เมเดลีนมองเจเรมี่ที่กำลังรับสายคุยโทรศัพท์ และหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ดังไปทั่วทั้งบริเวณโทรศัพท์ของเมเดลีนเองก็ได้รับการแจ้งเตือนเช่นเดียวกันเสียงของเจเรมี่ฟังดูไม่เร่งรีบขณะที่เขาพูด “เรื่องที่ต้องเป็นกระแสล่าสุดออกมาแล้ว ถ้าตายังไม่บอดสนิท ก็อ่านซะ”เขาจ้องเขม็งไปยังนักข่าวที่นั่งอยู่บนพื้น“อ่านจบแล้ว ก็ลุกขึ้นมาขอโทษภรรยาฉันด้วย”ภรรยาเขาเรียกเมเดลีนว่าภรรยาอย่างกล้าหาญต่อหน้าทุกคนทุกคนที่นั่นคลิกเข้าไปอ่านเรื่องราวจากการแจ้งเตือนที่ได้รับความนิยมล่าสุดเป็นการแถลงอย่างเป็นทางการจากองค์กรสืบสวนอาชญากรรมระหว่างประเทศ ไอบีซีไอข้อความนั้นชี้แจงด้วยประโยคสั้น ๆ สองสามประโยคว่าทั้งไรอันและเจเรมี่เป็นสมาชิกของไอบีซีไอ นอกจากนี้ ยังย้ำว่าการที่ไรอันแต่งงานกับเมเดลีนนั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของภารกิจที่ได้รับจากผู้บังคับบัญชาไรอันเพียงแค่ทำภารกิจของเขาเท่านั้น เขาไม่ใช่สามีจริง ๆ ของเมเดลีนและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่มากไปกว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้พิทักษ์และผู้ที่ได้รับการปกป้องเท่านั้นเมเดลีนรู้สึกตกใจที่เห็นข้อความดังกล่าวเช่นกันตอนนี้ความคิดเห
เมเดลีนเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายและไม่ได้ไปที่ห้องแล็บ ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงส่งผลลัพธ์ที่อ่านแล้วเข้าใจได้ง่ายมาให้เธอผ่านทางอีเมลแต่เพราะมีเจเรมี่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอจึงไม่กล้าเปิดมันต่อหน้าเขาหากเขาไม่ต้องการให้เธอรู้ว่าเขายังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เธอก็จะไม่ทำอะไรตัดหน้าเขา“ผมบอกให้คุณรอที่บ้านไม่ใช่เหรอลินนี่? คุณตามผมออกมาทำไม?” น้ำเสียงที่นุ่มนวลและอยากรู้อยากเห็นของเจเรมี่ล่องลอยมาเมเดลีนเก็บโทรศัพท์ลงและสบตากับเขา “เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าเราจะฝ่าฟันทุกอย่างไปด้วยกัน? ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟคนเดียวแล้วเป็นเป้าให้คนอื่นทำร้ายหรอกนะ”เจเรมี่ยิ้มอย่างเข้าใจและลูบศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน “ลินนี่”“คุณเป็นคนบอกให้ไอบีซีไอเผยแพร่แถลงอย่างเป็นทางการใช่ไหมคะ?” คราวนี้ถึงตาเธอถามบ้างแล้วเจเรมี่พยักหน้า “ผมบอกคุณแล้วว่าผมจะจัดการกับเรื่องนี้ ผมจะไม่ยอมให้ใครใส่ร้ายคุณทั้งนั้น”ในขณะนั้นเองที่เมเดลีนรู้สึกถึงความหมายที่แท้จริงของการได้รับการปกป้องจากใครบางคนการปกป้องที่แท้จริงคืเกิดขึ้นเมื่อหัวใจของคนที่ถูกปกป้องรู้สึกปลอดภัยที่ฝั่งของไรอัน เขากำลังอ่านคำแถลงอย่
เมเดลีนหาข้ออ้างเพื่อเข้าห้องน้ำ ทั้งที่จริง ๆ แล้วเธอกำลังซ่อนตัวอยู่ในมุมที่เงียบสงบและเปิดอีเมลดูครึ่งแรกของรายงานเต็มไปด้วยตัวเลขที่เธอไม่เข้าใจ เธอจึงเลื่อนลงจนสุดหาส่วนที่เป็นข้อสรุปแทนผลบอกว่าเลือดของคนที่ทดสอบติดเชื้อหลายโรคที่ไม่รู้จัก และการสะสมของโรคเหล่านี้ส่งผลให้สีผม สีของม่านตา และเสียงของพวกเขาเปลี่ยนไปการฟอกเลือดทำให้ผู้ป่วยไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแต่ก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่ที่โรคต่าง ๆ จะกลายพันธุ์ และส่งผลให้เวลาที่เหลืออยู่ของผู้ป่วยจะค่อย ๆ ลดน้อยลงจนถึงจุดที่พวกเขาเสียชีวิตในขณะที่อ่านมือของเมเดลีนก็เริ่มสั่นไหว ‘แสดงว่าคุณยังฟื้นตัวไม่เต็มที่เลยสินะ เจเรมี่’หัวใจของเธอปวดร้าวขณะที่พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้เมื่อคิดถึงพิษในร่างกายของเจเรมี่ และผลที่อาจเกิดขึ้นหากพิษเริ่มกลายพันธุ์ เมเดลีนรู้สึกว่าโลกของเธอมืดลงอีกครั้ง‘ดูเหมือนว่าคงไม่มีหวังที่เราจะได้ใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกันอย่างเรียบง่ายและเต็มไปด้วยความรักเลย เจเรมี่‘ถ้านั่นคืออนาคตเดียวของเรา ฉันก็จะไม่ปล่อยคุณไปอีกค่ะ’…เอวาอ่านคำแถลงการณ์ออนไลน์ในขณะที่สายตาก็จับจ้องไปยังกลุ่มแอนตี้แฟนผู้แข็ง
เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงที่มีเลศนัยแต่เมเดลีนไม่ต้องการเสียเวลาไปกับการคิดว่าเขาจะทำอะไร เธอจึงเดินออกไปขณะที่เธอเดินผ่านไหล่ของเขา ไรอันก็เอื้อมมือไปจับแขนของเธอเอาไว้หญิงสาวพยายามสะบัดแขนออก แต่ความแข็งแกร่งของไรอันกลับเอาชนะเธอไว้ได้ ขณะที่เมเดลีนกำลังต่อสู้เพื่อเอาตัวออกจากการเกาะกุมของมือแกร่ง ไรอันก็คว้าไหล่ของเธอและกดร่างบางเข้ากับกำแพงตรงหน้า“คุณจะทำอะไร?!” เมเดลีนจ้องไปที่ไรอัน“ผมไม่อยากทำร้ายคุณ” ไรอันตอบ สายตาลึกลับของเขาจับจ้องไปที่เมเดลีนซึ่งกำลังดิ้นและจู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นว่า “คุณอยากให้เจเรมี่มีชีวิตอยู่ไหม เอวลีน?”สีหน้าของเมเดลีนเปลี่ยนไป “พยายามจะพูดอะไร?”ไรอันกล่าวอย่างสงบ “ตอนนี้คุณคงรู้แล้วว่าเจเรมี่ยังไม่หายดี”“...”ความมั่นใจในน้ำเสียงของไรอันทำให้เมเดลีนรู้สึกเย็นยะเยือกเขาต้องตามเธอไปแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางที่เขาจะรู้ว่าเธอรู้เรื่องเจเรมี่แล้ว“มีโอกาสสูงมากที่พิษในร่างกายของเขาจะกลายพันธุ์ ตอนนี้เขาอาจจะสบายดี แต่เขาก็เป็นเหมือนระเบิดเวลาที่จะระเบิดเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้”ทันใดนั้นเมเดลีนก็ผลักไรอันออกไปสุดแรง “ที่เล่ามาต้องการอะไรกันแน่? ค
เมเดลีนจ้องสายตาโกรธเคืองของเขาอย่างไม่เกรงกลัว “คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ทำร้ายฉัน? งั้นให้ฉันตบคุณสิ!”“...” ไรอันพูดไม่ออก “ผมไม่ใช่เจเรมี่ วิทแมนนะ เอวลีน ถ้าปฏิเสธผมวันนี้ก็เหมือนกับว่าคุณกำลังโยนวิธีเดียวที่จะรักษาเจเรมี่ออกไปนอกหน้าต่าง คิดให้ดีก่อนจะตัดสินใจทำอะไร”ไรอันปล่อยมือแล้วหันหลังกลับไป ขณะที่เดินผ่านเมเดลีนเขาก็ได้แนะนำเพิ่มเติมว่า “คุณมีเวลาสามวันในการตัดสินใจมาหาผม ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่พบอดัม บราวน์อีก ส่วนเจเรมี่จะเหลือเวลาอีกแค่สองปีเท่านั้น”เฮ้อเมเดลีนรู้สึกว่ามีบางอย่างแทงเข้าไปในหัวใจของเธออย่างแรงสองปีงั้นเหรอเธอไม่กล้าคิดอีกว่าตัวเองกำลังจะสูญเสียเจเรมี่ในเวลาอีกแค่สองปีข้างหน้าขณะที่เมเดลีนกำลังจะเสียสติไปกับความเจ็บปวด เธอก็ได้ยินเสียงของเจเรมี่ดังมาจากมุมลิฟต์ “กล้าดียังไงถึงมาที่นี่?”“เอวลีนยังคงเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผมตราบใดที่ชื่อของเรายังอยู่บนทะเบียนสมรส มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่ผมจะมาหาเธอ ไม่ใช่เหรอ?” ไรอันตอบอย่างจริงจังและรู้ว่ามันยั่วโมโหเจเรมี่ได้เป็นอย่างดี แต่แทนที่จะตกอยู่ในความโกรธ เจเรมี่กลับยิ้มให้เขา“ทะเบียนส
สิ่งนี้คือหัวใจเล็ก ๆ ที่พับจากกระดาษสีแดงและดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษแต่สำหรับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ที่ต้องการมอบหัวใจสีแดงดวงจิ๋วนี้ให้กับเขา เธออาจมีความคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจเจเรมี่ครุ่นคิดเงียบ ๆ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ยืนอยู่ข้างกรอบประตู โดยเผยให้เห็นเพียงศีรษะเล็ก ๆ ของเธอ ดวงตาที่มีชีวิตชีวาของเธอกะพริบ และมองมาราวกับว่ากำลังรอให้เจเรมี่ค้นพบบางสิ่งเมื่อเจเรมี่พลิกดูหัวใจดวงน้อย เขาก็เห็นคำบางคำที่เขียนไว้ด้วยลายมือขยุกขยิกบนกระดาษ[แดดดี้ ลิเลียนจะเป็นเด็กดี]เมื่อเห็นประโยคนี้ เจเรมี่ก็รู้สึกว่าตัวเองสมควรตายจริง ๆเจ้าหญิงน้อยของเขาคิดว่าพ่อของเธอไม่สนใจเพราะเธอไม่ได้เป็นเด็กดี เธอจึงบอกเขาว่าจะเป็นเด็กดีและหวังว่าเจเรมี่จะยอมรับเธอความรู้สึกเจ็บปวดเกาะกินหัวใจของเจเรมี่อย่างเงียบ ๆ เขามองไปที่หัวใจสีแดงบนฝ่ามือ จากนั้นก็มองไปที่เด็กน้อยที่ยิ้มอย่างไร้เดียงสาแล้วก็วางหัวใจไว้บนโต๊ะกาแฟอย่างนุ่มนวลหลังจากที่วางมันลง รอยยิ้มบนใบหน้าของลิเลียนก็หายไปสาวน้อยเม้มปากน้อย ๆ เธอไม่สามารถพูดได้ และทำได้เพียงจากไปเงียบ ๆ“ขอโทษนะ ลิเลียน”เจเรม
แจ็คสันรีบเข้ามาและเมื่อเห็นกระดาษในมือของลิเลียน เด็กน้อยก็ค่อย ๆ เข้าใจบางอย่างขึ้นมาถึงอย่างนั้นครูประจำชั้นอนุบาลก็ยังคงตำหนิลิเลียนอยู่ “ลิเลียน พวกเขาแค่อยากจะเล่นกับหนู พวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำลายภาพวาดเลยนะ หนูจะรังแกเพื่อนร่วมชั้นแบบนี้ไม่ได้นะจ๊ะ?”เด็กชายร้องไห้หนักขึ้น “คุณครูครับ ลิเลียนดุมากเลย! เราแค่อยากจะเป็นเพื่อนกับเธอ”“ได้ยินพวกเขาไหมจ๊ะ? ลิเลียน พวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายเลยนะ” คุณครูยังคงปลอบเด็กชายตัวน้อยต่อไปเมื่อแจ็คสันเห็นลิเลียนจ้องมองไปยังเด็กชายที่โศกเศร้า เขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้คงไม่ได้ง่ายขนาดนั้นแน่ ๆ“ครูครับ น้องสาวของผมไม่รังแกคนอื่นก่อนแน่นอน คุณครูตรวจสอบกล้องวงจรปิดดูว่าเกิดอะไรขึ้นดีไหมครับ?”ครูอนุบาลรู้ว่าแจ็คสันและลิเลียนเป็นพี่น้องกัน แต่เธอไม่คาดคิดว่าแจ็คสันซึ่งเป็นเด็กจะพูดเช่นนั้นเธอชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “พี่ชายของลิเลียนจ๊ะ ฉันเป็นครู ฉันจะเป็นคนตัดสินว่าใครถูกใครผิด ไม่ว่ายังไงน้องสาวของเธอก็ทำตัวไม่ถูกนะ เป็นเด็กผู้หญิงจะมาหยาบคายแบบนี้ได้ยังไง?”“งั้นเด็กผู้หญิงต้องถูกรังแกอย่างเดียวเหรอ? ถึงคนอื่นจะว่าร
“ลิเลียน!” ฟาเบียนรีบพุ่งไปที่รถ แต่รถคันนั้นกลับขับหนีออกไปอย่างรวดเร็วฟาเบียนมองไปรอบ ๆ แล้วเข้าไปหยุดชายคนหนึ่งซึ่งกำลังจะสตาร์ทรถสกู๊ตเตอร์ไว้เขาสวมหมวกนิรภัยบนหัวของแจ็คสัน แล้วอุ้มเด็กน้อยขึ้นสกู๊ตเตอร์ “จับไว้!”แจ็คสันพยักหน้าและกอดเอวของฟาเบียนแน่นชายหนุ่มมองรถที่พุ่งออกไปด้วยสายตาเฉียบคมแล้วรีบไล่ตามไปแต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี พวกเขาขับรถออกห่างจากฟาเบียนเรื่อย ๆ แม้ตอนแรกจะตามมาได้อย่างกระชั้นชิดก็ตามฟาเบียนหยุดรถแล้วมองทางแยกที่พลุกพล่ายไปด้วยผู้คน พลางใช้กำปั้นชกเข้าที่เบาะอย่างแรง “บ้าเอ๊ย!”ในวันนั้นเมเดลีนจัดการงานเสร็จเร็วจึงอยากจะไปรับลูก ๆ ทั้งสองที่โรงเรียนด้วยตัวเองก่อนที่เจเรมี่จะกลับมาแต่เมื่อไปถึงโรงเรียนอนุบาล เธอก็ได้รู้ว่ามีคนมารับแจ็คสันและลิเลียนไปแล้วในขณะที่เมเดลีนกำลังกังวลว่าคนที่มารับจะมีแรงจูงใจอื่นแอบแฝงในทันใดนั้นเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากแจ็คสันพอดี“แจ็ค ลูกอยู่ที่ไหนจ๊ะ? ใครมารับลูกและน้องสาวไป?”“นี่ฉันเอง แมดดี้”หลังจากที่ถามจบ เสียงของฟาเบียนก็ดังมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์“ฟาเบียน?”“ฉันขอโทษจริง ๆ แมดดี้ แต่ลิ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ