ไรอันถามออกมาตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ “อย่าถามอะไรไร้สาระ” เมเดลีนตอบอย่างกระวนกระวายใจ“ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงทำตัวงี่เง่าแบบนั้นล่ะ?” ไรอันถามและแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน “เมื่อคืนคุณต้องเป็นคุณนายโจนส์เท่านั้น ไม่เข้าใจเหรอ?” “ฉันไม่ได้ละเมิดข้อตกลงระหว่างเรา ฉันไม่รู้ว่าเจเรมี่จะมา” เมเดลีนย้ำ “ไรอัน ฉันพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำทุกอย่างที่คุณขอ แต่ฉันเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง บางอย่างมันก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของฉัน”หลังจากที่เธอพูดออกไปอย่างนั้น ไรอันก็ไม่ตอบอะไรอีก เขาขมวดคิ้วและดูเหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง“ไรอัน คุณพยายามจะทำอะไร? ความสัมพันธ์ของคุณกับอดัมคือยังไงกันแน่?” เมเดลีนทำลายความเงียบลงไรอันเงยหน้าขึ้น รูม่านตาสีเทาของเขาที่เต็มไปด้วยเลศนัยมากมาย“คุณควรหยุดถามเพราะคุณจะไม่มีวันได้คำตอบนั้น” ไรอันตอบก่อนจะหยิบกล่องข้าง ๆ เขาขึ้นมาแล้วเปิดมันต่อหน้าของเมเดลีนเมื่อเขาแสดงสิ่งที่อยู่ในกล่องให้ดู เมเดลีนก็รู้สึกประหลาดใจและหัวใจเต้นรัว ภายในกล่องเต็มไปด้วยยาถอนพิษที่เธอต้องการ!เมื่อเห็นดวงตาของเมเดล
หลังจากที่ฟังคำเตือนของเจเรมี่ สีหน้าของไรอันก็ไม่สงบนิ่งอีกต่อไปเขาก้มหน้าลง จากนั้นท่าทางที่หล่อเหลาและอ่อนโยนของเขาก็ปกคลุมไปด้วยความมืดมนที่หนาทึบทันทีเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอดัม “หาตำแหน่งของลาน่าแล้วบอกฉันทันที”อดัมเชื่อฟังและโทรหาลาน่าทันทีตามคำสั่งของไรอันเพราะลาน่าต้องการน้ำยาของอดัมในการดำรงชีวิต เธอจึงได้ตั้งเสียงเรียกเข้าเฉพาะสำหรับอดัมเอาไว้บังเอิญว่าเมื่อวานนี้ยาถอนพิษของลาน่าหมดลงพอดี เมื่อได้รับโทรศัพท์จากอดัมเธอจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก “อดัม ส่งยามาให้ฉัน!” เธอพูดคล้ายออกคำสั่ง“คืนนี้ตอนสองทุ่ม ไปรอที่ห้องเพรซิเดนทัลสวีทของโรงแรมเกลนเดล จะมีคนไปส่งยาให้” อดัมตอบอย่างไม่เร่งรีบลาน่ากัดฟันด้วยความไม่พอใจ “อดัม คนทรยศ! ลืมไปแล้วเหรอว่าใครให้เงินแกในการทำวิจัยบ้า ๆ พวกนั้นน่ะ? ตอนพี่ชายฉันตาย แกก็…”“เลิกหมกมุ่นอยู่กับเรื่องในอดีตสักทีลาน่า ถ้าอยากมีชีวิตรอดในตอนนี้ ก็ควรละทิ้งทัศนคติที่เห็นแก่ตัวไปซะ คุณไม่ใช่เจ้าหญิงอีกต่อไปแล้วนะ ดังนั้นอย่าทำตัวแบบนี้กับผม”“แก...”ลาน่าอยากจะด่าอีกฝ่าย แต่อดัมวางสายไปแล้วหลังจากนึกถึงสิ่งที่อดัมพูดเมื่อกี้ ลาน่าก็เหล
เมื่อเห็นสายตาที่ร้ายกาจของไรอัน ลาน่าก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นเธอรู้สึกกังวลและไม่สบายใจ เมื่อมองไปยังชายผู้ซึ่งดูเป็นสุภาพบุรุษ แต่กลับส่งกลิ่นอายแห่งความน่ากลัวแผ่ออกมา“ไรอัน ทะ… ทำไมคุณถึงอยากฆ่าฉัน? ฉันไม่ได้ทำอะไรให้คุณสักหน่อย คุณ…”“คนงี่เง่าอย่างเธอไม่สมควรอยู่บนโลกใบนี้หรอก” เขาเอ่ยอย่างเย็นชา“...”“ลาน่า จำที่ฉันถามเธอเมื่อวันก่อนได้ไหม? ฉันถามว่าทำไมเธอถึงได้กลับมาเกลนเดลทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ เอาล่ะ ฉันจะบอกให้ว่ามันเป็นเพราะฉัน”“วะ… ว่าไงนะ” ลาน่าตกใจ เธอมองไปยังชายตรงหน้าและพูดช้า ๆ “เป็นคุณงั้นเหรอ? เป็นคุณไปได้ยังไง? คุณกับเจเรมี่ร่วมมือกันจับฉันเพื่อที่จะปล่อยฉันออกมาอีกครั้งงั้นเหรอ? เฮอะ! คิดว่าฉันจะเชื่อเรื่องไร้สาระแบบนี้จริง ๆ หรือไง?!”ลาน่าเต็มไปด้วยความสงสัย เธอไม่เชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และเมื่อเธอจำได้ว่าไรอันเป็นส่วนหนึ่งของอินเตอร์โพลเธอก็ไม่กลัวอีกต่อไป เธอยกมือขึ้นผลักปืนที่ไรอันเล็งมาที่หน้าผากของตัวเองออกไปแทน ริมฝีปากสีแดงของเธอโค้งเป็นรอยยิ้ม“ไรอัน คุณไม่ต้องทำท่าทางแบบนี้ให้ฉันกลัวหรอกนะ คุณไม่ฆ่าฉันหรอก” ลาน่าดูมั่นใจ “คุณ
‘ไม่แปลกใจเลย... ไม่แปลกใจเลยจริง ๆ ...’ในที่สุดลาน่าก็เข้าใจทุกอย่าง!ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกครั้งที่เธอสร้างปัญหาให้กับเมเดลีน โยริคจึงมักจะดุเธออยู่เสมอเพราะมันเป็นคำสั่งมาจากไรอันนี่เอง!ไรอันชอบเมเดลีนมาก เขาจึงไม่อยากให้เธอสร้างปัญหาให้กับเมเดลีนซ้ำแล้วซ้ำเล่า!และอาจเป็นไปได้ว่าการที่เธอทำร้ายเมเดลีนจะแทรกแซงแผนการของไรอันด้วย ดังนั้นเขาจึงขอให้โยริคเตือนเธอครั้งแล้วครั้งเล่า!“หึ! หึหึหึหึหึ ฮ่าฮ่าฮ่า...” ลาน่าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เพราะแบบนี้เองสินะ!”เธอเงยหน้าขึ้นมองไรอันที่กำลังบรรจุกระสุนเข้าในปืน“ซ่อนตัวเก่งเกินไปแล้วนะ ไรอัน!”“พวกเธอโง่เกินกว่าจะมองเห็นต่างหากล่ะ” ไรอันหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่สะทกสะท้านพลางเชยคางของลาน่าขึ้นด้วยปลายกระบอกปืน “คิดว่าอดัมทำงานให้เธองั้นเหรอ? หมายถึงลองมองดูตัวเธอและพี่น้องเธอสิ คิดจริง ๆ เหรอว่าแก๊งสเตเจี่ยนจอห์นสันจะไปได้ไกลขนาดนี้ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลืออะไรเลย?”ขณะที่ฟังคำพูดซึ่งดูถูกเหยียดหยามของไรอัน ลาน่าก็กัดฟันแรง “ไรอัน ถ้าฆ่าฉันตอนนี้ คุณจะไม่มีใครคุ้มกันให้หรอกนะ!”“ฮึ” ไรอันยิ้มอย่างไม่เห็นด้วยและลุกขึ้นเล็งปืนไปที่
เจเรมี่ก้าวเข้าไปและหลีกเลี่ยงการเหยียบเลือดให้มากที่สุดทว่าการเต้นหัวใจที่สงบของเขาบอกได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่ลินนี่ของเขาเพราะเขาจำเมเดลีนได้เสมอแม้ในยามที่เธอหันหลังให้เมื่อเดินเข้าไปใกล้เขาก็เห็นใบหน้าซีดจนน่าขนลุกของลาน่าในรูม่านตาของเขาเขาไม่ได้ตื่นตระหนก แต่กลับสงสัยลาน่ากำลังรับโทษอยู่ในเรือนจำของเมืองเอฟแล้วทำไมเธอถึงถูกพบเป็นศพในโรงแรมที่เกลนเดลได้ล่ะ?เขาตรวจหาชีพจรตรงหลอดเลือดที่คอของลาน่า แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีชีพจรมานานแล้วเธอตายไปแล้วเจเรมี่นึกถึงการโทรเข้าของไรอัน และแน่นอนว่าทุกอย่างคงจะเตรียมการมาหมดแล้วเขาไม่อยู่นานและเดินไปที่ประตู แต่เมื่อเดินผ่านห้องน้ำ เจเรมี่ก็ตรวจสอบดูให้แน่ใจอีกครั้งความกังวลในใจของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกครั้ง‘ลินนี่ คุณอยู่ที่ไหน? ทำไมผมไม่สามารถติดต่อคุณได้’เมื่อเจเรมี่ต้องการจะออกไป จู่ ๆ ประตูก็เปิดออก มีพนักงานหญิงคนหนึ่งเข้ามาพร้อมชุดอาหารกำลังยืนเผชิญหน้ากับเจเรมี่พนักงานหญิงตกใจเมื่อเห็นเจเรมี่ ก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นเลือดบนพื้น วินาทีต่อมาเธอก็เห็นลาน่านอนแน่นิ่งอยู่ไม่ไกลนัก ด้วยความตกใจเธอจึงทิ้งถาดอาหารลงบนพื้นอ
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? ตอนนี้คุณอยู่คนเดียวเหรอ?” เจเรมี่เอ่ยถามด้วยความกังวลเมเดลีนรีบตอบกลับ “ค่ะ ฉันกำลังจะขับรถกลับบ้าน”เจเรมี่รู้สึกโล่งใจหลังจากได้รับคำตอบ “โอเค งั้นรีบกลับบ้านเถอะ ผมจะไปรอที่นั่น”เมเดลีนวางสาย แต่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่‘มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า? ทำไมเขาถึงเป็นห่วงฉันจัง?’ในขณะที่กำลังครุ่นคิด ข่าวบางอย่างก็ปรากฏขึ้นบนฟีดข่าวในโทรศัพท์ของเธอ ก่อนที่เธอจะทันได้กดดูข่าวเอวาก็โทรหาเธอเสียก่อนน้ำเสียงของเอวากังวลยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับเจเรมี่ “แมดดี้ เรื่องจริงเหรอ?! เจเรมี่ฆ่าลาน่าจริงเหรอ?!”เมเดลีนรู้สึกถึงคลื่นแห่งความตกตะลึงที่พัดผ่านตัวเธอขณะที่เธอกำลังยืนเหม่อลอย หลังจากนั้นเธอก็ถาม “ทำไมถามแบบนั้นน่ะ เอวา?”“นี่เธอไม่เห็นข่าวในเน็ตเลยเหรอ? มันแพร่กระจายไปเร็วมากเลยนะ!” เอวาเอ่ยอย่างร้อนรน “ฉันคิดว่าลาน่าติดคุกอยู่ในเมืองเอฟเสียอีก ไม่คิดเลยว่าเธอจะถูกปล่อยตัวเร็วขนาดนี้ ใช่ เธอโหดร้ายและสมควรตาย แต่การที่เจเรมี่ฆ่าเธอแบบนั้น เขาจะเข้าไปพัวพันกับเรื่องบ้า ๆ นี่อีกนะ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเธออีกเนี่ย? ทำไมเขาถึงทำอะไรไมคิดแบบนี้นะ?”สมองของเมเด
คำพูดของเจเรมี่ทำให้เมเดลีนสบายใจขึ้นเธอไม่รู้สึกกังวลอีกต่อไป แต่ก็ยังรู้สึกงุนงงอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในตอนที่กำลังพยายามคิดตามในสิ่งที่เจเรมี่บอก เจ้าหน้าที่ตำรวจก็บุกเข้ามาในบ้านเพื่อตามหาเจเรมี่ทันที“คุณวิทแมน เราพบว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม โปรดติดตามเรากลับไปที่สถานีตำรวจเพื่อทำการสืบสวนต่อไปด้วยครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจมีสีหน้าเคร่งเครียด ขณะที่อธิบายเขาก็พยายามใส่กุญแจมือเจเรมี่“ผมจะตามพวกคุณไปเพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติม แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ว่าผมมีความผิดจริง ดังนั้นจะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ใช้วิธีนี้พาตัวผมออกไป” เจเรมี่มองกุญแจมือแล้วเดินไปที่ประตูด้วยตัวของเขาเอง“เจเรมี่!” เมเดลีนตามเขามา พร้อมกันกับแจ็คสันและลิเลียนฝีเท้าของเจเรมี่หยุดลง เมื่อเห็นเด็กน้อยสองคนวิ่งตามออกมาเขายิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเมเดลีน “ลินนี่ คุณรอผมที่นี่กับลูก ๆ นะ ผมจะกลับมาอย่างปลอดภัย” ดวงตาของเมเดลีนเต็มไปด้วยน้ำตา เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรักของเขาก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ“ค่ะ ฉันจะรอคุณกลับมาอย่างปลอดภัย”เจเรมี่ตอบด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมอ
เมเดลีนจ้องมองไปยังไรอัน “คุณเป็นคนให้ข้อมูลพวกนั้นกับคนในเน็ตเหรอ?”“ผมแค่พูดความจริง” ไรอันเอ่ย “เจเรมี่เคยเป็นคู่รักกับลาน่าจริง ๆ นี่ ผมพูดผิดตรงไหน?”“หุบปาก!” เมเดลีนตะคอกด้วยความโกรธ “คุณและฉันรู้ดี ว่าทำไมสามีของฉันถึงต้องทำตัวสนิทสนมกับลาน่าในตอนนั้น! เขาเสียสละเพื่ออินเตอร์โพลตั้งเท่าไหร่ แต่คุณกลับอ้างว่าพวกเขาเป็นคู่รักกัน? หัวใจของคุณทำไมมันถึงได้เน่าเฟะขนาดนี้ไรอัน!”ไรอันไม่ใส่ใจกับคำตำหนิของอีกฝ่าย ก่อนจะพูดเตือนสติ “แทนที่จะด่าผมตรงนี้ เอาเวลาไปจ้างทนายดี ๆ ให้เจเรมี่ไม่ดีกว่าเหรอ?”เขายิ้มในขณะที่มองเมเดลีน ซึ่งยังคงจ้องมองมาที่เขาอยู่ “รอจนกว่าพวกเขาจะเปรียบเทียบลายนิ้วมือบนปืนที่ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ เจเรมี่จะไม่มีวันสลัดความผิดออกไปได้ ฆาตกรรมชีวิตคนคนหนึ่งต้องชดใช้ด้วยชีวิต แม้ว่าผมจะให้ยาถอนพิษกับคุณทั้งหมด แต่คุณก็จะไม่มีวันรักษาเขาได้อีก”ภายใต้แสงจันทร์ รอยยิ้มของไรอันดูชั่วร้ายและมืดมนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเมื่อเห็นไรอันจากไปด้วยความมั่นใจ เมเดลีนก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาในทันที‘เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ? ถึงแม้ว่าจะให้ยาทั้งหมดกับฉัน ฉันก็จะไม่สามารถช่วย
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ