เมเดลีนมองชายที่วิ่งเข้ามาหาเธอด้วยความประหลาดใจ และก่อนที่เธอจะขยับปากก็ถูกชายคนนั้นปิดปากเอาไว้อย่างนุ่มนวลชายคนนั้นคว้าเอวบางของเธอไว้แน่นแล้วรีบพาออกไปจากตรงนั้นทันทีไรอันและชายผิวขาวอีกคนรีบเดินออกมาจากด้านหลังกำแพงลูกน้องที่ตามมาหลังพวกเขามาด้วยเอาไฟฉายส่องไปทั่วบริเวณพื้น จากนั้นพวกเขาก็เจอลูกแมวตัวหนึ่งที่กำลังเหยียบขวดพลาสติกและร้องเหมียวใส่พวกเขาอยู่“แค่แมวครับนาย” ว่าแล้วชายคนนั้นก็เดินเข้าไปเตะเพื่อไล่ลูกแมวออกไปเขามองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะหันกลับไปพร้อมกับไรอันเมเดลีนยืนอยู่หลังต้นไม้และเห็นทั้งหมดว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นโชคดีที่ลูกแมวปรากฏตัวขึ้นตรงนั้นและช่วยแก้ไขสถานการณ์วิกฤตของเธอเอาไว้ได้ทว่าลูกแมวตัวนั้นต้องถูกเตะก็เพราะเธอ หญิงสาวจึงรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย“ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไร คุณจะพาลูกแมวตัวนี้ออกไปด้วยก็ได้” เสียงทุ้มและแหบห้าวดังมาจากด้านหลังเธอเมเดลีนหันกลับไปมองอีกฝ่ายภายใต้แสงจันทร์จาง ๆ“ทำไม? ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”“ตอนนี้ผมไม่มีเวลาอธิบายให้คุณฟัง คุณควรกลับไปก่อน เพราะที่นี่มันอันตรายเกินไป” ชายคนนั้นพูดพร้อมกับเดินออกไปอย่างรวดเร็วหละงจ
เธอมองไรอันด้วยสีหน้าเฉยเมย จากนั้นดวงตาก็ค่อย ๆ แดงขึ้น“ถ้าเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงคุณช่วยเอายาให้ฉันก่อนได้หรือเปล่า? ฉันไม่อยากให้เขาตายโดยที่พิษยังคงอยู่ในร่างกาย”เมเดลีนอ้อนวอนด้วยสายตา น้ำตาที่เอ่อคลอในดวงตาของเธอไหลลงมาเงียบ ๆไรอันมองดูน้ำตาของเมเดลีนแล้วขมวดคิ้ว“ไรอัน ถ้าคุณไม่ช่วยเจเรมี่หาผู้ร้ายตัวจริงและเอายาให้ฉันไม่ได้ ฉันก็คงหมดเหตุผลที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว”หลังจากที่พูดจบเธอก็ลุกขึ้นทั้งน้ำตาเพื่อจะจากไป ทว่าก่อนที่เธอจะเดินออกไปได้ไกลเสียงของไรอันก็ดังมาจากด้านหลัง“ถ้าเจเรมี่ถูกตัดสินโทษประหารชีวิตหลังจากฟังคำตัดสิน ผมจะให้ยากับคุณ”เสียงของไรอันฟังดูไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ในที่สุดเขาก็ตอบตกลงเมเดลีนหยุดอยู่กับที่และกำลังหันหน้าไปทางประตู ในแววตาที่หม่นหมองของเธอมีประกายบางอย่างวิ่งผ่านเข้ามา“มาทานอาหารต่อเถอะ ตอนนี้คุณคือคุณนายโจนส์นะ” ไรอันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจเมเดลีนยืนอยู่ที่เดิมด้วยความลังเลสักพักก่อนที่จะหันหลังกลับไปนั่งที่เดิม“พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปหาอดัม” ไรอันหยิบทิชชู่ส่งให้เมเดลีน “ผมไม่อยากเห็นคุณร้องไห้ให้เขาอีก”“เขาเป็นความรัก
ไรอันหยิบกระเป๋าถือที่ดูเหมือนหนักแล้วเดินไปยังแม่น้ำซึ่งอยู่ติดข้างถนนพอถึงสะพานเขาก็โยนกระเป๋าลงไปทันทีใช้เวลาไม่นานกระเป๋าก็จมลงไป จากนั้นระลอกคลื่นที่กระจายไปทั่วผิวน้ำก็ค่อย ๆ สงบนิ่งอีกครั้งไรอันกลับมาที่รถและมองดูเมเดลีนซึ่งยังคงหลับอยู่ ก่อนจะเหยียบคันเร่งขับออกไปขณะที่พวกเขากำลังใกล้ถึงสถานที่เป้าหมาย เมเดลีนก็ค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาเธอพิงเบาะราวกับว่ายังงัวเงียอยู่ จากนั้นก็มองไปที่ไรอันอย่างใจเย็น“ไรอัน คุณทำตั้งขนาดนี้ไปเพื่ออะไร?” เธอถามทำลายความเงียบด้วยเสียงเบาหวิว “คุณมั่นใจเสมอเลยว่าจะทำให้ฉันตกหลุมรักคุณได้ แต่ฉันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับสิ่งที่คุณกำลังทำ”ไรอันจอดรถไว้ในโรงจอดรถก่อนจะพูดอย่างใจเย็น “ก็เหมือนกับผู้หญิงที่ชอบความสวยและทุกคนชอบเงิน คุณคิดว่าผู้ชายต้องการอะไรมากที่สุดล่ะ?”เขาถามในขณะที่มองเข้าไปในดวงตาของเมเดลีนด้วยความสนใจเหมือนไรอันมีอะไรจะพูด แต่จู่ ๆ เขาก็ต้องรับโทรศัพท์เสียก่อนเมเดลีนได้ยินสำเนียงของชายคนนั้นมาทางโทรศัพท์ราง ๆ คล้ายกับสำเนียงของผู้ชายที่ชื่อโทมัสระหว่างที่คุยโทรศัพท์ไปไรอันก็หยิบกล่องยาถอนพิษกล่องเดียวกับที่อดัมมอบให้เข
เขาหยุดสิ่งที่กำลังทำลงและหันกลับไปรับโทรศัพท์อย่างไม่พอใจ เขาพูดเสียงเรียบว่า “ผมจะไปถึงที่นั่นในไม่ช้า”เขาวางสายและหันไปหาเมเดลีนที่ดูเย็นชาและเฉยเมย “ตอนนี้ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ ไปทำธุระของคุณเถอะ”เธอไม่ได้สนใจเขาแต่อย่างใด เมื่อได้ยินเสียงรถของไรอันขับออกไป เมเดลีนก็รีบมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของเขาทันทีแม้ว่าประตูจะปิด แต่ไรอันก็เคยบอกรหัสเอาไว้ในตอนที่พวกเขาแต่งงานเป็นคู่รักกัน และเธอยังจำรหัสนั้นได้ เธอจึงเปิดประตูและเข้าไปได้อย่างง่ายดายเมเดลีนไม่รีรอที่จะค้นหาตู้เซฟเธอพยายามเปิดตู้เซฟด้วยรหัสเดียวกับประตู แต่ก็ไม่สำเร็จเมเดลีนยืนอยู่หน้าตู้เซฟด้วยความงุนงงอยู่พักหนึ่ง ต่อมาเธอก็คิดว่าไรอันจะต้องเก็บข้อมูลทั้งหลายเกี่ยวกับแก๊งสเตเจี่ยน จอห์นสันไว้ในคอมพิวเตอร์แน่ตอนที่เธอกำลังจะเปิดคอมพิวเตอร์จู่ ๆ เธอก็นึกบางอย่างขึ้นได้และรีบออกจากห้องทำงานไปไรอันกำลังดูภาพจากกล้องวงจรปิดทางโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นเมเดลีนออกไปด้วยสีหน้าผิดหวังเขาก็เม้มปากยิ้มเยาะเบา ๆเมื่อเขามาถึงสถานที่ที่เจเรมี่ถูกควบคุมตัวไว้ เขาก็เห็นเจเรมี่ในชุดนักโทษในสภาพน่าสงสาร ไรอันไม่รอช้ารีบเดินเข
เจเรมี่สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อได้ยินคำพูดเย็นชาของชายคนนั้น เขาก็หันไปมองฝนตกหนักและแสงจากไฟถนนก็ไม่ได้สว่างมากนัก แต่เขาก็ยังเห็นคราบน้ำบนพื้นผสมกับเลือดเขาเงยหน้าขึ้นมองคราบเลือดและเห็นชายตัวซีดนอนอยู่บนพื้นหญ้าในตอนที่เขากำลังจะเดินไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น รถซึ่งอยู่ข้างหลังเขาก็ขับออกไปอย่างรวดเร็วหลังจากมองไปรอบ ๆ เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ตรงบริเวณนั้นตามลำพังเจเรมี่เดินไปหาชายที่นอนอยู่บนพื้นโดยไม่ลังเลเมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่าหนุ่มคนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เคยจับกุมเขามาก่อนเขาสวมชุดลำลองและมีใบหน้าขาวซีด นอกจากนั้นร่างกายยังมีบาดแผลหลายแห่งและเลือดก็ยังคงไหลอยู่เจเรมี่ใช้นิ้วคลำหาชีพจรก็พบว่ามันกำลังเต้นแผ่วเบาเขายังไม่ตาย…ตอนนี้เป็นเวลาดึกแล้ว เมเดลีนกำลังนอนหลับอยู่คนเดียวในห้องนอน เธอไม่ง่วงและฝนข้างนอกก็ตกหนัก เพราะตอนนี้เธอกังวลเกี่ยวกับเจเรมี่จึงทำให้ยิ่งนอนไม่หลับเข้าไปอีกเมเดลีนลุกขึ้น เธอต้องการหาน้ำมาดื่มสักแก้วเพื่อคลายความกังวล ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินการเคลื่อนไหวจากนอกห้องนอนเธอเปิดประตูอย่างระมัดระวังและเห็นไรอันเดินลงมาช
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยังไม่เสียชีวิตเริ่มส่งเสียงดังในทันทีเขายกมืออันสั่นเทาชี้ไปที่ไรอันพลางพูดด้วยความโกรธ “ที่แท้ฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าล่าน่าก็คือคุณ! คุ… คุณวิทแมนเป็นแพะรับบาปของคุณ…”ไรอันไม่คิดว่าตำรวจนายนั้นจะยังไม่ตาย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจแล้วและกลับยิ้มกว้างแทน “ใช่ ฉันเอง ฉันเป็นคนฆ่าผู้หญิงที่ชื่อลาน่า แล้วก็โทษเจเรมี่ วิทแมน แล้วไง? มีใครรู้ความจริงบ้างไหมล่ะ?”“คุณ…” ตำรวจที่บาดเจ็บเบิกตากว้างด้วยความโกรธและชี้ไปที่ไรอันซึ่งทำสีหน้าไม่แยแส ขณะเดียวกันเขาก็ขยับมือออกไปราวกับว่าต้องการหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อแจ้งให้เพื่อนร่วมงานทราบเมื่อไรอันเห็นสิ่งนี้เขาก็เล็งปืนไปที่หัวใจของอีกฝ่ายแล้วเหนี่ยวไกทันที...ปัง!จู่ ๆ เมเดลีนก็ได้ยินเสียงปืนขณะที่กำลังหาตำแหน่งของไรอัน เธอหยุดเดินทันทีด้วยหัวใจเริ่มเต้นรัว“เจเรมี่ เจเรมี่…” เธอเริ่มเรียกชื่อเจเรมี่อย่างไม่รู้ตัวจากนั้นก็วิ่งไปตามทิศทางของเสียงปืนทันทีเมเดลีนเห็นร่างหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหญ้าท่ามกลางสายฝน ทันใดนั้นจิตใจของเธอก็ว่างเปล่าและรู้สึกราวกับกำลังเข้าสู่ภวังค์“เจเรมี่!”เมเดลีนรีบวิ่งเข้าไป แต่หลังจากที่เห็
เมเดลีนตกตะลึง เมื่อได้ยินอย่างนั้นขณะที่มองเข้าไปในดวงตาที่ลึกล้ำราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนและเยือกเย็นราวกับกระแสน้ำ ชั่วขณะหนึ่งเธอก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเขากำลังพูดความจริง หรือจงใจทำให้เธอโกรธเพื่อให้เธอจากไปกันแน่“ไปเดี๋ยวนี้” เจเรมี่มองเมเดลีนที่ยังคงงุนงงและกล่าวเน้นย้ำอีกครั้ง“เจเรมี่?”“ไรอันอาจจะทำผิดมากมาย แต่เขาพูดถูกอยู่เรื่องหนึ่ง”เจเรมี่หายใจเข้าลึก ๆ และอดทนต่อความเจ็บปวดที่แขน จากนั้นก็หัวเราะเยาะตัวเองและพูดว่า “ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดที่ผมเคยทำคือการใส่ใจคุณมากเกินไป เอวลีน ผมรักคุณ แต่ถ้าครอบครัววิทแมนต้องพังทลายลงทั้งหมดเพราะความรักของผมที่มีต่อคุณ มันก็คงจะเป็นราคาที่แพงเกินจะจ่ายได้”เมเดลีนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เธอรู้สึกได้เลยว่าสติของตัวเองเริ่มล่องลอยออกไปไกล“เอวลีน ผมเองก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน” เขาเอ่ยในทันใดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน “ผมไม่สามารถเสียสละตัวเองและครอบครัวทั้งหมดเพียงเพราะคุณได้”หลังจากที่เขาพูดแบบนั้นเมเดลีนก็ไม่รู้ว่าเป็นน้ำฝนหรือน้ำตาที่ทำให้สายตาเธอพร่ามัวเธอมองใบหน้าซีดเซียวตรงหน้าด้วยความสับสน “เจเรมี่”“คุณควรจะไปได้แ
ไรอันเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังเหมือนมีอะไรตกลงบนพื้นเสียงดังเขาขมวดคิ้วด้วยความสับสนและรีบเดินเข้าไป จากนั้นก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า“เอวลีน!”เขารีบวิ่งเข้าไปหาเมเดลีนซึ่งเมามายและกำลังคุกเข่าอยู่กับพื้น ก่อนจะช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นเมเดลีนผลักเขาออกอย่างแรง “ปล่อยฉัน!”เธอหยิบขวดไวน์แดงขึ้นมาแล้วกระดกทันทีหญิงสาวยังคงสวมเสื้อผ้าที่เปียกปอนไปทั้งตัว รวมถึงเส้นผมและดวงตาของเธอเองก็เปียกปอนเช่นเดียวกัน“ทำไมเขาถึงพูดกับฉันแบบนี้? ทำไม?” เมเดลีนร้องไห้อย่างหนักพลางบ่น “ฉันทนได้ทุกอย่างตราบใดที่เขายังสบายดี แต่ทำไมจู่ ๆ เขาถึงบอกว่าเหนื่อยล่ะ?”เมเดลีนหัวเราะเยาะตัวเองอย่างขมขื่น “กี่ปีแล้วนะ? กี่ปีแล้วที่ฉันรักผู้ชายคนนี้มาตลอด?” เธอถามตัวเองขณะที่เงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาแดงก่ำและเต็มไปด้วยน้ำตาแล้วมองไรอันซึ่งกำลังขมวดคิ้ว“ฉันชอบเขาทันทีที่เห็นหน้า เขาทำร้ายฉันและทำให้ฉันมีแผลใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ฉันก็ยังให้อภัยเขา แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกัน? เฮอะ…”เธอยิ้มประชดประชัน “สุดท้ายครอบครัวก็ไม่ได้สำคัญไปมากกว่าเงินสินะ ผู้หญิงเป็นเพียงเครื่องประดับในช
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ