ฉันที่ยืนบิดด้วยทำตัวไม่ถูก หลังจากได้รับคำหวานจากคนตรงหน้า ก่อนจะตอบออกไปช้า ๆ อย่างพยายามกลบเกลื่อนความเขินอายที่มี“กะ...ก็ไม่ต้องมีหรอกค่ะ ตะ...แต่ว่าที่คุณดีนมาหาลินตอนนี้...เอ่อ...” ฉันตอบตะกุกตะกักบีบมือตัวเองแน่นวางตัวไม่ถูก“อ๋อ...พอดีฉันอยากมาชวนเธอให้ไปดูหนังด้วยกันน่ะ” ส่วนเขาที่เห็นฉันเอาแต่ก้มหน้ายืนบิดไปมาไม่หยุด ก็ได้ยอมบอกถึงเจตนาของตัวเองที่มาหาฉันในตอนนี้“แต่พรุ่งนี้...” ฉันที่นึกห่วงเรื่องงานขึ้นมากะทันหัน เนื่องจากเวลานี้มันก็ดึกมาแล้ว“ไปเถอะนะ...เป็นแฟนกันวันแรกฉันยังไม่ได้พาเธอไปกินข้าวเดตสร้างความทรงจำดี ๆ เลย ถือสะว่าไปสร้างโมเมนต์ด้วยกันแล้วกันนะ” เขาใช้น้ำเสียงออดอ้อน พร้อมกับยกมือขึ้นมาประคองใบหน้าหวานของฉันให้ขึ้นไปสบสายตาเว้าวอนของเขา หลังจากที่ฉันไม่ยอมมองเขาเต็มตาสักที“เออ...เอางั้นก็ได้ค่ะ...แต่ลินไม่รับรองนะคะว่าจะอยู่ดูหนังกับคุณจนจบ เพราะลินอาจจะเผลอหลับกลางทางไปซะก่อน” ฉันบอกความคิดในใจออกไปด้วยท่าทางเอียงอาย เพราะกลัวว่าจะทำให้เขาผิดหวังถ้าหากฉันเกิดหลับกลางคันขึ้นมา“ได้...ถ้าเธอหลับ เดี๋ยวฉันลักหลับให้เธอตื่นเอง...หึหึ” ส่วนเขาที่นอกจากจะไม่ไ
--- ลลิน Talk ---รุ่งเช้า ~~ฉันเปิดเปลือกตาตื่นขึ้นมาก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังอยู่ภายใต้อ้อมกอดของคนร่างโตที่หลับสนิทและกำลังปล่อยลมหายใจราดรดอยู่บนหัวของฉันอยู่ และด้วยความรู้สึกยามเช้าที่ต้องตื่นมาเจอกับอะไรแบบนี้ก็ทำให้หัวใจฉันพองโตมีพลังกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์(นี่มันคงเป็นพลังแห่งรักซินะ...คริคริ ในที่สุดคนอย่างแกก็ไม่ได้ไร้หัวใจไร้ความรู้สึกอย่างที่คิดเอาไว้เลยนะ...ยัยลลิน) ฉันยิ้มเขินพร้อมกับพูดกับตัวเองในใจ เมื่อคิดย้อนไปก่อนหน้านี้ที่ฉันนึกว่าตัวเองมีความรู้สึกด้านชาไปเสียแล้วและด้วยการขยับตัวของฉันที่ไม่ได้ตั้งใจนั้นก็ทำให้คนที่กำลังโอบกอดฉันแนบอกรู้สึกตัว“อืมมมมม...ไม่อยากตื่นเลย” เขางึมงำขณะเดียวกันก็กระชับอ้อมกอดที่กอดฉันให้แน่นขึ้น“ลินทำให้คุณตื่นหรือเปล่าคะ” ฉันเงยหน้าถาม“นั่นซิ...เธอทำให้ฉันตื่นจากฝันดี ฉันกำลังฝันว่าได้กอดสาวสวย แถมยังได้หอมแบบนี้ด้วย ฟอด ~~ จูบแบบนี้ จุ๊บ ~~ แล้วกลับต้องมาตื่นแบบนี้เธอจะรับผิดชอบยังไง...หืมมมม ~~” เขาที่พูดในขณะที่ยังคงหลับตาพริ้มอยู่ พร้อมกับแสดงท่าทางบอกในสิ่งที่ตัวเองฝันโดยการทำเป็นฉวยโอกาสกอดฉัน หอมฉัน และยังจูบมาท
แต่คนตัวโตที่มองมาด้วยความไม่เข้าใจ และยังไม่อาจจะยอมรับในคำขอร้องของหญิงสาวได้“ฉันไม่สนใจ...” เขาตอบอย่างไม่ยี่หระ“แต่ลินสน...” ส่วนฉันเองก็ไม่ยินยอมให้เขาทำตามใจก่อนที่จะถึงเวลาที่เหมาะสมเช่นกันสายตาเจ็บปวดของคนตรงหน้าส่งมาหาฉันอย่างปิดไม่มิด มันทำให้ฉันรับรู้ได้ทันทีว่าเขาเสียใจมากแค่ไหนที่ฉันทำเหมือนกับว่าไม่อยากเปิดเผยให้ใครรู้ว่ามีเขาเป็นเจ้าของหัวใจ แต่เขาจะรู้บ้างไหมว่าฉันเองก็เจ็บปวดใจไม่แพ้กัน“เฮ้ออออ ~~ คุณดีนค่ะ คุณช่วยรอให้ลินพร้อมก่อนได้ไหมคะ” ฉันเอื้อมมือไปจับมือเขาก่อนจะเอามันขึ้นมาแนบกับใบหน้าด้วยความอ่อนโยน“...............”“อย่าเงียบซิคะ...ลินสัญญาว่าเมื่อลินพร้อมที่จะยืนเคียงข้างคุณอย่างเปิดเผยและภาคภูมิใจเมื่อไร ลินจะไม่รีรอที่จะบอกให้ทุกคนได้รู้นะคะ...จุ๊บ ~~” ฉันบอกเขาพร้อมกับบรรจงจูงไปที่ปากของเขา และนี่ก็เป็นจูบแรกที่ฉันให้เขาด้วยความเต็มใจ“เห้ออออ ~~ ก็เล่นทำซะขนาดนี้แล้วฉันจะไปทำอะไรได้” เขาที่มีสีหน้าเศร้าเสียใจ แต่ก็ยังยอมตามใจฉันด้วยความจำนน“ขอบคุณนะคะ...ที่เข้าใจลิน แฟนใครเนี้ยน่ารักจังเลย ~~” (^-^) ฉันประคองใบหน้าคมเข้มของเขาให้ยกขึ้น พร้อมกับส่ง
“เอาเป็นว่ารายละเอียดเดี๋ยวเราค่อยมาคุยกันที่นี่ดีกว่านะ เพราะเดี๋ยวพี่ต้องไปคอยประสานงานรถพยาบาลที่จะมาส่งป้านีที่โรงพยาบาล M พรีเมี่ยมเผื่อเขามีอะไรฉุกเฉินโทรมา”พี่รามบอกถึงเหตุผลที่ยังไม่สามารถอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังได้ ก่อนที่ฉันจะตอบรับด้วยความเข้าใจและปล่อยให้พี่รามวางสายไปโดยที่ฉันจะได้ไปเตรียมตัวเพื่อไปโรงพยาบาลด้วย“คะ...ค่ะได้ค่ะพี่ราม เดี๋ยวเจอกันที่โรงพยาบาลนะคะ ขอบคุณมากนะคะพี่รามที่โทรมาบอกลิน” ฉันเอ่ยขอบคุณพี่รามก่อนจะวางสายแล้วรีบพุ่งตัวเตรียมไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อออกไปหาผู้ใหญ่ที่ฉันเคารพรักทันที“ลินใจเย็น ๆ ตั้งสติก่อนนะ ฉันอยู่ตรงนี้ ฉันจะอยู่ข้าง ๆ เธอเอง ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวฉันจะไปโรงพยาบาลกับเธอด้วย เผื่อฉันจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง” หลังจากที่คุณดีนเห็นว่าฉันเริ่มจะเสียสติกระวนกระวายใจอย่างคนทำอะไรไม่ถูก เขาก็ได้เข้ามาประคองฉันให้นั่งลงเพื่อให้ฉันใจเย็น ๆ ขึ้นและด้วยการกระทำของเขานั้น ก็ทำให้ฉันที่อยู่ในอาการช็อกถึงกับปล่อยโฮออกมาทันที“ฮึก...ฮึก คุณดีนค่ะ ฮึก ฮึก ป้านี ป้านี จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม ฮืออออ ~~” ฉันปล่อยโฮอยู่ในอ้อมกอดเขาทันที หลังจากที่คิดว่า
--- ดีแลน Talk ---ผมถึงกับนึกขำอยู่ในใจกับท่าทีของแม่แกะน้อยใสซื่อที่หลังจากผมพาเธอมาถึงโรงพยาบาลแล้วผมได้มาเจอกับพี่น้ำค้างลูกพี่ลูกน้องของผม เธอก็ดูจะบึ้งตึงใส่ผมทันที นั่นก็เพราะผมยังไม่ทันจะได้แนะนำให้ทั้งเธอและพี่น้ำค้างได้รู้จักกัน เธอก็ตะบึงตะบอนเดินหนีผมไปและด้วยการกระทำของผมนั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกโชคดีที่ได้เห็นท่าทีที่ดูยังไงก็รู้ได้ว่าเธอ...กำลังหึง...และในขณะที่ผมมองไปยังร่างบางที่เดินไปหาที่นั่งอยู่นั้น เสียงของคนที่ถูกหางเลขแบบไม่รู้ตัวก็ได้แทรกถามโพล่งเข้ามาจนทำให้ผมที่มองไปยังเธอคนที่ผมคลั่งไคล้ถึงกับตกใจ“ไง...นั่นอ่ะเด็กใหม่เหรอ” พี่น้ำค้างยื่นหน้ามาถาม จนผมที่กำลังมองตามร่างบางที่เดินตะบึงตะบอนไปถึงกับตกใจหลุดออกมาจากภวังค์“เห้ย!!...ตกใจหมดพี่ค้างเล่นไรเนี้ย” ผมอุทานพร้อมกับร่างที่สะดุ้งโหยง ก่อนจะมองไปยังพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องทางฝั่งแม่ของตัวเองด้วยทีท่าเงอะ ๆ งะ ๆ“แหม...ไม่ยักกะรู้ว่าขวัญอ่อนนะย่ะ ปกตินึกว่าเลือดเย็นเป็นอย่างเดียว” พี่น้ำค้างแบะปากเย้าผมอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ ก่อนที่คุณหมอสาวผู้ที่มีปากคมยิ่งกว่ากรรไกรที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของผม จะพู
--- ลลิน Talk ---หลังจากที่ฉันฟังพี่รามเล่าเรื่องราวของป้านีแบบไม่ปะติดปะต่อ เนื่องจากคอยเอาแต่หันไปมองแฟนของตัวเองที่ยืนคุยหัวเราะต่อกระซิกอยู่กับคุณหมอสาวคนนั้นอย่างสนิทสนม แต่ถึงแม้ว่าฉันจะฟังได้ไม่ครบทุกประโยคแต่ฉันก็พอจะจับใจความได้ว่ายัยปีศาจร้ายยุพิน หลังจากที่มันเข้ามาตามหาฉันที่เมืองหลวงแล้วไม่เจอ มันก็ได้กลับไปบ้านเก่าฉันอีกครั้งเพื่อไปถามเอาความกับป้านีอีกครั้ง ส่วนป้านีที่พอรู้นิสัยของอดีตแม่เลี้ยงของฉันดีก็เลยไม่ยอมบอกที่อยู่หรือที่ทำงานของฉันว่าอยู่ที่ไหน และถึงแม้ว่าป้านีท่านจะบอกไปมันก็ไม่มีทางหาฉันเจออยู่ดีนั่นก็เพราะฉันได้ย้ายออกมาแล้วทั้งสองที่ และด้วยเพราะเหตุนี้จึงทำให้ทั้งมันและชู้รักของมันโมโหแล้วตรงเข้าไปทำร้ายป้านีจนมีสภาพเป็นแบบนี้“น้องลินครับ...” พี่รามเอ่ยเรียกสติ หลังจากเห็นฉันมองไปทางอื่นสักพัก“อ่ะ...ค่ะ” ฉันหันกลับมาแต่ก็ยังไม่วายเหลือบตามองไปและด้วยอากัปกิริยาของฉัน ก็ทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าที่มีความสงสัยในบางเรื่องอยู่ก่อนหน้านี้แล้วถึงกับอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม“พี่ขอถามน้องลินตรง ๆ ได้ไหมครับ” พี่รามเหมือนจะรวบรวมความกล้าเพื่อถามคำถามฉัน“เรื่องของลิน
“ฉันถามว่า...ทำไมต้องจับมือกันด้วย...”เมื่อเขาเล็งเป้าหมายเป็นฉันอย่างชัดเจนแล้วก็ได้เบนตัวหันมาหาฉันเพื่อฟังคำตอบทันที“...............” ส่วนฉันที่ยังงอนเขาอยู่ก็ยังคงไม่หันไปมองหน้าเขาจากนั้น...“ถ้าเธอยังไม่ตอบฉันจะจับเธอจูบโชว์ตรงนี้เลยนะ...หึหึ” เสียงทุ้มที่พูดกึ่งกระซิบอยู่ข้างหูฉันอย่างคนที่ไม่ได้พูดเล่น ถึงกับทำให้ฉันหันขวับกลับไปมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจทันที“หึ...นึกว่าจะแน่...” ก่อนที่เขาค่อนแคะใส่หลังจากที่ภูมิใจที่สามารถสยบฉันได้สำเร็จ“ชิ...” ฉันที่เหลืออดกับคนตรงหน้าที่กล้ามาจับผิดฉันกับพี่ราม แล้วทีตัวเองล่ะยังไปคุยหัวเราะต่อกระซิกกับผู้หญิงคนอื่น ฉันยังไม่เห็นว่าสักคำ...และในขณะที่ฉันกำลังจะลุกขึ้นเพื่อไปนั่งที่อื่น...หมับ...!!“ว๊ายยยย ~~” (O//.//O)(O_o)ฉันที่ถูกเขาคว้าเอวโอบให้มานั่งบนตักโดยไม่แคร์สายตาใครหลาย ๆ คนที่มองมา และไม่ใช่แค่ฉันที่ตกใจต่อการกระทำของเขา เพราะพี่รามเองก็อึ้งกับสิ่งที่คุณดีแลนทำกับฉันไม่ต่างกัน“ปล่อยลินเดี๋ยวนี้นะคะ...คุณดีน...ทุกคนมองกันหมดแล้ว” ฉันดิ้นพร้อมกับก้มหน้างุดหนีอายต่อสายตาที่ต่างจับจ้องมาที่เราสองคน“ช่างคนอื่นสิ...” เขาตอบอ
“ขอทางด้วยนะครับ ~~” เสียงตะโกนของเจ้าหน้าที่ที่เพิ่งมาถึงได้ร้องบอกหลังจากที่พาป้านีลงมาจากรถพยาบาล“ป้านีค่ะ...ลินอยู่นี่นะคะ ฮึก...ฮึก” และทันทีที่ฉันเห็นสภาพของป้านี ฉันก็แทบจะทรุดเข่าลงตรงนั้น ก่อนที่คุณหมอสาวสวยที่ยืนคุยกับคุณดีนเมื่อก่อนหน้านี้จะเดินเข้ามาสำทับ จนทำให้ฉันรู้ว่าเธอเป็นเจ้าของคนไข้ของป้านี“หมอเป็นเจ้าของเคสค่ะ นำเข้าห้องฉุกเฉินเลยค่ะ” คุณหมอคนสวยร้องตอบเจ้าหน้าที่เวรเปลที่กำลังเข็นป้านีตรงมาและในวินาทีนี้เดียวกันนั้น ฉันที่ไม่อาจจะห่วงเรื่องความรู้สึกของหัวใจตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว เพราะคนที่ฉันควรห่วงมากที่สุดตอนนี้คือผู้ใหญ่ที่ฉันเคารพรักที่เหลือเพียงคนเดียวตรงหน้านี้เท่านั้นดังนั้นฉันจะต้องไม่ทำให้คุณหมอสาวคนนี้รู้สึกไม่ดีหรือระแคะระคายเรื่องของฉันกับคุณดีนโดยเด็ดขาด เพราะถ้าหากเขาเกิดเป็นหมอที่ไม่มีจรรยาบรรณขึ้นมา ป้านีอาจจะเป็นอันตรายก็ได้“คะ...คุณหมอค่ะ...ลินฝากป้าของลินด้วยนะคะ” ฉันที่ตรงเข้าไปบอกคุณหมอคนสวย พร้อมกับแสดงแววตาที่จริงใจไปพร้อมกัน“ได้ค่ะ...ญาติคนไข้ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ” คุณหมอสาวที่ฉันแอบมีคิดอคติกับเธอ เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลใบหน้าย
“แต่ว่าแม่ครับ...ได้โปรดอย่าห้ามไม่ให้พี่แดนไปบ้านปู่อีกเลยนะครับ” เด็กชายตรงหน้าพูดเหมือนกับรู้เท่าทันความคิดของฉันที่มีต่อเขาในสถานการณ์ตอนนี้“แต่พี่แดน...ลูก...” ส่วนฉันที่แม้จะปวดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้มา แต่พอเห็นสายตาอ้อนวอนที่แสนจะเด็ดเดี่ยวของลูกชายตัวเองก็ทำได้เพียงแค่เรียกชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเหนื่อยใจ“นะครับแม่...พี่แดนสัญญาว่าพี่แดนจะตั้งใจเรียนศิลปะการป้องกันตัวให้หนักมากขึ้น และพี่แดนขอเรียนพวกการใช้อาวุธด้วยได้ไหมครับ...พี่แดนอยากดูแลตัวเองให้ได้มากกว่านี้”สายตามุ่งมั่นของลูกชายที่ส่งมาทำให้ฉันถึงกับสะท้อนใจ พร้อมกับมองไปที่ลูกชายด้วยความรู้สึกหน่วงในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เด็กชายตรงหน้าที่ฉันไม่รู้ว่าเขาบัดนี้เขาได้เติบโตไปมากกว่าที่ฉันเห็นแค่ไหนแล้ว โดยเฉพาะยามที่เขาเอ่ยพูดด้วยสายตาแน่วแน่ไม่มีความรู้สึกลังเลหรือหวั่นใจเลยแม้แต่น้อยในดวงตาคู่นั้นถึงเรื่องที่อยากจะทำในสิ่งที่เด็กรุ่นเดียวกันไม่คิดจะทำ“พี่แดนไม่กลัวเหรอลูกถ้า...เอ่อ...ต้องกลับไปที่นั่นอีก” ฉันหยั่งเชิงถามลูกชายออกไป แม้ว่าคำตอบจากท่าทางของลูกชายที่มีให้ก่อนหน้านี้จะเป็นคำตอบให้ฉันแล้ว แต่ฉันก็ยังอ
รุ่งเช้า ~~วันนี้ฉันเลือกที่จะไม่เข้าไปบริษัท เพราะอยากจะอยู่รอรับลูกชายที่ไม่เคยห่างกายไปไกลขนาดนี้มาก่อน จนกระทั่งเมื่อสัญญาณการขอลงจอดเครื่องบินดังขึ้น ความรู้สึกหนักอึ้งในใจที่มีมานับตั้งแต่ลูกชายขึ้นเครื่องบินไปบ้านปู่ของเขาก็ได้ทุเลาลง“แม่คร้าบบบ ~~ พี่แดนคิดถึงแม่จังเลยครับ” ฟอด ~~ ฟอด ~~ ลูกชายตัวน้อยที่นับวันใกล้จะสูงเท่าฉันแล้ว วิ่งยิ้มร่าโผเข้ามากอดฉันแน่น พร้อมกับหอมแก้มฉันซ้ายขวาไม่หยุดก่อนที่ผู้ชายอีกคนที่ฉันคิดถึงไม่แพ้กันจะตรงปรี่เข้ามาหาฉันพร้อมกับทำเลียนแบบลูกชายของตัวเอง“พี่ก็คิดถึงลินมากเลยคร้าบบบบ ~~” ฟอด ~~ ฟอด ~~ คนเป็นพ่อที่ไม่ยอมน้อยหน้าลูกตรงถลาเข้ามากอดฉันพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาเหมือนกัน โดยที่ลูกชายฉันได้แต่ดิ้นพล่านเพราะอึดอัดที่ถูกอัดอยู่ตรงระหว่างกลางการกอดกันของพ่อแม่ของเขา“เป็นไงบ้างคะ ทุกอย่างราบรื่นดีไหม” ฉันผละออกจากอ้อมกอดของผู้ชายทั้งสอง แล้วเอ่ยถามด้วยความคิดถึงแต่ทว่า...เสียงและท่าทางเจื่อน ๆ ของผู้เป็นสามีที่ตอบกลับมา ทำฉันอดแปลกใจไม่ได้“ก็ดีจ๊ะ...”“แล้วลูกล่ะครับพี่แดน เป็นไงบ้างสนุกไหมไปบ้านท่านปู่ครั้งแรก” ฉันมองไปยังลูกชายที่แสดงสีหน
“ผมไม่ต้องการให้คุณมาเร่งรัดให้แดนไปกับคุณนะครับ โปรดเข้าใจด้วยว่าลูกผมยังเล็ก” คนตัวโตเปิดประเด็นก่อน“ก็แล้วทำไมไปกับฉันจะต้องกลัวอะไร” ส่วนคนสูงวัยที่มีความคิดเป็นของตัวเองเช่นกัน ก็ได้เอ่ยปากออกมาอย่างไม่พอใจ“เพราะผมรู้ไงว่ามันอันตรายยังไง ผมรู้ว่าท่านนะยิ่งใหญ่แต่ใครจะรับประกันให้กับลูกชายของผมได้ล่ะ เพราะฉะนั้นนี่คือข้อตกลงระหว่างเราที่ผมจะยอมให้ได้ นั่นก็คือผมจะขอเวลา 5 ปีเพื่อฝึกให้แดนทันคนและมีวิชาเพื่อป้องกันตัวเวลาที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นผมถึงจะอนุญาตให้เขาไปที่ประเทศของท่านได้ เพื่อที่เขาจะได้รู้ตัวว่าเขายังพอใจที่จะรับตำแหน่งบ้า ๆ นั้นไหม และหลังจากที่เขาอายุครบที่จะเข้าพิธีรับมอบตำแหน่งได้แล้วถึงวันนั้นถ้าแดนยังต้องการที่จะไปกับท่านอยู่ล่ะก็ ผมก็พร้อมที่จะเคารพสิทธิ์ในการตัดสินใจของลูก เพียงแต่ถ้าหากว่าเขาเล็งเห็นแล้วว่าการไปอยู่กับท่านมันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขแต่อย่างใด และถ้าหากมันเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็ ต่อให้ใครหน้าไหนมันคิดจะมาฆ่าล้างตระกูลผมก็ตาม ผมจะไม่มีวันปล่อยมันไว้อย่างแน่นอน” คนตัวโตพูดรัวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง โดยไม่มีช่องให้คนที่มีอำน
“พี่แดนอยากไปครับ...ท่านปู่บอกอยากให้พี่แดนไปดูอาณาจักรที่จะเป็นของพี่แดน แต่พี่แดนก็อยากให้แม่คร้าบกับดีแลนไปด้วย แต่ดีแลนคงไม่อยากไป...ท่านปู่บอกแบบนั้น”เด็กน้อยพูดเจื้อยแจ้วด้วยแววตาเป็นประกายซุกซน ก่อนจะทำเสียงกระซิบกระซาบในประโยคท้ายยามเอ่ยปากนินทาผู้เป็นพ่อของตน“อย่างงั้นเหรอลูก” ฉันตอบลูกชายตัวน้อยกลับไปเพียงประโยคสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ที่ช่างต่างกับจิตใจที่ร้อนรุ่มเหลือเกินแต่ด้วยแววตาดวงน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟปรารถนาที่อยากจะเห็นโลกกว้าง ทำให้ฉันที่แม้จะอยากปฏิเสธใจแทบขาด แต่จำต้องเก็บความต้องการนั้นเอาไว้แล้วเลือกหาทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้“ถ้าพี่แดนอยากไปแม่ก็จะอนุญาตครับ...เพียงแต่ ณ เวลานี้มันยังเร็วเกินไปที่พี่แดนจะไปบ้านท่านปู่ด้วยเหตุผลแรก แม่เองก็ใกล้ที่จะคลอดน้องแล้วแม่คงจะไปกับพี่แดนด้วยไม่ได้ พี่แดนคงไม่อยากให้แม่ไปคลอดน้องบนฟ้าใช่ไหมครับ” ฉันค่อย ๆ อธิบายให้ลูกชายตัวน้อยฟัง“ส่วนเหตุผลที่สอง แม่อยากให้พี่แดนโตกว่านี้อีกสักหน่อย อยากให้พี่แดนโตจนสามารถดูแลตัวเองได้แม้ในวันที่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่เคียงข้าง เพราะฉะนั้นถ้าพี่แดนอยากจะไปบ้านท่านปู่จริง พี่แดน
--- ดีแลน Talk ---“ที่ท่านพูดเมื่อสักครู่มันหมายความว่ายังไงครับ” ผมเปิดปากถามคนที่มีศักดิ์เป็นพ่อแม้ว่าผมจะไม่เคยนับว่าเขาเป็นพ่อก็ตาม“แล้วแกคิดว่าไงล่ะ...” ก่อนที่คนเจนสนามอย่างเฒ่าเจ้าเล่ห์จะยักคิ้วพูดหยั่งเชิง“พูดมาตรง ๆ เถอะครับ ผมรู้ว่าการที่คุณเทียวไปเทียวมาแบบนี้คงไม่ได้เป็นเพราะคิดถึง...เอ่อ...หลาน” ผมพูดไปด้วยรู้เจตนาคนตรงหน้าดีแต่อยากได้ความชัดเจน“เฮ้อ...ดีแลนแกพูดอย่างนั้นมันก็ดูจะดูถูกจิตใจฉันเกินไปนะ ฉันน่ะคิดถึงหลานจริง ๆ และอยากเจอเขาด้วย แต่ถ้าจะให้ฉันพูดตรง ๆ ฉันคิดว่าแกคงรู้สถานการณ์ของทางฝั่งตระกูลฉันดี และฉันก็รู้ดีว่าแกไม่โง่ที่จะไม่รู้เจตนารมณ์ของฉัน เพราะแกย่อมรู้ดีที่ฉันทำแบบนี้มันก็เพื่อแกเอง...” คนเป็นพ่อของผมพูดโดยที่มือบรรจงลูบไปที่หัวของลูกชายผมอย่างแผ่วเบา อีกทั้งยังมองดูเด็กน้อยด้วยสายตาอ่อนโยนซึ่งผมไม่เคยได้เห็นมาก่อนจากเขา“เพื่อผมเหรอ ผมว่าท่านทำเพื่อตัวเองมากกว่านะ” ผมแสยะยิ้มมองคนตรงหน้าอย่างเหลือจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดออกมา“ทำไมแกถึงคิดแบบนั้นกับพ่อได้ล่ะ...” ก่อนที่คนสูงวัยจะเบนสายตาจากหลานชายตัวน้อยมายังบุคคลที่เป็นลูกชายตนเองแทน พร้อมกับมอง
แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คงเหมือนกับที่ท่านชีคได้พูดเอาไว้ ว่าสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนได้นั่นก็คือเขายังคงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านชีคเขาจริง ๆ และยังคงมีสิทธิ์ในตำแหน่งผู้สืบทอดโดยชอบธรรม เพียงแต่เขาที่ไม่ต้องการตำแหน่งนั้นกลับไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปากว่าถ้าหากถึงเวลาจวนตัวที่ตำแหน่งท่านชีคว่างขึ้นมาจริง ๆ เขาจะปฏิเสธมันได้อย่างไรเพราะด้วยกฎประหลาดที่ถูกกำหนดขึ้นมาว่าถ้าหากท่านชีคองค์ปัจจุบันไม่อาจมีทายาทสืบทอดตำแหน่งต่อไปได้ ทุกอย่างจำต้องรีเซตใหม่โดยการกำจัดสายเลือดที่เกี่ยวข้องที่ไม่อาจดำรงตำแหน่งผู้สืบทอดได้ให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามหรือเป็นภัยคุกคามในตระกูลต่อไปที่จะได้ขึ้นมาครองตำแหน่งนี้แทนหลังจากที่ฉันได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากปากผู้เป็นสามี ฉันถึงกับหน้าถอดสีทันที ก่อนจะเอ่ยปากถามเขาไปถึงข้อสันนิษฐานในข้อตกลงที่ในวันนี้ท่านชีคชาดีฟคิดจะมาพูดกับพวกเรา“ถ้างั้นพี่ดีนคิดว่าเพราะอะไรท่านชีคถึงมาหาเราที่นี่ค่ะ” ฉันถามออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล“ก็อย่างแรกข่าวที่เราแต่งงานหลุดออกไปที่ประเทศนั้นในวงศ์ตระกูลของท่านชีคต่างรู้ว่าพี่เป็นลูกของเขา แต่ด้วยอำนาจของเขาที่ยังคงเข้มแข็งอยู่พี่ถึ
หลายปีผ่านไป ~~“ฮึก...ฮึก...พี่แดนไม่ไปไม่ได้เหรอลูก ฮือออออ ~~ พี่ดีน ลินไม่อยากให้ลูกไปเลย”ฉันร้องไห้หลังจากวันนี้เป็นวันที่ฉันต้องส่งลูกให้ไปอยู่กับพ่อสามีที่เป็นชีคอยู่ที่ประเทศประเทศหนึ่งของแถบตะวันออกกลาง แต่ทว่า...ลูกชายของฉันนอกจากจะไม่ฟังคำทัดทานของฉันแล้วยังดูท่าว่าอยากจะไปเสียเต็มที“แม่ครับอย่าร้องไห้ซิ ถ้าแม่คิดถึงก็บินไปพี่แดนได้นี่น่าเดี๋ยวพี่แดนให้ท่านปู่ส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับ หรือเอาไว้ถ้าพี่แดนฝึกขับเครื่องบินเก่งแล้วเมื่อไรเดี๋ยวเอาไว้พี่แดนบินกลับมาหาดีไหมครับ” ลูกชายตัวน้อยที่บัดนี้เติบโตเริ่มเข้าสู่วัยแตกเนื้อหนุ่มแถมรูปร่างยังสูงมากกว่าฉันโอบกอดปลอบฉัน จนกลายเป็นฉันที่ซุกหน้าเข้ากับอกลูกเหมือนเด็กน้อยแทน“ฮืออออ ~~ แต่แม่ไม่อยากให้ลูกไปเลยนี่ครับ” ฉันยังกอดลูกชายแน่นโดยที่ด้านหลังของเขาได้มีร่างของผู้ชายที่เป็นพ่อสามีฉันมายืนรอรับลูกชายของฉันไป“พี่แดนก็ยังอยู่กับแม่เสมอนะครับ” ลูกชายตัวน้อยที่เคยจ้ำม่ำใช้มือที่ใหญ่ขึ้นปาดน้ำตาของฉันพร้อมกับส่งยิ้มหวานที่เหมือนกับพ่อและปู่ของเขาไม่มีผิดเพี้ยน“ไม่ต้องห่วงนะ เรารับรองได้เลยว่าเราจะดูแลแดเนียลให้ดีที่สุด” ท่า
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ~~ฉันได้รับอนุญาตจากพี่น้ำค้างให้กลับบ้านได้แล้ว และทันทีที่ถึงบ้านฉันที่มัวแต่เป็นห่วงลูกในท้องจนเพิ่งจะมานึกออกถึงเรื่องของแม่ตัวเอง“พี่ดีนค่ะ...” ฉันเรียกชื่อผู้เป็นสามีเบา ๆ ก่อนจะเสหน้าหลบเล็กน้อยด้วยความลังเลที่เกิดขึ้นว่าควรจะถามออกไปดีไหม เนื่องจากกลัวว่าเขาอาจจะยังโกรธเคืองแม่ของฉันอยู่“ว่าไงครับ...ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า หรือว่ายังรู้สึกเจ็บที่ท้องอยู่ให้พี่พาไปโรงพยาบาลเอาไหม” ส่วนพี่ดีนที่ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลเขาดูแลฉันไม่ห่างกาย แม้ว่าจะได้รับคำยืนยันจากปากหมออย่างพี่น้ำค้างแล้วว่าทั้งฉันและลูกปลอดภัยดี แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าเขายังมีความกังวลอยู่“ปะ...เปล่าค่ะ ลินไม่เจ็บแล้วค่ะ” ฉันรีบปฏิเสธออกไป ก่อนจะทำท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆแต่ทว่า...เขาที่มักจะรู้ใจฉันดีว่าฉันคิดอะไรและกังวลใจเรื่องอะไรอยู่ ก็ได้พูดออกมาก่อน“จะถามเรื่องแม่ของลินใช่ไหม” เขาเอ่ยปากด้วยสีหน้าเหมือนกับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไร และนั่นก็ทำให้ฉันพยักหน้ารับออกไปทันที“พี่จัดการเรียบร้อยแล้ว เขาจะไม่มายุ่งกับลินและลูกอีก” คนตัวโตพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกร้อนรน“พะ...พี่ดีนทำ
“ไม่มีเหรอ...ชิ...ดูสภาพแกตอนนี้จะมาบอกว่าไม่มีเงินใครหน้าไหนมันจะไปเชื่อ ผัวแกทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเขารวยแค่ไหน ทำไม...คนเป็นแม่อย่างฉันจะมาขอค่าน้ำนมหน่อยไม่ได้หรือไง...ห๊ะ!! ยัยลิน!!” แม่ฉันระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อมกับตรงเข้ามาบีบแขนฉันแน่น“มันไม่เกี่ยวกับเขาเลยนะคะ เขาจะรวยมันก็เงินเขาหามา” ฉันที่ทนให้แม่บีบแขนอยู่อย่างนั้นแม้ว่ามันจะเจ็บมากก็ตาม แต่ทว่า...มันไม่ได้เจ็บไปมากกว่าที่หัวใจฉันเจ็บตอนนี้เลยและในจังหวะเดียวกันนั้นเอง พี่ริกที่วิ่งมาทางพวกเราพร้อมกับกระซิบอะไรบางอย่างกับคุณดีน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันสนใจเท่ากับผู้หญิงตรงหน้า“เกี่ยวซิ...ทำไมจะไม่เกี่ยวฉันเป็นแม่ของแก เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของแก แต่แกไม่คิดจะตามหาฉันมาร่วมงานแต่งงานของแกเลยสักนิด...เหอะ...ปล่อยให้ฉันต้องทนลำบากอยู่ได้ตั้งนาน” แม่ฉันพูดพลางมองบริษัทของคุณดีนไปทั่วด้วยแววตามีความหมายส่วนฉันที่แม้จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฉันดีใจมากแค่ไหนในแวบแรกที่ได้เจอแม่ แต่พอได้มาเห็นพฤติกรรมของท่านที่ไม่เหลือเค้าคนเป็นแม่ที่ฉันเคยรู้จัก มันก็ทำให้ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าฉันไม่ควรขุดความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่เคยมีต่อตัวท่