เมเดลีนประหลาดใจมากขึ้น เมื่อเธอได้ยินคำพูดเหล่านั้นเธอค่อย ๆ จ้องไปที่ใบหน้าของเจเรมี่ ราวกับกำลังสงสัยว่าคนตรงหน้าเธอคือเขาจริง ๆ หรือเปล่าทว่า จากการตอบสนองของเมเดลีน ทำให้เจเรมี่รู้สึกผิดมากขึ้นไปอีกเขารู้ดีว่าบาดแผลและเรื่องร้าย ๆ ที่เขาทำกับเธอนั้นมากเกินไปเขาอยากรู้ว่าเขาจะต้องทำอย่างไรเพื่อชดใช้กับความผิดนี้เจเรมี่รีบนำตัวเมเดลีนไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ห้างสรรพสินค้าที่สุด หลังจากที่ได้เจอหมอ เขาก็จำได้ว่าหมอคนนี้ คือ อดัม บราวน์แม้ว่าก่อนหน้านี้อดัมจะเคยไปโรงเรียนพร้อมกับเจเรมี่ แต่เขาเป็นเพื่อนที่ดีกับแดเนียล ดังนั้นเจเรมี่จึงระแวงเขาเล็กน้อย“นายเป็นจิตแพทย์ตั้งแต่เมื่อไหร่?” เจเรมี่ถามอดัมยิ้มออกมาเล็กน้อยและหยิบนามบัตรจากลิ้นชักของเขาออกมา นามบัตรแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นจิตแพทย์ ดร.อดัม บราวน์ “ฉันไม่มีอะไรทำได้ดีไปกว่านี้แล้ว ฉันได้ทำการวิจัยและศึกษาเรื่องนี้มา นั่นดูไม่น่าจะเป็นปัญหาแล้ว ใช่ไหม?”เจเรมี่พูดไม่ออกไปสักพัก เขากำลังเริ่มอธิบายอาการของเมเดลีน ในขณะที่จู่ ๆ เมเดลีนก็พูดว่า “เจเรมี่ คุณออกไปข้างนอกก่อนได้ไหม?”คำขอของเธอทำให้เจเรมี่สับสนเล็กน้อย แ
เมเดลีนถามด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อและค่อย ๆ มองไปที่เจเรมี่ในความคิดของเธอตอนนั้น ผู้ชายคนนี้คือคนเธอรัก แต่เขาไม่เคยรักเธอตอบ อันที่จริงเขาเกลียดเธอด้วยซ้ำเจเรมี่เห็นการจ้องมองของเมเดลีนที่รู้สึกกระวนกระวายใจ เขาจับมือเธอและมองเธอด้วยความรัก “ลินนี่ ไม่ต้องกลัวฉันนะ ฉันจะไม่ทำอะไรให้เธอเสียใจอีกแล้ว”เมเดลีนจ้องมองไปที่เจเรมี่อย่างว่างเปล่า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคำพูดเหล่านั้นจะออกมาจากปากของเขาเมื่อไม่นานมานี้ เขาเคยโกรธและโมโหเธอมาก่อน โดยที่เขาได้บีบคอเธอแล้วยังบอกว่าเขาต้องการล้างแค้นให้เมเรดิธ ดวงตาที่เย็นเยียบของเขาเหมือนจะแทงทะลุเข้ากระดูกของเธอด้วยดวงตาคู่นั้นที่เหมือนน้ำแข็ง แต่ตอนนี้...“เจเรมี่ นายโอเคไหม?” เมเดลีนรู้สึกกังวลเจเรมี่มองเธอด้วยความเจ็บปวดในอก “ลินนี่ ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรเชื่อคำโกหกของเมเรดิธเลย ฉันทำผิดต่อเธอมาก ฉันไม่ควรทำร้ายหัวใจของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า”ดวงตาของเมเดลีนเป็นประกาย “เจเรมี่ นายกำลังจะบอกว่าในที่สุดนายก็เชื่อฉันแล้วงั้นเหรอ? นายเชื่อว่าฉันไม่ได้ทำร้ายเมเรดิธใช่ไหม?” เธอถามเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยความปรารถนาที่จะได้รับความเชื่อใจและความเ
เมื่อถึงจุดนั้น น้ำตาที่ก่อตัวขึ้นในดวงตาของเจเรมี่ก็ทำให้การมองเห็นของเขาพร่ามัวไปหมดเขาเห็นว่าดวงตาของเมเดลีนเองก็เริ่มเป็นสีแดงพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา“ยัยสารเลวที่แกล้งทำเป็นฉันคือเมเรดิธใช่ไหม?” เมเดลีนถามออกมาดัง ๆ กับสิ่งที่เธอเดาเจเรมี่พยักหน้าเล็กน้อยด้วยความเสียใจ “ฉันขอโทษนะ ลินนี่ ฉันทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมาน”เขาโอบกอดเธอด้วยความจริงใจ ความรัก และคำขอโทษเมเดลีนเอนตัวไปพิงที่หน้าอกของเจเรมี่ และน้ำตาของเธอก็ไหลอาบแก้มออกมา “เหตุผลที่นายปฏิบัติต่อเมเรดิธเป็นอย่างดี ก็เพราะนายคิดว่าเธอเป็นฉัน…”เธอเม้มริมฝีปากในขณะที่น้ำตายังคงไหลออกมา “ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่ไร้เดียงสา ที่ฉันเคยพูดไว้ แต่นายก็จริงจังและรักษาคำสัญญาพวกนั้นไว้ ฉันมีความสุขมากจริง ๆ”เมเดลีนไม่ได้โทษเขาสำหรับสิ่งที่เขาทำและนั่นทำให้เจเรมี่รู้สึกแย่ลงไปอีกเธอควรจะโทษเขาด้วยซ้ำ แม้ว่าเขาได้เลือกผิดคน เขาก็ไม่ควรใจร้ายกับเธอมากนัก และไม่ควรหลอกตัวเอง ที่ตกหลุมรักเธอหลังจากพบเธออีกครั้งถ้าเขาย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะเลือกย้อนเวลากลับไปในวันที่พวกเขาพบกันอีกครั้งในมหาวิทยาลัยเขาจะไม่ปิดบังความจริงที่ว่าเ
เมื่อเขาเรียกชื่อเธอ ความอ่อนโยนในดวงตาที่สวยงามของเมเดลีนก็หายไปทันทีและถูกแทนที่ด้วยสายตาของหนามแหลม“เป็นนายเองเหรอ?” เธอมองเจเรมี่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและไม่แน่ใจในสายตาของเธอ “ที่นี่ที่ไหน? ทำไมนายถึงพาฉันมาที่นี่?”เมื่อเจเรมี่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด เขาเข้าใจทันทีว่าเมเดลีนได้เปลี่ยนตัวตนของเธอไปเป็นอีกคนหนึ่งแล้ว ตัวตนที่ไม่อยากมีเขาอยู่ในความทรงจำของเธอเห็นได้ชัดว่าตัวตนของเธอคนนี้ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับตัวตนเดิมของเธอแล้ว ไม่อย่างนั้น เธอคงจะไม่มองเขาอย่างเย็นชาแบบนี้ถ้าเธอมีความทรงจำที่ดีนั้น เธอจะจำได้ว่าพวกเขาเข้ากันได้ดีมากในช่วงสองวันที่ผ่านมาความสุขสั้น ๆ ของเจเรมี่เหมือนกับดอกไม้ไฟที่เบ่งบานบนท้องฟ้า หลังจากเสียงปะทุนั้น ก็หลงเหลือเพียงความเย็นยะเยือกในความงุนงง เมเดลีนปล่อยมือออกจากเขา เธอเดินหันหลังและจากไปเจเรมี่กลับมามีสติอีกครั้งและรีบเดินตามเธอไป “ลินนี่ จะไปไหน?”“อย่าเรียกฉันอย่างนั้น เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น” เมเดลีนตอบอย่างเฉยเมยโดยไม่หันกลับมามองสถานที่นั้นแออัดมากและเจเรมี่กลัวว่าเขาจะสูญเสียเมเดลีนไปอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงดึงเธอกลับมาทันที “ลินนี่
เธอหายไปถึงสองวันเลยเหรอ?ทำไมเธอถึงไม่มีความทรงจำว่าเธอได้หายตัวไปในช่วงสองวันที่ผ่านมาเลย?เธอจำได้เพียงว่าเจเรมี่ดึงเธอออกไปที่หน้าห้างและเธอได้เห็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากนั้นจู่ ๆ เธอก็มาอยู่ที่นี่เจเรมี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับไปไหน ในขณะที่เขาเฝ้าดูเฟลิเป้ค่อย ๆ เดินหายไปพร้อมกับเมเดลีนที่สุดปลายถนนซึ่งพลุกพล่านไปด้วยผู้คนในที่แห่งนี้สัมผัสของความกังวลใจและความหึงหวงเธออย่างบ้าคลั่ง ค่อย ๆ ไหล่บ่าออกมาในดวงตาที่อ้างว้างของเขา‘ลินนี่ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอให้หลุดมือไปจากฉันอีก‘ไม่ยอม’…เมเดลีนเดินตามเฟลิเป้กลับไปที่อพาร์ตเมนต์ในระหว่างทางกลับ เมเดลีนยังคงถือที่คั่นหนังสืออยู่ในมือ คำพูดของเจเรมี่ยังคงดังก้องอยู่ในใจของเธอ “ลินนี่ ถ้าเธอยังเก็บที่คั่นหนังสือนี้ไว้ แสดงว่าเธอยังห่วงใยฉันอยู่ลึก ๆ ในใจ”‘ที่คั่นหนังสือนี้เกี่ยวอะไร?’หลังจากกลับมาถึงที่พักแล้ว เมเดลีนถามคำถามอย่างตรงไปตรงมากับเฟลิเป้ เพื่อดับความสงสัยในใจของเธอว่า “เฟลิเป้ ฉันเคยมีเรื่องราวความหลังเก่า ๆ กับเจเรมี่ไหม? ความจำเสื่อมของฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาบ้างหรือเปล่า?”เฟลิเป้ดูประหลาดใจเ
เมเดลีนขัดขืนทันทีและเอาศอกไปกระแทกคนข้างหลังเธอชายคนนั้นไม่ได้ขัดขวางการโจมตีของเธอ แต่ยังคงโอบแขนไว้รอบตัวเธอ “ลินนี่ นี่ฉันเอง”เสียงทุ้มนุ่มนวลของชายคนนั้นดังเข้ามาในหูของเธอเมเดลีนถึงกับผงะไปชั่วครู่ เธอได้สูดกลิ่นหอมของไม้ซีดาร์ที่คุ้นเคย“ลินนี่ ไม่ต้องกลัว ผมจะไม่ทำร้ายคุณ ผมแค่ไม่ต้องการให้คุณตัดสินใจกับสิ่งที่คุณจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต” เจเรมี่พูดออกมาเบา ๆ ด้วยคำขอร้องที่สุภาพจากน้ำเสียงของเขา “ได้โปรด ไปกับผมได้ไหม?”คิ้วที่สวยงามของเมเดลีนขมวดชนกัน “ปล่อยฉันก่อน”เมื่อเจเรมี่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด เขาก็ปล่อยเธอไปทั้ง ๆ ที่เขาไม่เต็มใจเมเดลีนหันกลับมาและเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ประชิดเธอมาก ไฟในดวงตาของเธอก็ลุกโชนขึ้นในทันทีเขาเห็นเปลวไฟแห่งความเกลียดชังในดวงตาของเมเดลีนโดยไม่คาดคิดและรู้สึกตกใจเล็กน้อยท่าทางที่แสดงออกของอารมณ์เธอในขณะนั้นมีเพียงแค่ความเกลียดเขาและอยากหลีกเลี่ยงออกจากเขา เหตุใดเธอถึงได้มีความเกลียดชังที่รุนแรงได้ขนาดนี้กัน?เขาไม่ได้คิดอะไรมากและคว้ามือของเมเดลีนไว้ “ลินนี่ อย่าแต่งงานกับเฟลิเป้เลยนะ เขาไม่ใช่คนที่คุณเห็นแบบผิวเผินอยู่ตอนนี้ เขา
เจเรมี่รู้สึกราวกับว่าเขากำลังจะเป็นบ้า และในตอนนี้ความสงบตั้งแต่แรกของเขาก็กำลังถูกโยนทิ้งออกไปนอกหน้าต่างเขากอดเมเดลีนเหมือนคนบ้าและยังคงยืนกรานว่า “ไม่นะ ลินนี่! เธอไม่ได้รักเฟลิเป้ เธอรักฉัน! ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราพบกันตอนเด็ก ๆ ฉันเป็นผู้ชายคนเดียวที่อยู่ในใจของเธอ!”เมเดลีนผลักเขาออกไปอย่างแรง “ปล่อยฉันนะ เจเรมี่! ฉันไม่เคยตกหลุมรักไอ้คนขี้ขลาดและเลือดเย็นอย่างนาย! ปล่อยฉัน!”วื้ดดด!ม่านของห้องลองเสื้อผ้าได้ถูกเปิดออกอย่างกะทันหันเมื่อเอวาและเอโลอิสได้ยินเสียง พวกเธอก็รีบเข้ามา และเมื่อเห็นเจเรมี่โอบเมเดลีนอยู่ ทันใดนั้นพวกเธอก็รีบเปิดม่าน แล้วเอวาก็รีบเข้าไปเพื่อดึงเขาออกไปในทันที“เจเรมี่ ไอ้คนถ่มถุย! นายมาทำอะไรที่นี่? ปล่อยแมดดี้เดี๋ยวนี้ ปล่อยเธอ!”เอวาตวาดเขาและผลักเจเรมี่ออกไปด้วยสุดกำลังที่มี“ไอ้คนขยะ! เมื่อไหร่นายจะเลิกทรมานแมดดี้สักที!”เจเรมี่ตะลึงกับการดุของเอวา‘ทรมาน’เขาทรมานเธอเหรอ?ไม่นะเขาสัญญาไว้ว่าจะไม่ทรมานเธอเมื่อเอวาเห็นว่าเจเรมี่อยู่ในความรู้สึกที่สับสนมึนงง เธอก็ผลักเขาออกไปและปกป้องเมเดลีนไว้ข้าง ๆ เธอ “แมดดี้ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? ทำไมไ
ค่ำคืนที่ไร้แสงจันทร์ช่างมืดมิดเหมือนกับก้นหม้อที่ไหม้ดำในบาร์ แสงไฟหลากสีสันส่องประกาย ราวกับว่าบรรยากาศโรแมนติกนี้ดูเหมือนจะโอบล้อมและปกคลุมผู้คนที่เข้ามา ในขณะนั้น มีผู้ชายสองคนนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์กำลังชนแก้วกัน โดยไม่สนใจผู้หญิงเซ็กซี่ที่เดินเข้ามาคุยกับพวกเขาเลยหลังจากที่แดเนียลรู้เรื่องอาการของเมเดลีนจากอดัม เขารีบขับรถด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวมาเพื่อหยุดเจเรมี่ให้ได้ เขาคิดว่าจะต้องมีสงครามระหว่างพวกเขา แต่ทั้งสองคนกลับมาเจอกันแล้วจบลงที่บาร์ จากนั้นก็เริ่มพูดประชดประชันกัน“สมน้ำหน้านายวะ เจเรมี่” แดเนียลหัวเราะเยาะ เขาแทบจะไม่แตะแอลกอฮอล์เลย แต่วันนี้ เขาดื่มไปหลายแก้วอย่างเงียบ ๆ“ในที่สุดเมเดลีนน้อยก็เป็นของคนอื่นไปแล้ว เธอไม่เคยเป็นของฉันเลย” แดเนียลหัวเราะอย่างขมขื่นและกระดกแก้วขึ้น แฮลกอออล์เย็น ๆ ผ่านเข้าไปในลำคอของเขา และไหลลงไปที่หน้าอกของเขา มันมีกลิ่นฉุนมากหัวใจของเขาแตกสลายอีกครั้งใบหน้าที่อ่อนโยนและสง่างามตามปกติของเขาได้พังทลายลง ในขณะที่ความหวังทั้งหมดของเขาสำหรับความรักที่ซ่อนเร้นของเขา ในตอนนี้ก็ได้พังทลายและตายไปหมดแล้วในขณะนั้น เขาแค่อยากจะเมา“เจ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ