“ฉันทำให้เธอกลัวใช่ไหม?” เขาถามกลับเธอลังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ฉันรู้ว่าคุณแค่เอาฉันไปเป็นหมากในเกมเท่านั้น ตอนนี้แค่เพราะคุณยังรู้สึกสนุกอยู่เลยยังมีความรู้สึกสนใจฉัน แต่ถ้าเมื่อคุณหมดความสนใจแล้ว ฉันก็จะกลายเป็นสิ่งไร้ค่าทันที ถึงขั้นถ้าฉันไม่ระทันระวังอะไรแล้วเผลอทำให้คุณโกรธเข้า จุดจบของฉันก็อาจจะเป็นเหมือนตอนที่อยู่ในคุกก็ได้”ช่วงเวลาที่น่าเวทนาไร้ซึ่งแสงสว่างแบบนั้น เธอไม่อยากพบเจออีกแล้ว!“แล้วที่เธอพูดอยู่ตอนนี้ ไม่กลัวว่าจะทำให้ฉันโกรธหรือไง?” เขาเอ่ยร่างกายของเธอแข็งทื่อขึ้นมาทันทีทันใด กลัวสิ แน่นอนว่าเธอกลัว แต่เธอก็ยังเลือกที่จะพูดออกไปท่าทางของเธอแสดงออกหมดทุกอย่างเกิดความเงียบกริบไปทั่วทั้งบริเวณ เงียบจนแอบน่ากลัวหลิงอี้หรานก้มหัวลง ในตอนนี้เธอได้ยินเพียงแค่เสียงหายใจ และเสียงหัวใจเต้นของตัวเองเท่านั้น แม้ว่าอี้จิ่นหลีจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงสายตาของเขาที่จ้องมองมาที่เธอตลอดเวลาและก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นมา “ถ้าฉันจะบอกว่า ฉันไม่ได้เอาเธอมาเป็นหมากในเกม เธอยังจะอยากอยู่กับฉันไหม?”เธอเงยห
เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลง และถือตะเกียบในมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บคีบอาหารขึ้นมากินทีละคำเขานั่งเอามือเท้าคางตัวเองและมองเธอทานข้าวอย่างเงียบ ๆภายใต้แสงไฟ ขนตาของเธอยาวโค้งงอนอย่างเป็นธรรมชาติ เวลาที่เปลือกตาเธอลดต่ำลงยิ่งมองเห็นได้ชัด ใบหน้าที่เล็กเท่าฝ่ามือราวกับว่าแค่มือข้างเดียวของเขาก็สามารถห่อใบหน้าเธอได้ทั้งหน้าแล้วจมูกเล็กจิ้มลิ้ม ไหนจะแก้มปูดที่ขยับตลอดเวลาที่เคี้ยวอาหาร เหมือนกับสัตว์ตัวเล็กอ่อนแอที่กำลังกินข้าวอย่างไรอย่างนั้น น่ารักเสียจนไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้เมื่อก่อนเขาไม่เคยรู้เลยว่า การมองผู้หญิงคนหนึ่งกินข้าวจะน่าหลงใหลมากขนาดนี้ดูเหมือนว่ายิ่งมองเธอแบบนี้ก็ยิ่งอยากเอาเธอไปซ่อน ซ่อนไว้ในที่ที่ไม่มีใครมองเห็น มีแค่เขาคนเดียวที่สามารถเห็นได้ และมีเพียงเขาคนเดียวที่สามารถเข้าใกล้เธอได้ด้วยและใครหน้าไหนก็ไม่สามารถเอาเธอไปได้เด็ดขาด!หลิงอี้หรานแม้ว่าตอนนี้เธอกำลังก้มหน้ากินข้าวอยู่ แต่ก็รู้สึกได้ถึงสายตาของอี้จิ่นหลีที่กำลังมองเธอตลอดราวกับมีความอึดอัดคลุมเครือบางอย่างที่ตลบอบอวลไปทั่วในอากาศเธอรู้สึกแค่เพียงว่า ใบหน้าของเธอเริ่มร้อนผ่าว
เมื่อเสียงของเขาเบาลง ระยะห่างของริมฝีปากของร่างสูงกับร่างเล็กก็ลดลงและเข้าใกล้มากขึ้นไปอีก จนแทบจะสัมผัสกับริมฝีปากของเธออยู่แล้วใบหน้าของหลิงอี้หรานเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาทันทีโดยอัตโนมัติ “อย่า…” เธอเอ่ยด้วยความตื่นตระหนกชายหนุ่มหยุดลงและจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา “งั้นทำไมพี่สาวไม่บอกฉันล่ะว่ารู้จักกับเขาได้ยังไง”“เพราะว่ามีครั้งนึงมีคนขโมยสร้อยข้อมือของเขาไป โจรเข้ามาชนฉันพอดี สร้อยข้อมือเลยตกลงไปในกระเป๋าเสื้อของฉัน เขาต้องการเอาสร้อยข้อมือคืน ก็เลยทำให้ฉันได้รู้จักกับเขา” หลิงอี้หรานตอบอย่างเร่งรีบ“จริงเหรอ?” เขาเอ่ยพึมพำ “แล้วหลังจากนั้นพวกพี่เจอกันมากี่ครั้งแล้ว?”ใครมันจะเคยนับกันเล่า! แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ใกล้ชิดมากของอี้จิ่นหลี หลิงอี้หรานก็นับจำนวนครั้งในใจอย่างเร่งรีบทันที จากนั้นจึงเอ่ยตอบ “สี่… สี่ครั้ง ครั้งนึงคือตอนที่เขาบอกจะมาเอาสร้อยข้อมือ และอยากเลี้ยงข้าวขอบคุณฉัน และอีกครั้ง บังเอิญพบกันในอำเภอ ตอนนั้นฉันไปหาคุณยายที่นอนอยู่โรงพยาบาล และอีกครั้งที่เจอคือตอนไปถ่ายหนัง”ดวงตาเขาเป็นประกายแวบหนึ่ง ตามความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับลี่เฉิน ถ้าลี่เฉินต้องการจะขอบคุ
“อึก…” หลิงอี้หรานยกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวพยายามจะผลักร่างสูงออกไป แต่ร่างเล็กก็ถูกเขาจับล็อกมือขวาของเธอเอาไว้ ร่างเล็กจึงรีบยกมือซ้ายอีกข้างขึ้นมาโดยไม่คิดอะไรเยอะ เมื่อนิ้วของร่างสูงกดมือซ้ายของร่างเล็กไว้ เธอจึงได้จังหวะหายใจและเผลอพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง “เจ็บ” เมื่อสิ้นเสียงนี้กลับทำให้ร่างสูงฉวยโอกาสจูบเธออย่างดูดดื่มมากยิ่งขึ้นร่างกายของเธอแทบจะหายใจไม่ออกจากการโดนจูบครั้งนี้ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ในที่สุดเขาก็หยุดและปล่อยมือทั้งสองข้างของเธอลงมือข้างหนึ่งของเขาประคองเอวเธอเอาไว้ ส่วนอีกข้างหนึ่งประคองมือซ้ายของเธอเบา ๆ “ฉันทำให้พี่เจ็บเหรอ?”หลิงอี้หรานกัดริมฝีปากและจ้องมองอี้จิ่นหลี “ทำไมคุณถึงทำแบบนี้?”“เพราะฉันไม่ชอบได้ยินพี่พูดเรื่องอะไรที่ฉันไม่อยากได้ยิน” เขายิ้มอ่อนโยนออกมาเบา ๆ “ถ้าพี่ยังคิดที่จะพูดอะไรออกมาอีก ฉันก็ไม่ถือสาอะไรนะถ้าจะจูบพี่อีกครั้ง”“...” เธอสำลักในทันทีแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก กลัวเขาจะทำจริงตามที่ได้พูดไว้อี้จิ่นหลีก้มหัวลงมองดูรอยบวมแดงที่ยังไม่หายบนหลังมือของหลิงอี้หรานอย่างละเอียด “รอยแผลตรงมือพี่สองสามวันก็น่าจะหายแล้ว พ
อันที่จริงเขาไม่อยากให้เธอเอาพวกเสื้อผ้าสามสี่ตัวนี้ไปเปลี่ยนด้วยซ้ำ แต่เธอบอก “ฉันชินกับการใส่เสื้อผ้าพวกนี้ มันสบายดี”ดังนั้นเขาเลยไม่ได้พูดอะไรอีก ก็ให้เธอเอาไปเมื่อเก็บกระเป๋าเดินทางเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลิงอี้หรานกำลังจะหยิบกระเป๋าขึ้นมาแต่อี้จิ่นหลีกลับคว้ากระเป๋าไปถือก่อนเธอเสียอีก “ฉันทำเอง”ทั้งสองคนเดินออกมาจากบ้านเช่าโดยที่หลิงอี้หรานเดินตามหลังอี้จิ่นหลีบางครั้งเธอก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เข้าใจยาก บางครั้งก็อ่อนโยนราวกับว่าเป็นคนที่ดีต่อคุณมาก ๆ แต่ว่าอีกมุมนึงกลับดูเหมือนเขาจะสามารถส่งคุณไปลงนรกได้ทุกเมื่อการไปคฤหาสน์อี้ครั้งนี้ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองจะยิ่งไม่ชัดเจนมากขึ้นไปอีกแล้วเมื่อไหร่เธอถึงจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก? ทำได้แค่รอคอยวันที่เขาจะเบื่อเธอแล้วอย่างนี้เหรอ? เธอมองไปที่แผ่นหลังของเขาอย่างเหม่อลอย สายตามองไปยังผ้าพันคอที่พันรอบคอของเขาอยู่โดยไม่รู้ตัวผ้าพันคอที่เธอถักทำมาจากไหมเก่า คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะใส่ผ้าพันคอและถุงมือที่เธอถักไปเข้าร่วมงานเลี้ยงที่มีแต่บุคคลชั้นสูงและมีชื่อเสียงอย่างนี้และเรื่องที่แปลกก็คือในคอมเมนต์ที
ลุงกวนมองหลิงอี้หรานอย่างครุ่นคิด แววตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจหลิงอี้หรานจึงได้เริ่มกล่าวทักทายเขา “สวัสดีค่ะลุงกวน”“คุณหลิง ถ้าคุณต้องการอะไรก็สั่งผมได้เลยนะครับ” ลุงกวนยิ้มอย่างเป็นมิตร“คุณเรียกฉันว่าอี้หรานเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ” เธอเอ่ย การเรียกเธอว่าคุณหลิงทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย“คุณเป็นแขกของนายน้อย ปกติแล้วต้องเรียกว่าคุณหลิงน่ะครับ” ลุงกวนเอ่ย มารยาทแบบนี้ไม่ควรถูกทำลายหลิงอี้หรานไม่ได้ยืนกรานอะไรอีก อย่างไรเสียเธอก็อยู่ที่นี่ไม่นานอยู่แล้ว“ลุงกวน พาเธอไปดูห้องหน่อยนะ ให้เธอเลือกห้องได้ตามใจเลย” อี้จิ่นหลีเอ่ยสั่ง“เลือกห้องอะไรก็ได้ให้ฉันเลย” หลิงอี้หรานเอ่ยอย่างเร่งรีบ“งั้นก็…” ลุงกวนหันไปมองอี้จิ่นหลี“งั้นก็เอาห้องติดกันที่ชั้นสาม” อี้จิ่นหลีเอ่ยนิ่ง ๆ“ได้ครับ” ลุงกวนตอบรับหลิงอี้หรานเกิดความงงเล็กน้อย ห้องติดกันนี่หมายความว่าอย่างไร? แต่เมื่อลุงกวนนำเธอไปยังที่พักชั้นสาม เธอก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มอีกเมื่อถึงชั้นสาม ลุงกวนก็เปิดห้องออกและเอ่ยกับหลิงอี้หรานว่า “เชิญครับคุณหลิง เดี๋ยวของใช้ในห้องน้ำและชีวิตประจำวันอีกสักพักผมจะให้คนเอามาส่งให้นะครับ แล้ว
หลิงอี้หรานสงสัยกับตัวเอง ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะเล็กตรงหัวเตียงโดยไม่รู้ตัว เมื่อสายตาเธอมองไปยังกรอบรูปบนโต๊ะข้างเตียง ร่างกายเธอก็แข็งทื่อไปทั้งตัวในทันที ดวงตาทรงอัลมอนด์ของเธอเบิกกว้างมองไปที่ภาพนั้นอย่างมึนงงนั่นมันรูปเธอนี่!และคำถามคือ เธอจำไม่เห็นได้เลยว่าเคยถ่ายภาพแบบนี้ด้วย สายตาของเธอในภาพนั้นไม่ได้มองเลนส์กล้องเลยสักนิดใครเป็นคนถ่ายรูปนี้กัน? ทำไมถึงมาอยู่ในห้องนี้ที่นี่ได้ แล้วใครกันที่…คลิก!มีคนผลักประตูเปิดเข้ามา หลิงอี้หรานจึงได้เงยหน้าขึ้นมองทันทีและเห็นว่าเป็นอี้จิ่นหลี“ดูแล้วคงไม่ต้องให้ฉันอธิบายพี่ก็น่าจะรู้แล้วล่ะว่าสองห้องนี้เชื่อมติดกัน” อี้จิ่นหลียิ้มก่อนจะเดินก้าวเข้ามาข้างหน้า สายตาเลื่อนไปมองกรอบรูปที่อยู่ในมือของหลิงอี้หราน “พี่ว่ารูปนี้ถ่ายแล้วเป็นไงบ้าง?”“ทำไมที่นี่ถึงมีรูปของฉันได้ล่ะ?” เธอเอ่ยถาม“ฉันก็ให้คนถ่ายให้น่ะสิ” เขาเอ่ยพร้อมกับหยิบรูปจากมือเธอกลับไปวางตรงหัวเตียงอีกครั้ง “ตอนที่ไม่เจอพี่ ฉันก็คิดถึงพี่มากเลยล่ะ”นำเสียงในประโยคสุดท้ายของเขาสูงขึ้นเล็กน้อย ดูมีความไม่ชัดเจนบางอย่างเธอสะดุ้งโหยง ทันใดนั้นจึงนึกอะไรขึ้นมาได้ในทันที
เธอควรกลัวเขาไม่ใช่เหรอ? นั่นเป็นชายที่สามารถควบคุมความเจ็บปวดและความอึดอัดใจของเธอได้อย่างง่ายดายเลยนะ เพียงแค่คำพูดหนึ่งประโยคของเขาก็ทำเธอลงนรกไปได้เลยง่าย ๆ แต่ว่าทำไมตอนที่เขาเข้าใกล้เธอ ตอนที่เขาแค่หายใจอยู่ข้างหูเธอ เธอกลับรู้สึกเหมือนเสียการควบคุมไปเลยผู้ชายคนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะรับมือได้เลย แม้ว่าปากเขาจะเรียกเธอว่าพี่สาว แต่สุดท้ายแล้ว เธอก็เป็นแค่หมากรุกในมือของเขา เป็นเพียงตัวหมากรุกที่เขาจะหยิบขึ้นมาเล่นแค่ในช่วงเวลาว่างเพื่อหาความสนุกแค่นั้น!แต่ในตอนนี้ อี้จิ่นหลีกลับก้มหัวลงและหยิบกรอบรูปที่อยู่บนโต๊ะตรงหัวเตียงขึ้นมา มองคนในรูปภาพ ดวงตารูปอัลมอนด์ของเขาเหม่อมองไปข้างหน้า มุมปากยกขึ้นเห็นเป็นเส้นรอยยิ้มน้อย ๆ ใบหน้างดงามนั้นเป็นความเรียบง่ายสมดุลที่ทำให้คนมองรู้สึกสบายใจราวกับว่าถ้าถูกเธอยิ้มด้วยความอบอุ่นแบบนี้ให้ เขาจะได้รับสิ่งที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดว่าจะได้รับด้วยซ้ำ“พี่สาว” อี้จิ่นหลีพึมพำเบา ๆ ก่อนจะใช้นิ้วแตะริมฝีปากของบุคคลที่อยู่ในกรอบรูป จากนั้นดูเหมือนว่าเขาจะระงับความรู้สึกไม่ไหวแล้ว เขาจึงก้มลงไปจูบริมฝีปากในรูปถ่ายเมื่อกี้… ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ