แต่คนตัวโตที่ยังมีอารมณ์ขุ่นเคืองกับไม่ยอมลดละ และอยากจะหาที่ลงเพื่อระบายให้ได้“ถ้าเป็นไปได้พี่อยากจะอุ้มกลับไปลงโทษซะเดี๋ยวนี้...ฮึ” เขาที่ยังมีสีหน้าบูดบึ้งไม่พอใจหลังจากเพิ่งจะมาได้เห็นชุดเมียรักเต็มตาก็ตอนที่ก่อนรถจะถึงงานแล้ว“พี่ดีนเป็นคนอยากให้ลินมาเองนะคะ...แล้วจะมางอแงทำไม” ฉันอดบ่นให้กับความเจ้าอารมณ์ของเขาไม่ได้(คนอะไรเดี๋ยวผีเข้าผีออกได้ตลอดเวลา...นี่มีปั๋วหรือมีลูกกันค่ะเนี้ยยัยลลิน!!)“ก็พี่ไม่ได้เห็นไอ้ชุดบ้านี่ตั้งแต่แรกนี่น่า ก็ลินเล่นใส่เสื้อคลุมออกมา ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าจะแต่งตัวออกมายั่วน่ากินแบบนี้ เพราะถ้าพี่เห็นตั้งแต่ที่บ้านนะ วันนี้ไม่ต้องออกไปไหนทั้งนั้นแหละ ยกเลิกแม่งไปให้หมดเลยงานนี้” เขายังคงฟาดงวงฟาดงาไม่หยุด เพราะยิ่งตัวเองได้มาเห็นว่าเมียรักสวยจนตะลึงมากแค่ไหน เขายิ่งไม่อยากให้ใครมาเห็นเธอในลุคแบบนี้เลย เพราะเขาอยากจะเก็บเธอไว้เชยชมแต่เพียงผู้เดียวและด้วยคำพูดของผู้เป็นนายก็ทำให้ริกถึงกับร้อนรนเอ่ยปากร้องขอเจ้านายของตนทันที นั่นก็เพราะงานนี้เขาเองก็เตรียมตัวเหนื่อยสายตัวแทบขาด“ไม่ได้นะนาย คนใหญ่คนโตที่เราเชิญมาจะให้ผมไปบอกพวกเขายังไง อีกอย่างวันนี้เป
ก่อนที่คนสูงโปร่งตี๋ขาวหล่อชนิดที่ว่าเป็นพระเอกซีรีส์ได้สบาย ๆ จะเอ่ยสำทับให้ผู้เป็นพี่ชายด้วยกลัวความโหดของพี่สาวตัวเอง“อืม...แต่อย่าไปแซวเจ๊แกนะ แล้วอย่าบอกด้วยว่ารู้มาจากผมน่ะ หึยยยย...มือตีนหนักเป็นบ้า แถมปากยังคมยิ่งกว่ากรรไกรซะอีก มีหวังผมโดนสวดยับแน่ แต่เอาจริง...ก็ไม่น่าเชื่อนะว่าปากแบบนั้นนิสัยแบบนั้นจะมีคนมาชอบ...หึ...ไอ้นั่นซวยชะมัด!!” น้องชายที่เพิ่งจะบอกความลับของพี่สาวตัวเองออกไปเอ่ยอย่างหวั่น ๆ จนฉันแอบอมยิ้มอย่างไม่คาดคิดว่าพี่น้ำค้างหรือหมอน้ำค้างจะมุมแบบนั้นด้วย“หึหึ...ถือว่าเป็นข่าวดีต่อไปนี้กูจะได้มีข้อต่อรองกับพี่ค้างแล้ว เพราะทุกครั้งจ้องจะขู่กูฟ่อ ๆ ว่าจะโทรไปหาชีคตลอดแถมรีดไถซะกูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เป็นหมอหรือเป็นมาเฟียกันแน่” คุณดีนเอ่ยเล่าถึงฤทธิ์เดชของลูกพี่ลูกน้องของตนที่ต้องเจอ คล้ายกับปรับทุกข์ให้ผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันฟัง“งั้นค่าข่าวดี...เป็น...” น้องชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องยิ้มหน้าระรื่นเอ่ยทวงรางวัลจากผู้เป็นพี่ทันทีด้วยสายตาเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่ม...หึ...ไม่มีผลประโยชน์ใดไม่มีราคาเลยจริง ๆ“ชิปเหรอ...เอาซิ” คุณดีนเอ่ยยิ้ม ๆ ด้วยท่าทีสบาย ๆ เพราะไ
“ผมนั่งด้วยได้ไหมครับ” รอบนี้เป็นชายหนุ่มรุ่นใหญ่ดูท่าทางสุขุมเอ่ยทัก และด้วยความที่ฉันเห็นว่าเขาอายุเยอะกว่าจึงไม่อยากเสียมารยาทก็ได้แต่ยิ้มน้อย ๆ ส่งให้เขาไป ก่อนที่เขาจะเหมือนคนก่อนหน้านี้ที่พอเห็นว่าฉันไม่สนใจไม่เล่นด้วยก็ไม่เสียมารยาทตื้อต่อแล้วเลือกที่จะลุกขึ้นจากไป“ฟู่ววววว ~~ ” ฉันลอบถอนหายใจ พร้อมกับความรู้สึกที่เริ่มอึดอัดใจขึ้นมาน้อย ๆแต่ก็นั่นแหละ...สาวสวยที่นั่งอยู่ท่ามกลางแหล่งอโคจรเพียงคนเดียวมีหรือที่จะไม่เตะตาผู้คน“ไม่ทราบว่ามีแฟนหรือยังครับ” ผู้ชายที่ดูยังไงก็มีลักษณะของผู้ชายเจ้าชู้สลักอยู่บนหน้า เดินดิ่งเข้ามาถามฉันทันทีที่เห็นว่าคนก่อนหน้านี้ถูกปฏิเสธไป ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งเงียบไม่ต่อความยาวสาวความยืดเช่นเดิม“มานั่งคนเดียวเหงาไหมครับ”“ผมนั่งเป็นเพื่อนไหมครับ”“อยากไปต่อที่อื่นไหมครับ ผมดูคุณเบื่อ ๆ เดี๋ยวผมพาไป”คำหยอกล้อถามไถ่เอ่ยแซวต่าง ๆ นา ๆ ...จากเหล่าบรรดาภมรเพศผู้ที่เข้ามาโฉบดอกไม้งามที่นั่งอยู่ท่ามกลางแสงสีเสียงระยิบระยับพร่างพราวจนตาเริ่มพร่ามัว แต่ทั้งหมดทั้งมวลฉันก็เลือกที่จะแสดงท่าทีจะปฏิเสธออกไปให้กับทุกคน เพื่อไม่ให้ทั้งตัวเองและผู้ชายเหล่านั้นต้
--- ดีแลน Talk ---ผมที่เพิ่งจะได้วิ่งตามเธอออกมาเนื่องจากเผอิญเจอกับนักลงทุนคนหนึ่งดักหน้าคุยพอดี และทันทีที่ผมเดินมาถึงยังหน้าสถานบันเทิงของผมที่เพิ่งเปิดตัวขึ้น ผมก็กลับต้องพบเจอกับความว่างเปล่าไร้ซึ่งร่างบางจนทำให้ผมรู้สึกหวั่นใจจากนั้นผมที่ยืนมองหาเธออยู่นานก็ได้โทรไปหาไอ้ริกเพื่อเช็กกล้องวงจรปิดอีกครั้ง พร้อมกับกระหน่ำกดโทรหาเธอไม่ขาดสาย“ทำไมไม่รับสายว่ะ...” ผมสบถหลังจากที่โทรไปหาปลายสายหลายรอบแล้วเธอไม่รับสักที“นะ...นายครับ ผมไปดูกล้องวงจรปิดให้แล้วครับ พบว่าคุณลลินขึ้นรถแท็กซี่กลับไปแล้วครับ” ริกวิ่งกระหืดกระหอบตามเจ้านายมาพร้อมกับบอกข้อมูลให้คนหน้าตึงได้รับรู้“อะไรนะ...แล้วสภาพแบบนั้น...โธ่โว๊ยยยย!!” เขาปามือถือเรือนแสนที่อยู่ในมือทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี พร้อมกับระเบิดอารมณ์โมโหออกมา เพราะถ้าไม่ถูกคู่ค้าอีกคนลากตัวเอาไว้ก่อนหน้านี้เขาคงมาทันร่างนวลเนียนที่เขาทั้งรักทั้งหวงแล้ว“ริกงั้นมึงลองเช็กกล้องที่เพนท์เฮ้าส์ดูซิว่าลินกลับไปถึงแล้วหรือยัง” เสียงแข็งกร้าวคำรามลั่นสั่งลูกน้องอย่างคนหัวเสีย จนคนที่โดนสั่งถึงกับลนลานทำตัวไม่ถูก“เอ๊า!! เร็วซิวะ” เขาตวาดลั่นพร้อมกับเดินตรง
จุ๊บๆๆ~~ จ๊วบๆๆ~~ปลายลิ้นตวัดเกี่ยวงัดเม็ดมุกใหญ่สีกลีบบัวพร้อมกับสลับวนลิ้นไปยังบริเวณฐานสีเดียวกัน และด้วยการกระทำนั้นก็เป็นเสมือนนาฬิกาปลุกเรียกความว้าวุ่นในกายสาวให้ตื่นจากการหลับใหลเพื่อมาตอบสนองความต้องการที่ไปตามธรรมชาติของมนุษย์“อื้ออออออ ~~” เสียงหวานเปล่งออกมาจากเรียวปากที่เผยอขึ้นอย่างอัตโนมัติทั้งที่ตายังหลับพริ้มอยู่ เนื่องจากร่างกายกำลังถูกก่อกวนจากความอุ่นและชื้นแฉะ โดยที่มือก็พยายามที่จะปัดป่ายสิ่งที่กำลังทำให้รำคาญออกไป แต่ทว่า...เจ้าของลิ้นร้ายกลับไม่ยอมที่จะปล่อยเนื้อนุ่มนิ่มที่ไม่ว่าจะอ้าปากกว้างมากแค่ไหน แต่เวลางับลงไปก็มักจะล้นทะลักออกด้านข้างไม่มีเปลี่ยนจ๊วบๆๆ~~ แผล็บๆๆ~~จากนั้นทั้งลิ้น ปาก และมือต่างทำหน้าที่สลับกันไปมาอย่างไม่ยอมให้สองเต้าไปพักจากการเล้าโลม โดยที่เจ้าของก้อนกลมกลึงขนาดใหญ่นั้นได้แต่นอนบิดเร่าครางงึมงำอยู่ในลำคอ“อือออออ ~~ อ๊ะ...”จนเมื่อเรียวลิ้นร้ายได้กระทำการทรมานร่างสาวกับสองเต้าจนสาแก่ใจแล้ว เขาก็ค่อย ๆ เคลื่อนกายให้เลื่อนต่ำลงไปอีก จุดประสงค์ก็เพื่อจะลงมาเชยชมยังเนินภูเขาอวบอูมที่แสนปรารถนาอันเป็นปราการด่านสุดท้ายที่จะปลดปล่อยธารโอเอ
กึก...กึด...พรวด ~~“อ่ะ!!...เฮือก ~~ พี่ดีน...ดะเดี๋ยวก่อนค่ะ” เสียงหวานเปล่งเสียงร้องพร้อมกับมือที่ขยุ้มอยู่ที่ผ้าปูที่นอน หลังจากสัมผัสได้ว่าเนื้อกายแข็งขืดที่ดันเข้ามาเมื่อครู่ดูจะไร้ซึ่งเกาะป้องกันการตั้งครรภ์ เพราะนับจากวันนั้นที่ฉันตกลงกับเขาแล้วว่าเขาต้องเป็นคนป้องกัน ทุกครั้งที่เราทำกิจ (กาม) กรรมด้วยกันเขาก็จะสวมถุงยางตลอด“อ่า...ส์...วะ...ว่าไงครับ...อือออออ ~~” ส่วนคนตัวโตที่กำลังทรมานถึงกับคำรามลั่นหลังจากที่ตอนนี้ตรงส่วนลำเอ็นแข็งกำลังปวดหนึบเพราะความแน่นรัดคับฟิตจากร่องเสียวบีบให้ทรมาน แต่กลับขยับในทันทีไม่ได้ด้วยกลัวว่าจะพ่นพิษออกไปให้สาวเจ้าหัวเราะเยาะเอา“อ่ะ...คะ...เครื่องป้องกันล่ะคะ พะ...พี่ดีนได้ใส่ไหม” ฉันร้องบอกทั้ง ๆ ที่ตรงกลางร่องเสียวซ่านสะท้านแทบจะทนไม่ไหวได้แต่อ้าขาให้กว้างออกมากขึ้นเพื่อระบายความกระสันที่คับแน่นอยู่ในร่องสยิว“มะ...ไม่ต้องห่วง...ระดับพี่แล้ว...อะ...อือออออ ~~ เอาออกทันแน่นอน” ส่วนคนตัวโตที่ตอนนี้แทรกกายแนบเนื้อจนสุดลำทำให้แก่นกายที่ไม่ได้สัมผัสกับความอบอุ่นนุ่มหยุ่นนี่มานานถึงกับเสียวสะท้านแทบทนไม่ไหว ถึงขนาดที่ถ้าหากจะให้เขาถอนตัวตนออกจา
คนตัวโตถึงกับมีสีหน้าแปลกใจในพฤติกรรมของหญิงสาวเช้าวันนี้ แต่ก็ยังยอมลุกขึ้นไปแต่โดยดีเพราะคิดว่าที่สาวเจ้าเป็นแบบนี้ก็คงเพราะยังขุ่นเคืองเขาเรื่องเมื่อคืนอยู่ แม้ว่าในใจลึก ๆ แล้วยังอดห่วงคนร่างบางไม่ได้“ลิน...ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ไปหาหมอไหม” คุณดีนถามฉันในขณะที่เขากำลังจะเดินไปหยิบเสื้อมาคลุมกายที่เปลือยเปล่า ก่อนจะเดินหันกลับตรงมายังฉันเพื่อดูอาการให้แน่ใจ“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยค่ะ...อึก...ไม่ต้องเข้ามาเลยนะคะ กลับไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองเดี๋ยวนี้เลยด้วย” ฉันยกมือห้ามอย่างเร็ว ก่อนจะเอ่ยปากสั่งให้เขาไปอาบน้ำเพื่อชำระกลิ่นกายที่ไม่พึงประสงค์นี้เสียส่วนคนร่างโตถึงกับหยุดชะงักแสดงสีหน้ามึนงงไม่เข้าใจออกมาทันที ก่อนจะค่อย ๆ เดินออกไปจากห้องนอนของหญิงสาวด้วยความรู้สึกหลากหลาย เพราะแม้ว่าตัวเองจะพยายามดมกลิ่นกายอยู่หลายครั้งหลายหน แต่ก็ไม่พบกลิ่นแปลกปลอมใด ๆ จนถึงขนาดที่เธอจะแสดงอาการรังเกียจออกมาได้ขนาดนั้น“อะไรวะ...เมื่อคืนก็ยังนอนกอดกันดี ๆ อยู่เลย” เขาส่ายหัวไปมาอย่างไม่เข้าใจในพฤติกรรมของเมียรัก ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนตามคำสั่งเมียอย่างว่านอนสอนง่าย(เฮ้อออออ...ทำไมเช้านี้ถึงรู้สึ
นับตั้งแต่ที่เราสองคนมาถึงบริษัท ตลอดทั้งเช้าฉันก็ทำงานไม่ยอมหยุดอีกทั้งยังพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเจอเขา แม้กระทั่งพักเที่ยงที่เขาชวนฉันให้ออกไปหาอะไรกินด้วยกันข้างนอกก็ตาม ฉันก็เลือกที่จะหนีไปกินข้าวเที่ยงกับพี่รามแทน ไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงบ่ายที่ฉันวุ่นวายอยู่กับงานของตัวเองโดยที่ถ้ามีเอกสารที่จะต้องเข้าไปให้เขาเซ็น ฉันก็จะไหว้วานให้พี่ริกเป็นคนนำเข้าไปให้แทน ส่วนเขาที่วันนี้ก็ดันยุ่งจนแทบไม่มีเวลาปลีกตัวมาพูดคุยกับฉัน นั่นจึงทำให้เราสองคนไม่ได้เจอหน้ากันเลยและด้วยพฤติกรรมที่ฉันกระทำต่อเขามาตลอดทั้งวันจวบจนกระทั่งล่วงเลยมาจนถึงเวลาเลิกงาน ฉันที่รู้สึกผิดแต่ก็ยังไม่สบายใจพอที่จะเผชิญหน้ากับเขา เลยตั้งใจเอาไว้ว่าวันนี้ฉันจะหนีกลับบ้านก่อนเพื่อไปสงบสติอารมณ์ที่ไม่น่ารักของตัวเองลง และในขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิดตกลงกับตัวเองอยู่นั้น...กริ๊งงงงง ~~ กริ๊งงงงง ~~เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นโชว์หน้าจอเบอร์คุ้นตาที่ฉันแปลกใจว่าทำไมเจ้าของสายถึงได้โทรมาทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ไม่ได้ติดต่อมาหานานมากแล้วหน้าจอแสดงชื่อผู้โทรเข้ามา... (พี่วรรณ)ติ๊ด ~~“สวัสดีค่ะ พี่วรรณ”“น้องลิน...หายไปไม่ติดต่อกลับมาบ้างเล
“แต่ว่าแม่ครับ...ได้โปรดอย่าห้ามไม่ให้พี่แดนไปบ้านปู่อีกเลยนะครับ” เด็กชายตรงหน้าพูดเหมือนกับรู้เท่าทันความคิดของฉันที่มีต่อเขาในสถานการณ์ตอนนี้“แต่พี่แดน...ลูก...” ส่วนฉันที่แม้จะปวดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้มา แต่พอเห็นสายตาอ้อนวอนที่แสนจะเด็ดเดี่ยวของลูกชายตัวเองก็ทำได้เพียงแค่เรียกชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเหนื่อยใจ“นะครับแม่...พี่แดนสัญญาว่าพี่แดนจะตั้งใจเรียนศิลปะการป้องกันตัวให้หนักมากขึ้น และพี่แดนขอเรียนพวกการใช้อาวุธด้วยได้ไหมครับ...พี่แดนอยากดูแลตัวเองให้ได้มากกว่านี้”สายตามุ่งมั่นของลูกชายที่ส่งมาทำให้ฉันถึงกับสะท้อนใจ พร้อมกับมองไปที่ลูกชายด้วยความรู้สึกหน่วงในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เด็กชายตรงหน้าที่ฉันไม่รู้ว่าเขาบัดนี้เขาได้เติบโตไปมากกว่าที่ฉันเห็นแค่ไหนแล้ว โดยเฉพาะยามที่เขาเอ่ยพูดด้วยสายตาแน่วแน่ไม่มีความรู้สึกลังเลหรือหวั่นใจเลยแม้แต่น้อยในดวงตาคู่นั้นถึงเรื่องที่อยากจะทำในสิ่งที่เด็กรุ่นเดียวกันไม่คิดจะทำ“พี่แดนไม่กลัวเหรอลูกถ้า...เอ่อ...ต้องกลับไปที่นั่นอีก” ฉันหยั่งเชิงถามลูกชายออกไป แม้ว่าคำตอบจากท่าทางของลูกชายที่มีให้ก่อนหน้านี้จะเป็นคำตอบให้ฉันแล้ว แต่ฉันก็ยังอ
รุ่งเช้า ~~วันนี้ฉันเลือกที่จะไม่เข้าไปบริษัท เพราะอยากจะอยู่รอรับลูกชายที่ไม่เคยห่างกายไปไกลขนาดนี้มาก่อน จนกระทั่งเมื่อสัญญาณการขอลงจอดเครื่องบินดังขึ้น ความรู้สึกหนักอึ้งในใจที่มีมานับตั้งแต่ลูกชายขึ้นเครื่องบินไปบ้านปู่ของเขาก็ได้ทุเลาลง“แม่คร้าบบบ ~~ พี่แดนคิดถึงแม่จังเลยครับ” ฟอด ~~ ฟอด ~~ ลูกชายตัวน้อยที่นับวันใกล้จะสูงเท่าฉันแล้ว วิ่งยิ้มร่าโผเข้ามากอดฉันแน่น พร้อมกับหอมแก้มฉันซ้ายขวาไม่หยุดก่อนที่ผู้ชายอีกคนที่ฉันคิดถึงไม่แพ้กันจะตรงปรี่เข้ามาหาฉันพร้อมกับทำเลียนแบบลูกชายของตัวเอง“พี่ก็คิดถึงลินมากเลยคร้าบบบบ ~~” ฟอด ~~ ฟอด ~~ คนเป็นพ่อที่ไม่ยอมน้อยหน้าลูกตรงถลาเข้ามากอดฉันพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาเหมือนกัน โดยที่ลูกชายฉันได้แต่ดิ้นพล่านเพราะอึดอัดที่ถูกอัดอยู่ตรงระหว่างกลางการกอดกันของพ่อแม่ของเขา“เป็นไงบ้างคะ ทุกอย่างราบรื่นดีไหม” ฉันผละออกจากอ้อมกอดของผู้ชายทั้งสอง แล้วเอ่ยถามด้วยความคิดถึงแต่ทว่า...เสียงและท่าทางเจื่อน ๆ ของผู้เป็นสามีที่ตอบกลับมา ทำฉันอดแปลกใจไม่ได้“ก็ดีจ๊ะ...”“แล้วลูกล่ะครับพี่แดน เป็นไงบ้างสนุกไหมไปบ้านท่านปู่ครั้งแรก” ฉันมองไปยังลูกชายที่แสดงสีหน
“ผมไม่ต้องการให้คุณมาเร่งรัดให้แดนไปกับคุณนะครับ โปรดเข้าใจด้วยว่าลูกผมยังเล็ก” คนตัวโตเปิดประเด็นก่อน“ก็แล้วทำไมไปกับฉันจะต้องกลัวอะไร” ส่วนคนสูงวัยที่มีความคิดเป็นของตัวเองเช่นกัน ก็ได้เอ่ยปากออกมาอย่างไม่พอใจ“เพราะผมรู้ไงว่ามันอันตรายยังไง ผมรู้ว่าท่านนะยิ่งใหญ่แต่ใครจะรับประกันให้กับลูกชายของผมได้ล่ะ เพราะฉะนั้นนี่คือข้อตกลงระหว่างเราที่ผมจะยอมให้ได้ นั่นก็คือผมจะขอเวลา 5 ปีเพื่อฝึกให้แดนทันคนและมีวิชาเพื่อป้องกันตัวเวลาที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นผมถึงจะอนุญาตให้เขาไปที่ประเทศของท่านได้ เพื่อที่เขาจะได้รู้ตัวว่าเขายังพอใจที่จะรับตำแหน่งบ้า ๆ นั้นไหม และหลังจากที่เขาอายุครบที่จะเข้าพิธีรับมอบตำแหน่งได้แล้วถึงวันนั้นถ้าแดนยังต้องการที่จะไปกับท่านอยู่ล่ะก็ ผมก็พร้อมที่จะเคารพสิทธิ์ในการตัดสินใจของลูก เพียงแต่ถ้าหากว่าเขาเล็งเห็นแล้วว่าการไปอยู่กับท่านมันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขแต่อย่างใด และถ้าหากมันเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็ ต่อให้ใครหน้าไหนมันคิดจะมาฆ่าล้างตระกูลผมก็ตาม ผมจะไม่มีวันปล่อยมันไว้อย่างแน่นอน” คนตัวโตพูดรัวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง โดยไม่มีช่องให้คนที่มีอำน
“พี่แดนอยากไปครับ...ท่านปู่บอกอยากให้พี่แดนไปดูอาณาจักรที่จะเป็นของพี่แดน แต่พี่แดนก็อยากให้แม่คร้าบกับดีแลนไปด้วย แต่ดีแลนคงไม่อยากไป...ท่านปู่บอกแบบนั้น”เด็กน้อยพูดเจื้อยแจ้วด้วยแววตาเป็นประกายซุกซน ก่อนจะทำเสียงกระซิบกระซาบในประโยคท้ายยามเอ่ยปากนินทาผู้เป็นพ่อของตน“อย่างงั้นเหรอลูก” ฉันตอบลูกชายตัวน้อยกลับไปเพียงประโยคสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ที่ช่างต่างกับจิตใจที่ร้อนรุ่มเหลือเกินแต่ด้วยแววตาดวงน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟปรารถนาที่อยากจะเห็นโลกกว้าง ทำให้ฉันที่แม้จะอยากปฏิเสธใจแทบขาด แต่จำต้องเก็บความต้องการนั้นเอาไว้แล้วเลือกหาทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้“ถ้าพี่แดนอยากไปแม่ก็จะอนุญาตครับ...เพียงแต่ ณ เวลานี้มันยังเร็วเกินไปที่พี่แดนจะไปบ้านท่านปู่ด้วยเหตุผลแรก แม่เองก็ใกล้ที่จะคลอดน้องแล้วแม่คงจะไปกับพี่แดนด้วยไม่ได้ พี่แดนคงไม่อยากให้แม่ไปคลอดน้องบนฟ้าใช่ไหมครับ” ฉันค่อย ๆ อธิบายให้ลูกชายตัวน้อยฟัง“ส่วนเหตุผลที่สอง แม่อยากให้พี่แดนโตกว่านี้อีกสักหน่อย อยากให้พี่แดนโตจนสามารถดูแลตัวเองได้แม้ในวันที่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่เคียงข้าง เพราะฉะนั้นถ้าพี่แดนอยากจะไปบ้านท่านปู่จริง พี่แดน
--- ดีแลน Talk ---“ที่ท่านพูดเมื่อสักครู่มันหมายความว่ายังไงครับ” ผมเปิดปากถามคนที่มีศักดิ์เป็นพ่อแม้ว่าผมจะไม่เคยนับว่าเขาเป็นพ่อก็ตาม“แล้วแกคิดว่าไงล่ะ...” ก่อนที่คนเจนสนามอย่างเฒ่าเจ้าเล่ห์จะยักคิ้วพูดหยั่งเชิง“พูดมาตรง ๆ เถอะครับ ผมรู้ว่าการที่คุณเทียวไปเทียวมาแบบนี้คงไม่ได้เป็นเพราะคิดถึง...เอ่อ...หลาน” ผมพูดไปด้วยรู้เจตนาคนตรงหน้าดีแต่อยากได้ความชัดเจน“เฮ้อ...ดีแลนแกพูดอย่างนั้นมันก็ดูจะดูถูกจิตใจฉันเกินไปนะ ฉันน่ะคิดถึงหลานจริง ๆ และอยากเจอเขาด้วย แต่ถ้าจะให้ฉันพูดตรง ๆ ฉันคิดว่าแกคงรู้สถานการณ์ของทางฝั่งตระกูลฉันดี และฉันก็รู้ดีว่าแกไม่โง่ที่จะไม่รู้เจตนารมณ์ของฉัน เพราะแกย่อมรู้ดีที่ฉันทำแบบนี้มันก็เพื่อแกเอง...” คนเป็นพ่อของผมพูดโดยที่มือบรรจงลูบไปที่หัวของลูกชายผมอย่างแผ่วเบา อีกทั้งยังมองดูเด็กน้อยด้วยสายตาอ่อนโยนซึ่งผมไม่เคยได้เห็นมาก่อนจากเขา“เพื่อผมเหรอ ผมว่าท่านทำเพื่อตัวเองมากกว่านะ” ผมแสยะยิ้มมองคนตรงหน้าอย่างเหลือจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดออกมา“ทำไมแกถึงคิดแบบนั้นกับพ่อได้ล่ะ...” ก่อนที่คนสูงวัยจะเบนสายตาจากหลานชายตัวน้อยมายังบุคคลที่เป็นลูกชายตนเองแทน พร้อมกับมอง
แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คงเหมือนกับที่ท่านชีคได้พูดเอาไว้ ว่าสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนได้นั่นก็คือเขายังคงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านชีคเขาจริง ๆ และยังคงมีสิทธิ์ในตำแหน่งผู้สืบทอดโดยชอบธรรม เพียงแต่เขาที่ไม่ต้องการตำแหน่งนั้นกลับไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปากว่าถ้าหากถึงเวลาจวนตัวที่ตำแหน่งท่านชีคว่างขึ้นมาจริง ๆ เขาจะปฏิเสธมันได้อย่างไรเพราะด้วยกฎประหลาดที่ถูกกำหนดขึ้นมาว่าถ้าหากท่านชีคองค์ปัจจุบันไม่อาจมีทายาทสืบทอดตำแหน่งต่อไปได้ ทุกอย่างจำต้องรีเซตใหม่โดยการกำจัดสายเลือดที่เกี่ยวข้องที่ไม่อาจดำรงตำแหน่งผู้สืบทอดได้ให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามหรือเป็นภัยคุกคามในตระกูลต่อไปที่จะได้ขึ้นมาครองตำแหน่งนี้แทนหลังจากที่ฉันได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากปากผู้เป็นสามี ฉันถึงกับหน้าถอดสีทันที ก่อนจะเอ่ยปากถามเขาไปถึงข้อสันนิษฐานในข้อตกลงที่ในวันนี้ท่านชีคชาดีฟคิดจะมาพูดกับพวกเรา“ถ้างั้นพี่ดีนคิดว่าเพราะอะไรท่านชีคถึงมาหาเราที่นี่ค่ะ” ฉันถามออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล“ก็อย่างแรกข่าวที่เราแต่งงานหลุดออกไปที่ประเทศนั้นในวงศ์ตระกูลของท่านชีคต่างรู้ว่าพี่เป็นลูกของเขา แต่ด้วยอำนาจของเขาที่ยังคงเข้มแข็งอยู่พี่ถึ
หลายปีผ่านไป ~~“ฮึก...ฮึก...พี่แดนไม่ไปไม่ได้เหรอลูก ฮือออออ ~~ พี่ดีน ลินไม่อยากให้ลูกไปเลย”ฉันร้องไห้หลังจากวันนี้เป็นวันที่ฉันต้องส่งลูกให้ไปอยู่กับพ่อสามีที่เป็นชีคอยู่ที่ประเทศประเทศหนึ่งของแถบตะวันออกกลาง แต่ทว่า...ลูกชายของฉันนอกจากจะไม่ฟังคำทัดทานของฉันแล้วยังดูท่าว่าอยากจะไปเสียเต็มที“แม่ครับอย่าร้องไห้ซิ ถ้าแม่คิดถึงก็บินไปพี่แดนได้นี่น่าเดี๋ยวพี่แดนให้ท่านปู่ส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับ หรือเอาไว้ถ้าพี่แดนฝึกขับเครื่องบินเก่งแล้วเมื่อไรเดี๋ยวเอาไว้พี่แดนบินกลับมาหาดีไหมครับ” ลูกชายตัวน้อยที่บัดนี้เติบโตเริ่มเข้าสู่วัยแตกเนื้อหนุ่มแถมรูปร่างยังสูงมากกว่าฉันโอบกอดปลอบฉัน จนกลายเป็นฉันที่ซุกหน้าเข้ากับอกลูกเหมือนเด็กน้อยแทน“ฮืออออ ~~ แต่แม่ไม่อยากให้ลูกไปเลยนี่ครับ” ฉันยังกอดลูกชายแน่นโดยที่ด้านหลังของเขาได้มีร่างของผู้ชายที่เป็นพ่อสามีฉันมายืนรอรับลูกชายของฉันไป“พี่แดนก็ยังอยู่กับแม่เสมอนะครับ” ลูกชายตัวน้อยที่เคยจ้ำม่ำใช้มือที่ใหญ่ขึ้นปาดน้ำตาของฉันพร้อมกับส่งยิ้มหวานที่เหมือนกับพ่อและปู่ของเขาไม่มีผิดเพี้ยน“ไม่ต้องห่วงนะ เรารับรองได้เลยว่าเราจะดูแลแดเนียลให้ดีที่สุด” ท่า
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ~~ฉันได้รับอนุญาตจากพี่น้ำค้างให้กลับบ้านได้แล้ว และทันทีที่ถึงบ้านฉันที่มัวแต่เป็นห่วงลูกในท้องจนเพิ่งจะมานึกออกถึงเรื่องของแม่ตัวเอง“พี่ดีนค่ะ...” ฉันเรียกชื่อผู้เป็นสามีเบา ๆ ก่อนจะเสหน้าหลบเล็กน้อยด้วยความลังเลที่เกิดขึ้นว่าควรจะถามออกไปดีไหม เนื่องจากกลัวว่าเขาอาจจะยังโกรธเคืองแม่ของฉันอยู่“ว่าไงครับ...ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า หรือว่ายังรู้สึกเจ็บที่ท้องอยู่ให้พี่พาไปโรงพยาบาลเอาไหม” ส่วนพี่ดีนที่ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลเขาดูแลฉันไม่ห่างกาย แม้ว่าจะได้รับคำยืนยันจากปากหมออย่างพี่น้ำค้างแล้วว่าทั้งฉันและลูกปลอดภัยดี แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าเขายังมีความกังวลอยู่“ปะ...เปล่าค่ะ ลินไม่เจ็บแล้วค่ะ” ฉันรีบปฏิเสธออกไป ก่อนจะทำท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆแต่ทว่า...เขาที่มักจะรู้ใจฉันดีว่าฉันคิดอะไรและกังวลใจเรื่องอะไรอยู่ ก็ได้พูดออกมาก่อน“จะถามเรื่องแม่ของลินใช่ไหม” เขาเอ่ยปากด้วยสีหน้าเหมือนกับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไร และนั่นก็ทำให้ฉันพยักหน้ารับออกไปทันที“พี่จัดการเรียบร้อยแล้ว เขาจะไม่มายุ่งกับลินและลูกอีก” คนตัวโตพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกร้อนรน“พะ...พี่ดีนทำ
“ไม่มีเหรอ...ชิ...ดูสภาพแกตอนนี้จะมาบอกว่าไม่มีเงินใครหน้าไหนมันจะไปเชื่อ ผัวแกทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเขารวยแค่ไหน ทำไม...คนเป็นแม่อย่างฉันจะมาขอค่าน้ำนมหน่อยไม่ได้หรือไง...ห๊ะ!! ยัยลิน!!” แม่ฉันระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อมกับตรงเข้ามาบีบแขนฉันแน่น“มันไม่เกี่ยวกับเขาเลยนะคะ เขาจะรวยมันก็เงินเขาหามา” ฉันที่ทนให้แม่บีบแขนอยู่อย่างนั้นแม้ว่ามันจะเจ็บมากก็ตาม แต่ทว่า...มันไม่ได้เจ็บไปมากกว่าที่หัวใจฉันเจ็บตอนนี้เลยและในจังหวะเดียวกันนั้นเอง พี่ริกที่วิ่งมาทางพวกเราพร้อมกับกระซิบอะไรบางอย่างกับคุณดีน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันสนใจเท่ากับผู้หญิงตรงหน้า“เกี่ยวซิ...ทำไมจะไม่เกี่ยวฉันเป็นแม่ของแก เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของแก แต่แกไม่คิดจะตามหาฉันมาร่วมงานแต่งงานของแกเลยสักนิด...เหอะ...ปล่อยให้ฉันต้องทนลำบากอยู่ได้ตั้งนาน” แม่ฉันพูดพลางมองบริษัทของคุณดีนไปทั่วด้วยแววตามีความหมายส่วนฉันที่แม้จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฉันดีใจมากแค่ไหนในแวบแรกที่ได้เจอแม่ แต่พอได้มาเห็นพฤติกรรมของท่านที่ไม่เหลือเค้าคนเป็นแม่ที่ฉันเคยรู้จัก มันก็ทำให้ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าฉันไม่ควรขุดความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่เคยมีต่อตัวท่