คำถามของเจ้าหน้าที่ทำให้หัวใจของมาเดลีนหยุดนิ่ง มันยังตอกย้ำทำให้เธอนึกขึ้นได้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ได้ถูกวางแผนไว้แล้วตั้งแต่ต้น และทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับมันทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเธอตกหลุมรักผู้ชายที่เธอไม่คู่ควรมาเดลีนคว้าแท่งเหล็กเย็นๆด้วยความสิ้นหวังและคุกเข่าลงบนพื้น‘เจเรมี่ วิทแมน ถ้าหากมีทางไหนที่สามารถย้อนกลับไปได้อีกครั้ง ฉันคงเลือกไม่ขอพบเจอคุณ..’มาเดลีนไม่คาดหวังว่าจะมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่เธอออกจากคุกบางทียาที่แดเนียลขอให้คนของเขาส่งไปมีผลกระทบที่น่าอัศจรรย์กับเนื้องอก หรือบางทีอาจเป็นความตั้งใจอย่างแรงกล้าของเธอที่อยากเห็นลูกที่ถูกลักพาตัวไปหลังจากที่พวกเขาบีบบังคับให้เธอคลอดลูกอย่างแรง ในเวลาสั้นๆ เธอเปลี่ยนความคิดเพื่อมีชีวิตอยู่อย่างน่าอัศจรรย์แสงแดดจัดกว่าทุกวัน ในวันที่เธอได้อิสระของเธอกลับมาอีกครั้ง ช่วงเวลาในคุกของเธอจบลงเเล้ว อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถกำจัดความยุ่งเหยิงและความเจ็บปวดที่อยู่ในใจเธอมาตลอดสามปีได้ความทรมานนับพันวันนั้นถูกตอกลึกลงไปทั่วร่างกายของเธอและมันจะไม่จางหายไปในเร็ววันมาเดลีนเฝ้าดูขณะที่แดเนียลและเอวาวิ่งเข้ามาหาเธอ เมื
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากรุ่งอรุณแห่งชีวิตใหม่ของเธอได้มาเยือนเธอไม่ลืมที่จะจัดแจงซื้อผลไม้เตรียมพร้อมด้วยขนมโปรดของคุณปู่ก่อนไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาล นานแค่ไหนกันนะที่เธอไม่ได้พบเจอท่านเธอตรงไปที่ห้องที่ปู่ของเธอพักอยู่แต่เธอสังเกตเห็นว่าปู่ของเธอไม่อยู่ที่นี่มาเดลีนไปที่แผนกต้อนรับเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อพยาบาลเห็นว่าเธอเป็นสมาชิกในครอบครัวของเลน ซามูเอล พยาบาลก็มองเธอด้วยสีหน้าแปลกๆ น้ำเสียงของเธอก็ไม่เป็นมิตรเช่นกัน “นี้ เธอเป็นหลานสาวของคุณซามูเอลใช่ไหม? เธอควรทำหน้าที่ในฐานะหลานของเขาไม่ใช่หรอ? เขาตายไปแล้วตั้งสามปี ทำไมเธอยังมาที่นี่อีก? ไปที่ห้องจัดงานศพ ขี้เถ้าของเขาอยู่ที่นั่น”ซ่วบ! ผลไม้ในมือของมาเดลีนตกลงที่พื้นเธอเบิกตากว้างและตกอยู่กับความงุนงง ความเจ็บปวดเริ่มแทรกซึมไปทั่วร่างกายของเธอเธอคิดว่าหัวใจของเธอตายไปแล้ว เธอคิดว่ามันชามากจนไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดที่หายใจไม่ออกนี้ทำเธอหายใจอย่างติดขัดปู่ของเธอเสียชีวิตแล้วเขาตายไปตั้งสามปีแล้ว!เธอไม่แม้แต่จะได้เห็นเขาเป็นครั้งสุดท้าย!มาเดลีนไปที่ห้องจัดงานศพและเอาขี้เถ้าของปู่ขอ
มาเดลีนใจสลายลูกศรล้านดอกปักลงกลางใจของเธอคงไม่น่ากลัวเท่านี้เธอไม่มีวันลืมคืนนั้น เธอถูกบังคับให้คลอดลูกอย่างโหดร้ายก่อนลูกของเธอจะถูกพรากไปจากเธออย่างไม่มีวันหวนคืนจนถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิง? เด็กคนนั้นจะดูเหมือนเธอหรือเหมือนเจเรมี่มากกว่ากัน?มาเดลีนเข้าไปที่บัญชีทวิตเตอร์ของเมเรดิธและเห็นว่าเธอกำลังแสดงถึงความโอ้อวดที่คึกคัก หล่อนอวดรถราคาแพง กระเป๋าแบรนด์เนม และพ่อแม่ผู้มีชื่อเสียงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แถมหล่อนยังอวดลูกชายที่น่ารักที่หล่อนมีกับเจเรมี่นางปีศาจอย่างหล่อนมีทุกอย่างในตอนนี้ในทางตรงกันข้ามเธอ มาเดลีน เธอไม่มีอะไรเลยความน่าสมเพชนี่มีบางทีที่มาเดลีนเผลอมองหาเจเรมี่ อย่างไรก็ตาม เธอตระหนักว่าเธอไม่มีความกล้าหาญที่จะทำเช่นนั้นเธอถูกทรมานอย่างไร้ความปราณีในคุกและมันทำให้เธอสะดุ้งเมื่อนึกถึงเรื่องนี้อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอคิดถึงลูกที่หายไป มาเดลีนก็ยังคงเดินหน้าต่อไปเธอยืนอยู่หน้าคฤหาสน์ซึ่งเธอเคยเป็นหนึ่งในสามาชิกที่สำคัญเธอรู้สึกถึงความขมขื่นในใจ ตอนที่เธอกำลังจะกดกริ้ง เธอเห็นเมเรดิธเดินพ้นจากบ้านออกมาเธอแต่งตัวฉูดฉา
การมองเห็นที่พร่ามัวเกิดจากน้ำตาของมาเดลีนหัวใจเธอไม่สามารถแบกรับความรู้สึกที่หนักอึ้งนี้ได้อีกต่อไปอย่างไรก็ตาม เธอยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเจเรมี่จะเลือดเย็นขนาดนั้นเด็กเป็นเพียงแค่สิ่งที่มีชีวิตชีวาสดใส เขาทำกับเด็กได้จริงหรือ?เมเรดิธดึงผมสั้นของมาเดลีนด้วยความสามารถทั้งหมดของเธอ เธอมองไปที่ใบหน้าที่เปลือยเปล่าแต่น่าทึ่งของมาเดลีนและรู้สึกได้ถึงความโกรธกำลังเพิ่มขึ้นในอก “มาเดลีน เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันเป็นใคร? ฉันคือคุณหนูทายาทแห่งมอนต์โกเมอรี และฉันจะเป็นคุณนายวิทแมนในไม่ช้า เธอเป็นใครกล้าดียังไงมาสู้กับฉัน?”เธอเตะมาเดลีนที่อ่อนแอเกินกว่าจะสู้กลับออกไป ก่อนจะยิ้มอย่างมีเจตนาร้ายแอบแฝง“ไม่อยากให้ฉันคืนลูกของเธอให้เหรอ?”มาเดลีนสั่นสะท้านไปทั้งตัว เธอสามารถเห็นเมเรดิธถือขวดที่มีขนาดประมาณกำปั้นผ่านสายตาที่พร่ามัวของเธอในระยะไกลๆ มีผงสีขาวอยู่ในนั้นครึ่งขวด“ลูกของเธออยู่ในนี้”เรื่องบัดซบอะไรกัน?มาเดลีนรู้สึกราวกับว่าเลือดทั้งหมดในร่างกายของเธอถูกดูดจนแห้งและเนื้อของเธอก็ถูกชำแหละล้างให้สะอาดเช่นกัน เธอเหลือแต่กระดูกการมองเห็นของเธอมืดดับลง แต่เธอสามารถได้ยินเสียงที่น่าขนล
ทุกคำที่ออกมาจากปากเขาทำให้ความรู้สึกเหมือนทาเกลือบนบาดแผลสดและเลือดของเธอ ความเจ็บปวดที่จี้เข้ากระดูกทำให้ร่างกายของเธอชาไปหมด“หึ หึ...” มาเดลีนหัวเราะอย่างเวทนามันเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าตัวตนของเขาถูกเปิดเผยว่าเขาโหดร้ายมากแค่ไหนถึงกับกำจัดเด็กที่พึ่งเกิดคนนั้นออกไปได้อย่างง่ายดายมันเป็นสิ่งที่ปรากฎออกมาว่าเขาสามารถบดกระดูกลูกของตัวเองให้เป็นฝุ่นผงเพื่อปีศาจหญิงตนนั้นได้!มาเดลีนคิดว่าหัวใจของเธอตายแล้ว เธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถรู้สึกเจ็บปวดได้อีกต่อไปอย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้คาดหวังว่าบาดแผลเหล่านั้นจะเริ่มแผดเผาเธออีกครั้งเมื่อเธอได้พบกับผู้ชายคนนั้นในสถานการณ์นี้“เจเรมี่ ฉันไม่คิดมาก่อนว่ามาเดลีนจะมาสร้างปัญหาให้ฉันในตอนที่เธอออกจากคุก ฉันกลัวมาก ฉันกลัวมากว่าเธอจะทำร้ายลูกของเราอีกครั้ง เธอฆ่าลูกของเราไปแล้วครั้งหนึ่ง ฉันไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง”เมเรดิธพิงหน้าอกของเจเรมี่พลางสะอื้นเธอพูดอย่างไร้เดียงสา แต่เห็นได้ชัดว่าเธอจงใจจุดไฟแห่งความโกรธในใจของเจเรมี่อย่างที่ผู้หญิงคนนั้นคาดไว้ เจเรมี่ขมวดคิ้วเมื่อสายตาที่มุ่งร้ายและน่ากลัวของเขามองมาที่มาเดลีน“มาเด
เมเรดิธได้กลายเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลจากสังคมชั้นสูงที่ใหญ่ที่ร่ำรวยในเกลนเดล ถ้าพวกหล่อนกล้าที่จะลองดีกับเธอ พวกหล่อนอาจไม่เหลือที่ให้ยืนบนแผ่นดินนี้ให้อีกต่อไปเธอไม่ต้องการให้เอวาเดือดร้อนเพราะเธอหลังจากครุ่นคิดถึงประสบการณ์อันเจ็บปวดของเธอที่ผ่านมา มาเดลีนจึงตัดสินใจเริ่มต้นใหม่เธอสามารถล้างแค้นให้กับตัวเองและลูกที่ตายไปได้หากเธอลุกขึ้นจากขวากหนามนี้สองวันต่อมา มาเดลีนไปทำงานในบริษัทใหม่ของเธอร่องรอยบางส่วนของบาดแผลบนใบหน้าของเธอยังไม่หายดี มาเดลีนจึงใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดรอยฟกช้ำในเวลาเดียวกันกับที่เธอมาถึงที่ทำงาน ก่อนที่เธอจะได้นั่งลง อีฟการ์เซียคนที่เป็นหัวหน้าของเธอ ก็ถูกเรียกตัวไปพบอีฟดูเหมือนนักธุรกิจหญิงที่แข็งแกร่งและทรงพลัง เธอแต่งตัวในชุดที่ตามสมัยและสวยงามลงตัว อย่างไรก็ตาม เธอมีใบหน้าที่สงบนิ่ง ดังนั้นเธอจึงดูจริงจังมากกับการทำงาน สิ่งนี้ทำให้ มาเดลีนมีความกังวลอย่างมาก เธอกังวลว่าจะทำเรื่องยุ่งและทำงานผิดพลาดในการทดลองงานครั้งนี้อย่างไรก็ตาม อีฟสุภาพกับเธอ หล่อนบอกกับมาเดลีนให้ค่อยๆเรียนรู้ไปได้และเธอไม่จำเป็นต้องกังวลกับสิ่งต่างๆมากเกินไปมาเดลีนคิดว่าหัวหน
อันที่จริง เหตุผลที่เธอได้งานนี้อย่างง่ายดายเป็นเพราะเมเรดิธชักใยบางอย่างอยู่ด้านหลังนี่เองอย่างไรก็ตาม มาเดลีนไม่ใช่คนโง่ มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้เมเรดิธจะใจดีขนาดนี้?“หยุดเสแสร้ง เธอไม่รู้สึกขยะแขยง แต่ฉันรู้สึก” เธอปัดมือของเมเรดิธทิ้งด้วยความเกลียดเมเรดิธเอียงตัวราวกับว่าเธอนั้นแสนอ่อนแอและบอบบางเหลือเกิน จากนั้น เธอพิงไปซบเอโลอิสเอโลอิสเห็นว่าลูกสาวคนโปรดของเธอถูกรังแก เธอจึงเดินไปหามาเดลีนด้วยความกระวนกระวายใจและปกป้องเมเรดิธไว้ข้างหลังเธอ“มาเดลีน อย่าเป็นคนตาบอดที่มองไม่เห็นว่าใครแสนดีกับเธอ! ถ้าเมอร์ไม่ขอร้องฉันนะ ฉันจะไม่ปล่อยให้คนอย่างเธอทำงานในบริษัทของฉัน!” เอโลอิสพูดด้วยความโกรธ“แม้ว่าเธอจะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆของเมอร์ แต่ลูกสาวฉันก็ไม่เคยกลั่นแกล้งเธอเลยสักนิดแม้ว่า เธอจะราวีอย่างไม่ลดละ เมอร์คิดถึงเธอมาก มันไม่เป็นไร หากถ้าเธอไม่รู้สึกขอบคุณ แต่นี่เธอยังพยายามแว้งกัดมือที่เลี้ยงเธออยู่!”อีกแล้วรูปแบบประโยคนี้ถูกจัดฉากขึ้นมาอีกแล้วมาเดลีนกำลังจะปรับเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการกระทำนั้นในตอนนี้จนถึงตอนนี้ เธอไม่รู้เลยว่าเมเรดิธมอบความเมตตากรุณาให้กับเธอด้วยเหตุผลอ
ดวงตาของมาเดลีนดูหดหู่ เธอมองเห็นแหวนที่เมเรดิธกำลังสวมอยู่ได้อย่างชัดเจนการที่เธอเอาแหวนขึ้นมาลูบนั้นเหมือนมีนัยยะบางอย่างเมื่อจ้องมองดีๆแล้ว แหวนวงนั้นมันเป็นแหวนที่เธอออกแบบ!“มาเดลีน เธอเองเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์ผลงานอยู่ไม่น้อย แหวนวงนี้ช่างงาม ฉันชอบมันมาก แต่เธอรู้ไหมว่าอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เจเรมี่เป็นคนบรรจงสวมมันให้ฉัน”เมเรดิธกำลังอวดแหวนที่เธอสวมใส่ด้วยความภาคภูมิใจ ในทุกคำที่กล่าวออกมาถูกเขียนอย่างชัดเจนทั่วทั้งดวงตาแห่งความโอ้อวดนี้ของเธอมาเดลีนขดนิ้วของเธอและถือโทรศัพท์ที่กำลังบันทึกวิดีโอตลอดเวลาไว้ในมือ เธอยิ้มขณะที่เธอกัดฟัน“เมเรดิธ เธอยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเธอเป็นคนสร้างเรื่องใส่ร้ายกล่าวหาฉันทั้งหมด หาว่าฉันเป็นคนขโมยผลงานของคนอื่นมาทั้งๆที่ฉันเป็นคนรังสรรค์ผลงานนั้นออกมาจากมือตัวเอง เธอทำแบบนั้นกับฉันใช่ไหม?”เมเรดิธเย้ยหยัน “แล้วไง? ใครจะเชื่อเธอ? เธอเป็นใครคิดจะมาแข่งกับฉัน?”"พอแล้ว" มาเดลีนยิ้มมุมริมฝีปากของเธอเล็กน้อยก่อนจะหันหลังจากไปหลังจากที่เธอพูดสั้นๆเมื่อเมเรดิธสังเกตุเห็นมาเดลีนมีอาการที่แปลกไป เธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างกำลังผิดปกต
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ