“ลูกสาวบุญธรรมของเธอกล้าดียังไงถึงได้บอกว่าลูกชายของฉันไม่คู่ควรในตอนนั้น คุณนายมอนต์โกเมอรี? ลูกสาวของเธอน่ะเห็นลูกชายของฉันเป็นของเล่น แล้วดูสิว่าเธอได้รับอะไรเป็นการตอบแทน? ความตายยังไงล่ะ!”ผู้หญิงคนนั้นกอดอกและยิ้มเยาะ“คุณนายมอนต์โกเมอรีรับผู้หญิงที่ชั่วร้ายและเลวทรามมาเป็นลูกสาวของตัวเอง ในทางกลับกันกลับทำให้ลูกสาวแท้ ๆ ต้องตกอยู่ในความทุกข์มากมายแบบนี้ ถ้าไม่เรียกว่าเป็นบทลงโทษแล้วจะเรียกว่าอะไรกันล่ะ?”“จริง! จากที่ฉันได้ยินมาลูกสาวแท้ ๆ ของเธอยังเกือบทำให้ครอบครัววิทแมนแตกแยกกันอีกด้วยนะ แล้วพอครอบครัวมอนต์โกเมอรีจำเธอได้ บ้านของพวกเขาก็ถูกไฟไหม้ แม่ของเธอเป็นอัมพาตและกลายเป็นคนเสียสติอีก ช่างโชคร้ายซะจริง! ฮ่าฮ่า…”“คุณพูดถูก! ฮ่า ๆ …”ผู้หญิงสองคนเริ่มหัวเราะเย้ยหยันอย่างไม่หยุดหย่อนเมื่อเห็นอย่างนั้น คาเลนก็คว้าแอปเปิ้ลจากจานผลไม้แล้วปาใส่พวกเขาอย่างแรงผู้หญิงสองคนนั้นหยุดหัวเราะ และหลบด้วยความตกใจทันที ด้วยความงุ่นง่านทำให้หน้าผากของคนทั้งคู่ชนกันอย่างแรงก่อนจะตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด พวกเธอตะโกนขึ้นมาทันที “นี่น่ะเหรอ วิธีการของหญิงสูงส่งในตระกูลร่ำรวย
เมื่อได้ยินคำตอบของคาเลน เมเดลีนก็อุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อดวงตาที่คมและมีเสน่ห์ของเจเรมี่มองใบหน้าเล็กที่กำลังทำหน้าจริงจังเมเดลีนเองก็จับจ้องเจเรมี่ขณะที่เธอฟังคาเลนพูดทางโทรศัพท์ต่อไปหลังจากนั้นไม่นานเธอก็วางสาย เจเรมี่ดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนทันที พลางถามด้วยความห่วงใย “มีอะไรเกิดขึ้นกับแม่คุณหรือเปล่า?”เธอส่ายหน้า “แม่ฉันสบายดีค่ะ ก็แค่…”“แค่อะไร?” เจเรมี่จ้องเข้าไปในดวงตาที่เป็นประกายของเมเดลีนเธอหยิบโทรศัพท์ของเจเรมี่ แล้วเปิดทวิตเตอร์ก่อนจะเห็นเทรนด์อันดับหนึ่งของวันนี้“ดูนี่สิเจเรมี่” เธอส่งโทรศัพท์ให้เขาและความคับข้องใจของเธอก็ยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีกเจเรมี่ดูเนื้อหาที่เกิดขึ้นด้วยแววตาที่เย็นชาเนื้อหาในจดหมายของผู้อาวุโสโจนส์เขียนถึงผู้อาวุโสวิทแมนกำลังได้รับความนิยม!ดูเหมือนว่าจะมาจากคนที่รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เรื่องความบาดหมางระหว่างครอบครัววิทแมนและครอบครัวโจนส์เมื่อ 15 ปีก่อน“ฉันจำได้ว่าส่งจดหมายให้พ่อของไรอันไปแล้วนะ แล้วเขาก็บอกว่าจะทำลายมันทิ้งแล้วทำไมถึงได้มีรูปภาพพวกนี้อยู่บนโลกออนไลน์ล่ะ?”เมเดลีนรู้สึกสับสน นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่าลำบากใจเป
“ผมบอกให้คนช่วยลบเรื่องพวกนั้นให้มากเท่าที่จะสามารถทำได้แล้ว ผมทำเต็มที่แล้ว ดังนั้นปล่อยให้ครอบครัวโจนส์จัดการกับเรื่องนี้เองเถอะ” เจเรมี่ตอบอย่างตรงไปตรงมาและพยายามปลอบใจเมเดลีน“เราไม่ผิดอะไรเลยลินนี่ เราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของคนอื่นได้ สิ่งที่เราทำได้คือจัดการกับตัวเราเอง”ด้วยเหตุนี้อารมณ์ของเมเดลีนจึงสงบลงมากเขาพูดถูกครอบครัววิทแมนทำสุดความสามารถแล้ว เจเรมี่ยังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือ พวกเขาทำมามากพอแล้ว“ผมพาคุณมาที่นี่เพื่อให้คุณมีความสุขและได้ผ่อนคลาย ลินนี่ เลิกกังวลเรื่องพวกนี้ได้แล้ว หืม?” เจเรมี่เกาปลายจมูกของเธอเบา ๆเมเดลีนคล้องแขนของเขาด้วยรอยยิ้มหวาน เผยให้เห็นลักยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าสวย ก่อนจะแกล้งถาม “ถ้างั้นวันนี้คุณสามีจะพาฉันไปไหนล่ะคะ?”เจเรมี่เลิกคิ้วเข้มพลางตอบอย่างขี้เล่น “พาภรรยาออกมาเที่ยวทั้งทีผมจะไม่เตรียมตัวได้ยังไง?”“งั้นเหรอ?” เมเดลีนแสดงแววตาอยากรู้อยากเห็น ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวังเจเรมี่จึงยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางประสานนิ้วของเขากับมือของเมเดลีน“ผมเสียเวลาไปมากแล้ว ทั้ง ๆ ที่ควรจะดูแลคุณ ลินนี่ ผมจะพยายามชดเชยช่วงเวลาแห่งค
เธอหันกลับไปมองร่างสูงที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเห็นว่าเขามองเธออยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาที่อ่อนโยน ใบหน้าของเธอจึงร้อนผ่าวขึ้นและหัวใจก็เต้นรัวแม้จะหลงรักเขามาตลอด แต่เธอก็ยังมีอาการเงอะงะราวกับว่าเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มอย่างนี้อยู่เสมอเธอเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์ที่กำลังสอนอย่างตั้งใจ ก่อนจะอดใจไม่ได้และเล่นตามน้ำไปกับเจเรมี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วย เธอกับเขานั่งเกี่ยวมือกันไปจนกระทั่งเสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้นเมเดลีนจินตนาการไม่ออกเลยว่าหากเธอและเจเรมี่ย้อนกลับไปยังวัยเรียนได้จริง ๆ จะเป็นอย่างไร หากสามารถแก้ไขอดีตได้ เธอสงสัยว่าเขาจะกลายเป็นหนุ่มหล่อเจ้ากี้เจ้าการที่ชอบทำตัวติดเธอตั้งแต่เช้าจนเลิกเรียน แล้วคอยกีดกันไม่ให้ผู้ชายคนอื่นเข้ามาใกล้เธอด้วยหรือเปล่าก็คงเป็นไปได้เมเดลีนยิ้มหวาน จากความหึงหวงที่เกิดขึ้นบนชายหาดเมื่อวาน เธอไม่แปลกใจเลย ถ้าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอเป็นของเขาแค่คนเดียวร่างบางเดินเล่นไปตามโรงเรียนที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความสดใสของเหล่าหนุ่มสาวอายุยังน้อย เธอรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอย่างมากความเศร้าโศกและความกังวลเมื่อครู่ดูเหมือนจะถูกพัดหายไป สิ่งที่เธออยากทำตอนนี้คือใช้เ
“ไม่ได้มีอะไรงั้นเหรอ?” เจเรมี่ถามกลับด้วยรอยยิ้ม “คุณแค่ไม่รู้ลินนี่ แต่ผู้ชายทุกคนที่คลั่งไคล้หรือพยายามไล่ตามคุณรู้ดีว่าคุณเป็นของผม”“ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดเรื่องอะไรเจเรมี่?” เมเดลีนรู้สึกสับสนขึ้นเรื่อย ๆ “บอกฉันมาเลยนะ ว่าคุณทำอะไรลับหลังฉัน?”“ก็” เจเรมี่กระแอมไอเพื่อพยายามปกปิดความตื่นเต้น “ผมให้คนคอยเตือนผู้ชายพวกนั้นว่าผมกำลังสนใจคุณอยู่ ทุกคนเลยรู้ดีว่าไม่ควรทำให้คุณชายเบอร์หนึ่งต้องขุ่นเคืองใจ”“...”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ตกตะลึง เธอไม่คิดว่าเจเรมี่จะทำแบบนั้นลับหลังเธอแต่พอมาคิดถึงมันในตอนนี้แล้ว เธอก็ไม่แปลกใจเลยเจเรมี่เป็นคนที่โดดเด่น เขาเคยเป็นและตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างตอนนั้นเธอแค่ไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้มาก่อน ในช่วงวันเวลาที่ดอกไม้กำลังผลิบานนั้น เมเดลีนรู้เพียงว่าเธอแอบชอบเจเรมี่ แต่คนที่เจเรมี่รักคือเมเรดิธทั้งที่ความจริงแล้วเขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่วันแรกที่เธอเดินชนเขา ราวกับเป็นรักแรกพบเมื่อเห็นความตกใจบนใบหน้าสวยของอีกฝ่าย เจเรมี่ก็รู้สึกปวดหัวใจ “ผมขอโทษลินนี่ ยกโทษให้สามีคุณที่เป็นคนหลอกลวงแบบนี้ได้ไหม” ปลายนิ้วอันอบอุ่นของเขาแตะลงบนแก้มของเมเดล
หลังจากอุบัติเหตุและเรื่องไม่คาดฝันทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตอนนี้เจเรมี่จึงระมัดระวังตัวเป็นพิเศษยิ่งกว่านั้นเมื่อเมเดลีนเป็นกังวล เขาก็ยิ่งต้องรัดกุมเมื่อเปิดประตูพวกเขาก็พบกับพนักงานเสิร์ฟในชุดยูนิฟอร์มกำลังยืนยิ้มให้“อีกหนึ่งชั่วโมงจะมีงานเลี้ยงสวมหน้ากากบนระเบียงของโรงแรมนะคะ เรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติของเราสามารถเข้าร่วมได้หากว่าท่านต้องการ นี่คือบัตรเชิญของคุณค่ะ เราหวังว่าคุณสองคนจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำในครั้งนี้ และขอให้มีความสุขระหว่างที่พักอยู่ที่นี่นะคะ”ปรากฏว่านี่เป็นการมาเชิญเท่านั้น เมเดลีนรับบัตีเชิญมา “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีค่ะ” พนักงานสาวเอ่ยอย่างสุภาพแล้วจากไป ทั้งเมเดลีนและเจเรมี่มาที่นี่เพื่อผ่อนคลายจึงไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะพลาดกิจกรรมดังกล่าวทว่าเมเดลีนกลับต้องตกใจมากกว่าที่รู้ว่าเจเรมี่เตรียมชุดมาไว้ล่วงหน้าด้วย เขายังช่วยเมเดลีนสวมชุดเดรสสีดำยาวที่เลือกมาเองกับมือด้วยความประทับใจให้เธอด้วยเมื่อมองดูเมเดลีนยืนอยู่หน้ากระจกเต็มตัว เจเรมี่ก็เข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง คำพูดของเขามีความหึงหวงเล็กน้อย “คุณดูสวยมากที่รัก ผมไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่นเห็นค
พวกเขานั่งลงได้สักพักหนึ่ง ก็มีชายสวมหน้ากากคนหนึ่งเข้ามาขอเต้นรำกับเมเดลีนแม้ว่าใบหน้าของเจเรมี่จะมีหน้ากากบดบัง แต่เมเดลีนก็สัมผัสและจินตนาการได้ว่าตอนนี้เขาแสดงสีหน้าอย่างไรแค่เห็นไอน้ำแข็งพวยพุ่งออกมาจากสายตาเย็นชาของคนรัก เธอก็เดาได้ว่าเขากำลังโกรธขนาดไหน แม้แต่การดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ก็ยังไม่สามารถระงับอารมณ์ที่คุกรุ่นนั้นได้เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็แปลกที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาขอเจเรมี่เต้นรำเลย ทั้งที่เขามีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นขนาดนี้เมเดลีนเอื้อมมือไปหยิบเครื่องดื่มเย็น ๆ แล้วกำลังจะแกล้งคนอารมณ์เสียตรงหน้า แต่มีหญิงสาวสวมชุดแม่มดเดินเข้ามาหาเจเรมี่เสียก่อนงานเลี้ยงมีเสียงดนตรีดังกลบไปทั่วบริเวณ แต่เมเดลีนก็ได้ยินเสียงที่หญิงสาวคนนั้นทักเจเรมี่ได้ไม่ยาก“ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่นะเจเรมี่ บังเอิญจริง ๆ!”เจเรมี่ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่นั่นจนกระทั่งเขาได้ยินเสียงเอ่ยทักเธอสวมหน้ากากฟักทองขนาดใหญ่บนใบหน้า เจเรมี่จึงจำไม่ได้ว่าเธอคนนั้นคือใครเมื่อเห็นความสับสนของชายหนุ่ม เธอจึงถอดหน้ากากออกอย่างเย็นชาแสงเจิดจ้าส่องผ่านใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น เมเดลีนเห็นใบหน้างดงามและดวงตาท
เจเรมี่วิ่งตามไป เขารู้สึกได้ว่าเมเดลีนกำลังอารมณ์ไม่ดีเมื่อมองย้อนกลับไปยังหกเดือนนั้น มันไม่ใช่ความทรงจำที่เขาต้องการจะนึกถึงสักเท่าไหร่เมเดลีนยืนอยู่ตรงชายหาดข้างโรงแรมพลางถอดหน้ากากออก ใบหน้าสวยปล่อยให้สายลมยามค่ำคืนปะทะอยู่อย่างนั้น ในขณะที่กำลังเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีจุดหมายในใจ“ลินนี่”เสียงของเจเรมี่ดังขึ้นจากด้านหลัง ฝีเท้าของเมเดลีนจึงค่อย ๆ หยุดลงเธอไม่ต้องการทะเลาะกันกับเขา แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าเธอกำลังอารมณ์เสียไปได้เช่นกันเจเรมี่เดินไปยืนตรงหน้าเมเดลีน ลมทะเลพัดโชยผมสั้นของเธอให้ปลิวไหว ภายใต้โคมไฟถนนสีเหลือง ใบหน้าเล็ก ๆ ดูเศร้าหมองนั้นคือสิ่งเดียวที่เจเรมี่เห็นอย่างชัดเจนคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่นอย่างนึกอยากจะขอโทษ ขณะเดียวกันเขาก็ดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแน่น“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะลินนี่” เขากอดเธอไว้แน่น เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยนดังอยู่ข้างหู “เราเป็นแค่เพื่อนกัน”เมเดลีนมองไปยังทะเลอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตเงียบ ๆ ก่อนที่ริมฝีปากสีชมพูจะพูดว่า “เธอจำคุณได้แม้ว่าคุณจะสวมหน้ากาก เธอเรียกคุณว่าเจเรมี่อย่างสนิทสนมด้วยนะ”“ลินนี่” เจเรมี่คล
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ