“แกลืมไปแล้วหรือว่าเกิดอะไรกับพ่อของแก?” ชายชราถามเรื่องเก้า “ผมไม่ได้ลืม ผมบอกไปแล้วว่าผมจะไม่ทำผิดพลาดแบบเดียวกับพ่อ” อี้จิ่นหลีบอก“ถ้าเป็นอย่างนั้น แกก็ต้องไล่แม่หลิงอี้หรานนั้นออกไปจากคฤหาสน์อี้เดี๋ยวนี้ แล้วบอกว่าอย่าให้เธอมายุ่งเกี่ยวในชีวิตแกอีกในอนาคต” นายท่านอี้พูดอย่างมีโทสะ“เกรงว่าจะแบบนั้นทำไม่ได้” อี้จิ่นหลีตามืดครึ้ม เมื่อเขาได้ยินคำพูดพวกนี้ของชายชรา หัวใจของเขาก็บีบรัดเขาปฏิเสธข้อเสนอนี้ทันทีโดยแทบไม่หยุดคิดด้วยซ้ำ“แก…” นายท่านอี้สำลักและจ้องหลานชายเขม็ง“ปู่ ผมจะไม่ทำผิดแบบเดียวกับพ่อ แล้วผมจะจัดการให้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม ผมจะทำให้เธอเคยชินกับการมีผมอยู่และชินจนไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีผม”เขากระซิบพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ในแววตาของเขาก็มีแววเตือน “ดังนั้นนะครับปู่ ผมหวังว่าปู่จะมายุ่งเรื่องของผมให้น้อยลง หากว่าปู่มายุ่งมากเกินไป ก็ไม่รับรองว่าผมจะไม่ทำอะไรเพื่อเป็นการต่อต้านการกระทำของปู่”สีหน้านายท่านอี้เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ เขาไอหลายครั้งและแม้จะกลั้นไอไว้ได้ แต่ก็ดูว่าเขาโมโหมาก “นี่แกขู่ฉันเหรอ?”“เปล่าครับ ผมก็แค่เตือนปู่” อี้จิ่นหลีจ้องชายชราและบอกว่า “หากว
ปกติการมาเยี่ยมหลุมที่นี่ก็ไม่สะดวก อีกอย่างหลุมนั้นก็มีรอยปริแตกหลายที่มานานแล้ว การซ่อมก็จะเป็นเรื่องใหญ่ คงจะดีกว่าหากได้ย้ายสุสานเลยแต่ต่อมาเพราะว่าเธอติดคุก ความคิดนี้จึงต้องเก็บไป หลังจากที่เธอออกจากคุกมา เธอก็มีเงินเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงินจะซื้อที่ในสุสาน แม้แต่เงินที่จะจ้างคนมาย้ายหลุมก็ไม่มีเมื่อหลิงอี้หรานเดินมาถึงตีนเขา เธอก็เห็นคนในหมู่บ้านตั้งโต๊ะลงทะเบียนและผ้าขึงร่มเงาที่ตีนเขา คนที่มาไหว้สุสานต่างก็เข้าไปลงชื่อทีละคนแต่เมื่อหลิงอี้หรานก้าวเข้าไปและลงชื่อเลขที่หลุมของแม่เธอ อีกฝ่ายมองตัวเลขและบอกทันทีว่า “หลุมศพนี้ถูกย้ายไปแล้ว ทำไมคุณยังมาที่นี่ล่ะ?”“ย้ายเหรอคะ?” หลิงอี้หรานตะลึง“ใช่ มีผู้ชายชื่อหลิงกว๋อจื้อมาย้ายไป เขาน่าจะเป็นสามีเจ้าของหลุมนะ” อีกคนอ่านข้อมูลและบอกหลิงอี้หรานจำได้ทันทีว่าครั้งก่อนที่พ่อให้เธอกลับบ้านนั้นเป็นเรื่องของการย้ายหลุมศพ แต่เมื่อเธอกลับไปจริง ๆ เรื่องที่คุยกันระหว่างพ่อกับแม่เลี้ยงไม่เกี่ยวกับเรื่องการย้ายหลุมเลย แต่ว่าเป็นเรื่องของกู้ลี่เฉินเธอไม่ได้คิดอะไรมากเรื่องการย้ายหลุม แต่เธอไม่คิดว่าพ่อของเธอจะย้ายหลุมอย่
เพื่อนบ้านที่อยู่ด้านข้างบอกว่าแม่เลี้ยงและพ่อของเธอออกเดินทางไปเที่ยวแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลย ส่วนหลิงลั่วอิน เพื่อนบ้านก็ได้บอกไว้ว่าหลิงลั่วอินซื้อบ้านหลังใหญ่ข้างนอกแล้ว ตอนนี้ก็กลับมาน้อยครั้งมากหลิงอี้หรานเมื่อได้ยินดังนั้น ก็รู้ทันทีว่าแม่เลี้ยงและพ่อต้องตั้งใจทำแบบนี้แน่ ๆ พวกเขาน่าจะรู้ว่าวันนี้เธอจะมาไหว้หลุมศพแม่ของเธอแน่นอน จึงตั้งใจไม่อยู่บ้าน250 ล้าน เมื่อนึกถึงเงื่อนไขที่พ่อพูดออกมา หนังหัวเธอก็ชาไปหมดเธอในตอนนี้จะไปหาเงิน 250 ล้านมาให้พ่อได้อย่างไร!หลังจากที่หลิงอี้หรานกล่าวลาเพื่อนบ้านแล้ว เธอก็โทรไปหาหลิงลั่วอินทันที “เธออยู่ไหนน่ะ? ฉันมีเรื่องต้องไปเจอเธอ”“ขอโทษทีนะ ตอนนี้ฉันยังไม่ว่าง” น้ำเสียงของหลิงลั่วอินที่ดังมาจากปลายสายเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส“งั้นฉันขอถามหน่อย พ่อเอาหลุมศพแม่ฉันไปไว้ไหนแล้ว?” หลิงอี้หรานเอ่ยถาม“อันนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” น้ำเสียงของหลิงลั่วอินมีความเสียดสี“แล้วตอนนี้พวกเขาไปเที่ยวที่ไหนกัน เธอน่าจะรู้นะ”“ขอโทษที แต่ฉันไม่รู้จริง ๆ เอางี้ ถ้าพวกเขากลับมาแล้ว เดี๋ยวฉันจะบอกพวกเขาให้ แล้วพี่ก็มาหาพวกเขาแล้วกัน” หลิงลั่วอิน
ในขณะเดียวกัน ริมฝีปากสีธรรมชาติที่ไร้ซึ่งการทาลิปสติกสีใด ๆ ก็แวบเข้ามาในหัวของเขาทันทีสีชมพูอ่อน ๆ นั่นดูเป็นธรรมชาติมาก ทำให้เขารู้สึกราวกับว่านั่นคือสีปากที่เหมาะสมที่สุดแล้ว“เช็ดออก” กู้ลี่เฉินเอ่ยนิ่ง ๆ “อะไรนะคะ?” หลิงลั่วอินนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง“ผมบอกให้คุณเช็ดลิปออกซะ” กู้ลี่เฉินเอ่ยหลิงลั่วอินตะลึงค้างไปเล็กน้อย แต่… ตอนนี้รถคันนี้ที่กำลังมุ่งตรงไปที่งานเลี้ยง วันนี้เธออุตส่าห์แต่งหน้าแต่งตัวเพื่อให้งานเลี้ยงนี้เธอเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด ถ้าจะเช็ดลิปออกตอนนี้ เครื่องสำอางทั้งหมดก็หายเกลี้ยงสิ ถึงตอนนั้นจะไปโดดเด่นอะไรล่ะ จะกลายเป็นตัวตลกของคนอื่นพอดี“ตอนนี้เหรอคะ? แต่นี่ก็ใกล้จะถึงงานเลี้ยงแล้วนะ…”“ตอนนี้” กู้ลี่เฉินขัดจังหวะการพูดของเธอ ดวงตาเหยี่ยวเริ่มแสดงความไม่พอใจออกมาหลิงลั่วอินยอมแพ้ อย่างไรเธอก็ไม่กล้าขัดใจกู้ลี่เฉินอยู่ดี ทำได้เพียงแต่กัดริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหยิบกระดาษทิชชูออกมาเช็ดริมฝีปากของตัวเองแค่นั้นกู้ลี่เฉินที่อยู่ด้านข้างหยิบสร้อยข้อมือเงินออกมาอีกครั้ง ก้มหัวมอง ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบมันเบา ๆ และจ้องมองสิ่งนั้นราวกับกำลังมองคนรักด้วยแวว
เขารู้ว่าเธอไม่ชอบความมืด ขนาดตอนจะเข้านอนเธอยังเปิดไฟทิ้งไว้แล้วค่อยหลับเลยในช่วงที่อยู่ห้องเช่า แม้ว่าช่วงหลัง ๆ เธอจะสามารถปิดไฟนอนได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเธอจะชินกับการเปิดไฟนอนไปแล้วเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือว่าเธอไม่อยู่บ้าน?แต่ในตอนที่เขาเตรียมจะหันตัวเดินออกจากห้องไป กลับได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบาขึ้นมาเธออยู่นี่!เขาชะงักฝีเท้าของตัวเอง จากนั้นก็ยื่นมือคลำผนังและเปิดไฟ จากนั้นภายในห้องก็เต็มไปด้วยแสงสว่างทันทีภาพที่เขาเห็นคือร่างเพรียวบางที่กำลังซุกตัวอยู่ที่มุมห้องในขณะนี้ เธอขดตัวชันเข่าขึ้นหลังพิงกำแพง ใบหน้าซุกเข่าทั้งสองข้าง ไหล่ของเธอสั่น และมีเสียงสะอื้นไห้ที่ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาอย่างไม่ขาดสายเธอร้องไห้อยู่เหรอ?ดวงตาสีดำขลับของเขาหรี่ลงทันที ก่อนจะรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอก่อนจะเอ่ยถาม “เป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น?”เสียงของเขาทำให้ตัวเธอแข็งทื่อทันที จากนั้นหัวของเธอก็ขยับเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา ดวงตารูปอัลมอนด์ที่เต็มไปด้วยน้ำตาจ้องมองมาที่เขาตาของเธอบวมแดง เห็นได้ชัดว่าร้องไห้มาสักพักหนึ่งแล้ว ใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบ
“รู้” เธอสำลัก แต่เธอก็ไม่รู้แล้วว่าจะต้องใช้วิธีไหนในการหาเงินมาให้ได้ 250 ล้านนอกจากวิธีนี้แล้วเขายิ้มออกมาเบา ๆ “แต่ฉันไม่ให้!”ร่างกายของเธอแข็งทื่อขึ้นมาทันที ในตอนนั้นเองร่างกายของเธอก็เหมือนกับลูกบอลที่ยุบตัวลง แม้แต่ประกายความหวังสุดท้ายที่อยู่ในดวงตาของเธอก็หายไปใช่ แน่นอนว่าเขามีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ อะไรทำให้เธอคิดว่าเพียงแค่เธอจะอยู่กับเขาและยอมรับคำขอของเขาทั้งหมด เขาจึงจะให้เงิน 250 ล้านล่ะหลิงอี้หรานหัวเราะเยาะตัวเองในใจ เธอคิดว่าตัวเองมีค่าเกินไปสินะ ถึงได้คิดว่าความสนใจของเขาที่มีต่อเธอมีมูลค่า 250 ล้านน่ะ?หลิงอี้หรานก้มหัวลงเงียบ ๆ และปล่อยมือของอี้จิ่นหลีราวกับว่าเธอไม่มีแรงเหลือพอจะประคองมือเขาไว้แล้วอี้จิ่นหลีมองไปยังหลิงอี้หรานด้วยความสุขุม จากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “พี่สาว ฉันว่าพี่ไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวฉันจะให้คนรับใช้เอาของกินเข้ามา พี่กินไรก่อนแล้วค่อยนอนเถอะ”เมื่อจบประโยคนี้ อี้จิ่นหลีก็เดินออกไปจากห้องภายในห้องที่แสนกว้างใหญ่นี้ เหลือเพียงแค่หลิงอี้หรานคนเดียวเท่านั้นมือของเธอเริ่มค่อย ๆ กำหมัดแน่นเล็กน้อย แน่นอนว่า…เธอถูกท
เขาหยิบจานอาหารเดินไปหยุดอยู่ที่เธอแล้ววางจานอาหารไว้ตรงหน้าเธอ “พี่สาว ถ้าพี่อยากรู้จริง ๆ ว่าแม่ถูกฝังไว้ที่ไหน งั้นทางที่ดีตอนนี้ก็กินอะไรก่อนนะ”เธอเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาอัลมอนด์บวมแดงของเธอมองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจเขาหมายความว่าอย่างไร? หรือว่า… “คุณรู้เหรอว่าแม่ฉันถูกฝังอยู่ไหน?”“เธอกินข้าวก่อน เดี๋ยวฉันบอก” เขาเอ่ยหลิงอี้หรานได้ฟังดังนั้น ก็รู้สึกเหมือนโดนทุบตีตาย เธอหยิบอาหารที่อยู่บนจานแล้วเริ่มกินทันทีอี้จิ่นหลีขมวดคิ้ว ตอนนี้เธอกินดุเหมือนหมาป่าที่หิวโซเลย แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ความปกติของเธอแต่นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าหลุมศพของแม่เธอสำคัญกับเธอแค่ไหนอี้จิ่นหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย มองน้ำตาหยดใหม่ที่เริ่มไหลตกลงมาบนใบหน้าของหลิงอี้หราน และดวงตาของเธอก็ดูจะบวมแดงกว่าก่อนหน้านี้ที่เขาเห็นแสดงว่าเมื่อกี้ที่เขาออกไปจากห้องสักพักหนึ่ง เธอก็ร้องไห้อีกแล้วเหรอ?“กินช้าหน่อย ต่อให้พ่อเธอจะฝังแม่เธอที่ขั้วโลกเหนือหรือใต้ ฉันก็จะพาพี่ไป!” อี้จิ่นหลีเอ่ย “ถ้าเธอกินจนสำลักข้าวขึ้นมาจริง ๆ เดี๋ยวก็เสียเวลาไปมากกว่านี้อีกหรอก”หลิงอี้หรานตัวสั่นขึ้นมา มือที่จับตะเกียบนิ่งค้างไปสักพัก
“เธอขอเงินฉัน 250 ล้าน ทำไมไม่คิดล่ะว่าให้ฉันช่วยเธอหาตำแหน่งหลุมฝังศพแม่ไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ?” เขาเอ่ยถามต่อเธอสะดุ้งเมื่อเขาเตือนแบบนี้ เธอถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองโง่มาก ต่อให้เธอจะให้ 250 ล้านพ่อไปจริง ๆ คิดว่าพ่อจะพอแค่นี้เหรอไง? จะไม่โลภเอามากกว่านี้เหรอ?อย่างที่อี้จิ่นหลีบอก แทนที่เธอจะขอให้เขาให้เงิน 250 ล้าน สู้ก้าวไปอีกขั้นโดยการขอให้เขาช่วยเธอหาหลุมฝังศพแม่เองไปเลยยังดีกว่าบอกได้เลยว่าเธอกังวลและสับสนมากจริง ๆ จนไม่ทันได้นึกถึงเรื่องง่าย ๆ แบบนี้เลย“ถ้างั้นคุณพาฉันไปเลยตอนนี้ได้ไหม?” หลิงอี้หรานเอ่ยอย่างร้อนใจ ขอแค่เธอยืนยันได้ว่าหลุมฝังศพแม่เธออยู่ที่ไหน เธอถึงจะรู้สึกสบายใจได้“ไม่ต้องรีบ พี่พักผ่อนก่อน ถ้าเกิดง่วงก็หลับไปก่อนก็ได้” อี้จิ่นหลีเอ่ยแต่หลิงอี้หรานจะมีอารมณ์มานอนตอนนี้ได้อย่างไรกัน! ทำได้แค่มองเขาอย่างจนปัญญาประมาณ 15 นาทีต่อมา โทรศัพท์มือถือของอี้จิ่นหลีก็ดังขึ้น หลังจากที่อี้จิ่นหลีหยิบมือถือขึ้นมาสักพักหนึ่ง เขาก็ตอบว่า “ได้ ฉันเข้าใจละ นายรอฉันที่นั่นก่อน ส่วนเรื่องที่ฉันบอกไปก่อนหน้านี้ก็รีบจัดการให้เร็วที่สุดด้วย”เมื่อเอ่ยจบ เขาก็เก็บโทรศัพท์ไป
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ