“ลินนี่...”“หยุดเรียกชื่อฉัน ฉันไม่อยากเจอคุณอีก” เมเดลีนขัดจังหวะเขาแล้วเช็ดน้ำตาตัวเอง“ฉันไม่เคยตำหนิที่คุณลืมฉัน ฉันรู้ดีว่าที่คุณเจ็บตัวก็เพราะต้องการปกป้องฉัน และนั่นคือสิ่งที่ลาน่าใช้เป็นโอกาสในการจัดการกับคุณ แต่นี่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างของคุณที่จะขาดมนุษยธรรมจนต้องฆ่าพ่อกับแม่ของฉัน!”“เจเรมี่ ฉันไม่รู้ว่าต้องมองหน้าคุณยังไง ตอนที่ฉันเห็นคุณ ฉันก็เอาแต่คิดถึงการตายของพ่อกับแม่ตลอด ฉันหยุดคิดไม่ได้ คุณเข้าใจบ้างไหมว่าฉันต้องรู้สึกยังไง?”เมเดลีนสูดหายใจลึกแล้วอุ้มเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาขึ้นจากโซฟา ก่อนจะมุ่งหน้าเดินออกไปจากเลานจ์เจเรมี่คุกเข่าลงกับพื้น ในสมองมีเพียงคำพูดของเมเดลีนพูดซ้ำไปซ้ำมา ในตอนนั้นเขารู้สึกเหมือนมีมีดคม ๆ นับพันทิ่มตรงเข้าสู่หัวใจตัวเองถ้าหากว่าเป็นไปได้เขาอยากจะแลกชีวิตของเขากับเอโลอิสและฌอนเขายอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับการที่เมเดลีนจะรู้สึกดีขึ้นอีกครั้ง‘แต่ลินนี่ คุณไม่ให้โอกาสผมได้ขอโทษและไถ่โทษกับสิ่งที่ทำอีกต่อไปแล้ว’หลังจากที่เมเดลีนออกไปจากเลานจ์ เธอก็เดินตรงไปเรื่อย ๆเมื่อเดินผ่านตรงบันได เธอก็ได้ยินเสียงของไรอัน “เลิกทำให้ผมเสียเวลากับเรื่อง
“คุณเป็นนักออกแบบเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงในธุรกิจเครื่องประดับ คุณน่าจะรู้เกี่ยวกับการวาดภาพใช่ไหม ถ้าหากว่ามีเวลาทำไมเราไม่มาลองแลกเปลี่ยนกันดูล่ะครับ?”ไรอันดูเป็นสุภาพบุรุษและเคยช่วยเหลือเธอมาก่อน เมเดลีนจึงไม่ได้ปฏิเสธเขาอีกด้าน ลาน่าได้พาตัวเองกลับมาถึงบ้านทันทีที่ก้าวเข้ามาข้างใน เธอก็โดนตบเข้าที่หน้าอย่างแรงจนสมองรู้สึกว่างเปล่าและงุนงงไปชั่วขณะสัมผัสได้ถึงรสชาติของเลือดที่กำลังซึมออกมาจากมุมปากนาโอมิที่ตามลาน่ามาติด ๆ เมื่อเห็นอย่างนั้นก็ยืนตัวแข็งวันนี้เป็นวันหายนะอะไรกันนะ?เธออยากจะเห็นเมเดลีนทำตัวเองขายหน้า แต่ทำไมสิ่งเหล่านี้ถึงได้ย้อนกลับมาหาเธอกัน? ลาน่าจับใบหน้าที่เริ่มบวมของตัวเอง แล้วตะโกนเสียงดัง “พี่โยริค พี่เป็นบ้าไปแล้วหรือไง? พี่ตบฉันทำไมเนี่ย?”“ถามตัวเองเถอะว่าทำอะไรลงไป” โยริคหน้าตาเคร่งเครียด ขณะที่เขาซ่อนความโกรธที่มากมายเอาไว้ภายใน “ฉันบอกเธอแล้วว่าให้เลิกทำตัวบ้า ๆ แล้วกลับไปใช้ชีวิตดั่งเจ้าหญิงของเธอที่เมืองเอฟซะ แล้วทำไมถึงได้ไปหาเรื่องเอวลีนได้?”เมื่อลาน่าได้ยินอย่างนี้ เธอก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น “เอวลีน มอนต์โกเมอรีอีกแล้วเหรอ
เด็กน้อยรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังอุ้มเขาอยู่ ดวงตากลมโตจึงค่อย ๆ ลืมขึ้นมองชายที่อุ้มเด็กน้อยอยู่ตกใจเมื่อเห็นอย่างนั้น เขารู้สึกหัวใจละลายเมื่อได้จ้องมองดวงตากลมโตที่ใสบริสุทธิ์คู่นั้น“พุดดิ้งใช่ไหม?” เจเรมี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน ขณะที่นิ้วเรียวก็ลูบไล้ไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ อย่างทะนุถนอมเด็กน้อยมองเจเรมี่แล้วปากเล็กๆ ก็คลี่ยิ้มออกอย่างน่ารักน่าชังเจเรมี่สัมผัสได้ถึงลูกกระเดือกที่คอของตนเองเมื่อได้เห็นรอยยิ้มนั้น เขาไม่สามารถกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ได้อีกต่อไปภาพในตอนที่เมเดลีนต้องเจ็บปวดทรมานเพราะคลอดลูกชายด้วยวิธีธรรมชาติยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาเธอพยุงร่างกายที่อ่อนแอผ่านความเจ็บปวด ด้วยจิตใจอันแข็งแกร่ง นั่นจึงเป็นวิธีที่ทำให้เธอสามารถให้กำเนิดทารกที่คลอดก่อนกำหนดได้ตอนนั้นเสื้อผ้าและผมของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ในขณะที่ใบหน้าซีดเซียว เธออยากจะยื่นมือไปหาเขาและเรียกหาอย่างไรก็ตาม เขากลับเป็นเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึกและยื่นมือไปหาเธอในวินาทีสุดท้ายจากนั้นเขาก็รู้สึกบีบหัวใจเมื่อนึกถึงว่าเด็กคนนี้ต้องอยู่ในตู้อบเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนก่อนที่เขาจะมีชี
หญิงสาววางเด็กน้อยลงแล้วเช็กที่แพมเพิส แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรเมเดลีนเป็นกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกของเธอ เธอจึงอุ้มลูกขึ้นมาแล้วจะรีบพาเขาไปที่โรงพยาบาล“ลินนี่ ขอโอกาสให้ผมนะ” เจเรมี่ขอร้อง “เมื่อกี้ที่ผมอุ้ม เขาไม่ร้อง”เมเดลีนมองเขาด้วยความเย็นชา “ถ้าคุณไม่เข้ามา ลูกก็คงไม่ตื่น รู้ไหมว่าฉันต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะกล่อมให้ลูกหลับได้ คุณเข้ามาทำไมกัน?”เมเดลีนบ่นพึมพำ แม้เธอจะรู้ว่าทารกอาจร้องไห้ด้วยเหตุผลอื่น แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับชายคนนี้ได้“ลินนี่ ให้ผมอุ้มลูกเถอะนะ จริง ๆ นะ เมื่อกี้ตอนที่ผมอุ้มเขาไม่ร้อง” เจเรมี่ร้องขออีกครั้งถึงอย่างนั้นเมเดลีนก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาอุ้มพุดดิ้งน้อย ตรงกันข้ามเธอกลับเอ่ยเย้ยหยัน“ตอนนี้คุณรู้แล้วเหรอว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของคุณ?”“ลินนี่”“เจเรมี่ ฉันไม่โทษคุณหรอกนะ ฉันไม่เคยโทษคุณเลยที่คุณสูญเสียความทรงจำไป ฉันแค่เกลียดที่คุณสูญเสียความเป็นคนไปด้วยหลังจากที่เสียความทรงจำไปก็แค่นั้น” เธอพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมความรู้สึกของตัวเอง“พยาบาลบอกกับฉันว่า หลังจากที่คุณเข้าไปในห้อง หน้าของลูกก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำจนน่าตกใจ
ในตอนนั้นเองที่เมเดลีนรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจต่อมาเธอก็เปิดประตูรถแล้วเรียกรถพยายามด้วยมืออันสั่นเทาหญิงสาววิ่งไปที่ข้างรถ เธอมองตามมือที่เต็มไปด้วยเลือดเข้าไปข้างในรถ“ลินนี่ เรามาเริ่มใหม่...”เธอได้ยินเจเรมี่พึมพำขณะที่หมดสติไปน้ำตาของเมเดลีนค่อย ๆ ไหลนองหน้า ตอนนี้เธอรู้สึกถึงความคิดที่ขัดแย้งของตนเองเธอไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเขาทั้งนั้น แต่ก็ไม่อาจมองข้ามการตายของพ่อกับแม่เธอไปได้รถพยาบาลมาถึงและรีบนำตัวเจเรมี่ไปอย่างรวดเร็วอวัยวะภายในของเขาไม่ได้รับความเสียหาย อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นแผลที่ผิวภายนอก แต่มือซ้ายของเขาค่อนข้างบาดเจ็บสาหัส ทำให้ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้ยกของหนักได้ นอกจากนี้ที่น่องซ้ายของเขาก็ยังมีบาดแผลขนาดใหญ่ซึ่งทำให้เขามีเลือดไหลออกมามากเจเรมี่เริ่มฝันขมุกขมัวอีกครั้ง เขาฝันว่าเรือระเบิดและเมเดลีนก็กำลังจะจากเขาไปเขาจึงยื่นมือออกไปจับมือของเมเดลีน และในตอนนั้นเขาก็ตะโกนออกมาอย่างร้อนใจว่า “ลินนี่ อย่าทิ้งผมไป”เขาตะโกนแล้วเบิกตาโพลงในขณะเดียวกันจากนั้นเขาก็เห็นใบหน้าตกใจของเคน “คุณวิทแมน คุณฟื้นแล้ว”เจเรมี่เพิ่งรู้ตัวว่าเขากำลังจับมือของเค
“เดี๋ยวคุณแม่ก็มาถึงแล้วล่ะ” แจ็คมองไปที่ถนน ทว่าใบหน้าหล่อเหลากลับรู้สึกผิดหวัง “ไม่รู้เมื่อไหร่ แดดดี้จะกลับบ้านนะ”“แดดดี้? หนูไม่เห็นแดดดี้นานแล้วเหมือนกัน” ลิเลียนหน้ามุ่ย เธอยังคงคิดว่าพ่อของเธอคือเฟลิเป้ ภายในดวงตากลมโตแอบซ่อนความอ้างว้างไว้แต่ในทันใดนั้นเองดวงตากลมก็กลับมาสดใสเป็นประกายอีกครั้งจู่ ๆ ก็มีช่อดอกไม้ที่ทำมาจากลูกกวาดหลากสีปรากฏขึ้นต่อหน้าลิเลียน“เอ๋?” ลิเลียนสับสน แต่ดวงตาของเธอก็ยังคงเป็นประกายด้วยความสนใจกับสิ่งตรงหน้า “ว้าว สวยจังเลย!”แจ็คสันมองไปยังมือที่ถือช่อดอกไม้และเห็นใบหน้าที่ดูเป็นคนเจ้าสำราญ"คุณเป็นใคร?" แจ็คสันดึงลิเลียนไปข้างหลังและถามฟาเบียนด้วยความระแวงฟาเบียนยังคงดูเหมือนเป็นคนขี้เล่นไม่เอาจริงเอาจัง จากนั้นเขาก็มองไปที่แจ็คสันด้วยท่าทางที่ไม่พอใจและพูดอย่างอวดดีว่า “ฉันเป็นเพื่อนของลิลลี่”แจ็คสันมองฟาเบียนอย่างสงสัย จากนั้นเขาก็ได้ยินลิเลียนตะโกนว่า “นายผมขาว!”ลิเลียนจำฟาเบียนได้ฟาเบียนขมวดคิ้ว เขาย้อมผมสีเงินเป็นสีน้ำตาลแล้วแจ็คสันจำได้ว่าลิเลียนเคยพูดถึงนายผมขาวคนนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงลดการป้องกันลงเล็กน้อย“แจ็ดกี้ นายผมข
อะไรนะ?ลาน่าสับสน ในขณะที่เธอพยายามคิดว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร จู่ ๆ เธอก็หายใจไม่ออก???เมเดลีนยกมือขวาคว้าคอของลาน่าไว้แน่นลาน่าไม่คิดว่าเมเดลีนจะทำเช่นนี้เธอใช้กำลังทั้งหมดที่มีโต้กลับ แต่เมเดลีนดูจะแข็งแกร่งเกินไป"ปล่อย… นะ! เอวลีน ยัยบ้า ปล่อยฉันนะ! อั่ก!"ลาน่าขู่ แต่เมเดลีนกลับจับเธอไว้แน่น ทั้งยังกดลาน่าเข้ากับกำแพงขณะที่เธอพยายามดิ้นดวงตาสีแดงก่ำของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์อาฆาตพยาบาท ราวกับว่ามีพายุกำลังก่อตัวอยู่เบื้องหลังของพวกเธอเมื่อนึกถึงการตายของเอโลอิสและฌอน เธอก็ยิ่งกำมือแน่นยิ่งขึ้นเมเดลีนไม่ได้พูดอะไร เพียงเฝ้าดูใบหน้าของลาน่าที่แดงขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอหายใจไม่ออก เธอดูเหมือนเริ่มจะเจ็บปวดในทางกลับกัน ดวงตาของเมเดลีนเองก็เปียกชื้นและแดงขึ้น‘พ่อคะ แม่คะ...’เธอโหยหาความรักของพ่อและแม่มานานหลายปีนั่นเป็นบ้านที่เธอได้กลับคืนมาหลังจากผ่านความยากลำบากมากมายอย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ถูกทำลายโดยผู้หญิงชั่วร้ายและวิกลจริตคนนี้ที่คอยชักใยผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดดวงตาของลาน่าเบิกกว้าง เธอรู้สึกว่ามือและเท้าเริ่มเย็น และหายใจไม่ออกไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ตามหลัง
เธอไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอไม่คิดว่าเมเดลีนจะทำอะไรแบบนั้น และนั่นทำให้เธอตกใจมากทีเดียวหลังจากนั้นไม่นาน เมเดลีนก็ผลักชายหนุ่มออกไปอย่างรู้สึกไม่สบอารมณ์ ปรากฏแววตาดูเหยียดหยามในดวงตาขณะที่เธอพูดว่า “อย่าแตะต้องฉันอีก”หัวใจของเจเรมี่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เมื่อเขาต้องเผชิญกับความว่างเปล่าเฉยชา เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกกรีดเปิดออก“ลินนี่”“ฉันจะให้เวลาคุณห้านาที อีกห้านาทีฉันจะมารับลิลลี่และแจ็คกลับ”เมเดลีนหันหลังแล้วเดินออกไป ในขณะนี้เด็กทั้งสองโผล่หัวออกมาจากห้อง แจ็คสันถามอย่างเป็นกังวล “คุณแม่ แดดดี้ ทะเลาะกันเหรอครับ?”เจเรมี่ยิ้มให้ลูกชายอย่างอบอุ่นและจับไหล่ของเมเดลีน “เปล่าเลย แดดดี้ไม่เคยทะเลาะกันครับ อย่าคิดอะไรแบบนั้น”เมเดลีนมองเจเรมี่ด้วยความรังเกียจ แต่เพื่อที่จะหยุดลูกชายของเธอไม่ให้คิดมากเกินไปจนเกิดความกังวล เธอจึงยิ้มรับ“ตรงนั้นแดงมากเลยนะคะ คุณสุดหล่อ” ลิเลียนชี้ไปที่น่องซ้ายของเจเรมี่เมเดลีนก้มลงดูบาดแผลของเจเรมี่ และพบว่ามันฉีกออกจนเลือดสีแดงสดไหลออกมาเปื้อนผ้าก๊อซเธออยากจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ในท้ายที่สุดเธอเรียกหาหมอให้เข้ามาดูบาดแผลข
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ