เจเรมี่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเมเดลีนจะแต่งงานกับไรอันเขาคิดว่าเมเดลีนโกหกเขา แต่หลังจากที่เขาเปิดจดหมายเชิญ เขาก็เห็นชื่อของเธอและไรอันจริง ๆ"แต่งงานครั้งที่สองเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?" เจเรมี่ถามด้วยรอยยิ้มเมเดลีนมองเขาอย่างเย็นชา “ไม่ใช่ ผิดแล้วล่ะ นี่เป็นครั้งที่สาม”"..."“ฉันแยกทางและกลับมาคบกับคุณหลายครั้ง แม้กระทั่งแต่งงานสองครั้งและหย่ากับคุณถึงสองครั้ง ตอนที่ฉันสิ้นหวังกับการได้ใบหย่าครั้งที่สองจากคุณ ฉันคิดว่าคุณคงจะเป็นกำลังใจเดียวในชีวิตที่เหลือของฉัน แต่ในความเป็นความจริงมันได้พิสูจน์แล้วว่าเราไม่มีวันทำแบบนั้นได้”เมเดลีนมองอดีตคนรักด้วยรอยยิ้มและความเฉยชาในแววตา“ฉันเหนื่อยแล้วจริง ๆ ตอนฉันยังเด็ก ฉันหวังว่าพ่อแม่จะรักฉันและเอ็นดูฉัน หลังจากนั้นเกือบ 30 ปี ฉันก็ได้รับความรักนั้นมา แต่ตอนนี้พวกท่านกลับจากฉันไปตลอดกาล พอฉันโตขึ้น ฉันก็ได้แต่งงานกับผู้ชายที่ฉันรักมากที่สุด ฉันหวังว่าผู้ชายคนนี้จะรักฉันเหมือนที่ฉันรักเขา แต่ความจริงก็ทำให้ฉันต้องตื่นขึ้นมา"เธอหันหลังให้เจเรมี่“ตั้งแต่นั้นมา ผู้ชายที่ฉันรักที่สุดก็ชื่อว่า ไรอัน โจนส์ ฉันจะกลายเป็นภรรยาของเขาและใช้ชีวิตอย
ถึงอย่างนั้นเจเรมี่ก็ไม่เปิดโอกาสให้คาเลนถามคำถามอีก เขาลุกขึ้นและจากไปทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเมเดลีน คาเลนจึงไม่เรียกเจเรมี่ไว้อีกเมื่อเห็นว่าเจเรมี่เข้าไปในห้องของแจ็คสันและลิเลียน เธอก็ไม่ได้ตามเขาไปรบกวนพวกเขาอีกเจเรมี่กอดลูกทั้งสองที่กำลังหลับใหลอยู่ เมื่อมองไปที่ใบหน้าสงบของทั้งสอง หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความคับข้องใจและรู้สึกผิดเขาจ้องมองไปยังใบหน้าของลิเลียนที่กำลังหลับ ดวงตาลุ่มลึกของเขาอ่อนโยนและมีน้ำตาคลออยู่ข้างใน"ลิเลียน แดดดี้คงไม่มีโอกาสได้ยินหนูเรียกว่า 'แดดดี้' อีกต่อไปแล้ว แต่หนูจะเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยคนเดียวในหัวใจของแดดดี้นะ"เขาก้มหน้าลงเพื่อที่จะจูบแก้มเล็ก ๆ น่ารักของลูกสาว แต่เมื่อคิดถึงเลือดที่เขาเพิ่งไอออกมา เขาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะอุ้มเด็กด้วยซ้ำเจเรมี่ออกมาจากห้องอย่างเศร้าสร้อย เขามองไปที่ประตูห้องของเมเดลีนเงียบ ๆ เป็นเวลานานก่อนจะจากไป เมื่อเขาหันหลังกลับ เขากลับเห็นแจ็คสันยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตากลมโตคู่นั้นกำลังมองมาที่เขาอย่างจริงจัง“แดดดี้ครับ แดดดี้ไม่ได้กลับบ้านนานเลยนะครับ” ดวงตาของคนตัวเล็กดูเหงาเล็กน้อยเจเรมี่เดินไปหาเด็กคนนั้
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกชายของเธอพูด บางอย่างก็ดูเหมือนจะดึงสติของเมเดลีนให้กลับมาอย่างแรงเธอกลับมามีสติรู้สึกตัวและสงบลง พลางถามด้วยรอยยิ้ม "แจ็ค แดดดี้บอกอย่างนั้นจริง ๆ เหรอจ๊ะ? เขาบอกเรื่องนี้เมื่อไหร่?"“แดดดี้มาเยี่ยมลิลลี่กับผมเมื่อคืนนี้ แต่แดดดี้ก็จากไปเร็วมาก” ดวงตากลมโตของแจ็คสันเต็มไปด้วยความอ้างว้างและไม่เต็มใจ จะเห็นได้ว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเจเรมี่นั้นลึกซึ้งมากหัวใจของเมเดลีนเต้นไม่เป็นจังหวะ หลังได้ฟังคำพูดของลูกชายเธอทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วจูบแก้มเล็ก ๆ น่ารักของเขาพลางปลอบโยน “แจ็ค กินข้าวเช้าก่อนนะลูก ดูสิ ลิลลี่ใกล้จะกินเสร็จแล้วนะ”เมื่อลิเลียนได้ยินเมเดลีนพูดถึงเธอ เธอก็เงยหน้ามองเมเดลีนด้วยดวงตากลมโตอย่างมีชีวิตชีวาและยิ้มให้หัวใจที่แตกสลายของเมเดลีนได้รับการเยียวยาขึ้นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นนี้ แต่เธอก็ยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกชายของเธอพูดมาเมื่อกี้หลังจากส่งลูกทั้งสองไปโรงเรียนแล้ว เมเดลีนก็รู้สึกกระวนกระวายขณะที่ถือโทรศัพท์มือถือไว้ก่อนจะกดโทรไปที่เบอร์ของเจเรมี่ในที่สุดเจเรมี่ซึ่งอยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์กำลังพาลาน่าไปพบกับแขกผู้ม
เมเดลีนชำเลืองมองลาน่า “ฉันบอกว่าฉันมีเรื่องจะบอก”รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของเจเรมี่ “ที่นี่ไม่มีคนนอก ธุระของฉันก็เป็นธุระของแฟนฉันเหมือนกัน ถ้าคุณมอนต์โกเมอรีมีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ”คำพูดของเจเรมี่ทำให้หัวใจของเมเดลีนแหลกสลายขณะที่เธอกำลังจะพูด ลาน่าก็เดินเข้ามาอย่างสบาย ๆ พลางโน้มตัวเข้าไปใกล้เจเรมี่และเอ่ยว่า ”เจเรมี่คะ ในฐานะแฟนโดยชอบธรรมของคุณ ฉันจะไม่รบกวนการพูดคุยของคุณกับคุณมอนต์โกเมอรีหรอกค่ะ ฉันจะไปที่ร้านขนมชั้นล่าง แล้วรอคุณลงมาดื่มชายามบ่ายกับฉันทีหลังนะคะ”เจเรมี่ยิ้มให้ลาน่าอย่างอ่อนโยน “งั้นคุณไปก่อน เดี๋ยวผมตามลงไป”"ค่ะ" ลาน่ามองเหยียดและเดินผ่านเมเดลีนด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมใจ “คุณมอนต์โกเมอรี ฉันได้ยินมาว่าคุณกำลังจะแต่งงานกับไรอัน โจนส์เร็ว ๆ นี้ การที่หาผู้ชายมาแต่งงานด้วยทันทีที่หย่าได้ คุณเองก็ไม่ใช่เล่น ๆ เลยนะ”ลาน่ายั่วโมโหอีกฝ่ายเมเดลีนเอ่ยโดยไม่เร่งรีบว่า "ถ้าพูดเรื่องวิธีการ ฉันจะเทียบกับเธอได้ยังไง? คุณผู้หญิงที่มีความกล้าหนาเสียยิ่งกว่ากำแพงเมือง"“...” สีหน้าของลาน่าบูดบึ้งในทันที “เอวลีน แก…”“ลาน่า เธอรู้อยู่แก่ใจว่าเธอเป็นใคร ถ้าเ
คำพูดที่เขาเปล่งออกมาเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรงดวงตาที่เย็นชาของชายหนุ่มมีความรู้สึกเมินเฉยเช่นเดียวกับในตอนนั้นเมเดลีนมองไปยังใบหน้าเด็ดเดี่ยวและเคร่งขรึมโดยปราศจากความคาดหวัง หรือแสงสว่างใด ๆ ในดวงตาของเธอ“ไม่ต้องกังวลหรอก เพราะฉันจะไม่มาหาคุณอีก คุณไม่ใช่คนที่ฉันรักอีกต่อไป ตั้งแต่ตอนที่คุณเลือกลาน่า ฉันก็ยอมปล่อยคุณไปแล้วล่ะ”“แบบนั้นคงดีที่สุดแล้วล่ะ” เจเรมี่แสยะยิ้มบนริมฝีปากเย้ายวน “ผมไม่อยากให้คุณคิดถึงผมอีก คุณรู้ไหมว่าในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้ ผมเบื่อกับความผูกพันที่คุณมีต่อผมแค่ไหน?”เบื่อกลับกลายเป็นว่าเขาเบื่อความรักและความผูกพันที่เธอมีต่อเขามานานแล้วหัวใจที่เย็นชาของเมเดลีนสั่นไหวอีกครั้งในขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เป็นไรอันที่โทรมาเมเดลีนรับสายและได้ยินเสียงอันอ่อนโยนของไรอัน “ผมอยู่ชั้นล่างของวิทแมน คอร์ปอเรชั่นแล้วครับ คุณยังมีธุระอีกนานไหมครับ?”เมเดลีนปรับอารมณ์และตอบว่า "เดี๋ยวฉันลงไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ ไรอัน รอฉันสักครู่นะคะ"“ไม่เป็นไร ผมรอได้ ถ้าคนที่รอคือคุณ” ความรักของไรอันผ่านเข้าหูเมเดลีน รวมถึงเจเรมี่ด้วยเขาหันหน้าหนีโด
เมเดลีนนั่งอยู่ในรถของไรอันและมองไปยังนิ้วนางข้างซ้ายที่ว่างเปล่าของตัวเอง เธอหวนนึกถึงภาพการแยกจากและกลับมาพบกันอีกครั้งระหว่างเธอและเจเรมี่ตลอดหลายปีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จู่ ๆ เธอก็รู้สึกสับสนขึ้นมาว่าในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เจเรมี่เคยรักเธอจริง ๆ บ้างไหม?แน่นอนว่าเขาเคยนั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมตอนนั้นเขาถึงสามารถทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเธอไว้นั่นคือเหตุผลที่เมื่อก่อนตอนที่เขากอดเธอตอนเข้านอน เขาจะแสดงรอยยิ้มที่ใสซื่อเหมือนเด็กให้เธอดู‘แต่เจเรมี่ เราทำอะไรผิดไปเหรอ เรื่องระหว่างเราถึงกลายเป็นแบบนี้…’หัวใจของเธอเจ็บปวดอยู่เงียบ ๆ ในทันใดนั้นเองที่ไรอันยื่นมือออกมาจับมือเธอไว้อย่างนุ่มนวล เขาไม่ได้พูดอะไร และทำเพียงแค่มองเมเดลีนอย่างอบอุ่น“ผมอยากให้งานแต่งงานเรียบง่ายหน่อย คุณคิดว่าไงครับ?” ไรอันขอความเห็นจากเมเดลีนอย่างอ่อนโยนครอบครัวโจนส์เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเกลนเดล ตอนนี้ไรอันกำลังจะแต่งงาน งานแต่งงานจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเมเดลีนคิดว่าอาจเป็นเพราะเธอแต่งงานมาแล้วสองครั้ง หย่าร้างไปแล้วสองครั้ง และมีลูกมาแล้วสามคน พ่อและแม่ของไรอันอาจจะรู้สึกละอายขึ้นมาได้ เธอจึ
เมเดลีนเดินไปถึงประตูห้อง แล้วไฟในห้องก็ดับลงกะทันหันชั่วขณะหนึ่งเธอก็รู้สึกถึงเงาดำแวบผ่านดวงตาของเธอ แต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่เท่านั้นเมเดลีนตอบสนองด้วยการเปิดไฟในทันที แต่หลังจากเปิดไฟแล้วกลับไม่มีใครอยู่ในห้องเลย ในห้องมีเพียงอัลบั้มภาพงานแต่งงานที่เปิดอยู่ และถูกวางไว้บนเตียงเมเดลีนเดินเข้ามา และได้กลิ่นหอมเย็น ๆ ผ่านจมูกของเธอจาง ๆ ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจอะไรบางอย่างเมื่อเห็นตัวเองฉีกยิ้มด้วยใบหน้าบึ้งตึงในภาพถ่ายแต่งงานประกอบกับท่าทางเย็นชาและไร้ความร่าเริงของผู้ชายคนนั้น เมเดลีนก็ค่อย ๆ หยิบอัลบั้มภาพขึ้นมาอย่างเบามือ ก่อนจะฉีกครึ่งภาพแต่งงานนั้นอย่างแรงเจเรมี่ซึ่งยืนอยู่หลังม่านตรงระเบียงเห็นฉากนี้ และรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกแทงด้วยมีดอันแหลมคมเขาเฝ้าดูเมเดลีนวางกล่องเครื่องประดับที่เธอถือไว้อย่างเบามือ ก่อนที่เธอจะจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันมามองหลังจากที่เขาเห็นเธอขับรถออกไป เจเรมี่ก็กลับมาที่ห้องภาพถ่ายงานแต่งงานที่ขาดวิ่นบนพื้นดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของพวกเขา… คู่รักที่ไม่อาจย้อนกลับไปสู่อดีตได้เจเรมี่หยิบกล่องเครื่องประดับที่เมเดลีนทิ้งไว้ และเห็นแหวนแต่งงานสองวง
“เจเรมี่ คุณกำลังมองอะไรอยู่? ไฟเขียวแล้วนะ” ลาน่าบอก ขณะที่เธอกำลังจะมองไปยังทางเดียวกับที่เจเรมี่มองอยู่ รถก็ออกตัวเจเรมี่หยิบกระดาษเช็ดมือมาเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของเขาลาน่าไม่ได้สังเกตว่าเจเรมี่กำลังไอออกมาเป็นเลือด เธอเพียงนั่งเท้าคางด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะที่มองไปยังเจเรมี่ซึ่งกำลังขับรถด้วยสีหน้าไม่พอใจ“เจเรมี่ คุณนี่มีเสน่ห์จริง ๆ ฉันเคยคบกับผู้ชายมาก็หลายคน แต่คุณแตกต่างออกไป ฉันมีความต้องการอยากจะอยู่กับคุณตลอดไปจริง ๆ นะ”เจเรมี่ชำเลืองมองลาน่า “ชอบฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?”"แน่นอนสิคะ" ดวงตาของลาน่าเต็มไปด้วยความหลงใหลและมั่นใจ "ฉันจะทำให้คุณค่อย ๆ ตกหลุมรักฉัน และลืมเอวลีนคนนั้นไป เพราะฉันเชื่อว่าความรักจะค่อย ๆ เติบโตเมื่อเวลาผ่านไป"เจเรมี่ยกมุมปากของเขาและยิ้มอย่างมีความหมาย "ฉันก็เชื่ออย่างนั้น"ลาน่าพอใจกับคำตอบของเขา แต่เธอก็ยังคงดูกังวลเล็กน้อยกับทิศทางที่เจเรมี่เพิ่งมองไป...ขณะที่เมเดลีนกำลังลองชุดแต่งงาน เอวาก็ได้รับโทรศัพท์ จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยและบอกว่าเธอต้องรีบไปแล้วไรอันซื้อดอกไม้มาสองช่อและพาเมเดลีนไปที่สุสานเพื่อพบเอโลอิสและฌอน“พ่
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ