เมเดลีนใช้โอกาสนี้ผลักเขาออกไป พร้อมกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงที่เย็นชามากกว่าเดิม “ฉันจำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะสูญเสียความทรงจำไปไม่ได้เลย และฉันก็ไม่ต้องการรื้อฟื้นสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาด้วย ตอนนี้ความรู้สึกที่ฉันมีต่อนายมีเพียงแค่ความโกรธเกลียดเพียงเท่านั้น เข้าใจที่ฉันพูดไหม? เลิกตามตอแยฉันสักที ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก”เธอสะบัดหน้าหนีอย่างไม่ไยดีพร้อมกับดวงตาที่แข็งกร้าวคู่นั้น “ไปกันเถอะค่ะ เฟลิเป้”“ได้ครับ” ในตอนนี้เฟลิเป้กำลังพยายามทำตัวให้เป็นสุภาพบุรุษโดยการเปิดประตูรถให้เมเดลีนขึ้นไปนั่ง ก่อนเขาจะเดินตามขึ้นรถไป เฟลิเป้ชำเลืองมองไปที่เจเรมี่ซึ่งยืนเงียบขรึมต้านสายลมที่พัดผ่าน สายตาของเฟลิเป้เปล่งประกายราวกับว่าได้คว้าชัยชนะมาไว้ในมือของตนเปรี้ยง!พายุลูกแรกเข้าปกคลุมท้องฟ้าแห่งคืนแรกในฤดูร้อนผู้คนที่ไม่ได้พกร่มกันฝนมา ต่างพากันวิ่งอย่างเต็มฝีเท้าเพื่อไม่ให้เปียกปอน เว้นแต่เจเรมี่ผู้ที่จิตใจล่องลอยไปไกลแสนไกล เขายังคงยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนน้ำตาที่ไหลรินรวมกันเป็นสายเดียวกันสายฝนที่กระหน่ำลงมาเขาหลับตาลงและเห็นเพียงแค่บาดแผลลึกในจิตใจแต่อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อเป็นอย่า
“ลินนี่! ลินนี่!”ภายใต้ความมึนงง เมเดลีนได้ยินเสียงใครบางคนเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวลเธอพยายามลืมตาขึ้นมาอย่างสุดความสามารถ แต่ความพยายามนั้นกลับไร้ผลหลังจากที่หมดสติไป เมเดลีนหลุดเข้าไปในความฝันอันแสนยาวนานณ พื้นที่สีขาวโพลนซึ่งมีหิมะปกคลุม เธอฝันว่าตัวเองกำลังจะจมลงไปในบึงน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ เธอว่ายน้ำไม่เป็น และพยายามตะเกียกตะกายพาตัวเองขึ้นไปที่ริมฝั่ง เจเรมี่อยู่ตรงนั้น ตรงริมแม่น้ำนั่นเขายืนเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนั้น เมื่อมองไปยังรูปร่างอันทรงเสน่ห์ของเขา รอยยิ้มที่ไม่แยแสของเขากลับเด่นสะดุดตากว่าเดิม เธอกรีดร้อง “เจเรมี่ ช่วยฉันด้วย!”ชายหนุ่มไม่ขยับเลยแม้แต่ก้าวเดียว เขาได้แต่มองเธออย่างรังเกียจแสงแห่งความหวังอันริบหรี่ซึ่งเมเดลีนโอบกอดเอาไว้ ค่อย ๆ เลือนหายไปทีละน้อย เวลาเดียวกับร่างกายของเธอที่ค่อย ๆ ดำดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของบึงน้ำอันหนาวเหน็บในตอนที่กำลังจะตายเช่นนี้ เธอกลับเห็นเมเรดิธยืนกอดเจเรมี่อยู่ พวกเขาพลอดรักกันอย่างหวานชื่นต่อหน้าเธอหัวใจของเมเดลีนดำดิ่งลงไปยังก้นทะเลสาบลึก ในตอนนั้นเธอได้ยินเสียงที่แข็งกระด้างของเจเรมี่ได้เต็มสองหู “ฟังให้ดีนะ เมเด
เธอเดินไปเปิดหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดาน และทันใดนั้นลมเย็น ๆ ก็พัดกระแทกหน้าเธออย่างจัง ผมของเธอสยายออกตามแรงลมเธอมองไปยังทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา และแสงทองของพระอาทิตย์ซึ่งกำลังสะท้อนกับผิวน้ำของมหาสมุทร สายลมผัดผ่าน หอบเกลียวคลื่นของท้องทะเลมากระทบฝั่ง กิ่งก้านของต้นปาล์มเอนเอียงไปตามแรงลมนั้นเช่นกัน‘ช่างเป็นวิวที่สวยงาม‘แต่ ที่นี่คือไหนกันแน่?’เมเดลีนคิดไม่ตก พยายามนึกว่าเธอมาที่นี่ได้อย่างไร แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกหลังจากนั้น เจเรมี่ก็เดินกลับเข้ามามือข้างหนึ่งถือชามก๋วยเตี๋ยวทะเล อีกข้างถือแก้วน้ำอุ่น ใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้มไม่ต่างจากเมื่อครู่เขาร้องเรียก เมื่อเห็นว่าเธอไม่ขยับตัวจากระเบียงห้องเลยสักนิด “ทานอะไรสักหน่อยนะ ลินนี่”เมเดลีนยังคงอยู่กับที่จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก เธอเอียงหัวและเปลี่ยนท่าทีไป“นายวางแผนที่จะทำอะไร เจเรมี่? นายจะขังฉันเอาไว้ที่นี่ และทรมานฉันให้ตายเหรอ?”ก่อหน้านี้ เจเรมี่ไม่เคยรับรู้เลยว่าความรู้สึกตอนที่หัวใจแตกสลายมันเป็นเช่นไร จนเมื่อคนรักของเขาแสดงท่าทีอาฆาตพยาบาทแบบนี้ ในที่สุด เขาก็ได้รับรู้มันเองเรียบร้อยแล้ว
มีดอันแหลมคมสะท้อนแสงอยู่ตรงหน้าอกของเจเรมี่แพขนตาของเจเรมี่มองลงต่ำ จากนั้นรอยยิ้มที่ใครเห็นเป็นต้องมนตร์ก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าพร้อมกับดวงตาที่ค่อย ๆ เงยมองเขากำลังจ้องมองไปยังดวงตาคู่งามของเมเดลีน ซึ่งกำลังส่องประกายความกล้าหาญและแสนวิเศษอยู่ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ขู่เจเรมี่เล่น ๆ แต่เธอเอาจริงอย่างไรก็ตาม เจเรมี่เองก็จริงจังไม่ต่างกัน“ลินนี่” เขาเอ่ยชื่อเธอย่างนุ่มนวล แทนที่จะถอยหลัง แต่เขากลับเดินตรงเข้ามา ปลายมีดอันแหลมคมปักเข้าลึกเข้าไปในเสื้อของเขาเธอตกตะลึงเพราะไม่คาดคิดว่าเจเรมี่จะเดินตรงเข้ามาหามีดแบบนี้ในเวลาเดียวกัน เขากำลังยิ้มให้เธออยู่“ลินนี่ ผมรู้ว่าคุณลืมทุกอย่างในอดีตไปหมดแล้ว แต่มันไม่สำคัญอะไรเลย เพราะว่าผมยังจำได้ทั้งหมด” เขาพูดพลางยิ้ม จ้องมองเธอไม่วางตา“ในปีนั้นที่หิมะตกหนัก ผมลงมือทำสิ่งที่ไร้มนุษยธรรมลงไป ผมขุดหลุมศพคุณปู่ของคุณขึ้นมาและโปรยเถ้ากระดูกเพื่อเป็นการเหยียดหยามคุณ ครั้งนั้นคุณกัดฟันแน่นซะจนเลือดไหล แล้วบอกกับผมอย่างกล้าหาญว่า ‘เจเรมี่ ถ้านายไม่ฆ่าฉันทิ้งซะตั้งแต่วันนี้ สักวันฉันจะต้องฆ่านายให้ได้’ ”เขาเอ่ยสิ่งที่เมเดลีนเคยกล่าวในอดีตซ้
“เจเรมี่ ฉันไม่ได้สนใจหรอกนะ ว่านายอยากจะตายรึเปล่า แต่อย่ามาทำให้มือของฉันสกปรกได้ไหม” เมเดลีนจ้องมองเขา และทันใดนั้นหัวใจเธอก็เต้นแรงขึ้นเธอคิดว่าตัวเองคงจะมีความสุขตอนที่ได้ยินว่าคนที่เธอเกลียดจนเข้ากระดูกดำตายไป แต่ตอนนี้ เธอกลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาดตอนที่เห็นรอยเลือดบนเสื้อของเจเรมี่วงใหญ่ขึ้น น้ำตาพลันเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของเธอ เธอรู้สึกหวาดหวั่นและผลักเขาออกไปอย่างไม่สบายใจนัก “ถอยออกไป เจเรมี่ ออกไปจากตรงนี้ซะ! แม้ว่านายจะตายต่อหน้าฉัน ฉันก็ไม่มีวันให้อภัยนาย!”เธอผลักเขาออกไปอย่างเต็มแรง แต่เจเรมี่ยังคงยืนอยู่อย่างนั้น เธอไม่สามารถขยับเขยื้อนเขาออกไปไหนได้เลย แม้ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม“เจเรมี่ ออกไปสิ! ถ้านายไม่ไป ฉันไปเอง!”เมเดลีนรีบพาตัวเองไปที่ประตู และในตอนที่เธอเดินผ่านเขา เจเรมี่ก็เข้ามาโอบกอดเธอจากทางด้านหลังไว้แน่น“ลินนี่ อย่าไปเลยนะ”“ปล่อยฉัน!”“ไม่ ผมไม่ปล่อย ถ้าผมปล่อย คุณจะหนีและหายไปจากชีวิตผมตลอดกาล”ดูเหมือนว่าเจเรมี่จะพึมพากับตัวเองมากกว่าคุยกับเธอ ลมหายใจอันอบอุ่นส่งผ่านไปถึงใบหูของเมเดลีนเมเดลีนคิดว่าเจเรมี่คงจะบ้าไปแล้วเขาโอบกอดเธอ
เมเดลีนกลอกตาและพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ปล่อย หรือจะให้ฉันเดินออกไปตอนนี้เลย”เจเรมี่รีบปล่อยมือออกจากเธอทันควันเมเดลีนไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา เธอหยิบยาฆ่าเชื้อและชุดทำแผลออกจากกล่องพยาบาล จากนั้นเธอจึงปลดกระดุมเสื้อของเจเรมี่ออกหน้าอกที่ได้สวยได้รูปของเขาปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่เหมือนกับชายหนุ่มคนอื่นที่สีผิวจะออกไปทางโทนเข้มออกแดง สีผิวของเจเรมี่ขาวนวลสิ่งนี้ทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างผิวหนังกับเลือดบนหน้าอกชวนมองของเขาได้อย่างชัดเจนแม้ว่าบาดแผลจะไม่ได้ลึกมาก แต่ก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ดี เมเดลีนใช้ยาฆ่าเชื้อชะโลมสำลีและเช็ดเลือดออกจากบาดแผลจนหมด จากนั้นเขาก็นำผ้าก๊อซขึ้นมาปิดแผลเอาไว้ สุดท้ายเธอนำเทปกาวปิดเอาลงบนผ้าก๊อซเจเรมี่เงียบขรึม ได้แต่มองเมเดลีนด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่าเธออยู่ใกล้เกินกว่าจะเอื้อมมือ ใบหน้าอันนุ่มนวลและสวยงามของเธอถูกสลักลึกลงไปในดวงตา ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหน้าต่างหัวใจของเขาคิ้วที่ได้รูป ริมฝีปากอันอ่อนนุ่ม และจมูกโค้งมน ทั้งหมดช่างไร้ที่ติสายตาของเจเรมี่แปนเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นเรื่อย ๆ เขาลดหัวลงเล็กน้อยอย่างไม่ตั้งใจขณะที่จับผมของเธอขึ้นมาดมกลิ่นหอมเย้า
“ขอบคุณ”เมเดลีนชะงักเล็กน้อยตอนที่ได้ยินคำขอบคุณ จากนั้นเธอจึงเดินออกไปสายตาของเจเรมี่ที่มองเมเดลีนเดินออกจากห้องไปช่างอ่อนละมุน เขารับประทานก๋วยเตี๋ยวด้วยความเบิกบานหัวใจพวกเขาทั้งสองไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลยทั้งวันในตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขเป็นที่สุด ที่ได้รับประทานก๋วยเตี๋ยวที่เธอทำให้ชามนี้…เอโลอิสและฌอนกังวลจวนจะเป็นบ้า ตอนที่รู้ว่าเมเดลีนขึ้นรถไปกับเจเรมี่ มีคนเห็นเมเดลีนครั้งสุดท้ายคือตรงหน้าทางเข้าโรงเรียนอนุบาลพวกเขาไม่สามารถติดต่อทั้งเจเรมี่หรือเมเดลีนได้เลย และไม่รู้เหมือนกันว่าเจเรมี่พาเมเดลีนไปไว้ที่ไหนแจ็คสันนั่งเล่นบนโซฟาอย่างเชื่อฟัง เขามองไปที่ตากับยายของตัวเองด้วยความสับสนงงงวยและถามด้วยสายตาอันไร้เดียงสา “คุณตาครับ คุณยายครับ พ่อบอกว่าจะพาผมไปเล่นในสนามเด็กเล่นกับแม่นี่ครับ แล้วพ่อกับแม่ไปไหน?”เอโลอิสรีบเข้าไปโอ๋หลานรักด้วยรอยยิ้ม “แจ็ค พ่อกับแม่ของหลานคงมีงานต้องทำต่อน่ะ เดี๋ยวอีกสองวันพวกเขาก็กลับมาแล้ว ตอนนี้ก็ดึกแล้วนะ ดังนั้นเราไปเตรียมตัวเข้านอนกันเลยดีไหม?”แจ็คสันพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย “คุณยายครับ คุณยายร้องเพลงกล่อมได้ไหมครับ? แม่ร้องเพ
เขารู้สึกผิดหวังและค่อย ๆ เข้าไปหาเธอแสงสีทองที่สาดส่องของพระอาทิตย์ยามเช้าช่างเป็นสีสันที่ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าครามโดยสิ้นเชิง และมันยังช่วยขับเน้นรัศมีอันละเอียดลออของเขาได้เป็นอย่างดีเมเดลีนเท้าเปล่าและกำลังนั่งอยู่ริมชายหาดเธอถือบางอย่างอยู่ในมือ เมื่อมองลงไปที่ของสิ่งนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าเธอทันทีที่เธอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มอันแสนหวานจับใจก็มลายหายไปทันตาเมื่อเห็นหน้าเจเรมี่“ลินนี่”เมเดลีนไม่สนใจเขา เธอลุกขึ้นและตั้งใจจะเดินหนีเจเรมี่รู้สึกเคว้งคว้างขึ้นมา เขาทำได้เพียงเดินตามหลังเธอเงียบ ๆร่างกายของเธออยู่ใกล้กับเขาเพื่อเอื้อมมือ แต่ความรู้สึกกลับไกลออกไป“อีกครึ่งชั่วโมง จะมีเรือมารับนะ คุณออกไปตอนนั้นได้เลย”เสียงของเจเรมี่ดังมาจากทางด้านหลังของเธอ จากนั้นเธอตอบกลับอย่างแผ่วเบา “รู้แล้ว ฉันเดินออกไปดูมาเรียบร้อย”เจเรมี่รู้ดีแก่ใจว่าเขาไม่สามารถรั้งตัวเมเดลีนให้อยู่ต่อกับเขาได้ ดังนั้นเขาจึงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “คุณกำลังจะไปที่เมืองเอฟกับเฟลิเป้ ใช่ไหม?”“ไม่ใช่ธุระอะไรของนาย”เมเดลีนหยุดเดินและหันหน้ามาหาเขา เธอเห็นเจเรมี่กำลังมองห
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ