“คุณคาดหวังกับจูบของผมใช่ไหม คุณผู้หญิงวิทแมน?”“...”“น่าเสียดายมากจริง ๆ ตอนนี้ผมจูบแค่ผู้หญิงที่ผมรักเท่านั้น”การเย้าแหย่แสดงให้เห็นได้จากรอยยิ้มของเขาในขณะที่แววตาของเขาฉายออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยามเมเดลีนรู้สึกอกหัก แต่เธก็ตอบกลับด้วยท่าทางสงบ “คุณคิดจริง ๆ เหรอว่าฉันกำลังรอให้คุณจูบ? ฉันก็แค่เล่นไปตามน้ำ เจเรมี่ ทั้งหมดที่คุณอยากได้ยินคือการที่ฉันพูดว่าฉันรักคุณและคิดถึงคุณใช่ไหม? น่าเสียดายนะ ไม่ว่าฉันจะเคยรักคุณมากแค่ไหนตอนนี้มันได้กลายเป็นฉันเกลียดคุณมากแค่นั้น เข้าใจไหม?”เธอยิ้ม หลบเลี่ยงสายตาของเขาและออกจากตรงนั้นไปเจเรมี่อึ้ง ทิ้งมือเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ ความเป็นประกายในรอยยิ้มและแววตาของเขาค่อย ๆ หายไป…เวลาได้ผ่านไปและมันก็เป็นวันเสาร์แล้วเมเดลีนสวมชุดราตรีที่ประณีตขณะควงแขนของเฟลิเป้ พวกเขาทั้งคู่มาถึงที่งานหมั้นของเจเรมี่และอีเวตต์เธอคิดว่าคงจะมีฝูงชนคับคั่งในงานหมั้นของเจเรมี่ แต่กลับมีแค่ไม่กี่คนที่โผล่มานอกจากเธอและเฟลิเป้แล้ว ก็ไม่มีคนนอกมาที่นี่เลย“ฉันไม่ชอบคนเยอะ ๆ ค่ะ เพราะงั้นพิธีหมั้นจึงเรียบง่าย” อีเวตต์อธิบายด้วยรอยยิ้ม “เจเรมี่บอกว่าคุณ
“การนอนด้วยกันถือเป็นความใกล้ชิดกันมาก ๆ ไหมครับ?” เฟลิเป้ย้อนถามอีเวตต์ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “คุณไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคนสองคนสนิทกันมากแค่ไหนเพียงเพราะพวกเขาเคยหลับนอนด้วยกันมาก่อนหรอกค่ะ อย่าลืมว่า เดี๋ยวนี้มีคนตั้งมากมายที่มีความสัมพันธ์แค่ชั่วข้ามคืน”“เราไม่ได้มีความสัมพันธ์แค่ชั่วข้ามคืนนะครับ ผมหลับนอนกับเธอตั้งหลายคืน” เฟลิเป้ลดเสียงลงขณะที่เขาห่างจากอีเวตต์แค่ไม่กี่นิ้ว แววตาของเขากำลังเป็นประกายด้วยความสงสัย ในตอนที่เขาพยายามจะพิเคราะห์ใบหน้าของเธออย่างถี่ถ้วน โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเขาเหลือบมองสายเรียกเข้าและยิ้มอย่างอ่อนโยนในทันที “คุณชาริสครับ ผมต้องรับสายนี้ ไว้คุยกันตอนที่มีโอกาสนะครับ”“ได้เลยค่ะ คุณวิทแมน” อีเวตต์จ้องไปที่เฟลิเป้ขณะที่เขาหันหลังไป จกนั้นรอยยิ้มของเธอจึงค่อย ๆ จางไปในส่วนของหอประชุมเมเดลีนพยุงตัวเองพิงกำแพง ไม่สามารคุมตัวเองจากการอาเจียนได้เธอแยกไม่ออกว่ามันเป็นเพราะร่างกายของเธอรู้สึกไม่ค่อยดี หรือเป็นเพราะเธอกำลังรู้สึกอารมณ์เสียเมื่อเธอเห็นเจเรมี่กำลังทำตัวสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่น“คุณกำลังวางแผนจะทำอะไร จากการแบกรับความทุกข์ทรมานในการตั้ง
“เขาได้รับอำนาจและความมั่งคั่งบางอย่างตลอดหลายปีมานี้ขณะที่เขาอยู่ในประเทศเอฟ ผมเกรงว่าอาจจะมีการค้าที่ผิดกฏหมายบางอย่างอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”ท่าทีของอีเวตต์เปลี่ยนไป “จะเป็นไปได้ยังไง? เขาจะไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายหนิ”“คุณยังคงมีศรัทธาในตัวเขามากแม้แต่ตอนนี้เนี่ยนะ? เขาทำการค้าผิดกฎหมายหลายอย่างมาตั้งนานแล้ว” คำถามของเจเรมี่ทำให้อีเวตต์ตะลึงงันเธอยืนนิ่งด้วยความงุนงงขณะที่น้ำตาเริ่มคลอเบ้า“คุณควรจะทิ้งรอยยิ้มที่สดใสที่สุดไปกับคนที่ทำให้คุณเจ็บมากที่สุดนะ” เจเรมี่กล่าวก่อนที่จะขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “ก็เหมือนกับการแก้แค้นผมอย่างไม่จบสิ้นของเอวลีน มอนต์โกเมอรีไง”…หลังจากที่เฟลิเป้รับสายจากประเทศเอฟ เขาก็จองตั๋วบินกลับไปที่นั่นเรียบร้อยแล้วแน่นอนว่า เขาจะไม่ยอมให้เมเดลีนอยู่ในเกลนเดล ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะพาเธอกลับไปที่ประเทศเอฟพร้อมกับเขาในคืนนั้นเขาจัดหาใครบางคนเพื่อที่จะพาเมเดลีนไปเจอกับลิเลียนขณะที่เขาออกไปอย่างเร่งรีบเมเดลีนเห็นรอยแผลเป็นบนหัวของสาวน้อยและรู้สึกใจสลาย“คุณแม่ นานแล้วนะคะตั้งแต่ที่หนูเห็นแจ็คกี้และคุณสุดหล่อคนนั้น หนูไม่อยากอยู่ที่นี่ทุก
เมเดลีนอุ้มลิเลียนเข้าไปในบ้านแต่เนื่องจากเธอมีลูกอีกคนในท้อง เธอจึงอุ้มลิเลียนได้ไม่นาน หลังจากนั้นเธอจูบที่แก้มของลิเลียน “ลิลลี่คะ ตอนนี้คุณแม่จะทำมัฟฟินให้หนูสักหน่อย หนูมาช่วยคุณแม่ได้ไหมคะ?”“ได้เลยค่ะ!”สาวน้อยคนนั้นกะพริบตาที่เหมือนกับคริสตัลและตามเมเดลีนเข้าไปในครัวเจเรมี่เฝ้ามองจากภายในรถของเขาที่อยู่ไกลออกไป เขามองดูเมเดลีนกำลังอุ้มเด็กคนหนึ่งก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านเขายังเห็นรอยยิ้มที่จริงใจบนหน้าของเมเดลีนอีกด้วยเธอเคยยิ้มให้กับเขาแบบนั้นเมื่อไหร่นะ?เจเรมี่จิกนิ้วรอบ ๆ พวงมาลัยรถขณะที่ไฟในแววตาของเขาลุกไหม้สว่างจ้า“ผมคิดว่าผมก็แค่คิดมากไปเอง ผมเชื่อว่าตัวเองผมมองไม่ผิด ขณะที่ความเป็นจริงได้พิสูจน์ให้ผมเห็นแล้วว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น ผู้ชายที่คุณรักอยู่ตอนนี้คือเขาจริง ๆ สินะ”อืดด อืดดในตอนที่โทรศัพท์ของเจเรมี่ดังขึ้น เขาก็รับสายโดยไม่ลังเลผู้ช่วยของเขา เคน กำลังพูดมาจากปลายสาย “คุณวิทแมน ผมเพิ่งได้รับข่าวมาว่าโกดังของเฟลิเป้บนถนนหมายเลขสาม ดูเหมือนว่าเขากำลังจะส่งมอบสินค้าบางอย่างให้กับใครบางคน”“เฝ้าเขาอย่างใกล้ชิด ฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้” เจเรมี่วางสายโ
เขามองโทรศัพท์ของตัวเองและเห็นว่าเมเดลีนได้โทรหาเขาหลังจากที่รู้ว่าเมเดลีนอยากจะอยู่ที่ลานด้านนอกกับลิเลียน เขาก็ตกลงเขาได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอีเวตต์ระหว่างทางกลับทุกอย่างถูกตรวจสอบแล้วถึงอย่างนั้นก็ยังมีข้อสงสัยในแววตาสีเข้มของเฟลิเป้ในตอนนั้น เขาสามารถสร้างตัวตนใหม่ให้กับเมเดลีน ดังนั้นมันคงจะไม่แปลกที่เจเรมี่จะทำให้กับเคธี่ด้วยอย่างไรก็ตาม สิ่งเดียวที่เขายังไม่เข้าใจคือความสัมพันธ์ระหว่างเคธี่และเจเรมี่อีกอย่างคือ ทำไมเจเรมี่จะต้องช่วยเคธี่ด้วย?อย่างไรก็ตาม ถ้านี่คือเรื่องจริงแท้แน่นอน เขาก็คงจะมีความสุขมันหมายความว่าเธอยังมีชีวิตอยู่เฟลิเป้ดึงที่ผ้าผูกผมที่ข้อมือของเขาและพันมันไปที่นิ้ว มีรอยยิ้มร่าบนใบหน้าของเขา‘เคธี่ เราจะเจอกันอีกในไม่ช้า’ลานด้านนอกเมเดลีนเพิ่งจะอบมัฟฟินเสร็จ เมื่อลิเลียนเขามาชิมมัฟฟินอย่างมีความสุข เฟลิเป้ก็กลับบ้านลิเลียนส่งเสียงเรียงอย่างอ่อนหวานในตอนที่เธอเห็นเขา “แดดดี๊”เฟลิเป้ยิ้มอย่างอ่อนโยนและเดินเข้าไปลูบหัวของเธอในตอนนั้น เมเดลีนคงจะรู้สึกถึงความอบอุ่นที่พรั่งพรูในตอนที่เธอเห็นภาพเช่นนี้ แต่หลังจากนิสัยโดยแท้จริงของเฟลิเป
เฟลิเป้มองเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากระยะไกล จากนั้นเขาจึงยิ้มเยาะ “แกมาจนได้”เขาดูมั่นใจขณะที่ออกคำสั่งกับคนขับว่า “ตามพวกมันไป”หลังจากที่เมเดลีนถูกโยนเข้าไปยังเบาะหลัง รถคันนั้นก็สตาร์ทในทันทีชายที่กำลังขับรถคนนั้นสวมหน้ากาก อย่างไรก็ตาม เมเดลีนจะไม่จดจำดวงตาของชายคนนั้นได้อย่างไร?“เจเรมี่ คุณมาที่ประเทศเอฟตั้งแต่เมื่อไหร่? คุณลักพาตัวฉันทำไม? คุณต้องการอะไร?”เจเรมี่มองไปที่กระจกมองหลังและเห็นสีหน้าที่เป็นทุกข์ของเมเดลีน เขาไม่พูดอะไรหลังจากที่ขับรถมาประมาณ 20 นาที ในที่สุดเจเรมี่ก็หยุดรถมีวิลล่ามากมายในเขตชานเมืองของประเทศเอฟ หลังจากนั้น เจเรมี่ก็ขับรถเข้าไปในวิลล่าแห่งหนึ่งของวิลล่าเหล่านั้น เขาถอดหน้ากากและเปิดประตูให้กับเมเดลีน“ลงมา”เมเดลีนลงจากรถด้วยท่าทีเย็นชา เมื่อเธอเห็นชายคนนั้นกำลังเดินเข้าไปในตึกโดยไม่หันหลังกลับแม้แต่น้อย เธอก็ยิ่งงุนงงมากขึ้นชายคนนั้นหยุดและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “มากับผม”เมเดลีนลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะตามเขาไปหลังจากที่เข้าไปในบ้าน เมเดลีนก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟาของห้องนั่งเล่น ชายคนนั้นดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีผ้าก็
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเฟลิเป้ถึงทรงอิทธิพลมากและสั่งสมความมั่งคั่งขนาดนี้ในประเทศเอฟได้ เขาทำเรื่องการค้าผิดกฎหมายมาโดยตลอดเขาได้ล้ำเส้นไปแล้ว ถ้าใครบางคนรายงานเขาด้วยหลักฐานที่เพียงพอ รากฐานที่เขาสร้างก็จะพังลงและถูกทำลายเขาคงจะต้องเผชิญกับช่วงเวลาในคุกขณะที่ชื่อเสียงของเขาเองคงจะถูกทำลายเจเรมี่มองความเปลี่ยนแปลงในท่าทีของเมเดลีนและเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเธอ “คุณคิดว่าคุณจะมีอนาคตร่วมกันกับเขาหลังจากที่เห็นวิดีโอนี้อีกไหม?”เมเดลีนวางโทรศัพท์ลงและพูดด้วยความไม่พอใจว่า “คุณให้ฉันดูนี่ทำไม? คุณคิดว่าฉันจะทิ้งเขาเพราะเรื่องนี้งั้นเหรอ?”เห็นได้ชัดว่าเจเรมี่คาดไม่ถึงกับการที่เมเดลีนตอบสนองเช่นนั้น เขาเดินเข้าไปหาเธอและจับที่ข้อมือของเธอ “เอวลีน มอนต์โกเมอรี คุณรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดเรื่องอะไร?”“แน่นอน ฉันรู้ คนที่ไม่รู้อะไรเลยก็คือคุณ”“คุณพูดอะไรนะ?”เมเดลีนผลักมือเขาออก “ฉันจะสนับสนุนเฟลิเป้ไม่ว่าเขาจะทำอะไร อย่าคิดแม้แต่วินาทีเดียวว่าฉันจะทิ้งเขาเพราะเรื่องนี้และวิ่งกลับมาหาคุณ”เจเรมี่รู้สึกถึงไฟในหน้าอกของเขาที่กำลังเผาไหม้อย่างรุนแรงอีกครั้งหลังจากที่เขาได้ยินแบบนั้นเขารับเรื
เฟลิเป้ลั่นไกโดยไม่ลังเลเขาตัดสินใจแล้วว่าจะหยุดเจเรมี่จากการทำลายรากฐานที่เขาสร้างและอำนาจอันมหาศาลของเขาเนื่องจากเขาถูกเปิดโปงและแม้กระทั่งถ่ายวิดีโอ เขาจึงควรจัดการเรื่องนี้อย่างรวดเร็วและตรงไปตรงมาอีกทั้ง เขาหงุดหงิดในตัวเจเรมี่มานานมากแล้วความหงุดหงิดนี้คงอยู่มามากกว่าสิบปีบางทีมันอาจจะเริ่มขึ้นในตอนที่นายท่านอาวุโสวิทแมนเริ่มที่จะประคบประหงมเจเรมี่และทิ้งเขาไว้ในประเทศเอฟเพื่อปกป้องตัวเขาเองเจเรมี่เดินลงมาชั้นล่างและเห็นจุดสีแดงที่หัวของเคนเขาตะโกนออกมาว่า “หมอบลง!”เคนก้มหัวตอบสนองทันทีหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น จากนั้น เขาก็ได้ยินเสียงหน้าต่างแตกและกระสุนก็ลอยเหนือหัวเขาไปเมื่อเฟลิเป้เห็นเช่นนี้จากกล้องขยาย เขาก็ขมวดคิ้วเข้าหากันในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นว่าชายที่อยู่บนโซฟาไม่ใช่เจเรมี่ เนื่องจากเคนหันหลังให้กับเขา เฟลิเป้จึงมองเห็นแค่ผมและด้านข้างของเขาเท่านั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเข้าใจผิดว่าเคนเป็นเจเรมี่หลังจากเฟลิเป้เห็นว่าเจเรมี่ปลอดภัย เขาโยนปืนสไนเปอร์ไรเฟิลด้วยความสนใจที่ลดลง “เอาล่ะ เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเรา ฉันจะปล่อยให้แกมีชีวิติอยู่อีก
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ