เมเดลีนพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินเข้าไปในครัวคาเลนและอีวอนมองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย“ป้าคาเลน ดูเธอสิ เธออ่อนน้อมถ่อมตนมาก ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เจเรมี่ปกป้องเธออยู่ เธอก็เป็นได้แค่เศษขยะ!”“ฮึ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่เจเรมี่ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเข้ามาในบ้านนี้เด็ดขาด!” คาเลนเยาะเย้ย “รอดูได้เลย สิ่งที่น่าสนใจกำลังจะเกิดขึ้น”คาเลนพูดแล้วเดินเข้าไปในครัว เมื่อเธอเห็นเมเดลีนยุ่งกับการเตรียมการ เธอก็พูดเร่งออกมา “เร็วเข้า อยากให้ฉันหิวตายรึไง? นี่เหรอที่เธอจะมาเป็นลูกสะใภ้ของฉัน? เธอยืดยาดมาก ฉันล่ะสงสัยว่าทำไมเจเรมี่ถึงอยากแต่งงานกับเศษขยะอย่างเธอนัก!”“ทั้งหมดเป็นเพราะผู้หญิงหน้าไม่อายคนหนึ่งปีนขึ้นไปบนเตียงของพี่เจเรมี่ ถ้าไม่ใช่แบบนั้น ต่อให้ขอทานข้างถนนก็ไม่ต้องการผู้หญิงอย่างเธอ” อีวอนพูดอย่างประชดประชันถึงอย่างนั้นเมเดลีนก็ทำเหมือนว่าเธอไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาและทำหน้าที่ของเธอต่อไปประมาณสิบนาทีต่อมา เธอก็ทำอาหารเช้าเสร็จตามความปรารถนาของคาเลนหลังจากที่เธอนั่งลงบนโต๊ะอาหาร เธอก็เริ่มสร้างปัญหาอีกครั้งเธอใช้ส้อมและมีดหั่นไข่เป็นชิ้น ๆ “นี่มันไข่อะไรเนี่ย? เธอทำอะไรของ
“...” อีวอนตกใจเมื่อได้ยินแบบนั้นคาเลนก็ตกใจกับสิ่งที่เธอเห็นเช่นกัน เธอดึงสติตัวเองกลับมาอีกครั้งหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง “อีวอน!”เธอต้องการช่วยอีวอน แต่เมเดลีนกลับมาขวางเธอไว้ เธอคำรามด้วยความโกรธ “นังเศษขยะ ไปให้พ้น!”“เศษขยะ?” เมเดลีนจ้องมองเธออย่างเย็นชาคาเลนตกใจเมื่อเธอเห็นสายตาที่เฉียบคมของเมเดลีน แววตาที่เหมือนกับตอนที่เมเดลีนเปิดเผยตัวตนของเธอ “เมเดลีน ธะ… เธอ...”“ทำไม? คุณพยายามจะข่มขู่ฉันตอนเจเรมี่ไม่อยู่เหรอ? คุณคิดว่าฉันคือเมเดลีนคนเก่าที่ยอมให้คุณทำอะไรกับเธอก็ได้งั้นเหรอ?”อะไรกัน?คาเลนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ จากนั้นเธอก็รู้สึกประหม่าเมื่อมองไปที่ใบหน้าของเมเดลีน เมเดลีนมองดูเธออย่างเย็นชาขณะหยิบมีดและส้อม จากนั้นเธอก็จิ้มไข่ยางมะตูมของคาเลนขึ้นมาก่อนจะดันจานไปไว้ข้างหน้าเธอ“กินทิ้งกินขว้างมันไม่ดีนะคะ แม่สามีที่รักของฉัน คุณต้องกินมันให้หมดนะ”“...” คาเลนตกใจ แต่เธอยังไม่คิดว่าเธอเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ใบหน้าของเธอเคร่งขรึมขึ้น แต่เธอกลับไม่กล้าที่จะทำตัวเย่อหยิ่งเมเดลีนจ้องมองใบหน้าของคาเลนอย่างสนุกสนาน คาเลนรู้สึกโมโห แต่เธอกลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา จากนั้นเมเ
แต่เมเดลีนกลับเห็นด้วย “ตกลง ฉันจะไปกับคุณ”“อา อ๊า อ๊าก!” ผู้อาวุโสอารมณ์เสียมากกว่าเดิมเมเดลีนหันกลับมาและเดินไปหาเขา แววตาที่เฉียบคมของเธออ่อนลง “ฉันจะกลับมาเร็ว ๆ นี้นะคะ คุณปู่ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ใช่เมเดลีนคนเดิมอีกต่อไปแล้ว”แม้ว่าเธอจะปลอบโยน แต่ผู้อาวุโสก็ยังคงทำเสียงประท้วงด้วยสุดกำลังของเขา เขาต้องการหยุดเมเดลีนไว้แต่เมเดลีนยังคงไปกับคนพวกนั้นเฟลิเป้ชงชาดำที่เธอชอบ รอเธออยู่ที่วิลล่าซึ่งเขาซื้อไว้ในเขตชานเมือง เมื่อเขาเห็นเมเดลีน เขาก็รินชาให้เธอด้วยท่าทีพิถีพิถัน เขามักมอบรอยยิ้มที่อ่อนโยนให้เธอเสมอ “แมดดี้ นั่งลงและดื่มชาก่อนสิ ผมจะอธิบายให้คุณฟังว่าจะเกิดอะไรขึ้นเร็ว ๆ นี้”เมเดลีนยิ้ม “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ และฉันจะไม่ดื่มชาด้วย”เฟลิเป้ตัวแข็งทื่อขณะที่ถือถ้วยเอาไว้ในมือ จากนั้นเขาก็มองไปที่เธออย่างเย็นชาในทางกลับกัน เมเดลีนยืนสงบนิ่งอมยิ้ม ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความมั่นใจ “ฉันมาที่นี่ เพราะต้องการคุยบางอย่างกับคุณ”เฟลิเป้รู้สึกว่าการจ้องมองของเมเดลีนดูคุ้นเคย เขายกยิ้มมุมปากและพูด “ว่ามาสิ”…อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่เจเรมี่ส่งแจ็คสันไปโรงเรียนอนุบาลแล้ว
เจเรมี่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขารู้ว่าเฟลิเป้จะไม่ยอมให้เมเดลีนกลับมาง่าย ๆเขากังวลว่าเมเดลีนอาจจะถูกคุกคาม จากนั้นเขาก็ตามเมเดลีนเข้าไปในห้องของผู้อาวุโสเมื่อเขาเห็นประตูปิดอยู่ เขารู้สึกลังเลก่อนที่จะเปิดประตูและเดินเข้าไปข้างในหลังจากที่เขาเปิดประตูเข้าไป เขาเห็นเมเดลีนกำลังเตรียมที่นอนให้ผู้อาวุโส เมื่อเห็นเขา เธอก็ส่งยิ้มให้“เจเรมี่ คุณมาพอดีเลย ถึงเวลาที่คุณปู่จะต้องพักผ่อนแล้วค่ะ คุณควรช่วยพาเขาเข้านอนทีนะคะ”เจเรมี่ทำตามที่เธอสั่ง เขาช่วยพยุงผู้อาวุโสขึ้นไปบนเตียงและห่มผ้าให้เขา“คุณปู่พักผ่อนให้สบายนะครับ ลินนี่กับผมจะดูแลคุณปู่เอง คุณปู่จะหายดีในไม่ช้า” เจเรมี่ปลอบผู้อาวุโสด้วยท่าทีสุภาพ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มผู้อาวุโสไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงกะพริบตาเพื่อตอบสนองเจเรมี่จับมือเมเดลีนไว้และออกจากห้องไปพร้อมกัน โดยไม่สนใจป้าและหลานสาวที่กำลังจ้องมองพวกเขาจากห้องนั่งเล่น เจเรมี่โอบเมเดลีนไว้และพาเธอออกไปเดินเล่นข้างนอกเมเดลีนขมวดคิ้ว “เจเรมี่ ฉันอยากเข้าร่วมการแข่งขันออกแบบเครื่องประดับ ระดับนานาชาติของจีเอ็มเอ ที่กำลังจะจัดขึ้นเร็
คาเลนรู้สึกภูมิใจกับ ‘แฟ้มสะสมผลงาน’ เล่มนี้ เธอรู้สึกว่าเธอสามารถบดขยี้วิญญาณของเมเดลีนได้ด้วยสิ่งนี้อย่างไรก็ตาม เมเดลีนกลับไม่ได้ใส่ใจ เธอนั่งร่างรูปภาพของเธออย่างเงียบ ๆกิจวัตรประจำวันของเธอค่อนข้างเรียบง่าย เธอจะวาดรูปในตอนเช้าและดูแลผู้อาวุโส ส่วนในตอนกลางคืน เธอมักจะใช้เวลาอยู่กับแจ็คสันเธอจะอ่านหนังสือให้เด็กน้อยฟังและสอนให้เขาหัดอ่าน บางครั้งพวกเขาก็ทำงานศิลปะและงานฝีมือด้วยกัน พวกเขาใช้เวลาด้วยกัน เจเรมี่ไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว แม้ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ เฟลิเป้จะไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร แต่เขารู้ว่าเฟลิเป้กำลังวางแผนชั่วร้ายอยู่เขาสัญญาว่า ต่อให้เขาสูญเสียบริษัท วิทแมนไป เขาก็จะไปเอามันคืนมาอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่เรื่องตลกและเขาได้เริ่มดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วนอกจากนี้ เขารู้ว่าเฟลิเป้ยังคงสนใจเมเดลีนอยู่ ถ้าเขาต้องการรักษาความรักไว้ในชีวิตของเขา เขาก็ต้องนำหน้าเฟลิเป้ไปให้ได้หนึ่งก้าว…ไม่กี่วันต่อมา วันที่จัดแข่งขันก็ได้รับการยืนยันหลังจากรอบรองชนะเลิศ อีวอนก็เริ่มมีปัญหาผลการเรียนของเธอแย่มาก เพราะเธอมักจะไปเที่ยวกับพวกผู้ชาย เธอไม่สนใจงานที่โรงเรียนของเธอ เ
ทันทีที่วินส์ตันกลับมา เขาก็เรียกหาเมเดลีนทันที นี่สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้เกิดแก่คาเลนและอีวอน อย่างไรก็ตาม อีวอนรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะขโมยต้นฉบับ! อีวอนจึงใช้โอกาสนี้เอาโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาถ่ายภาพต้นฉบับไว้ เมื่อคาเลนสังเกตเห็น เธอเดินเข้ามาด้วยความสงสัย “อีวอน เธอกำลังทำอะไรอยู่?” สมองของอีวอนทำงานอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เธอถูกจับได้ว่ากำลังถ่ายภาพร่างต้นฉบับ “คุณป้าคาเลนคะ หนูคิดวิธีที่จะทำให้เมเดลีนไม่สามารถเชิดหน้าของหล่อนได้อีกได้แล้ว! หล่อนจะได้หยุดทำท่าทีหยิ่งยโสเร็ว ๆ นี้แน้!”“โอ้?” ดวงตาของคาเลนเป็นประกายขึ้นมาทันใด “ยังไงเหรอ?” อีวอนยิ้มเยาะอย่างชั่วร้ายและเข้าไปใกล้หูของคาเลน พูดพึมพำอะไรบางอย่างจนแทบไม่ได้ยิน หลังจากที่คาเลนได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มที่ชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ หลังจากที่เมเดลีนถูกวินส์ตันเรียกไป เขาขอให้เธอมอบตัว ก่อนที่เธอจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น“ยอมจำนนต่อความผิดเหรอคะ?” เมเดลีนถามแล้วเธอก็ยิ้มอย่างสงบนิ่ง “แน่ใจนะคะ ว่าฉันเป็นคนวางยาพิษคุณปู่ แค่จากความเห็นของพยาบาลพูดถึงรูปร่างของคนร้าย ที่แต่งตัวคล้ายฉันเพียงอย่างเด
“ใช่ค่ะ คุณลุงวินส์ตัน บางทีเมเดลีนอาจไร้เดียงสาจริง ๆ มันคงแย่แน่ ถ้าเรากล่าวหาเธออย่างผิด ๆ” อีวอนเสแสร้งเข้าข้างเมเดลีน เมเดลีนเองรู้ดีว่าสองคนนี้แค่เล่นละครตบตา พวกเขาทำอย่างนี้เพราะมีเจเรมี่อยู่ด้วย วินส์ตันลุกขึ้นด้วยสีหน้าตึงเครียด “ฉันกินอาหารไม่ลงแล้ว” “วินคะ วิน!” คาเลนไล่ตามเขาโดยแสร้งทำเป็นกังวล อีวอนเองก็หาข้ออ้างที่จะออกจากตรงนี้ไปเช่นกัน หลังจากที่ทั้งสามคนจากไปแล้ว เจเรมี่ก็รู้สึกดีขึ้นมาก เขามองไปที่เมเดลีนอย่างสงสารขณะที่เธอยังคงป้อนอาหารท่านปู่อยู่ “ลินนี่ คุณควรไปกินข้าวก่อน ปล่อยให้ฉันทำต่อนะ” “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันไม่หิว” “ลินนี่ อย่าไปสนใจคำพูดเมื่อกี้เลย ผมจะเชื่อคุณ ไม่สำคัญอะไรหรอก” เจเรมี่มองเธออย่างอ่อนโยน “ช่วงนี้คุณปู่กินอิ่มนอนหลับสบาย ผมมั่นใจว่าคุณไม่ใช่คนร้ายแน่นอน” เมเดลีนมองเข้าไปที่สายตาอันอ่อนโยนของเขา “คุณพูดแค่นี้มันก็เพียงพอสำหรับฉันแล้วค่ะ” “มันไม่พอ ผมจะหาทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณเอง” เขาประกาศอย่างเคร่งขรึม เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เธอต้องเสียชื่อเสียงกับเรื่องนี้อีก… เที่ยงคืน อีวอนเปิดประตูห้องของเธออย่างเงียบ ๆ จ
อีวอนเริ่มกรีดร้อง ในไม่ช้าเธอได้ก็ปลุกทุกคนในบ้านขึ้นมา อย่างไรก็ตาม เมเดลีนรู้สึกแปลกใจกับคำที่อีวอนเพิ่งตะโกนออกไป ทำร้ายเหรอ? หลังจากนั้นคาเลนและวินส์ตันก็มาถึงอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาเห็นรอยฟกช้ำและบาดแผลบนแขนของท่านปู่ ตาของพวกเขาก็เบิกกว้าง “กะ… เกิดอะไรขึ้น?” วินส์ตันถาม แล้วเขาก็รีบเข้าไปตรวจดูอาการของคุณปู่ คาเลนเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่บ่งบอกถึงความกังวล เมื่อเธอเข้าไปถึง เธอก็ผลักเมเดลีนออกไป “โอ้ ท่านปู่คะ เกิดอะไรขึ้นกับท่านคะ? นี่ท่านตกจากเตียงเหรอคะ?” “ป้าคาเลนคะ ดูเหมือนว่าท่านปู่ไม่ได้ตกลงมาจากเตียงนะคะ เห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจทำร้ายท่านปู่!” อีวอนจงใจจุดไฟให้เมเดลีน “เมเดลีนเธอเป็นคนเดียวที่ดูแลคุณปู่หลังจากที่เขากลับมาอยู่ที่นี่ แล้วเกิดบาดแผลกับคุณปู่…” “ระวังปากด้วยนะ” เสียงอันเย็นชาของเจเรมี่ดังมาจากนอกห้อง อีวอนรู้สึกสั่นสะท้าน เธอเงยหน้าขึ้นอย่างเขินอายและเห็นรูปลักษณ์ที่เคร่งขรึมของเจเรมี่ เธอไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก เจเรมี่เดินไปข้างเมเดลีน แววตาเย็นชาของเขาอ่อนลง “เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่?” ก่อนที่เมเดลีนจะพูดอะไร คาเลนก็วิ่งเข้
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ