเขาคนนั้นจะมาหา บอกเล่าว่าสิ่งที่เธอเห็นในวันนั้นไม่เป็นความจริง เขายังเป็นคนโสดไม่มีพันธะใดๆ กับใคร แต่รอแล้วรอเล่า จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งคืนและล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ก็ครบหนึ่งอาทิตย์พอดี แต่ก็ไม่มีวี่แววรัฐภาสจะมา...
“เป็นอะไรไปน่ะนนท์ ไปขอน้องรสแต่งงานมาหน้าตาก็ควรจะยิ้มแย้มเหมือนกับคนที่กำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าวสิ แต่ไหงกลับมาหน้าตาเหมือนกับตูดหมึกแบบนี้ล่ะ หรือว่าน้องรสไม่ยอมตกลงหือ” นันทิยาเอ่ยแซวน้องชายที่เมื่อตอนไปเธอเห็นหน้าตาระรื่นบานเกือบจะเท่ากระด้ง แต่พอกลับไหงหน้าตาเหมือนกับคนอมบอระเพ็ดมาก็ไม่รู้“เพราะพี่ไทนี่นั่นแหละ”“อ้าว...นนท์ไปขอน้องรสแต่งงานแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ล่ะ” คนเป็นพี่ถามอย่างไม่เข้าใจ“ตัวเองไม่มีฝีมือเองมากกว่ามั้ง สาวเขาเลยไม่มั่นใจที่จะฝากชีวิตน่ะ”ชานนท์ชักสีหน้าใส่พี่สาวที่ยังคงยิ้มระรื่นไม่รู้สึกรู้สา “ก็พี่ภามน่ะสิ”“พี่ภามทำไม”“พี่ภามบอกว่าไม่มีธรรมเนียมบ้านไหนที่น้องจะแต่งงานก่อนพี่”นันทิยาพยักหน้าหงึกอย่างเข้า เธอก็เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็คงไม่มีใครได้แต่งงานกันแล้วละ“พี่ภามยังจะส่งน้องรสไปดูงานต่างประเทศอีกสามปีด้วย” ชานนท์บอกด้วยหน้าตาอ่อนระโหยโรยแรง กายใหญ่ทรุดตัวลงนั่งไม่ไกลจากที่พี่สาว แหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้อง“เอ๊ะ...พี่ภามเป็นบ้าอะไร มันเรื่องของนนท์กับน้องรสไม่ใช่หรือไง จะบ้าไปใหญ่แล้ว” นันทิยาก่นว่าด้วยความหงุดหงิดระคนโกรธ
“ครับ ต่อไปนี้พี่นนท์จะไม่หึงดะแบบนั้นอีกแล้ว พี่นนท์จะเชื่อใจน้องรส หากมีอะไรที่ทำให้เราไม่เข้าใจกันจริง ๆ พี่นนท์จะรอเวลาให้อารมณ์ที่มันร้อนลดลงแล้วเราค่อยมาคุยปรับความเข้าใจกัน” ใช่...อะไร ๆ มันก็ต้องดีถ้าคุยกันโดยไม่ใช้อารมณ์โกรธ หึงหวงและประชดประชัน“สัญญานะคะ ว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก” นิ้วก้อยเล็กยื่นออกไปและชานนท์ก็ยื่นนิ้วก้อยของเขาออกมาเกี่ยวด้วย“ครับ...สัญญาว่าจะเชื่อใจน้องรส” ปลายนิ้วยาวใหญ่จับตรึงปลายคางมน โน้มใบหน้ามาจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มนุ่มหวานอย่างแสนจะคิดถึง เพียงแค่สามวันเท่านั้นที่ห่างหายจากกายสาวหอมกรุ่นนุ่มนิ่มรัดรึงกายแกร่งก็ทำให้เขาถึงกับโหยหิวเหมือนกับคนที่อดอยากมานานแรมเดือน อย่างนี้จะต้องรีบทำให้รสรินกลับมาอยู่เคียงข้างกายให้เร็วที่สุดและไม่มีวันที่จะจากไกลกันอีกแล้ว“พี่นนท์รักน้องรสครับ...ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็คลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว น้องรสก็ตกลงแต่งงานกับพี่ได้แล้วใช่ไหมครับ”“ค่ะ” รสรินตอบกลับอย่างเอียงอาย ในหัวใจพองโตเหมือนกับลูกโป่งที่มันถูกบรรจุแก๊สจนเต็ม รอยยิ้มแต่งแต้มทั้งวงหน้าและดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับสุกสกาวเหมือนกับดาวบนท้องฟ้า เปี่ยมล้นไปด้วยคว
“น้องรสครับ เมื่อไหร่น้องรสจะหายโกรธพี่นนท์ล่ะครับ” ชานนท์เดินมาจับมือเล็กเรียว แต่ถูกอีกฝ่ายปัดออกและเมินหน้าหนีเสียอีก ทำเอาเขาถึงกับหน้าเสียไปได้ไม่น้อย ไม่รู้ว่าทำไมคราวนี้รสรินถึงได้โกรธนานนัก สามวันแล้วที่ไม่ยอมพูดคุยกับเขาเอาแต่หนีหน้าท่าเดียว“น้องรสไม่ได้โกรธ” ใบหน้าสวยเชิดขึ้นสูง สองมือสอดไขว้ระหว่างอก ไม่ได้โกรธแต่อึดอัดและไม่ชอบที่ชานนท์แสดงพฤติกรรมอย่างนั้น ทำอย่างกับว่าเธอน่ะใจง่ายนักนิ เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้ต้องกระโดดเข้าใส่ อย่างนี้มันไม่เชื่อใจกันนี่นาแล้วจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง“ถ้าไม่โกรธแสดงว่างอน...แล้วเมื่อไหร่น้องรสจะหายงอนพี่นนท์ล่ะครับ รู้ไหมว่าน้องรสเป็นอย่างนี้พี่นนท์กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะครับ”“ไม่รู้ไม่ชี้” รสรินยังคงเบือนหน้าหนี เพราะรู้ใจตัวเองดีว่าถ้าหากเจอบทออดอ้อนและวงหน้าเศร้า ๆ ของชานนท์อีกเพียงไม่ถึงห้านาที ใจที่พยายามจะให้เข้มแข็งไม่ยอมรับคำง้อง่ายๆ ก็จะพานอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งถูกลนไฟ“น้องรสครับ ดีกันนะครับคนดี๊คนดี” สองแขนใหญ่โอบรัดรอบกายโปร่งบาง วางมือใหญ่ทาบทับบนมือเล็กเรียว วางคางแนบกับบ่ากว้าง“จะให้พี่นนท์ทำอะไรก็ได้ ขอเพียงแค่น้องรสยกโทษให้พี