แต่หลังจากที่เฟลิเป้รู้ความจริงเกี่ยวกับการตายของพ่อแม่ของเขา เขาก็หายตัวไปก่อนที่เฟลิเป้จะออกจากคฤหาสน์วิทแมน เมเดลีนเคยถามว่าเขาต้องการจะทำอะไร แต่เขาก็บอกเพียงว่าเขาอยากจะกลับใจ และบอกว่าเคธี่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรทว่าเคธี่กลับเสียชีวิตไปแล้วเมเดลีนกับเขาจึงไม่สามารถเดาความคิดหรือความรู้สึกของเคธี่ได้ระหว่างทางกลับบ้าน เมเดลีนนั่งอยู่ในรถด้วยความคิดที่เริ่มฟุ้งซ่าน “เคธี่เป็นผู้หญิงที่ดีมากจริง ๆ”เจเรมี่จึงจับมือเธอเอาไว้ “อย่าคิดเรื่องเศร้า ๆ เลยนะ”เธอจึงถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย “คงจะดีมากถ้าเคธี่โชคดีเหมือนกับฉันในตอนนั้น ฉันรู้ว่าเฟลิเป้เสียใจกับเรื่องนี้มากแค่ไหน เขารู้สึกเสียใจที่ได้รู้ว่าคนที่เขารักคือเคธี่ในวันที่สายเกินไปแล้ว และเคธี่ก็...”“ลินนี่”“คะ” เธอรู้ว่าเจเรมี่เป็นห่วง “ฉันไม่เป็นไร แค่รู้สึกสงสารทุกครั้งที่นึกถึงเธอ ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่เธอคงจะมีความสุขไม่น้อย…”หลังจากที่เธอถอนหายใจ รถก็หยุดอยู่หน้าไฟแดงเมเดลีนมองไปที่ทางม้าลายข้างหน้าอย่างเฉยชา แต่ในชั่วขณะนั้นเธอก็คิดว่าเธอเห็นร่างที่คุ้นเคยเธอไม่แน่ใจจึงพยายามเพ่งมอง ทว่าคนคนนั้นกลับหายไป
“ผมว่าคุณคงไม่ได้ตาฝาดไปหรอก” เจเรมี่ยืนยัน พลางจับจ้องไปที่หลังของชายคนนั้นที่อยู่ไม่ไกลอีกครั้งร่างนี้คุ้นเคยกับเขามากเช่นกันอย่างไรก็ตาม...เจเรมี่จับมือเมเดลีนแล้วเดินเข้าไป จู่ ๆ ผู้อาวุโสวิทแมนก็ลุกขึ้นจากโซฟาอีกด้าน เขามองไปที่เจเรมี่แล้วเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “เจเรมี่ ดูสิว่าใครกลับมา!”หลังจากที่ผู้เป็นปู่พูดแบบนั้น ผู้ชายที่นั่งหันหลังก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจากนั้นเขาก็หันกลับมา ใบหน้าที่เป็นสุภาพบุรุษและสง่างามของเขาในตอนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่และสงบเยือกเย็นมากขึ้นเขาและเมเดลีนมองหน้ากัน ก่อนที่เขาจะส่งยิ้มเล็กน้อยแล้วหันไปมองทางเจเรมี่เมื่อเห็นผมสั้นสีแปลกตาของเจเรมี่และนัยน์ตาสีเหลืองอำพัน เขาก็ดูประหลาดใจเป็นอย่างมาก“ฉันรู้มาสักพักแล้วว่าแกยังไม่ตาย แต่ไม่ได้เจอกันนานแบบนี้ แกเปลี่ยนไปมากเลยนะ” น้ำเสียงของเฟลิเป้เอ่ยอย่างสงบ แต่ก็มีความร้ายกาจแฝงอยู่ในคำพูดของเขา“นานมากแล้วล่ะ มีหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายที่นี่ รวมถึงอาด้วย” เจเรมี่จับไหล่ของเมเดลีนอย่างแนบชิดและเดินเข้าไปยืนตรงหน้าเฟลิเป้ แล้วคลี่ยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน”จากนั้นเฟลิเป้ก็ยิ้มอย
“เจเรมี่ อยากรู้ไหมว่าฐานลับของไรอันในเมืองเอฟ อยู่ที่ไหน?”เจเรมี่มองผู้เป็นอาด้วยแววตาลุ่มลึก “อารู้เหรอครับว่ามันอยู่ที่ไหน?”เฟลิเป้พยักหน้าอย่างหนักแน่น “รู้สิ”เจเรมี่ประหลาดใจ ก่อนจะบอกกล่าวเมเดลีนสองสามคำ และไปยังสำนักงานของอินเตอร์โพลในเมืองเกลนเดลกับเฟลิเป้เฟลิเป้ให้ที่อยู่และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง จากนั้นผู้ที่รับผิดชอบก็ติดต่อเพื่อนร่วมงานที่เมืองเอฟทันที แล้วพวกเขาก็พบสถานที่ที่ไรอันใช้ซ่อนสินค้าผิดกฎหมายของเขาในเมืองเอฟได้ในที่สุดเบาะแสของเฟลิเป้สำคัญกับปฏิบัติการในครั้งนี้มากหลังจากที่พวกเขาออกจากสำนักงานแล้ว เจเรมี่และเฟลิเป้ก็เดินไปตามถนนในช่วงปลายฤดูร้อนพวกเขาสองคนไม่มีความรู้สึกว่าอยากจะแข่งขันกันอย่างเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้พวกเขาหลงเหลือไว้เพียงมิตรภาพที่ดี“อารู้เกี่ยวกับธุรกิจของไรอันได้ยังไง? แล้วรู้ได้ยังไงว่าเขาซ่อนสินค้าไว้ที่ไหน?” เจเรมี่ถามเฟลิเป้หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาเรียวของเขาก็ดูฟุ้งซ่านก่อนจะเอ่ยออกมา“หลังจากที่เคธี่ตายเพราะฉัน สิ่งเดียวที่อยู่ในใจฉันก็คือการแก้แค้น แต่ฉันรู้ดีว่าความเกลียดชังที่ฉันหมกมุ่นมาตลอดหลายปีเป็นเพียงความเข้าใ
ก่อนที่เจเรมี่จะพูดจบ เฟลิเป้ก็ยิ้มและพยักหน้าเขายืนอยู่ใต้ต้นไม้ข้างทางม้าลายและมองไปยังถนนที่วุ่นวาย แววตาเต็มไปด้วยความเศร้าและความเหงาอย่างสุดจะพรรณนา“ตั้งแต่ที่เคธี่จากไป ในชีวิตฉันก็ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรพอจะทำให้อยากใช้ชีวิตต่อ ถ้าตอนนั้นฉันไม่เลือกทางที่ผิดและแตะเรื่องที่ไม่ควรแตะ เคธี่ก็คงไม่ตาย”เฟลิเป้ลดสายตาลงด้วยความสำนึกผิด มือที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงกำรอบขวดแก้วอันเล็ก ๆ เอาไว้คนที่เขารักที่สุดอยู่ในนี้“ฉันได้ทำทุกอย่างที่ต้องทำแล้ว และแก๊งสเตเจี่ยนจอห์นสันเองก็โดนทำลาย โยริคตาย แล้วไรอันก็ถูกจับ เพราะงั้นฉันเองก็ควรไปมอบตัว”หลังจากที่พูดอย่างนั้น เฟลิเป้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแสงแดดส่องผ่านใบไม้สีเขียวและกิ่งก้านสร้างแสงตกกระทบบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเฟลิเป้ ขณะที่เขายิ้มออกมาด้วยความขมขื่น“บางทีฉันก็สงสัยว่าทำไมเอวลีนถึงให้อภัยนายได้ และนายยังเก็บชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายมาประกอบกันแล้วเริ่มต้นใหม่กับเธอ ทั้งที่นายทำร้ายเธอมากขนาดนั้นได้ยังไง และทำไมฉันกับเคธี่ถึงไม่มีโอกาสอย่างนั้นบ้าง?“หลังจากนั้นฉันก็คิดทบทวนเป็นอย่างดีแล้ว และพบว่าฉันไม่ควรโทษใครทั้งน
ที่เมืองเอฟยังคงมีโทษประหารชีวิตซึ่งโทษประหารชีวิตเป็นสิ่งที่เขาต้องการบี๊บ บี๊บ!ทันใดนั้นเสียงแตรก็ดังขึ้นอย่างรุนแรงจากทางด้านหลังเฟลิเป้ไม่ทันได้สังเกตเห็นขณะยืนอยู่ริมถนน เมื่อรถเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ฝ่ามือเล็ก ๆ อุ่น ๆ ก็จับมือเขาไว้แน่นในทันทีจากนั้นเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังทำให้เขาสะดุ้งกลับมารู้สึกตัวเขาลดสายตาลงและสบเข้ากับดวงตากลมใสคู่หนึ่ง ก่อนจะได้มองเด็กน้อยดี ๆ เฟลิเป้ก็สังเกตเห็นว่ามีรถกำลังเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงรีบอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา และถอยกลับไปตรงทางเท้าอย่างปลอดภัยเฟลิเป้วางเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่มีอายุประมาณหนึ่งหรือสองปีลงอย่างอ่อนโยนเด็กน้อยกะพริบตาโตมองมาที่เขา ก่อนจะเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว “อันตราย แม่บอกว่ารถมันอันตราย”เฟลิเป้เข้าใจว่าสิ่งที่เด็กคนนี้พูดก็เพื่อเตือนว่ารถมันอันตราย จิตใจของเขาเริ่มเหม่อลอยเมื่อมองไปยังใบหน้าน่ารักของเด็กวัยหัดเดิน“ขอบคุณนะ เพื่อนตัวเล็ก” เฟลิเป้ขอบคุณเด็กตัวน้อย แต่ก่อนที่จะได้คุยอะไรด้วย เสียงเรียกของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังมาแต่ไกล“ฮวน”เฟลิเป้เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินเข
เฟลิเป้หยุดพูดชั่วครู่ขณะที่หัวใจเขาเริ่มเต้นเร็วขึ้น“แต่อะไร?” เจเรมี่ถามต่อด้วยความสงสัยเฟลิเป้จึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “หมอคนนี้อยู่กับฉันมาหลายปี เคธี่เองก็คุ้นเคยและสนิทกับเขาเหมือนกัน เขาปฏิบัติต่อเคธี่เหมือนเป็นลูกสาวอีกคนมาเสมอ แล้วเคธี่ก็เคารพเขามาก”เจเรมี่นึกถึงบางอย่างทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้ “หมอที่กำลังพูดถึงคือคนเดียวกับที่รักษาผมหรือเปล่า?”เฟลิเป้พยักหน้า “เคธี่คงจะตกลงเงื่อนไขบางอย่างกับเขา เพราะถ้าเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป จะไม่มีทางได้เขามาเป็นคนรักษาให้แน่”“อย่าเพิ่งคิดไปไกล รีบโทรหาหมอคนนั้นแล้วถามก่อนดีกว่า” เจเรมี่เตือนการเต้นของหัวใจเริ่มเต้นรัวอย่างผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ เฟลิเป้หยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความรู้สึกอ่อนแรงที่มือเขาควรจะโทรไปใช่ไหม?แล้วถ้าถูกปฏิเสธ เขาก็ต้องรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกมีดพันเล่มเฉือนหัวใจแต่ถ้าเขาไม่ถาม ความหวังสุดท้ายที่เขามีก็จะหลุดลอยไปเฉย ๆ เจเรมี่รู้ว่าทำไมเฟลิเป้ถึงลังเล “ให้ผมช่วยโทรให้ไหม?”“ไม่ ไม่เป็นไร” เฟลิเป้ตั้งสติแล้วปฏิเสธ เขาดูโทรศัพท์แล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดโทรออกสักพักก็มีคนรับสายเฟลิเป้เหม่อลอยไปไกล
หลังจากที่เมเดลีนถามออกไปอย่างนั้น เปลวไฟแห่งความหวังก็เริ่มลุกโชนในใจของเฟลิเป้อีกครั้งหลังอาหารค่ำเฟลิเป้ที่กำลังเดินตามเจเรมี่ออกมาจากประตูคฤหาสน์วิทแมนก็หยุดเดินกะทันหัน“ฉันอยากรู้อะไรบางอย่าง” เฟลิเป้เงยหน้าเอ่ย ภายใต้แสงไฟจากถนนแววตาที่มุ่งมั่นสะท้อนออกมาอย่างชัดเจนเจเรมี่เองรู้สึกได้สักพักแล้วจึงหันไปหาเขา “ผมจะแกล้งทำเป็นว่าคุณยอมมอบตัวกับผมแล้ว ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อซื้อเวลาให้คุณได้ไปสืบเรื่องของผู้หญิงคนนั้นที่ดูเหมือนกับเคธี่”“ขอบคุณ” เฟลิเป้ขอบคุณออกมาอย่างจริงใจ “ฉันอยากจะไปที่ที่ฉันเจอผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง เดี๋ยวฉันจะกลับมา”หลังจากที่พูดอย่างนั้น เขาก็หันกลับไปอย่างไร้กังวล เจเรมี่ยืนอยู่กับที่สักพักก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าบ้านไปเมเดลีนนั่งคุยกับเอโลอิสอยู่ที่โซฟา เห็นอย่างนั้นเจเรมี่ก็บอกได้ทันทีว่าสภาพจิตใจของเมเดลีนดีขึ้นมากแล้วเขาสงสัยว่าเธออาจโดนกระตุ้นอีกครั้งเมื่อเห็นไรอันล้มลงไปต่อหน้าต่อตา เพราะอย่างนั้นแล้วผลกระทบเชิงลบนี้จึงเข้าไปลบล้างกับสิ่งที่เธอเจอในอดีต ดังนั้นตอนนี้อาการของเมเดลีนจึงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นเจเรมี่เดินเข้
“สวัสดีค่ะ นี่ใครคะ?” เสียงอันบริสุทธิ์และไพเราะของผู้หญิงคนหนึ่งดังแว่วเข้าหูของเมเดลีนหญิงสาวถือโทรศัพท์ด้วยความมึนงง เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินเสียงนี้ช่างคุ้นเคยและยังคงตราตรึงไว้ในส่วนลึกที่สุดของความทรงจำเธอ“เคธี่?” เมเดลีนถามอย่างสงสัย“ใครคะ?” ผู้หญิงคนนั้นถามด้วยความงุนงง ราวกับว่าเธอไม่รู้จักชื่อ ‘เคธี่’เมเดลีนเองก็ผงะเช่นกัน แต่เมื่อเธอกำลังจะถามอีกครั้ง โทรศัพท์ก็ดูเหมือนจะถูกยื่นให้คนอื่นแล้ว จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงของอดัม “เจเรมี่? มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า?”เมื่อได้ยินเสียงของอดัม เมเดลีนก็รีบบอกอาการของเจเรมี่ทันที “อดัม ยาพิษในร่างกายสามีฉันกำลังออกฤทธิ์อีกแล้ว คุณต้องมีวิธีที่จะช่วยเขาใช่ไหม! ฉันจะส่งที่อยู่ให้ คุณรีบมาทีนะ”“เข้าใจแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้” อดัมตอบรับทันทีเมเดลีนคิดว่าเธอน่าจะฟังดูสุภาพพอ เมื่อคิดถึงเรื่องที่อดัมร่วมมือกับไรอันในตอนนั้น เธอก็รู้สึกโกรธอยู่ในใจหลังจากที่วางสาย เธอก็เข้ามาประคองร่างสูงที่กำลังเหงื่อแตกพลั่ก หัวใจเจ็บปวดมากจนรู้สึกหายใจไม่ออกราวกับว่าเธอรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่เจเรมี่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้“อีก
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ