คำพูดต่อไปของมาเดลีนหลังจากนั้นทำลายความสุขที่เมเรดิธวาดฝันไว้พังลงอย่างรวดเร็ว “ใช่ ฉันหมายถึงแม่ของคุณ”“ว่าไงนะ?” เมเรดิธรู้สึกราวกับเธอถูกตบหน้ากลางอากาศ “มันเกี่ยวข้องกับแม่ของฉัน?”“เมื่อวาน แม่ของคุณมาที่ร้านของฉันเพื่อซื้อเครื่องประดับให้คุณสองชุด” มาเดลีนอธิบายอย่างใจเย็นในที่สุดเมเรดิธก็เข้าใจ แต่เธอได้สูญเสียรอยยิ้มนั้นไปขณะนี้เมื่อสังเกตุ ทางเอโลอิสและฌอนที่ต่างสบตากัน “เมเรดิธเรียกมาเดลีนว่าอะไรนะ? คุณควินน์?”ฌอนยังเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่พวกเขาเห็นมาเดลีนเผชิญหน้ากับเมเรดิธ ทั้งสองคนรีบเดินไปในทันทีเพราะกลัวว่ามาเดลีนจะทำอะไรบางอย่างกับเมเรดิธและเมื่อเดินเข้าใกล้ พวกเขาได้ยินเจเรมี่พูดกับมาเดลีนว่า “ในเมื่อคุณมาที่นี่แล้ว เข้ามาสิมาหาอะไรทานก่อน”“ไม่! เราจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้านของเราได้ไง?!” ฌอนรีบตะโกนมาเดลีนเพิกเฉยต่อคลื่นเสียงแห่งความเจ็บปวดภายในเธอฝืนยิ้มต่อไปในขณะที่มองไปยังที่มาของเสียงนั้นตรงหน้าเธอคนพวกนี้คือแม่และพ่อของเธอ แต่พวกเขากลับจ้องมองเธอด้วยความเกลียดชังที่รุนแรงยิ่งกว่าเมื่อสามปีก่อนมาเดลีนสงสัยในต
เมเรดิธอยากจะปฏิเสธที่จะรับของขวัญ แต่เพื่อรักษาไว้ซึ้งท่าทางที่อ่อนโยน เธอจึงรับของขวัญจากมาเดลีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณมากนะคะ”หลังจากนั้น เธอก็ดึงแขนเสื้อของเจเรมี่เพื่อเรียกร้องความสนใจ “เจเรมี่ไปข้างในกันเถอะเราไม่ควรให้แขกคนอื่นรอ”“แน่นอน เธอทั้งสองควรเข้าไปข้างในก่อน” เอโลอิสและฌอนเร่งเร้า การแสดงออกของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข “ใช้ประโยชน์จากโอกาสแห่งความสุขในวันนี้กำหนดวันแต่งงานในเร็ววันของทั้งคู่ซะ”เมเรดิธยิ้มเขิน ๆ ให้เจเรมี่ “เจเรมี่ ในที่สุดฉันก็สามารถแต่งงานกับคุณและฉันจะเป็นเจ้าสาวของคุณในอีกไม่ช้า”เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเมเรดิธ มาเดลีนก็ยิ้มให้พวกเขาด้วยเช่นกันขณะที่พวกเขากลับไปยังสวนใจกลางของงานเลี้ยงวันนี้ สายตาบางคู่มองไปที่มาเดลีน สายตาของคนพวกนั้นทั้งหมดพยายามเดาฐานะและที่มาของเธอความสนใจทั้งหมดของพวกเขาตกไปมาเดลีน และนั่นเองทำให้เมเรดิธเริ่มไม่มีความสุขเมื่อเห็นว่าเจเรมี่ดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะประกาศขอแต่งงานในวันนี้ เมเรดิธรู้สึกระส่ำระส่ายไม่มั่นคงในสถาณการณ์ปัจจุบัน มันจะค่อนข้างน่าอายถ้าวันนี้มันไม่ผ่านไปในแบบที่เธอคิด
หากมองไปที่เครื่องแต่งกายของเธอ ชุดที่สวมใส่มันช่างดูเหมือนคนรับใช้ของมอนต์โกเมอรี และเธอก็ไม่เหมือนแขกในงาน แล้วเธอเป็นใครกัน?มาเดลีนไม่มีโอกาสที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอรีบหนีขึ้นไปชั้นบนเมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังเช็ดน้ำตาและลุกออกมาก่อนที่เธอจะไขปริศนาในหัวของเธอได้ เสียงของเมเรดิธได้ดังมาจากภายในห้องหนึ่งกระทบเข้าหูเธออย่างชัดเจนเธอเดินไปที่ห้องนั้นและยืนอยู่ข้างนอก เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมเรดิธ แต่เธอได้ยินเสียงคนข้างในตะโกนออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ “เจเรมี่ ฉันมีความสุขมาก การแต่งงานกับคุณคือความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของฉัน!”ดูเหมือนว่าเจเรมี่จะขอเธอแต่งงานแล้วจริง ๆ และพวกเขากำลังจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้“ฉันจะทำตามสัญญาแน่นอน” เสียงของเจเรมี่ตามมา ซึ่งฟังดูเหมือนคนที่รักษาสัญญามาโดยตลอดมาเดลีนรู้สึกเหมือนว่าคำพูดเหล่านั้นเสียดสีกับหูของเธอ ‘เจเรมี่ นายเคยทำตามสัญญากับฉันบ้างไหม?‘นายทำลายทุกอย่างที่ฉันรอและหวังว่าจะได้จากนายมาสิบกว่าปี นายต้องการแม้จะให้ฉันตายในท้ายที่สุด และยิ่งไปกว่านั้นนายยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับผู้หญิงอีกคน‘ฉันจะไม่ยอมให้ค
เมเรดิธขึ้นเสียง มันอาจเป็นครั้งแรกที่เธอตีโพยตีพายต่อหน้าเจเรมี่เธอดึงมาเดลีนที่อยู่ในอ้อมกอดของเจเรมี่ออกมาอย่างดุเดือด และร้องเสียงหลง “วีล่า ควินน์! ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้มีเจตนาที่ดีแน่นอน ให้ของขวัญฉันงั้นเหรอ? เธอมาที่นี่เพื่อหลอกล่อเจเรมี่ชัด ๆ !”มาเดลีนค่อนข้างรำคาญกับเสียงแหลมสูงของเมเรดิธ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีแผน เธอคงตบเมเรดิธไปแล้วกระนั้น มาเดลีนไม่ได้ทำเช่นนั้นแต่ในทางกลับกันเธอแสดงการจำลองอาการรวิงเวียนศีรษะเยาะเย้ย “คุณครอว์ฟอร์ด คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะ”“ฉันไม่ได้เข้าใจผิด! เห็นอยู่ตำตา! ยัยผู้หญิงน่ารังเกียจ!” ขณะที่เมเรดิธตะโกน เธอตัดสินใจเอื้อมฝ่ามือตรงไปยังใบหน้าของมาเดลีนพรึบ!ฝ่ามือของเมเรดิธพลาดเป้า เพราะมันถูกเจเรมี่คว้าเอาไว้อย่างแน่นหนาดวงตาของเจเรมี่มองด้วยความเย็นชาไปที่เมเรดิธที่ดูโวยวาย “ผมแค่ช่วยเธอเท่านั้น นี่ถึงกับต้องตะโกนใส่เธอแบบนั้นเลยเหรอ?”น้ำเสียงของเขาเย็นชาจนเมเรดิธแทบจะร้องไห้เมื่อได้ยิน“เจเรมี่ คุณไม่เคยใช้น้ำเสียงคุยกับฉันแบบนี้มาก่อน…” เมเรดิธเริ่มร้องไห้ขณะที่เธอพูดแบบนั้นเจเรมี่ปล่อยมือของเขาออก ทั้งที่สีหน้าของเขายังคงจริงจัง “
แม้ว่าดวงตาของเธอจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่เมเรดิธยังคงสวมหน้ากากที่เป็นเสมือนตัวตนของเธอในขณะที่ยิ้มอย่างอ่อนโยน“ฉันขอโทษนะ คุณควินน์ ฉันคงรักคู่หมั้นมากเกินไปและสูญเสียความใจเย็นไปชั่วขณะ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ถือสา”มาเดลีนยิ้มกลับ “ฉันเห็นว่าคุณเอาใจใส่ คุณวิทแมนมากแค่ไหน ฉันสามารถเข้าใจว่าคุณรู้สึกยังไง ฉันเองมักจะหึงเมื่อแฟนของฉันเข้าใกล้ผู้หญิงคนอื่นมากเกินไปเหมือนกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น มาเดลีนก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่บางเบาทั้งในสายตาของเจเรมี่และเมเรดิธ“คุณควินน์ คุณมีแฟนแล้วงั้นหรือ?” เมเรดิธเกือบจะสามารถเรียกรอยยิ้มของเธอคืนได้มาเดลีนหัวเราะอย่างสง่างาม “ใช่แล้วล่ะ” เธอพยักหน้าเบา ๆ แสร้งทำเป็นบังเอิญสบสายตาของเจเรมี่เมื่อเห็นว่าสายตาของเจเรมี่ยังคงอยู่ที่มาเดลีน เมเรดิธจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อ “คุณควินน์มีแฟนแล้ว ทำไมคุณไม่โทรหาเขาและแนะนำให้เราจะได้รู้จักด้วยล่ะ”“เขาไม่ได้อยู่ในเกลนเดลชั่วคราว แต่ฉันจะพาเขามาแนะนำกับพวกคุณทุกคนถ้าเรามีโอกาส” มาเดลีนยิ้มอย่างสดใสเมเรดิธไม่พูดต่อและเช็ดน้ำตาออกขณะที่เธอยิ้มอย่างอบอุ่นอีกครั้ง “เจเรมี่ ไปกันเถอะ เราไม่ควรทำให้
เสียงของเมเรดิธกำลังสั่นขณะที่เธอพูดว่า “เจเรมี่อย่าไปนะ คุณกำลังจะไปไหน? แล้วการแต่งงานของเราล่ะ...”“วันนี้ผมไม่มีอารมณ์กับมัน” เจเรมี่ตอบอย่างเย็นชาพลางดึงมือของเขาออกจากการเกาะกุมของเมเรดิธ“เจเรมี่!” เมเรดิธยังคงตะโกนต่อไป แต่เจเรมี่เดิยชนหนีหายจากไปแล้วทุกคนในตระกูลมอนต์โกเมอรีและแขกที่มาร่วมงานไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเพิ่งเห็นแต่ว่าบางสิ่งที่พวกเขาสามารถเห็นได้ชัดคือกริยาท่าทางของเจเรมี่ เขาดูรู้สึกหงุดหงิดกับบางสิ่งอย่างชัดเจนฝูงชนเกิดความสงสัยในกะทันหัน ดูเหมือนว่าเจเรมี่จะไม่รักเมเรดิธมากเท่าข่าวลือที่อ้าง มิฉะนั้นทำไมชีวิตสมรสของพวกเขาถึงล่าช้าไม่มีการจัดงานแต่งงานซักที? แม้กระทั่งวันนี้ เจเรมี่ก็ทิ้งเมเรดิธด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่าเขาไม่มีอารมณ์เมเรดิธยกชุดของเธอเพื่อจะเดินก้าวตามไปขณะที่เธอไล่ตามเขา ในภาพที่เธอเห็นคือมาเดลีนกำลังเดินนำอยู่ข้างหน้าและเจเรมี่ได้ขับรถของเขาไปข้าง ๆ และลงมาเปิดประตูให้มาเดลีนในภาพที่ดูเหมือนสุภาพบุรุษขณะที่เขาเชิญเธอขึ้นรถก่อนจะขับออกไปเมเรดิธจับชุดของเธออย่างแน่นในขณะที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และในดวงตาของเธอมีความเกรี้ยวกราดอย่างรุนแรง
เธอยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมคุณถึงมาตีสนิทกับผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนเธอล่ะ? คุณไม่รู้สึกขยะเเขยงที่จะมองหน้าฉันหรือไงกัน?”เจเรมี่หันกลับมา มองที่มาเดลีนด้วยสายตาที่มีเสน่ห์ “คุณวีล่า ใบหน้าเธอคือความสวยงาม”ใช่ ใบหน้านั้นสวยงามใบหน้านั้นงดงามเช่นเดียวกับมาเดลีนที่มีไม่สิ มาเดลีนสวยกว่านิดหน่อยใบหน้าของเธอมีแสดงออกมาอย่างนิ่ง ๆ และเป็นของจริงดูไม่เสแสร้ง สมบูรณ์แบบในความเงียบสงบเจเรมี่มองใบหน้าตรงหน้าราวกับว่าเขาทำได้เพียงเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่าของเขาด้วยวิธีนั้นทันใดนั้น โทรศัพท์ได้ดังขึ้น ทำให้ชะงักการชื่นชมในความงามนั้นของเขา เขามองไปที่หน้าจอและต้องการที่จะปฏิเสธมัน แต่ท้ายที่สุดเขากดรับสาย “มันยังไงกัน?”สายลมพัดแรงจนเกินไป มาเดลีนจึงไม่สามารถได้ยินสิ่งที่พูดของคนในสาย แต่เธอได้ยินคำตอบของเจเรมี่ที่ไม่เต็มใจนัก “โอเค ผมจะกลับเดี่ยวนี้”มาเดลีนหลงคิดว่าเจเรมี่จะให้เธอลงระหว่างทาง แต่เขาก็ไม่หยุดรถจนกระทั่งถึงถนนที่คุ้นเคย ในที่สุดรถก็หยุดตรงหน้าคฤหาสน์วิทแมนมาเดลีนรู้สึกเหมือนว่าเจเรมี่ยังคงสงสัยในตัวตนของเธอ นั่นคือเหตุผลที่เขาพาเธอกลับมาที่นี
เจเรมี่กระซิบบอกคำสองสามคำกับมาเดลีนก่อนที่จะพาเธอเข้าไปหาอาวุโสวิทเเมนอาวุโสวิทเเมนอายุมากแล้วสายตาของเขาไม่ดีเท่าไหร่นัก สิ่งที่เขาเห็นคือเจเรมี่กำลังจูงมือผู้หญิงผมยาวเข้ามา แต่ในขณะที่มาเดลีนอยู่ตรงหน้า ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่เชื่อในขณะที่เขาจับไม้เท้าพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากโซฟา“เธอ…เธอคือ… เเมดดี้?” ชายชราถามอย่างเหลือเชื่อในขณะที่มือขวาที่สั่นเทาของเขาเอื้อมไปหาเธอ ดูเหมือนว่านั้นจะเป็นการพยายามทดสอบว่าเป็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ ‘มนุษย์’ ที่แท้หรือไม่มาเดลีนมองไปที่สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของเขาและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า แต่นั้นมีความหวานแฝงอยู่ในความเศร้ายังมีใครบางคนที่ห่วงใยเธออยู่ที่นี่!เธอยิ้มขณะที่เธอเอื้อมมือไปจับมือของชายชรา “คุณปู่”“เธอคือเเมดดี้จริง ๆ ใช่ไหม?” ชายชราถามอย่างตื่นเต้นคุณนายวิทแมนเฝ้าดูห่าง ๆ ด้วยสายตาสงสัย“ใช่แล้วครับ คุณปู่ แน่นอนว่าเธอคือมาเดลีน” เจเรมี่กล่าว ช่วยมาเดลีนตอบคำถามเมื่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าของผู้เป็นแม่ได้เปลี่ยนไป “อะไรกัน? เธอคือมาเดลีนจริง ๆ เหรอ? เจเรมี่ แกไม่ได้พูดอย่างนั้น…”คำพูดของเธอถูกขัดให้จบลงด้วย
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ