เอโลอิสยื่นโทรศัพท์ให้เธอดูอย่างใจหาย “เอวลีน ดูนี่สิลูก”เมเดลีนจ้องมองลงไปที่พาดหัวข่าว [แฟนสาวที่เอาแต่ใจและไร้เหตุผล ฆ่าแฟนหนุ่มตาบอดกลางถนน]เธอกดคลิปวิดีโอขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นฉากที่เธอพูดคุยอยู่กับเจเรมี่ที่ริมถนนเมื่อคืนนี้อย่างไรก็ตาม วิดีโอนั้นถูกตัดต่ออย่างชัดเจนเหตุการณ์ที่เจเรมี่วิ่งตามเธอเป็นเรื่องจริง แต่เธอไม่ใช่แฟนสาวหัวดื้อและไร้เหตุผลคนนั้น อีกทั้งเจเรมี่เองก็ไม่ได้ถูกรถชนจนทำให้เขาเสียเลือดมากและตายในที่สุดเหมือนที่วิดีโอนั้นนำเสนอมันเป็นเหตุการณ์รถชนใกล้กับมหาวิทยาลัยเกลนเดลอีกเหตุการณ์หนึ่งต่างหาก“เอวลีน นี่มันอะไรกันลูก? เจเรมี่เขา...”“ค่ะ เจเรมี่ยังไม่ตาย” เมเดลีนตอบออกมาอย่างไม่ลังเล จากนั้นเธอกดเข้าไปตรวจสอบที่มาของคลิปวิดีโอนี้ “มันต้องมีใครบางคนต้องการปล่อยข่าวเสียหายแบบนี้ให้แพร่กระจายทั่ว นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกนั้นถึงได้จงใจเขียนพาดหัวข่าวแบบนี้”เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความไม่สมเหตุสมผลของสถานการณ์นี้ เมื่อเธอเห็นข้อความที่ก่นด่าเธอเต็มไปหมดคนพวกนั้นไม่รู้ความจริงอะไรเลย และต้องการที่จะลงโทษใครสักคนในโลกโซเชียลเมื่อเห็นปฏิกิริยาที่เย็น
“ไม่ใช่ ยังมีคนอื่นที่สมควรตายมากกว่าเขาอีก” เมเดลีนชำเลืองไปยังคาเลนด้วยสายตาลุ่มลึกและหยิ่งยโสสีหน้าของคาเลนเปลี่ยนไป “แกหมายความว่ายังไง เมเดลีน? แกกำลังพูดถึงฉันอยู่เหรอ?”“คนที่คอยเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟเลวทรามยิ่งกว่าคนที่ตาบอดอยู่ตอนนี้ซะอีก เจเรมี่สมควรตายก็จริง แต่ในฐานะคนที่คอยช่วยเหลือและยุยงนังสารเลวเมเรดิธ แบบคุณน่ะสมควรตายมากกว่าเขาอีก”เมื่อคาเลนและเฟลิซิตี้ได้ยินแบบนั้น หน้าของพวกเธอก็ซีดเป็นไก่ต้มเมเดลีนเลิกคิ้วขึ้นมองเฟลิซิตี้ “คุณวอล์คเกอร์คะ คุณก็เห็นด้วยกับที่ฉันพูดใช่ไหม?”"..." เฟลิซิตี้สะดุ้ง“ในฐานะแฟนสาวคนใหม่ของเจเรมี่ คุณคงจะอยากรรู้จักแฟนเก่าของเขาที่ชื่อว่าเมเรดิธสักหน่อย จริงไหม?”“ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องของพวกเขามากนัก” เฟลิซิตี้ปฏิเสธและแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเมเดลีนพยักหน้าพลางยิ้ม “แหม คุณวอล์คเกอร์ คุณไม่รู้จักเมเรดิธอย่างนั้นเหรอ? ดีเลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง”ในขณะที่เธอพูด ริมฝีปากบอกเธอก็ฉีกยิ้มกว้าง“เมเรดิธเป็นนังผู้หญิงสารเลว อุบาทว์ และเจ้าเล่ห์ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยแหละค่ะ อย่าคิดว่ายัยผู้หญิงคนนี้จะหยุดแค่นี้นะคะ เธอยังเป็
เมื่อเมเรดิธได้ยินคำพูดของเมเดลีน เธอก็รู้สึกมีความสุขในเมื่อเจเรมี่แกล้งทำเป็นคนรักของเธอเพื่อหลีกเลี่ยงเมเดลีน ทำไมเขาถึงจะไปกับเมเดลีนล่ะ?เธอหัวเราะกับตัวเองและเริ่มเดินไปข้างเจเรมี่ เธอยิ้มกว้าง “คุณมอนต์โกเมอรี คุณเป็นอดีตภรรยาของเจเรมี่ งั้นฉันหวังว่าคุณจะไม่มาเข้าใกล้เจเรมี่อีก เพราะในฐานะแฟนคนปัจจุบันของเจเรมี่ ฉันเองไม่สบายใจกับเรื่องนี้”คาเลนเลือกที่จะยืนเคียงข้างเมเรดิธ “เมเดลีน เธอก็ได้เห็นสิ่งที่พวกเขาทำ และได้ยินสิ่งที่หล่อนพูดแล้ว ฉันหวังว่าเธอคงรู้ว่าตัวเองควรทำตัวอย่างไรต่อไปนะ!”เมเดลีนเหลือบมองผู้หญิงสองคนตรงหน้า เธอจ้องมองไปที่ใบหน้าของพวกเขา“เจเรมี่ คุณควรตัดสินใจด้วยตัวเองว่าคุณจะอยู่หรือไป”ขณะที่เธอพูด เธอหันหลังกลับมาและเดินไปที่ประตูอย่างสบาย ๆเมื่อพวกเขาเห็นเจเรมี่ยืนนิ่ง ทั้งคาเลนและเมเรดิธก็ค่อนข้างพอใจแต่ถึงอย่างไรก็ตาม ความพึงพอใจของพวกเขาก็สิ้นสุดเพียงแค่สองวินาที ก่อนที่พวกเขาจะเห็นเจเรมี่ก้าวเท้ายาว ๆ ตรงไปที่ประตูเขาไม่สนใจว่าเขาจะชนเข้ากับสิ่งของใดหรือไม่ ในขณะที่เขารีบเดินตามเมเดลีนอย่างกระตือรือร้นราวกับเมื่อคืนนี้ ที่แม้ว่าโลกขอ
“ใช่ ฉันก็แน่ใจว่าเป็นเธอ ฉันจำได้ว่าเธอสวย”“เหอะ ถ้าเธอสวยแล้วยังไงล่ะ? การเป็นคนสวยหมายความว่าจะสามารถโวยวายบนท้องถนนได้เหรอ เธอทำให้แฟนตัวเองถูกรถชน แล้วก็ส่งเขาไปที่ห้องไอซียูด้วยนะ?!"“ใช่แล้ว! เธอเป็นหญิงสาวที่ล่อลวงและฉุดดึงเขามาสู่ความพินาศ ฉันรู้สึกแย่มากกับผู้ชายสุดหล่อคนนั้น!”อันที่จริง เมเดลีนสามารถสัมผัสได้ถึงสายตาและท่าทีแปลก ๆ จากผู้หญิงช่างพูด ตอนที่เธอเข้าไปในลิฟต์ เธอรู้ดีอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับเธอเมื่อเจเรมี่ได้ยินคำพูดนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาสามารถบอกได้ว่าผู้หญิงล่อลวงที่พวกหล่อนกำลังพูดถึงนั้นหมายถึง เมเดลีน ในขณะที่หนุ่มหล่อที่พวกเขาพูดถึงคือตัวเขาเองแน่นอนว่ามีคนกรีดร้องมาทางเขาในวินาทีถัดมา “นั่นไม่ใช่หนุ่มหล่อ ตาบอดในวิดีโอหรอกเหรอ?!”“เขายังไม่ตายเหรอ?!”“ใครบอกว่าเขาตายล่ะ? เขาถูกส่งตัวเข้าห้องไอซียู!”“แต่ เธอคิดว่าเขาดูเหมือนคนเพิ่งออกมาจากห้องไอซียูเหรอ?”เมื่อเจเรมี่ได้ยินอย่างนั้น เขาก็ไม่สามารถเมินเฉยได้อีกต่อไป“ใครบอกว่าแฟนของผมเป็นผู้หญิงล่อลวงเหรอ? ทำไมคุณถึงพูดจาไร้สาระแบบนี้ออกมา?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา รัศมีอันเคร่งขร
เมเดลีนหยิบการ์ดขึ้นมาและกวาดสายตาไปรอบ ๆ หลังจากอ่านข้อความนั้นเงียบ ๆ“ลินนี่ เป็นอะไรไป?” เจเรมี่รู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อไม่ได้ยินอะไรจากเมเดลีน“ไม่มีอะไรหรอก” เมเดลีนพูดแล้วเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร “เข้าไปในรถซะ”เจเรมี่สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างแปลก ๆ เกิดขึ้น แต่เขาไม่ได้ถามเธอและขึ้นรถอย่างเชื่อฟังเมเดลีนขึ้นรถและเหลือบมองคำที่พิมพ์อยู่บนการ์ด [ระวังหลังไว้ให้ดี เอวลีน มอนต์โกเมอรี]เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่การเตือนด้วยความจริงใจ แต่เป็นการเตือนที่คล้ายข่มขู่แทนคนคนนี้เรียกเธอว่า เอวลีน มอนต์โกเมอรีเมเดลีนเหลือบมองเจเรมี่ที่นั่งอยู่ข้างเธอ การแสดงออกที่เงียบสงบของเขาทำให้เธอรู้สึกสงบยิ่งไปกว่านั้น วิธีป้องกันตัวเองในลิฟต์เพิ่งแสดงให้เห็นว่า เขาไม่ปล่อยให้อาการตาบอดของเขามาทำให้เขาอ่อนแอลงเขาคือเจเรมี่ ยังคงเป็นเจเรมี่คนเดิมเมเดลีนไม่คิดมากเรื่องนั้นอีกและสตาร์ทรถ...หลังจากที่เจเรมี่และเมเดลีนจากไป เฟลิซิตี้ก็ออกไปด้วยเช่นกันคาเลนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยความไม่พอใจและพึมพำกับตัวเอง หลังจากการอาบแดดนายท่านอาวุโสวิทแมนก็กลับเข้ามาข้างในเมื่อเขาเห็นคาเลนยังคงสาปแช่
“หืม เธอจำพวกเราสองพี่น้องไม่ได้งั้นเหรอ? เธอต้องเคยเห็นพวกฉันในทีวีมาก่อนสิ? พวกฉันเป็นแก๊งมิจฉาชีพ กลุ่มคนร้ายที่ถูกตามจับตัวอยู่ ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหม?”เมื่อได้ยินคำตอบนั้นตาของคาเลนก็เบิกกว้าง เธอกลัวมากจนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อที่เย็นยะเยือก'ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสองคนนี้จะเป็นมิจฉาชีพ!'“ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ระหว่างนี้พวกเราจะไว้ชีวิตเธอไว้ก่อน เพราะเธอยังพอจะมีค่าอยู่”จากนั้นชายทั้งสองก็คว้าตัวคาเลนและลากเธอออกไปข้างนอก“พวกนายคิดจะทำอะไร?! ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย! ช่วยด้วย...” คาเลนตะโกนด้วยความกลัว“ปล่อย! ปล่อยเธอซะ!” ผู้อาวุโสได้ยินเสียงความวุ่นวายโกลาหล และเขาได้โทรหาเจเรมี่ลับหลังพวกเขา จากนั้นเขาก็เข็นตัวเองออกมาจากห้อง“คุณพ่อช่วยฉันด้วย คุณพ่อ! คุณพ่อ!” คาเลนส่งเสียงกรีดร้องอย่างไรก็ตาม ชายทั้งสองไม่ได้สนใจท่านปู่เลย พวกเขายกขาขึ้นถีบรถเข็นของท่านปู่ออกไป “นี่แกกำลังพยายามที่จะขุดหลุมศพให้ตัวแกเองหรือไง ไอ้แก่?!”“คุณพ่อคะ! คุณพ่อ!” เมื่อเห็นผู้อาสุโสล้มลงกับพื้นและไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว คาเลนก็เริ่มรู้สึกกลัวและสติแตก น้ำตาของเธอไหลหลั่งออกมาขณะที่เมเดลีนกำลังส่
คาเลนมองไปที่ผู้หญิงที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอ เธอตกใจและกลั้นหายใจ“เป็นแกนั่นเอง นางสารเลว...”เพียะ!ก่อนที่คาเลนจะพูดจบ เธอก็โดนตบหน้าอย่างแรงเธอถึงกับอึ้งแต่ก็ดึงสติกลับมาได้ในไม่กี่วินาที “แก… แกกล้าดียังไงมาตบฉัน? แก...”เพียะ!“อ๊าก!”เสียงตบหน้าเธอดังอีกครั้ง คาเลนเจอกับเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เธอกัดฟันหันไปมองผู้หญิงคนนั้น“แกเป็นบ้าไปแล้วเหรออีวอน! แกจ้างคนมาลักพาตัวฉันและยังกล้าตบฉันด้วยเหรอ? ฉันเป็นป้าแท้ ๆ ของแกนะ!”อีวอนเปล่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง การแสดงออกของเธอกลายเป็นด้านมืด “ป้าแท้ ๆ งั้นเหรอ? คนที่ฉันตบเมื่อกี้นี้คือของป้าแท้ ๆ ของฉันเหรอ!”“แก…”อีวอนเอื้อมมือไปที่คอเสื้อของคาเลน และแสดงออกถึงความมุ่งร้าย “คุณป้าที่รัก ให้ฉันได้บอกเรื่องนี้กับคุณป้านะคะ ฉันอดทนกับคุณมาตั้งนานแล้ว!”“คุณบอกว่าคุณเป็นป้าโดยสายเลือดของฉัน แต่คุณเคยปฏิบัติกับฉันดี ๆ เหมือนกับเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของคุณไหม? เมื่อใดก็ตามที่คุณถูกเมเดลีนสั่งสอน ฉันเป็นคนที่ต้องปกปิดความยุ่งเหยิงให้คุณ คุณคอยสั่งให้ฉันทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ แม้แต่สั่งให้เป็นคนรับใช้ตาแก่คนนั้น ฉันทำตามคำสั่งของคุณมาตลอด
ณ คฤหาสน์วิทแมนท้ายที่สุด เจเรมี่ก็แจ้งความกับตำรวจ และตำรวจก็มาทันทีเพื่อเริ่มการสอบสวน เมื่อควบคู่ไปกับคำให้การจากผู้อาวุโสหลังจากที่เขารู้สึกตัว ตำรวจจึงมั่นใจว่าโจรสองคนนั้นวางแผนไว้นานแล้วตำรวจเดินมาหาเมเดลีน เพื่อยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นอีกครั้งหนึ่ง และเมเดลีนก็พยักหน้าเห็นด้วยเจเรมี่ได้ยินคำตอบของเมเดลีน จากด้านหลัง เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ “อย่าไปนะ ลินนี่”แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนที่ลักพาตัวคาเลนไป แต่เขาก็ยังรู้สึกแปลกที่คนลักพาตัวกำชับว่าต้องให้เมเดลีนเป็นคนนำค่าไถ่มาให้เท่านั้นเมเดลีนหลุบตาลงมองหน้าเขาแล้วพูดว่า “คุณไม่คิดว่าคนที่ลักพาตัวแม่ของคุณไป ก็มีความแค้นกับฉันเหมือนเหรอ?”“นั่นมันก็มีความเป็นไปได้ ดังนั้นผมเลยไม่สามารถให้คุณเสี่ยงชีวิตของคุณ” เจเรมี่พูดอย่างมุ่งมั่นตามสัญชาตญาณของเขา เขาเอื้อมมือออกไปจับที่มือของเมเดลีน “ผมไม่เสี่ยงให้คุณต้องไปเจอภัยอะไรอีกแล้ว ลินนี่”“ฉันจะมีปัญหาแน่ ถ้าฉันไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” เมเดลีนตัดสินใจดีแล้ว “ที่ฉันต้องไป ไม่ใช่เพื่อแม่ของคุณ แต่เพื่อปกป้องตัวฉันเอง”
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ