เธอลงจากรถและเดินไปยังทางเข้าของโรงเรียนอนุบาล เธอสังเกตเห็นว่าพ่อแม่วัยหนุ่มสาวบางคนกำลังกระซิบและชี้มาที่เธอเมเดลีนเมินเรื่องซุบซิบและจ้องไปที่ประตูอย่างใจจดจ่อ มันใช้เวลาพักหนึ่งที่ใบหน้าเด็กน้อยของลิเลียนจะปรากฏ“ลิเลียน พี่ชายของลูกอยู่ไหน?” เมเดลีนถามและมองไปข้างหลังของลิเลียนลิเลียนกะพริบตาดวงโตของเธอปริบ ๆ “แจ็คบอกว่าเขาอยากจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็ไปนานแล้วค่ะ หนูยังไม่เห็นเขากลับมาเลย”เมเดลีนใจหายในตอนที่เธอได้ยินเช่นนั้น เธอคิดถึงลาน่าในทันทีทันใดนั้น เธอก็ได้รับสายจากลาน่า “เอวลีน เธอกังวลเพราะหาลูกชายไม่เจอใช่ไหม?”“ลาน่า เธอพาลูกชายของฉันไปที่ไหน?”เมื่อลาน่าได้ยินว่าเมเดลีนดูกระวนกระวายมากแค่ไหน เธอแค่หัวเราะและวางสายเมเดลีนคิดว่าบางทีเธออาจจะประมาทความเลวทรามของลาน่าไปเธอคิดว่าลาน่าจะทำลายชื่อเสียงของเธอ แต่เธอคาดไม่ถึงว่าหล่อนจะจู่โจมคนที่เธอห่วงมากที่สุดเมเดลีนพยายามที่จะโทรกลับ แต่ลาน่าก็ไม่รับสายเธอพยายามที่จะโทรหาหล่อนอีกครั้งและในที่สุดสายของเธอก็ต่อติด “ลาน่า เธอพาลูกชายของฉันไปที่ไหน? นายหญิงของแก๊งสเตเจี่ยน จอห์นสันกล้าที่จะรังแกเด็กงั้นเหรอ? คนท
เมื่อเจเรมี่เห็นคาเลนที่อยู่ในความตกใจ เขาก็เดาว่าคาเลนคงคิดว่าเขาคือชายที่ชื่อเจเรมี่เมื่อคาเลนเห็นว่าเจเรมี่อยู่รอดปลอดภัย ตาของเธอก็เริ่มแดง อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่า นี่คือลูกชายของเธอเอง “เจเรมี่! เจเรมี่ ลูกจริง ๆ ด้วย! กลายเป็นว่าลูกยังมีชีวิตอยู่!”คาเลนรู้สึกสะเทือนใจและเริ่มวิ่งเขาไปหาเจเรมี่เมเดลีนรีบจับคาเลนไว้ “ได้โปรด ไปจากที่นี่ซะ”เธอพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมหล่อน แต่คาเลนก็ผลักมือของเมเดลีนออกด้วยความไม่พอใจ “เอวลีน หล่อนกำลังเล่นเกมอะไรอยู่? เจเรมี่มีชีวิตและอยู่สบายดี ทำไมหล่อนถึงซ่อนเขาไว้ที่นี่? แล้วทำไมหล่อนถึงห้ามไม่ให้ฉันเจอกับลูกชาย?!”เมเดลีนไม่รู้จะอธิบายเรื่องนั้นกับคาเลนอย่างไร คาเลนเป็นคนที่ค่อนข้างไม่มีเหตุผลและยังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่เสมอเจเรมี่หมดความอดทนกับเรื่องทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นและพูดต่ออย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อเธออยากมา งั้นก็ให้เธอมา”เมื่อคาเลนได้ยินเช่นนั้น เธอก็รีบไปข้าง ๆ เจเรมี่ “เจเรมี่ เจเรมี่ ให้แม่ดูลูกดี ๆ หน่อยซิ ลูก…”เธอพยายามที่จะจับหน้าของเจเรมี่ แต่ชายคนนั้นก็หยุดเดินและส่งสายตาที่ทิ่มแทงให้กับเธอ “ฉันไม่ใช่เจเรมี่ลูกของเธอ”
คาเลนหวาดกลัวมากเสียจนรีบเอามือมาบังใบหน้าไว้ทำให้คมมีดเฉือนเข้าที่หลังมือ และเลือดไหลอาบลงมาตามบาดแผล“อ๊า!” คาเลนร้องอย่างเจ็บปวด เธอตกใจกับการกระทำอันรุนแรงของลาน่า “แก แก…”“หืม” ลาน่าเยาะเย้ยแล้วมองไปยังเมเดลีน “เอวลีน เธอคิดยังไง? เธอเกลียดแม่สามีใช่ไหม? ฉันกำลังช่วยสั่งสอนให้อยู่ รู้สึกดีไหมล่ะ?”คาเลนมองไปยังบาดแผลที่มีเลือดไหล เมื่อเธอได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็ยิ่งทำให้เธอทุ่มความโกรธทั้งหมดไปยังเมเดลีน “เอวลีน นี่คือสิ่งที่แกทำงั้นเหรอ? ผู้หญิงคนนี้พุ่งเป้าไปที่แก! เจเรมี่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะแก! แล้วตอนนี้ฉันยังต้องเจ็บตัวเพราะแก! ตัวซวย!”“จิ๊ จิ๊ จิ๊ ปากมากน่ารำคาญซะจริง” ลาน่าโบกมีดคมในมืออย่างหมดความอดทน “เอวลีน เพราะยัยนี่น่ารำคาญ ให้ฉันช่วยหุบปากมันไปตลอดกาลก็แล้วกัน”เมื่อคาเลนได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของเธอก็ซีดเผือดด้วยความหวาดหวั่นเธออยากจะหนี ทว่าถูกบอดี้การ์ดสองคนคว้าตัวไว้“ปล่อยฉัน! ปล่อยเดี๋ยวนี้! เอวลีนยัยตัวซวย เมื่อไหร่แกจะเลิกแพร่กระจายความโชคร้ายสักที? แก…”“หุบปาก!” ลาน่าตัดบทด้วยความไม่พอใจเมื่อคาเลนเห็นว่าลาน่าชี้มีดมาทางตนก็นิ่งไม่ไหวติง หล่อนหดคอหล
คาเลนจ้องมองพื้นที่ใต้ฝ่าเท้าของเมเดลีนด้วยความตื่นตระหนกมันเป็นช่วงกลางฤดูร้อนและเมเดลีนก็สวมชุดกระโปรง มีแอ่งของเหลวไหลกองอยู่ที่ปลายเท้าของเธอมันคือน้ำคร่ำของเธอนั่นเอง!ถ้าหากถุงน้ำคร่ำของเธอแตกและไม่นำส่งไปยังโรงพยาบาลอย่างทันเวลา ทารกในครรภ์อาจจะหายใจไม่ออกอยู่ในนั้นคาเลนไม่รู้ว่าเมเดลีนตั้งครรภ์มานานแค่ไหนแล้ว แต่เธอค่อนข้างแน่ใจว่า น่าจะยังไม่ถึงกำหนดคลอด “เอ เอวลีน! เธอตั้งท้องนี้มานานเท่าไหร่แล้ว?”เมเดลีนหายใจแรง “30 สัปดาห์พอดีค่ะ”“อะไรนะ?! แค่ 30 สัปดาห์เองเหรอ?!”หากเธอตั้งครรภ์ได้ 30 สัปดาห์ นั่นหมายความว่ามันยังเหลืออีกกว่า 2 เดือน จากกำหนดคลอด!คาเลนตระหนกและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ยิ่งเธอเห็นเจเรมี่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเฉยเมยด้วยแล้ว เธอก็ตะโกนอย่างกังวล “เจเรมี่ เป็นอะไรของแก? นี่จะยืนดูอยู่เฉย ๆ ในขณะที่เมียของตัวเองกำลังลำบากงั้นเหรอ?!”“เมีย?” เจเรมี่หัวเราะหึและมองใบหน้าของเมเดลีนที่ซีดลง เขาหันกลับมาอย่างไม่ใส่ใจความเฉยเมยของเขาพ่วงกับความเจ็บปวดที่เมเดลีนต้องทนอยู่ ทำให้หัวใจของเธอรู้สึกเหมือนถูกควักออกมาเหยียบย่ำเมื่อเห็นแผ่นหลังของผู้ชายคนนั้นกำล
เมเดลีนสอดส่องสายตาโดยรอบ ลอบชำเลืองมองผู้ชายที่แทบจะไม่ต้องการชายตาแลเธอ “หนูไม่มีทางเลือกอื่น”เธอหยุดมองเขาและกล้ำกลืนน้ำตาลงท้องคาเลนเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้อีกเช่นกัน ดังนั้น เธอจึงช่วยเมเดลีนนอนลงบนโซฟาช้า ๆเมื่อคาเลนเห็นว่ามีบอดี้การ์ดอีกสองคนในห้องนั่งเล่น เธอจึงไล่พวกเขาออกไปอย่างโกรธเกรี้ยว “ออกไป! ออกไป! พวกแกทุกคน!”เธอมองไปยังผู้ชายซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าต่างสูงจรดเพดานกำลังจ้องมองโทรศัพท์ของเขาเอง“เจเรมี่ แม้ว่าแกจะจำเอวลีนไม่ได้ แต่แกเลือดเย็นขนาดที่จะไม่สนใจต่อสถานการณ์ของเธอในตอนนี้งั้นเหรอ? แกจะเพิกเฉยต่อชีวิตของคนและลูกที่ยังไม่เกิดของเธอเหรอ?”เจเรมี่เลิกคิ้ว และเมื่อเขาหันกลับมาก็เห็นได้ว่าเขาไม่พอใจอย่างมากเขาเกือบจะเตือนคาเลน ทว่าเมื่อเขาเห็นเมเดลีนซึ่งกำลังนอนอยู่บนโซฟา เหงื่อโชก และซีดเผือดด้วยเหตุผลอันแปลกประหลาด เจเรมี่ก็รู้สึกปวดร้าวในหัวใจเขาเหลือบมองยังบอดี้การ์ดทั้งสองคนที่ประตูและบอกให้พวกนั้นออกไปเมื่อคาเลนเห็นว่าชายทั้งสองคนนั้นไปแล้ว เธอจึงหยิบทิชชู่มาซับเหงื่อบนหน้าผากของเมเดลีน จากนั้นเธอจึงยกขาของอีกฝ่ายขึ้นทั้งที่ในใจยังคงตื่นตระหนก
เมื่อเจเรมี่ได้ยินคาเลนร้องเรียกเมเดลีนด้วยความกระวนกระวายเขาเองก็ตื่นตกใจอย่างอธิบายไม่ถูกด้วยเช่นกันเมื่อเขาเห็นเมเดลีนมีอาการง่วงงุน เขาจึงเดินกลับไปหาเธออีกครั้งเธอเหงื่อโชกและใบหน้าของเธอก็ขาวราวกับกระดาษเขามองออกว่าเธอพยายามอย่างหนักแค่ไหนที่จะคลอดเด็กออกมา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีกำลังมากพอเมเดลีนเห็นเขายืนอยู่ข้างเธออย่างงุนงง เธอก็ยื่นมือออกไปหาเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี “เจเรมี่…”เธอหอบหายใจอย่างหนักและมองเขาพร้อมด้วยความคาดหวังที่ปรากฏในดวงตาซึ่งพร่าไปด้วยหมอกแห่งหยาดน้ำตาของเธอเวลาผ่านไปโดยเงียบงัน และเธอเห็นเจเรมี่ไม่สนใจเธอ เมเดลีนยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะค่อย ๆ ลดมือลงอย่างอ่อนแรงทันใดนั้นเจเรมี่ก็เอื้อมมาจับมือของเธอสัมผัสของเขาดูเหมือนจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายและจิตใจของเมเดลีนเธอเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างประหลาดใจและพบผู้ชายเย็นชาคนนั้น“ถ้าเจ็บก็ร้องออกมา” น้ำเสียงของเขาเยือกเย็น ทว่ามีความอบอุ่นเจืออยู่ในมุมหนึ่งของแววตาขอบตาของเมเดลีนร้อนผ่าวด้วยน้ำตาขณะเธอจับมือของเจเรมี่ไว้แน่น ในที่สุดเธอก็สามารถปลดปล่อยอารมณ์ซึ่งเก็บกดเอาไว้ตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้ง
เมเดลีนคลี่ริมฝีปากน่ารัก ทว่าซีดจางเป็นรอยยิ้มบาง “ตราบใดที่เป็นลูกของหนูกับเจเรมี่ จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ทั้งนั้น”คราวแรกเอโลลิสมีความสุข แต่เมื่อได้ยินคำตอบถัดมาดวงตาของเธอก็มีน้ำตารื้นขึ้นอีกครั้งเธอบีบมือของเมเดลีนแล้วเอ่ย “ก่อนนั้นลูกก็คิดแบบนี้แล้วเสี่ยงชีวิตเพื่อคลอดลูกของเขาด้วยใช่ไหม?”เมเดลีนยิ้มรับโดยไม่ปฏิเสธก่อนนั้น…ก่อนนั้นเธอรักเจเรมี่มากเสียจนไม่เคยหวนนึกใส่ใจถ้าหากเธอต้องตายเพื่อเขาเธอคิดว่าตอนนี้ก็คงไม่ต่างกันเธอยังรักเขามากเหลือเกิน“เป็นเด็กผู้ชาย” เอโลอิสบอกขณะทั้งร้องไห้และหัวเราะ “เด็กน้อยน่าชัง”เมเดลีนก็ยิ้มเช่นกัน “เมื่อเขาโตขึ้นเขาจะต้องหล่อเหลาแน่นอน หนูพนันเลยว่าแจ็คเองก็ไม่น่าดูนักเมื่อตอนแรกเกิด” เธอบอกจากนั้นก็เงียบไปเธอไม่เคยเห็นว่าแจ็คสันเป็นอย่างไรเมื่อตอนที่เขาเกิดมา…เมเดลีนใช้เวลากว่าครึ่งเดือนในโรงพยาบาลเพื่อพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บและเพื่อฟื้นตัวหลังคลอดแม้ว่าจะมีผู้ดูแล ทว่าเอโลอิสและฌอนก็ผลัดกันมาดูแลเธอทุกวัน บางครั้งก็พาแจ็คสันกับลิเลียนมาด้วยวันนั้น เอโลอิสและเมเดลีนเพิ่งจะเสร็จจากการไปเยี่ยมลูกในตู้อบทารกแรกเกิดด้
“เจเรมี่” เมเดลีนพูดด้วยความดีใจ “คุณมาหาลูกของเราใช่ไหม?”เจเรมี่มองเมเดลีนที่กำลังยิ้มและตรงไปที่บานกระจกอย่างเฉยเมย เขาจ้องพวกทารกแรกเกิดในเครื่องอบของห้องพยาบาล ริมฝีปากบางเฉียบแยกออกเพียงเล็กน้อยขณะถาม “คนไหนคือลูกของคุณ?”น้ำเสียงของเขาแผ่วมากเสียจนไม่อาจบอกอารมณ์ใดได้เมเดลีนยิ้มแล้วบอกเขา “คนที่สองจากแถวสุดท้ายที่ตัวเล็กที่สุด”มีประกายแห่งความสุขในดวงตาคู่งามของเธอขณะที่วาดนิ้วเรียวไปยังทารกน้อยซึ่งหลับสนิท “เป็นเด็กผู้ชาย เขาคงจะดูเหมือนคุณในอนาคต”“ลูกชายของคุณจะดูเหมือนผมไปได้ยังไง?” คำพูดของชายหนุ่มเหมือนกับการสาดน้ำเย็นจัดใส่เมเดลีนเธอมองผู้ชายเย็นชาคนนั้นอย่างแปลกใจ “เจเรมี่?”“คุณยังเพ้อฝันเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ? เจเรมี่สามีของคุณตายแล้ว” เขาโพล่งออกมาโดยไร้ความเมตตา คำพูดอันรุนแรงแทงทะลุหัวใจของเมเดลีนราวกับลิ่มน้ำแข็งที่มองไม่เห็นเมื่อเมเดลีนได้ยินดังนั้น เธอก็ค่อย ๆ กำหมัดแน่นและข่มตัวเองให้สงบลงก่อนจะยิ้มตอบอย่างไม่มีอะไร “ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามหน่อยว่า มีเหตุผลอะไรกันที่นำพาคุณซิมเมอร์แมนมาที่นี่? ไม่ใช่มาเพื่อพบลูกชายของฉันใช่ไหม?”เจเรมี่หัวเราะในลำคอ “แน
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ