--- ดีแลน Talk ---ผมนอนมองร่างบางเดินตัวปลิวไปยังห้องน้ำ ด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข พร้อมกับนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน หลังจากที่พวกเรากลับมาจากโรงพยาบาลเธอที่มีอาการซึมเมื่อได้ฟังถึงอาการของป้านีผู้ใหญ่ที่เธอให้ความเคารพรัก และด้วยความเศร้าของเธอที่ถึงขนาดเอ่ยปากขออยู่คนเดียวแถมยังเงียบหายไปหลังจากที่เข้าห้องนอน มันทำให้ผมที่รู้สึกเป็นห่วงเธอจับใจถึงกับต้องยอมเสียมารยาทแอบสะเดาะกลอนประตูห้องนอนเธอ เพื่อเข้ามาดูแลเธออย่างใกล้ชิดแกร๊ก ~~ทันทีที่ปลดล็อกประตูได้ ผมก็เดินตรงดิ่งไปยังที่นอนขนาดใหญ่ที่บัดนี้มีร่างนวลเนียนที่ผมปรารถนานอนหลับตาพริ้มด้วยใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาที่เหมือนกับว่ามันเพิ่งจะแห้งเหือดไปได้ไม่นานผมเอนกายลงนอนไปด้านข้างเรือนร่างขาวผุดผ่องที่หลับสนิท พร้อมกับมองไปยังใบหน้าเนียนละเอียดสวยละมุนที่มักจะทำให้ผมเคลิบเคลิ้มทุกครั้งที่ได้มองอย่างไม่วางตา และด้วยความปรารถนาที่แรงกล้าทำให้ผมเผลอบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปอย่างลืมตัว“ลิน...ฉันรักเธอนะ” คำพูดที่หลุดออกจากปากบอกไปอย่างแผ่วเบาโดยไม่รู้ตัว และนั่นก็ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าผมนั้นรักคนตรงหน้ามากแค่ไหนจากนั้นผ
ณ โรงพยาบาล M พรีเมี่ยมฉันเลือกที่จะไปหาพี่รามก่อน ก่อนที่จะไปหาป้านีเพื่อจะไปคุยรายละเอียดการกับการรักษาป้านีเพิ่มเติมก๊อก ก๊อก ก๊อกฉันเคาะประตูเป็นสัญญาณขออนุญาตก่อนเข้าไป จากนั้นก็ได้มีเสียงนุ่มนวลอบอุ่นเหมือนดังเช่นเคยเอ่ยส่งมาบอกฉัน“เชิญครับ...”“สวัสดีค่ะ พี่ราม” ฉันเอ่ยทักทาย“อ้าวลิน...” ส่วนคนตรงหน้าก็ได้ทักทายกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและดูแทบจะเป็นปกติเหมือนเดิมแล้ว“ป้านียังไม่ฟื้นอีกเหรอคะ” ฉันเปิดปากถามถึงอีกคนด้วยสีหน้าเป็นกังวลทันทีส่วนพี่รามก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้ฉันเป็นคำตอบ พร้อมกับเหม่อมองไปยังด้านนอกหน้าต่างด้วยท่าทางสิ้นหวัง จนฉันต้องเปลี่ยนเรื่องถามเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้สึกเศร้าไปมากกว่านี้“เอ่อ...แล้วนี่พี่รามเป็นยังไงบ้างคะ” ฉันถามพร้อมกับมองไล่ไปตามใบหน้าและตามเรือนร่างของคนตัวโตที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้“ดีขึ้นแล้วล่ะ นี่พี่ก็กะว่าจะขอหมอกลับวันนี้แล้ว” เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ“อ้าวทำไมล่ะคะ คุณดีนเองเขาก็บอกว่าเขาจะรับผิดชอบค่ารักษา ค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลของพี่รามเอง พี่รามไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายหรอกนะคะ” ฉันพูดยื้อให้เขาอยู่ต่อ เพราะเป็นห่วงเขากลัว
เพี๊ยะ...!!เสียงฝ่ามือที่ฟาดลงมายังใบหน้านวลเนียนของฉันจนเกิดเป็นรอยแดงดังสนั่นห้องพักผู้ป่วย พร้อมกันกับที่ใบหน้าสวยสะบัดไปด้านข้างตามแรงปะทะที่ส่งมาอย่างไม่ออมมือ“นังตัวซวย...!!” เสียงตวาดลั่นจากคุณป้าหรือว่าแม่ของพี่รามกราดใส่ฉันด้วยความโมโห อีกทั้งแววตาแข็งกร้าวที่มีน้ำตาคลอมองตรงมาที่ฉันด้วยความรู้สึกโกรธเคืองอย่างไม่ปิดบัง“ใจเย็น ๆ คุณ” ก่อนที่คุณพ่อของพี่รามจะเข้ามาประคองห้ามคนเป็นภรรยาเอาไว้ ด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าภรรยาของตนจะทำแบบนั้นกับเด็กสาว“จะให้ฉันใจเย็นได้ยังไงกันค่ะ เพราะเด็กคนนี้พี่นีถึงเป็นแบบนี้ ฮึก...ฮึก...ฮืออออ” คุณแม่พี่รามตอบกลับเสียงสั่นด้วยความโมโห อีกทั้งน้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลก็กลับไหลพรากออกมาอีกครั้งส่วนฉันถึงแม้ที่ผ่านมาจะไม่เคยมีใครว่ากล่าวหรือโทษว่าฉันเป็นต้นเหตุให้ป้านีโดนทำร้ายร่างกายเลย แต่ทว่า...ลึก ๆ แล้วในหัวใจของฉันยังคงฝังตราบาปนั้นเอาไว้ในใจอยู่เสมอ...และวันนี้คุณแม่ของพี่รามก็เป็นคนที่งัดตราบาปในใจของฉันขึ้นมาตีแสกกลางหน้าให้ฉันได้สำนึก ซึ่งในความคิดของฉัน...มันก็สมควรแล้ว...“ฮึก...ฮึก...ลินขอโทษค่ะ” ฉันยกมือไหว้ด้วยหัวใจที่เจ็บปวดและร
--- ราม Talk ---ทันทีที่คนทั้งสองไปพากันออกไปจากห้อง ผมก็ได้รีบพุ่งตัวเข้าไปถามผู้เป็นมารดาของตัวเองทันที...“แม่ครับ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ” ผมถามผู้เป็นมารดาทันทีด้วยอาการร้อนรน หลังจากที่ผู้หญิงที่ผมแอบรักได้ออกไปจากห้องพร้อมกับแฟนของเธอ โดยที่ผมรู้ดีว่าเธอนั้นกำลังช่วยพวกเราไม่ให้หางเลขจากเหตุการณ์อะไรสักอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ“เหอะ...” ส่วนแม่ของผมนอกจากท่านจะไม่ตอบคำถามผมแล้ว ท่านยังสะบัดหน้าใส่ผม จนผมได้แต่ยืนงงไม่เข้าใจ“ก็แม่เรานะซิ ไปตบหน้าหนูลินเขา” พ่อของผมเลือกที่จะตอบแทนพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ และด้วยคำตอบของคนเป็นพ่อนั้นก็ทำให้ผมถึงกับเบิกตากว้างร้องลั่นด้วยความตกใจทันที“แม่...!!” (OoO) ผมที่ไม่คาดคิดว่าแม่ผมจะทำแบบนี้กับเธอถึงกับอุทานลั่น“แล้วทำไม...ก็ไม่ใช่เพราะมันหรือไงที่ทำให้พี่นีต้องมีสภาพแบบนี้...ชิ...นังตัวซวย!!” แม่ผมแผดเสียงขึ้นมาอีกรอบอย่างหัวเสีย ก่อนจะสบถใส่หญิงสาวที่กำลังพูดถึงด้วยความไม่ชอบใจ“มันไม่เกี่ยวกับน้องลินเลยนะครับแม่...มันเป็นเพราะโรคของป้าเขาต่างหาก” ผมออกตัวแทน นั่นก็เพราะว่าสิ่งที่ผมพูดมันคือความจริง“จะไม่เกี่ยวได้ยังไง ก็เพราะมันพี่นีถึ
เขาปล่อยให้ฉันได้นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้าโดยไม่ได้เอ่ยพูดเพื่อทำลายความเงียบแต่อย่างใด และแม้ว่าภาพตรงหน้าจะดูมืดสุดลูกหูลูกตามองไม่เห็นขอบฟ้าแล้วก็ตาม แต่ทว่า...ในความเงียบสงบจนดูน่ากลัวนั้นกลับระยิบระยับประดับไปด้วยดวงดาวที่ส่องแสงสว่างสุกใสระบายเต็มไปทั่วทั้งพื้นฟ้าความสวยและความสงบนิ่งที่มีแค่เพียงเสียงคลื่นขับกล่อม แต่กลับทำให้หัวใจที่เคยเศร้าหมองค่อย ๆ อิ่มฟูขึ้นมา จนแทบจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใจเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว...“หิวหรือยัง...” เสียงจากผู้ชายที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้าอยู่นานพอสมควร และคิดว่าป่านนี้เธอน่าจะเริ่มหิวแล้ว“ค่ะ...” ฉันหันไปตอบพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ให้กับเขา เพราะเมื่อความเครียดและความเศร้าเริ่มจางหาย ร่างกายก็มักจะเริ่มกลับมาทำงานตามปกติสิ้นเสียงประโยคตอบรับจากฉัน เขาก็ไม่รอช้าสตาร์ตรถพาฉันไปหาอะไรกินทันที และหลังจากที่เราสองคนกินข้าวกันจนอิ่มท้อง เขาก็ได้ขับพาฉันกลับมายังบ้านพักต่างอากาศที่เขาเคยชี้ให้ฉันดูเมื่อคราวที่แล้ว และด้วยดวงตาที่ผ่านการร้องไห้จนช้ำอีกทั้งความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันที่ผ่านมาก ก
“อุ๊บ...”จ๊วบๆๆๆ จุ๊บๆๆๆริมฝีปากฉันก็ถูกคนตัวโตให้เรียวปากปิดลงมาอีกครั้ง ก่อนที่ครั้งนี้เขาจะกระทำการดูดดื่มอย่างคนที่หิวกระหาย“อืมมมมม ~~” เสียงหวานครางร้องออกมาในลำคอ หลังจากที่ตัวเองถูกกดให้หลังแนบกับกำแพงบ้านและเมื่อริมฝีปากร้อนฉกฉวยเอาความหวานจากโพรงปากจนสาแก่ใจแล้วเขาก็ค่อย ๆ ถอนริมฝีปากทรงเสน่ห์นั้นออก ก่อนที่จะเปลี่ยนจุดจู่โจมเป็นตรงเข้ากดจูบเม้มลงไปที่ลำคอขาวด้วยความมันเขี้ยว“อื้อออออ ~~ คุณดีนค่ะ...อ่ะ ~~” ฉันหลุดครางพร้อมกับคอที่เชิดขึ้นเหมือนกับต้องการให้เขาปรนเปรอฉันได้อย่างถนัด พร้อมกับมือที่โอบรัดรอบคอของเขาเอาไว้คล้ายกับจะบอกเขาเป็นนัย ๆ ว่าไม่ต้องการให้เขาได้ถอนริมฝีปากที่ปลุกเร้าความกระสันนี้ออกไป“ลิน...อ่าาาาซ์ ~~” เสียงทุ้มเอ่ยกระเส่ายิ่งเร่งเร้าให้กายสาวร้อนวูบวาบ“ค่ะ...อื้อออออ ~~” เสียงหวานขานรับ ด้วยร่างที่สั่นสะท้านเกร็งรับความร้อนจากลมหายใจของคนตัวโตที่ราดรดลงมาจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เลื่อนริมฝีปากชื้นแฉะที่มาพร้อมกับลมหายใจอุ่นให้ลงมาตามเนื้อผ้า ก่อนที่ทั้งปากและปลายจมูกนั้นจะมาหยุดอยู่ตรงเนินเนื้ออวบอิ่มที่เขาอาจจะไม่รู้ว่าตอนนี้มันอยากให้เขาสัมผัสตักต
“คือ...ลินเหมือนกับอยากจะปัสสาวะค่ะ...แต่ว่า...ลินไม่ได้ปวดปัสสาวะนะคะ”ฉันที่ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกปั่นป่วนตรงนั้นยังไงดี ได้แต่บอกเล่าไปด้วยใบหน้าแดงก่ำพร้อมกับอดไม่ได้ที่จะเอามือขึ้นมาปิดหน้าเพื่อหนีอาย“อ๋อ...หึหึ”แต่ทว่า...ประโยคน่าอายที่ฉันบอกออกไป นอกจากเขาจะไม่ได้รู้สึกแปลกใจหรือตกใจแล้ว เขายังทำเพียงแค่ขานรับเบา ๆ พร้อมกับกลั้วหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะบรรจงก้มหน้าลงไปหาความหอมหวานจากร่องสาวของฉันต่อทันทีแผล็บๆๆๆ แจ๊ะๆๆๆ จ๊วบๆๆๆเขาจัดการส่งปากและลิ้นของเขาเข้าใจมายังกลางกายสาวของฉันอีกครั้งจนฉันถึงกับเหวอทำอะไรไม่ถูก และการกระทำที่เขาจัดหนักจัดเต็มให้กับฉันก็ทำให้ความรู้สึกที่ฉันบรรยายให้เขาฟังเมื่อครู่นั้นได้หวนกลับคืนมาอีกครั้งและยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น“อื้อออออ ~~ คุณดีนค่ะ... อ๊ะ อ๊ะ...” ฉันร้องเสียงหลงพร้อมกับออกแรงจิกไปที่เรือนผมเขาอีกครั้ง พร้อมกับความคิดที่อยากไม่รับรู้ด้วยแล้วว่าฉันจะปล่อยน้ำอะไรออกไปใส่ปากเขาแจ๊ะๆๆๆ แผล็บๆๆๆ จ๊วบๆๆๆอีกทั้งเมื่อลิ้นร้อนของเขายิ่งแหย่แยงตวัดระรัวเข้าออกร่องเสียว สลับกับปากที่กดดูดเม้มลงไปที่ติ่งสาวอย่างดุเดือด นั้นยิ่ง
กึก...กึก...กึกเขาที่พยายามส่งท่อนเอ็นขยับเข้าร่องที่ฟิตแน่นเพิ่มขึ้น และนั่นก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าเขานั้นได้เป็นคนแรกของเธอจริง ๆ“อ๊ะ...เจ็บ...อึก...ลินเจ็บ” น้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอมาที่ขอบตาสวย โดยมือได้แปรเปลี่ยนจากที่จับต้นแขนของคนตัวโตอยู่ มาเป็นดันไปที่หน้าอกของเขาเพื่อให้เขาเอาสิ่งที่ทำให้ฉันเจ็บออกไปแทนส่วนเขาที่ปวดหนึบไปทั่วทั้งลำเอ็นจนแทบจะขาดใจจากการถูกร่องอุ่นบีบรัด และแม้ว่าเขาจะรู้สึกสงสารคนใต้ร่างมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อาจถอยหลังเอาเอ็นอุ่นออกไปจากร่องนุ่มหยุ่นนั้นได้แล้ว“อะ...อีกนิดนะครับ...ที่รัก...อ่าาาาา ~~” เขาเอ่ยปลอบประโลมหญิงสาวอีกครั้ง ทั้งที่ความจริงตัวเองนั้นเพิ่งจะพาท่อนเอ็นขนาดมหึมาเข้าไปยังร่องสาวได้ยังไม่ถึงครึ่งทาง“อึก...ฮึก แต่ลินเจ็บ เอาออกไปได้ไหมคะ” มือบางยังคงดันร่างแกร่งไม่หยุด พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลซึมออกมาที่หางตาและหลังจากที่เขาประเมินสถานการณ์แล้วพบว่าตรงรอยต่อระหว่างเขากับเธอเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาจากการที่เธอไม่เคยผ่านมือชายมาก่อน อีกทั้งกลีบอวบอูมที่เคยปิดสนิทนั้นได้แบะออกจนเริ่มมีอาการบวมแดง จึงทำให้เขาตัดสินใจที่จะต้องรีบจบค
สองเดือนผ่านไป ~~“มึงได้ข่าวลินบ้างไหมว่ะ” ผมเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทด้วยคำถามเดิมเฉกเช่นทุกครั้งยามที่มันเอาเอกสารมาให้เซ็นที่บ้าน“ยังเลยครับนาย แต่ผมก็ยังไม่ได้ให้ลูกน้องเลิกตามหาเลยนะครับ ทุกครั้งที่มีเบาะแสผมจะเป็นคนไปดูด้วยตัวเองตลอด เพียงแต่ว่า...” ริกพูดรายงานเหมือนเช่นเดิมทุกครั้ง อีกทั้งในน้ำเสียงนั้นก็ยังไม่อาจปิดบังความผิดหวังเอาไว้ได้ เนื่องด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็แทบจะพลิกแผ่นดินหาคนที่เป็นดั่งหัวใจของเจ้านายตัวเอง เพียงแต่ว่ากลับไร้ซึ่งร่องรอยและไร้วี่แววเสมือนกับว่าเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อนบนโลกใบนี้“แล้วรามพี่ชายของลินล่ะ มึงได้ตามไปดูไหมเผื่อว่าเมียกูจะไปอยู่กับเขา” ผมถามไปถึงบุคคลอีกบุคคลหนึ่งที่ตอนนี้ได้ลาออกจากบริษัทผมไปตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องวันนั้นแล้ว ก่อนที่ตัวเองจะยกขวดแก้วใสที่ใส่น้ำสีอำพันสีเข้มกระดกปล่อยให้ของเหลวดีกรีร้อนแรงไหลลงคอต่อไป อย่างที่ต้องการจะให้มันได้เข้าไปดับความเจ็บปวดที่อยู่ข้างในให้บรรเทาเบาบางลงได้บ้างริกมองสภาพเจ้านายของตนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ภาพของชายหนุ่มที่เคยสง่างามมีออร่าเปล่งประกายแต่ทว่า...ตอนนี้กลับมีสภาพเหมือนคนพเนจรไร้จุดหมา
ดวงตากลมโตค่อย ๆ เปิดปรือขึ้นมาอย่างช้า ๆ เพื่อปรับโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กระทั่งเมื่อความทรงจำสุดท้ายได้พาดผ่านเข้ามาในโสตประสาท นั่นจึงทำให้ฉันถึงกับกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที พร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วด้วยความตกใจ“ทะ...ที่นี่ที่ไหนกัน” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อพบว่าภาพบรรยากาศตรงหน้านั้นไม่เหมือนกับภาพของสถานที่สุดท้ายที่ตัวเองได้หมดสติลงไปเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากสถานที่ตอนนี้ฉันเหมือนกับอยู่บ้านพักที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่สถานีขนส่งอย่างก่อนหน้านี้จากนั้นเมื่อสติค่อย ๆ กลับคืนมา ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงก็ได้ฉายวาบเข้ามาในหัวใจทันที เมื่อนึกไปถึงใบหน้าของใครบางคนที่ใจร้ายด้วยกลัวว่าสุดท้ายแล้วฉันจะหนีจากเขาคนนั้นไม่พ้น และถูกเขาจับตัวกลับมาทรมานอีกครั้งเหมือนที่เขาเคยทำและในขณะที่ฉันกำลังคิดวิตกกังวลอยู่นั้น...เสียงที่เหมือนกับว่าจะเป็นเสียงเดียวกันกับที่ฉันได้ยินก่อนจะหมดสติไปก็ได้ดังขึ้นมาทันที“ฟื้นแล้วเหรอครับคุณลลิน เป็นยังไงบ้างครับยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า ผมจะได้เรียกหมอให้มาตรวจดูอาการให้ครับ” ใบหน้าคมเข้มดูหล่อเหลาในแบบสไตล์ผู้ชายไทยได้ปรากฏขึ้นตรงหน้า พร
“มะ...ไม่มี...อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”พี่น้ำค้างที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ อีกทั้งยังรีบลนลานเดินไปหายังห้องน้ำด้วยความร้อนใจ เพื่อหวังว่าจะพบร่างเมียรักของผมอยู่ในนั้นแต่แล้วทันทีที่พี่น้ำค้างเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแล้วพบเข้ากับความว่างเปล่าเหมือนที่ผมเจอ...เธอก็เริ่มงึมงำกับตัวเองอีกครั้งทันที...ใบหน้าที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดของผู้เป็นพี่สาว ยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่มีความหวังในตอนแรกเพราะคิดว่าเป็นเพียงแค่สิ่งที่พี่สาวกลั่นแกล้งตนเท่านั้น เริ่มที่จะหวาดหวั่นในใจขึ้นมาด้วยกลัวว่าสิ่งที่ตนกำลังกังวลอยู่นั้นจะเป็นจริง“หะ...หาย...หายไปได้ยังไงก็ในเมื่อตอนแรกก่อนที่ฉันจะออกไปก็ยังเห็นนอนหลับอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” พี่น้ำค้างหันมาถามผมแทนอีกทั้งสีหน้ายังแสดงอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่บนพื้นจะเต็มไปด้วยของกินที่นำมาฝากคนป่วยที่บัดนี้ได้กระจัดกระจายหล่นเต็มไปทั่วทั้งพื้นเนื่องจากคนถือตกใจจนทำร่วงหล่น“นี่พี่ไม่รู้เรื่องที่ลินหายไปจริง ๆ เหรอ” ผมที่ยังคงคลางแคลงใจคนตรงหน้าอยู่เล็กน้อยเอ่ยถามย้ำเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่การแสดงจากพี่สาว“ไอ้ดีน!! นี่แกจะบ้าเหรอ!! ฉันเนี้ยน่ะจะร
--- ดีแลน Talk ---หลังจากที่ผมจัดการชำระแค้นเรียบร้อย แม้ทุกอย่างมันจะไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้และค่อนข้างจะผิดแผนไปนิด แต่ทว่า...คนที่ควรจะได้รับบทลงโทษก็สมควรได้รับหมดแล้ว และคงเหลือแค่เพียงผมเท่านั้นที่ต้องกลับไปรับโทษทัณฑ์จากคนที่ผมรักสุดหัวใจด้วยความเต็มใจสักทีผมจัดการควบรถหรูคู่ใจพุ่งทะยานไปยังจุดมุ่งหมายที่ใจปรารถนา และหวังเพียงว่าจะไปได้ทันพอที่เธอจะลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี ผมปรารถนาที่จะให้เธอตื่นมาพบกับผมเป็นคนแรกเพื่อที่ผมจะได้เสนอหน้าให้เธอเห็นแม้ว่าเธอจะไม่พอใจก็ตาม...ผมใช้เวลาไม่นานมากนักเจ้ารถหรูคู่ใจก็ได้พาผมมายังจุดมุ่งหมายปลายทางพร้อมกับหัวใจที่พองโตด้วยความคิดถึงคนร่างบางที่นอนพักผ่อนอยู่บนเตียง อีกทั้งตลอดระยะทางที่ขับรถมาผมก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะผมเองนั้นก็ได้ใช้เวลาช่วงนั้นในการขบคิดหาวิธีที่จะงอนง้อขอคืนดีกับเมียรักมาตลอดทาง ด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจและตั้งใจเอาไว้ว่าจะยอมรับผลของการกระทำแต่โดยดีถ้าหากเธอจะยังไม่ยอมให้อภัยในตอนนี้...ณ โรงพยาบาลชานเมืองหัวใจที่เบิกบานพองโตส่งให้เท้ายาวก้าวกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องพักคนไข้ที่ข้างในกำลั
ณ โรงพยาบาลชานเมือง--- ลลิน Talk ---“นะ...น้ำ...ขอน้ำกินหน่อย” เสียงแหบแห้งที่หลุดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผาก ทำให้คนที่นั่งเฝ้าด้วยความเป็นห่วงอยู่ด้านข้าง ๆ ถึงกับรีบกุลีกุจอถามฉันทันที“น้องลิน...พี่อยู่นี่แล้วค่ะ” พี่น้ำค้างรีบเดินมาลูบหัวฉันเบา ๆ พร้อมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือด้วยความสะเทือนใจยามที่เห็นสภาพอิดโรยของฉัน และยิ่งเจ็บใจเมื่อพานคิดไปว่าที่ฉันต้องมีสภาพเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะฝีมือของน้องชายตัวเอง“พะ...พี่น้ำค้าง ละ...ลินขอน้ำกินหน่อยค่ะ” ฉันปรือตามองพร้อมกับขยับเรียวปากอีกครั้งถึงความต้องการของตัวเอง เนื่องจากตอนนี้รู้สึกริมฝีปากและคอแห้งผากไปหมด“อะ...อ๋อ...ได้จ้ะ...ได้” จากนั้นพี่น้ำค้างก็รีบหยิบน้ำให้ฉันกิน แล้วมองฉันด้วยแววตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำใสด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ“ขะ...ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าซีดเซียวเผยยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า ก่อนที่จะพยายามหยัดตัวลุกขึ้นเนื่องจากมีบางอย่างที่ต้องรีบบอกออกไปให้คนตรงหน้าได้รับรู้“อ่ะ...น้องลินค่อย ๆ นะคะ ระวังบาดแผลด้วยนะ” พี่น้ำค้างรีบเข้ามาประคองฉันให้ลุกขึ้นนั่งตามความต้องการของฉัน ก่อนที่เธอจะกดปรับเตียงนอนให้ตั้งขึ้นเพื่อให้ฉั
“กรี๊ดดดดดด ~~ อีลลินมันก็สกปรก มันก็นอนกับผู้ชายคนอื่น แล้วทำไม!! ทำไมถึงมีแค่ฉันที่สกปรกล่ะ ไม่...ไม่...ฉันไม่สกปรก ฉันสวย ฉันเพียบพร้อม ฉันมีหน้ามีตาในสังคม ฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าไร้ยางอาย ฉันคือนางฟ้าของวงการไฮโซ กรี๊ดดดดดด ~~”เสียงหวีดร้องและอาการที่เหมือนกับคนไร้สติของหญิงสาวที่กรี๊ดออกมาไม่หยุดอย่างคนที่จบสิ้นแล้วทุกอย่างก็ทำให้คนที่เป็นพ่อแม่ถึงกับทรุดตัวลงตามเพื่อปลอบประโลมพร้อมกับร้องไห้ไปด้วยกันเนื่องจากสงสารลูกของตนเอง“มายา อย่าเป็นแบบนี้ซิลูก ฮือออออ ~~”“โธ่...มายา พ่อขอโทษ ฮึก...ฮึก ไปกันเถอะนะลูกใครไม่รักแต่พ่อรักลูกนะ”เสียงปลอบจากผู้สูงวัยทั้งสองที่ผลัดกันพูดกับคนที่ต่างฝ่ายต่างรักเหมือนกัน แต่น่าสงสารที่คำพูดเหล่านั้นเหมือนจะไปไม่ถึงหัวใจของคนที่ตนรักเลย เมื่อคำผรุสวาทที่ออกมาจากปากของหญิงสาวในประโยคถัดมาทำให้แม้กระทั่งผมยังตัวชาเพราะไม่คิดว่าเธอจะเสียสติได้ขนาดนี้“รักเหรอ...พ่อพูดคำนั้นออกมาได้ไงห๊ะ!! ไอ้พ่อไร้ประโยชน์!! แค่ลบล้างอดีตของกูยังทำไม่ได้มึงมีสิทธิ์อะไรมาอ้างความเป็นพ่อกับกู...ฮึก...ฮึก...มึงมันก็คิดถึงแค่หน้าตา แค่อำนาจ แค่ตำแหน่งจอมปลอมที่มีเอาไว้เชิด
ภาพแผ่นหลังของพ่อแม่ที่ต่างพากันประคองลูกสาวให้เดินออกไป แม้ว่าตัวผมจะรู้สึกขัดใจที่ไม่อาจลงโทษตัวตนเรื่องได้อย่างสาสมอย่างที่ใจต้องการ แต่เพราะเห็นแก่ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อหญิงสาวบวกกับในฐานะที่ผมเกือบจะได้เป็นพ่อคนนั้น จึงทำให้ผมเลือกที่จะกลั้นความโกรธเอาไว้แล้วปล่อยพวกเขาไปและในขณะที่พวกเขากำลังกึ่งดึงกึ่งลากลูกสาวของตนออกไปอยู่นั้น“ปล่อยหนูนะ...บอกให้ปล่อย!!” มายาที่สะบัดแขนพ่อแม่ของตนทิ้ง ก่อนจะหันกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับผมอีกครั้งอย่างคนที่ไม่เกรงกลัวอะไรอีกแล้ว“นี่ไง...กูกลับมาเจอหน้ามึงอีกครั้งแล้วนี่ไง ฆ่ากูเลยซิ!! ฆ่ากูเลย” ดวงตาเฉี่ยวจ้องมองผมอย่างแข็งกร้าว อีกทั้งยังกำมือแน่นอย่างไม่ยินยอมและไม่เกรงกลัวผมเลยแม้แต่น้อย“มายา...มึงอย่าท้ากูนะ!!” ผมชี้ปลายดาบที่ขึ้นสีเงินวาวตรงไปยังหน้าหญิงสาวที่ท้าทายด้วยความรู้สึกที่ไม่ประหวั่นกับคำท้านั้นเช่นกัน“กูไม่ได้ท้า แน่จริงก็ฆ่ากูเลยซิ หรือว่าความจริงแล้วมึงมันก็น่าตัวเมียเหมือนนิสัย!!” และคำพูดหญิงสาวที่เหมือนกับน้ำมันเติมเชื้อไฟโทสะก็ได้ราดรดลงมาสุมไฟที่ยังไม่มอดไหม้ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง“ฮึ่ม...พวกมึงมาเอาลูกมึงไปให้พ้นหน
หญิงสาวที่มีความแค้นคับแน่นอยู่ในอกเพราะไม่เหลือซึ่งความหวังที่จะได้ครอบครองชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งส่งให้เธอระเบิดความบ้าคลั่งออกมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด“ฮือออออ ฮ่าๆๆๆ สะใจจริงโว้ยยยยย...หึ...ดีแลนมึงอะมันหน้าโง่เหลือเกินทั้งที่มีกูที่เพียบพร้อมแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาในวงสังคม บารมีของครอบครัวที่จะช่วยหนุนมึงให้ขึ้นสูงกว่านี้ได้ แต่มึงก็เสือกไปเลือกมัน...อีคนชั้นต่ำไม่มีหัวนอนปลายเท้าแถมยังกำพร้าพ่อแม่อีกอย่างอีลลิน กูถามหน่อยเถอะว่านอกจากความซิงของมันแล้ว มันยังมีอะไรดีกว่ากูงั้นเหรอ...ห๊ะ!!”ความรู้สึกในใจพรั่งพรูออกมาจากปากของมายาที่เปลี่ยนจากร้องไห้เสียใจเป็นหัวเราะใส่หน้าผมอย่างคนบ้าคลั่ง พร้อมกับตัวเองที่พยายามหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา ก่อนที่เธอจะลอยหน้าลอยตาเย้ยหยันใส่ผมอย่างไม่เหลือมาดคุณหนูผู้ใสซื่ออีกต่อไป“หึ...มึงมันก็เหมือนกับไอ้พวกผู้ชายใจหมาพวกนั้นนั่นแหละที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น มึงก็แค่หลงอีลลินเพียงเพราะว่ามันมีสิ่งที่กูไม่มีนั่นก็คือความสดใหม่เท่านั้นเอง คนอย่างมึงมันก็เห็นค่าผู้หญิงแค่เท่านั้นนั่นแหละ มึงมันก็เหมือนกับผู้ช
ผมนึกไปถึงข้อมูลที่ได้รับรู้มาถึงวีรกรรมของบริกรสาวคนนี้ที่มักจะชอบอาสาเจ้าของร้านซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชายของมายาทำเรื่องชั่ว ๆ ให้ตลอดเพื่อแลกกับเงิน โดยคนที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพวกผู้หญิงที่ถูกวางยาเพื่อส่งไปสนองตัณหาของเจ้าของร้าน และเพราะด้วยอิทธิพลที่มีไม่น้อยของคนบงการจึงทำให้เหล่าบรรดาสาว ๆ ที่โดนวางยาต่างไม่กล้าไปแจ้งความและปล่อยให้เรื่องมันเงียบไป“อะ...เอ่อ...คะ...คือ” ก้อนคำพูดขึ้นมาติดอยู่ที่ลำคอของบริกรสาวทันทีอย่างคนมีพิรุธ และด้วยอากัปกิริยาที่แสดงออกมานั้น มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดจนแทบอยากจะจัดการมันให้รู้แล้วรู้รอด“หึ...มึงไม่ต้องมาอ้ำอึ้งกูถามว่ามือไหน...มึงก็แค่ตอบคำถามกูมาแล้วกูจะพิจารณาไว้ชีวิตมึง” ผมถามย้ำเสียงเย็นด้วยความเบื่อหน่ายเต็มทน“มะ...มือ...มะ...ไม่มี...หนูไม่ได้ทำ” สายตาเลิ่กลั่กอีกทั้งเหงื่อกาฬที่ผุดไหลเต็มหน้าบ่งบอกได้ดีเลยว่าบรรดาความชั่วทั้งหลายที่มันเคยทำเอาไว้ในอดีตบัดนี้ได้ทยอยผุดขึ้นมาตอกย้ำความชั่วของมันแล้วส่วนผมที่เริ่มจะไม่สบอารมณ์เต็มทีก็ได้ตัดความรำคาญพยักหน้าให้ลูกน้องจับมือของบริกรสาวเอามาวางไว้ต่อหน้าผม และด้วยอารามของค