“พ่อครับ!” เสียงที่หวานและสดใสของเด็กน้อยทำลายกำแพงความเงียบลงเมเดลีนเงยหน้าขึ้นมองออกไปด้านนอกประตูเหล็กเจเรมี่ยืนอยู่ตรงนั้นเขาสวมใส่ชุดลำลองสบายตา เสื้อสีขาวนวลช่วยขับความรู้สึกอบอุ่นน่าหลงใหลให้กับรูปลักษณ์อันเย็นชาแต่หล่อเหลาของเขาได้เป็นอย่างดีดูเหมือนว่าเจเรมี่จะตกใจเล็กน้อยที่ได้เห็นเมเดลีน แต่ไม่นานเขาก็เผยรอยยิ้มเบาบางและอบอุ่นก่อนจะเข้าไปหาสองคนแม่ลูกสายตาของเมเดลีนจับจ้องไปที่หัวใจของเจเรมี่ตามสัญชาตญาณเธอนึกถึงวันที่เจเรมี่จับมือเธอซึ่งถือมีดปอกผลไม้ไว้ในมือแล้วทิ่มเข้าไปที่หัวใจของตนเองบาดแผลไม่น่าจะหายเร็วขนาดนั้น“พ่อครับ” ขาสั้น ๆ และน่ารักของแจ็คสันพาตัวเด็กชายวิ่งตรงไปหาเจเรมี่เจเรมี่ย่อตัวลงและอ้าแขนต้อนรับเด็กน้อยที่กำลังวิ่งเข้ามา “แจ็ค”เขากอดเด็กน้อยที่ให้สัมผัสอันอ่อนนุ่มและอบอุ่น เขาหอมแก้มของแจ็คอย่างรักใคร่“คนเก่งของพ่อ จะไปอยู่ที่อื่นกับแม่ตั้งแต่พรุ่งนี้แล้วนะ เชื่อฟังที่แม่เขาพูดนะ เข้าใจไหมครับ?” เขากระซิบให้เด็กชาย รอยยิ้มในตอนนั้นเหมือนต้องการจะปกปิดความกระอักกระอ่วนที่อธิบายออกไปเป็นคำพูดไม่ได้แจ็คสันกะพริบตาพลางมองไปที่เจเรมี่ด้
เธอเห็นเจเรมี่และเฟลิเป้เดินสวนกัน ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะมองหน้ากัน แต่ไม่ได้พูดอะไรเลยเฟลิเป้เดินตรงมาที่เธอ ความงดงาม อ่อนโยน และหล่อเหลาที่อยู่บนใบหน้าเขา ราวกับสายลมเย็นสบายในฤดูใบไม้ผลิร่างอันสูงใหญ่ของเขาเข้ามาบดบังร่างของเจเรมี่ที่อยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว“กำลังรอผมอยู่เหรอ?” เฟลิเป้ยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่เมเดลีนและพาเธอเข้าบ้านไปเมเดลีนเผยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินตามเฟลิเป้เข้าไปในบ้าน เธอเห็นหลังของเจเรมี่อยู่ไกล ๆ และไม่นานก็หายไปเจเรมี่หยุดยืนอยู่ในที่ที่ไกลออกมาเขาหันกลับไปมองและเห็นตอนที่เฟลิเป้โอบกอดเมเดลีนอยู่ ภาพของทั้งสองเสียดแทงเข้ามาในลูกตา และรู้สึกราวกับว่ามดนับพันคืบคลานเข้ามาในหัวใจของเขาและกำลังรุมกัดกินหัวใจนั้นอย่างไร้ความปราณีแสงระยิบระยับในดวงตาของเขาค่อย ๆ สลายไปตามสายลมภาพครั้งที่เมเดลีนเคยไล่ตามเขาและตอนที่เธอชื่นชมเขาในความทรงจำ ตอนนี้ได้กลายเป็นรูปปั้นทรายสีเทาที่ถูกสายลมพังทลายลงอย่างช้า ๆ “ลินนี่ ผมรักคุณ”เขามองเห็นเงาที่สวยงามของเธอ และสารภาพความในใจออกมาจากที่ไกล ๆ หลังจากพูดจบ เขายิ้มทั้งน้ำตาและเดินจากไปเถาวัลย
ผู้อาวุโสวิทแมนไม่รู้ว่าเฟลิเป้ต้องการจะทำอะไร แต่ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่ อีกทั้งเขากลับไม่คิดว่าเฟลิเป้จะกล้าทำอะไรกลางวันแสก ๆ แบบนี้เฟลิเป้แค่เผยรอยยิ้มอย่างไม่แยแสก่อนจะควักเอารูปภาพขนาดสองนิ้วออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทเขาเอารูปภาพนั้นจ่อหน้าชายชรา จากนั้นดวงตานกฟีนิกซ์สีดำเข้ม และรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจก็เติมเต็มใบหน้าของเขา “ยังจำคนในรูปนี้ได้อยู่รึเปล่า? คนหนึ่งคือน้องชาย และอีกคนคือน้องสะใภ้ของคุณไง พวกเขาเป็นคู่รักที่แต่งงานและมีครอบครัวที่น่ารัก มีลูกชายที่เรียบร้อยและชาญฉลาด พวกเขาเป็นครอบครัวที่มีความสุขและมีหน้าที่การงานที่ดี แต่แล้วจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกันนะ?”เฟลิเป้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเย็นยะเยือก ในขณะที่กระแทกรูปภาพเข้าที่ชายชราอย่างแรง “แกเข้ามาทำร้ายชีวิตพวกเขาไง!”“ฮึก…”ชายชราส่งเสียงร้องออกมาอย่างยากลำบาก ดวงตาของเขาเบิกโพลงเฟลิเป้แสยะยิ้มอย่างดีอกดีใจ “เป็นอะไรไป? รู้สึกไม่สบายเหรอ? เจ็บปวดอย่างนั้นเหรอ? ตอนนี้กรรมตามสนองแกแล้วล่ะ”“ฮึก ฮึ…”“อย่ากังวลไป มันยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะทำอะไรคุณหรอก แต่ผมอยากจะให้คุณรับรู้รสชาติของคนที่บ้านแตกสาแห
เขาเดินเข้าไปในวอร์ดเพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนกับผู้อาวุโสเงียบ ๆเขามองท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดดำผ่านทางหน้าต่าง เฉกเช่นเดียวกันกับหัวใจของเขาที่เศร้าหมองและหมดแล้วซึ่งแสงสว่างชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปหนอ เพราะทั้งลูกชายและผู้หญิงอันเป็นที่รัก ต้องไปอยู่กับชายอื่นแล้วในวันพรุ่งนี้?เขาหมดสิ้นแล้วซึ่งหนทางจะรั้งเธอ เพราะเขาได้ปฏิญาณกับตนเองแล้วว่าจะไม่บังคับขืนใจเธออีกถ้าการที่ปล่อยเธอไปทำให้เธอได้พบกับความสุขที่แท้จริง เขาก็จะทำในตอนนี้ หลากหลายอารมณ์ปนเปกันอยู่ภายในตัวเขาเมื่อคิดได้ว่าเมเดลีนกำลังจะตกไปเป็นของคนอย่างเฟลิเป้“เมด…”ในความเงียบสงัด เจเรมี่ได้ยินเสียงอันแหบแห้งครางออกมาเขาเงยหน้าขึ้นมองและดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นว่าคุณปู่ของเขากลับมาพูดได้อีกครั้งหนึ่ง!“เมด เมด…”“คุณปู่ครับ” เจเรมี่พลันพุ่งตัวไปจับมืออันเย็นเฉียบของผู้อาวุโสเอาไว้ “พูดได้แล้วเหรอครับ คุณปู่?”ผู้อาวุโสวิทแมนชายตามองเจเรมี่ในขณะที่มืออันสั่นเทากำมือของเจเรมี่ไว้แน่น “เมด เมด…” เขาเอ่ยซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นหลังจากงุนงงไปชั่วครู่ เจเรมี่ก็เข้าใจในทันที “เมเดลีน เหรอครับ?”หัวใจรู้สึกเจ็บปวดขึ้
ณ สนามบินเกลนเดลเมเดลีนกำลังจูงมือแจ็คสันเดินไปที่ห้องพักเอกเขนกระดับวีไอพีของสนามบินเอโลอิสและฌอนเดินตามพวกเขาไม่ห่างพนักงานนำอาหารหน้าตาน่ารับประทานมาบริการพวกเขา แต่ดูเหมือนว่าเมเดลีนจะไม่ค่อยมีความอยากอาหารมากเท่าไหร่นักความกระสับกระส่ายหมุนวนอยู่ภายใน ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นมาจากอะไรกันแน่หลังจากลังเลใจอยู่นาน เอโลอิสก็ลุกขึ้นไปนั่งข้างเมเดลีนก่อนจะกุมมือเธอเอาไว้ “เอวลีน”เธอเรียกชื่อนั้นออกไป ดวงตาเริ่มร้อนผ่าว“ดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะลูก เอวลีน กลับมาเกลนเดลบ้างตอนที่หนูว่างนะ…” เธอหยุดพูดชั่วขณะพลางหันหน้าไปทางฌอน “มาเยี่ยมแม่กับพ่อบ้างนะลูก”เมเดลีนหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับน้ำตาเอโลอิส “หนูจะกลับมาค่ะ”เอโลอิสรู้สึกว่าจมูกเธอร้อนผ่าวในขณะที่โอบกอดเมเดลีนเบา ๆ “แม่เสียใจจริง ๆ นะลูก เอวลีน… แม่หวังว่าลูกจะไม่ต้องเจ็บปวดอีกแล้วนะ”เมเดลีนลูบไหล่ของเอโลอิสเบา ๆ พร้อมรอยยิ้ม แต่เธอรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจเมื่อเห็นว่าฌอนเองก็นั่งปาดน้ำตาอยู่แม้ว่าเธอจะสูญเสียความทรงจำในอดีตไปทั้งหมด แต่ความรู้สึกเจ็บปวดนี้เกินกว่าคำว่าจริงเสียอีกเมื่อขั้นตอนเช็คอินทุกอย่างเรียบร้อย เฟลิเป้เด
เฟลิเป้โอบไหล่ของเมเดลีน “ไปกันเถอะ เอวลีน ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว”“ค่ะ” เมเดลีนพยักหน้าและจับมือของแจ็คสัน “ไปขึ้นเครื่องกันเถอะลูก แจ็ค”“แต่ว่าพ่อยังไม่มาเลยนะ” แจ็คสันยื่นริมฝีปากล่างสีชมพูของเขาออกมาอย่างไม่พอใจ แสดงท่าทีไม่เต็มใจที่จะไปเต็มที่ “พวกเราจะไม่รอพ่ออีกหน่อยเหรอครับ แม่?”เมเดลีนผละออกจากอ้อมกอดของเฟลิเป้ และเดินไปปลอบประโลมลูกชายด้วยรอยยิ้ม “พวกเรารอพ่อไม่ได้แล้วจ้ะ แจ็ค พ่อเขามีงานเยอะแยะ เลยมาไม่ได้”“เจเรมี่ไม่ได้งานเยอะอะไรหรอก เขาอยู่ที่โรงพยาบาลกันผู้อาวุโสต่างหาก!” วินส์ตันโพล่งความจริงออกไปสายตาของเฟลิเป้มืดมนลงในขณะที่เมเดลีนหันกลับไปมองวินส์ตันด้วยความมึนงง และขอให้เขาอธิบายต่อ“ผู้อาวุโสรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาล หมอบอกกับเราว่าต้องเตรียมใจรับกับสถานการณ์ที่แย่ที่สุดเพราะว่าคุณปู่มีเวลาเหลือไม่มากแล้ว แต่ในตอนนั้น คุณปู่ลืมตาตื่นขึ้นและเอาแต่เรียกชื่อของเธอ เจเรมี่บอกว่าอย่ามาทำให้เธอกังวลใจเลย แต่ฉันตัดสินใจมาหาเธอเลยจะดีกว่า”เมเดลีนตกตะลึง “ผู้อาวุโสเอาแต่เรียกชื่อฉัน อย่างนั้นเหรอคะ?”วินส์ตันพยักหน้าเพื่อเสริมความมั่นใจ สายตาของเขาส่องประกายความวิ
เมเดลีนหันหลังและเดินออกไป ทิ้งให้เจเรมี่ยืนงงอยู่ด้านหลัง รู้สึกราวกับนี่ไม่ใช่เรื่องจริง “ยืนทำบื้ออะไรอยู่ตรงนั้นเล่า?” วินส์ตันเอ่ยถาม และชี้แนะ “ถ้าแกไม่อยากปล่อยเธอไป ก็ไม่ต้องปล่อยไปสิ”ช่างฟังดูเป็นคำที่คุ้นหูครั้งหนึ่งเขาเคยสาบานว่าจะไม่ปล่อยเธอไปเหมือนกันแต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่ามีจะหนทางไม่มากที่เขาจะทำเพื่อเมเดลีนได้ นอกจากปล่อยให้เธอไปสายลมที่เย็นสดชื่นของต้นฤดูร้อนลูบไล้ไปตามแก้มของเจเรมี่ ขณะที่เขาเดินตามหลังเมดลีนไปอย่างเงียบ ๆ บนท้องถนนที่วุ่นวาย สายตาของเขาจับจ้องไปยังแผ่นหลังของเธอตามใจปรารถนาเมเดลีนหยุดเดินก่อนที่เขาจะชื่นชมความงามที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างเต็มตาเจเรมี่หยุดฝีเท้าเอาไว้เช่นกัน เขามองเธอหันหลังกลับมา และเห็นแสงอาทิตย์อาบไล้ร่างชดช้อยของเธอจนปกคลุมไปด้วยประกายแสงอันอบอุ่น“มีอะไรจะพูดกับผมอย่างนั้นเหรอ ลินนี่?”“ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะยังไม่ไปตอนนี้” เธอพูดออกมาห้วน ๆ แต่สายตาของเธอแสดงออกถึงความตรงไปตรงมา “ฉันจะรอจนกว่าอาการคุณปู่จะคงที่แล้วฉันค่อยไป” เจเรมี่ตกตะลึง เขาควรที่จะดีใจ แต่ทำไมกลับรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม?เขาคิดบางสิ่งก่อนจะยิ้มออกไปอ
วินส์ตันแนะนำให้คาเลนเลิกติดต่อกันอีวอน หลังจากเหตุการณ์ที่เธอทุบตีผู้อาวุโสแดงขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่เธอจะเพิกเฉยต่อคำแนะนำของสามีแล้วยังกลับไปติดต่อกับอีวอน แต่เธอกลับสรรหาแผนการที่ชั่วร้ายแบบนั้นไปทำร้ายเมเดลีนอีกด้วย วินส์ตันไม่คาดคิดกว่าพวกเธอจะน่ารังเกียจได้มากไปกว่านี้แล้วคาเลนยืนแอบอยู่ที่ประตู กำลังดูเจเรมี่กับวินส์ตันช่วยกันพาผู้อาวุโสขึ้นนอนบนเตียง หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เธอจึงตัดสินใจเดินออกไปพูดคุยกับพวกเขาทั้งสอง“เจเรมี่ วินคะ พวกคุณสองคนต้องเหนื่อยกับอะไรหลาย ๆ อย่างที่วุ่นวายในช่วงสองสามวันมานี้มากเลย เดี๋ยวฉันช่วยดูแลผู้อาวุโสแทนให้นะ” เธอเสนอตัวช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ ดูเหมือนว่าเธอจะพยายามกู้หน้าของเธอกลับคืนมาเจเรมี่ไม่สนใจไยดีเธอ เขาหันหลังเดินออกไปคาเลนเรียกตะโกนเรียกชื่อเขา “เจเรมี่ เจเรมี่ ฉันยังเป็นแม่แกอยู่นะ แกทำ...”“คุณอ้างว่าคุณรู้ที่ของตัวเองดี แล้วทำไมคุณทำเรื่องแบบนั้นลงไปล่ะ? คุณรวมหัวกับหลานสาวตัวดีของคุณทำร้ายลูกสะใภ้ของตัวเองได้ยังไงกัน?” วินส์ตันพูดถึงความผิดนั้นอย่างโกรธเกรี้ยวคาเลนแสดงท่าทีไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าเจเรมี
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ