ผู้ชายคนนั้น จะใช่คนที่เธอรักหรือเปล่า?สุดท้าย เขาก็ไม่ได้ถามประโยคนี้ออกไปเขาในตอนนี้ ก็ไม่มีสิทธิ์ถาม บางทีในอนาคต หากเขาสามารถทำสำเร็จได้ เขาคงมีสิทธิ์ยืนอยู่ด้านหน้าเธออีกครั้ง…กวอซิ่นหลี่ขับรถจากไป ส่วนหลิงอี้หรานก็เดินกลับห้องเช่าทีละก้าว เพียงแต่เธอยังไม่ทันเปิดประตู ก็เห็นว่ามีแสงเล็ดลอดออกมาจากในห้องก่อนเธอออกจากบ้าน เธอปิดไฟแล้วนี่นา หรือว่า…หลิงอี้หรานหรี่ตา และเปิดประตูออกในทันที สิ่งที่ตกกระทบในตามีแสงไฟจากห้อง และอี้จิ่นหลีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้“คุณ…” เธอเดินเข้าห้อง “ดึกขนาดนี้แล้ว คุณมาทำไม?”“เรื่องนี้ฉันควรถามพี่มากกว่า วันนี้พี่น่าจะไม่ต้องทำโอที และไม่ต้องอยู่เวร ทำไมถึงกลับดึกขนาดนี้?” เขากวาดตาขึ้น มองเธอพร้อมเอ่ยถาม“เพื่อนที่บริษัทลาออก ทุกคนเลยออกไปกินข้าวเลี้ยงส่งเขากัน” หลิงอี้หรานตอบ“เพื่อนคนไหน?” เขาถามเธอชะงักพักหนึ่ง จึงตอบ “กวอซิ่นหลี่” ต่อให้เธอไม่พูด เขาก็สืบหามาได้อยู่ดีเขาเลิกคิ้วขึ้น “อย่าบอกนะว่าเขาเป็นคนมาส่งเธอ”เธอยังคงเงียบ แต่สีหน้าของเธอ เป็นการยอมรับกลาย ๆ “พี่ยังจะบอกว่าเธอไม่สนใจเขาอีกเหรอ? ถ้าไม่สนใจจริง จะปล่อยให้เ
“เมื่อก่อนฉันก็อยู่ที่นี่ พวกเรานอนใต้ชายคาเดียวกันทุกคืนไม่ใช่หรือไง?” เขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจฟังแล้ว… ทำไมชวนคิดมากชะมัด!หลิงอี้หรานกัดปาก “แต่ว่าตอนนี้…”“ตอนนี้ทำไม?” เขาถามกลับ“ไม่มีที่นอนเหลือแล้ว ของก่อนหน้านี้ของคุณ ฉันเก็บเข้าตู้ไปแล้วก็ยังไม่ได้ซักตาก หากเอาออกมาใช้คงมีกลิ่น”“เรื่องนี้ง่ายมาก” อี้จิ่นหลีพูดไป ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา พูดสั่งกับปลายสายไม่นานนัก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นหลิงอี้หรานเปิดประตู และเห็นเกาฉงหมิงกับเหล่าบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายอี้จิ่นหลีในโรงพยาบาล พวกเขาถือผ้าปู หมอน และผ้าห่ม ก้าวเดินเข้ามาตรง ๆ ส่วนคนอื่น ๆ ก็เอ่ยพูดกับเธอ “รบกวนหน่อยนะครับ คุณหลิง”ทุกคนที่มาต่างพูดประโยคนี้มุมปากของหลิงอี้หรานกระตุก ตอนนี้เธอจะพูดอะไรได้ นอกจากคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ เมื่อของถูกจัดวางไว้ในห้องเธอเสร็จ คนเหล่านั้นก็เดินออกไปเพียงพริบตา ในห้องเหลือเพียงแค่หญิงสาวและชายหนุ่มอีกครั้งหลิงอี้หรานมองที่นอนที่ปูอย่างเรียบร้อยตรงข้างเตียงเธอ นี่มันเหมือนเมื่อก่อนเลย ตอนนั้นเขาก็ปูที่นอนนอนอยู่ข้างเตียงเธอแบบนี้“คุณจะนอนที่นี่จริง ๆ เหรอ?” เธอถามลังเล“เรื่องนี้
เมื่อก่อนตอนชีวิตดี เธอบ่นอยากลดน้ำหนักทุกวัน เพราะกลัวว่าหากอ้วนขึ้น จะใส่เสื้อผ้าไม่สวยตอนนี้เธอกลับไม่กังวลเรื่องนี้เลย เธอผอมลง แต่เธอไม่คิดปัญหาความสวยแล้ว สิ่งที่เธอคิด มีเพียงราคา ความคุ้มค่า ความทนทานของเสื้อผ้า และคิดเพียงมันจะใส่ได้กี่ปีบางทีพอนึกย้อนกลับไป มันก็น่าขบขันจริง ๆ เธอที่อยากได้บางอย่าง พยายามทำมันให้สำเร็จ แต่เมื่อมันสำเร็จแล้ว กลับพบว่า สิ่งที่เธอพยายามมาตลอด เป็นสิ่งที่เธอในตอนนี้ไม่ใส่ใจแม้แต่นิดหลิงอี้หรานหัวเราะเยาะเย้ยตนเอง จะว่าไป เธอไม่ค่อยเข้าใจจริงด้วยว่า ทำไมอี้จิ่นหลียังคงเรียกเธอว่าพี่สาวอีก ราวกับว่าเขาคิดถึงและให้ความสำคัญกับช่วงเวลานั้นที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมาก ๆ เขากำลังสนใจเธออย่างนั้นเหรอ?การแสดงออกของเขา บางครั้งก็เหมือนจะชอบเธอมากจริง ๆ แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่า เขากำลังเล่นละครตบตาหรือเปล่า?หลิงอี้หรานส่ายหน้า ไม่ไปคิดเรื่องพวกนี้ต่อ เธอในตอนนี้ เดินทีละก้าววางแผนทีละก้าวดีกว่าหลิงอี้หรานอาบน้ำเสร็จอย่างรวดเร็ว เธอเดินออกจากห้องน้ำ ก็เห็นว่าเขากำลังนั่งอยู่บนฟูกที่ปูอย่างเรียบร้อย นั่งรอเธอมาบอกฝันดี แล้วจึงค่อยนอนเหมือนเมื่อก่อน
ไม่รอให้เธอตอบ เขาก็พูดเองเออเองต่อ “ฉันเคยเกลียดคนคนหนึ่งมาก ๆ ฉันคิดเป็นร้อยเป็นพันครั้ง หากวันหนึ่ง ฉันหาเขาเจอ ฉันจะเอาคืนเขายังไง แต่เมื่อถึงวันเกิดเขา ฉันก็ยังรู้สึกไม่ดี แต่เหมือนกับมีเพียงที่นี่ ที่จะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น”หลิงอี้หรานยังคงหลับตาอยู่ ราวกับกำลังหลับ และไม่ได้พูดอะไรหรือบางที เขาอาจหวังให้เธอนอนหลับ คำพูดพวกนี้ จริง ๆ แล้วเขาไม่อยากให้เธอได้ยินแม้แต่นิด หลิงอี้หรานคิดทาย หากเป็นแบบนี้ เธอจะได้แกล้งหลับต่อได้อย่างไม่กังวล“ฉันคิดว่า ฉันอยากรีบเจอเขา จะได้รีบเอาคืนได้ใช่ไหม? ไม่ว่าเขาจะไปแอบที่ไหน สักวันหนึ่ง ฉันจะต้องหาเขาให้เจอ ให้เขาได้รับรู้รสชาติที่ถูกคนในครอบครัวทรยศและทรมานว่ารู้สึกยังไง”เสียงของเขา ดังก้องอยู่ในห้อง น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความคับแค้นลำตัวของหลิงอี้หรานสั่นเทาทีหนึ่งอย่างควบคุมไม่ได้ คนใกล้ชิด… หรือว่าคนที่เขาเกลียดและอยากเอาคืน จะเป็นแม่ของเขา?เธอจำได้ว่าเขาเคยบอก แม่จากไปด้วยการทิ้งเขาและพ่อเอาไว้หากที่เขาพูดตอนนั้นเป็นความจริง…เกรงว่าอนาคตของแม่เขา…อี้จิ่นหลี ผู้ปกครองเมืองเซินคนนี้ การเอาคืนจากเขา จะมีใครที่แบกรับไหวกันห
คนขับหักเลี้ยวเปลี่ยนทิศในทันที รถวิ่งไปยังทางโรงพยาบาลเมื่ออี้จิ่นหลีถึงโรงพยาบาล การรักษาของนายท่านอี้ยังคงดำเนินอยู่ อี้จิ่นหลียืนอยู่หน้าห้องผ่าตัดด้วยความรู้สึกสับสนที่ไม่สามารถบรรยายได้ไม่ว่าคนที่เข้มแข็งขนาดไหน เมื่อถึงเวลานี้ ก็ทำได้เพียงสูดหายใจเข้าอย่างอ่อนเพลียคุณปู่ในอดีต ทั้งแข็งแกร่ง เด็ดขาด เลือดเย็น และเข้มงวดในสายตาเขา ความรักครอบครัวของเขา ราวกับให้ลูกชายอายุสั้นคนนั้นเพียงคนเดียวคนอื่น ๆ สำหรับเขาแล้ว เป็นเพียงแค่หมากที่ไว้หลอกใช้ รวมทั้งเขาที่เป็นหลานด้วย!คุณปู่มองเขาคนนั้นเป็นผู้สืบทอดตระกูลอี้ มากกว่าที่จะเป็นหลานชายมาโดยตลอด ระหว่างพวกเขา ไม่มีเคยมีความรักระหว่างปู่หลานแม้แต่นิดผ่านไปสองชั่วโมง ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก คุณหมอเดินออกมาพูดกับอี้จิ่นหลี “ช่วยกลับมาได้ครับ แต่ยังไงนายท่านก็อายุมากแล้ว ก่อนหน้านี้ท่านเคยทำการผ่าตัดมาก่อน ปัญหาตอนนี้คือท่านจะยืดเยื้อไปได้อีกนานเท่าไร หากอาการดี คงได้หลายปี หากไม่ดี คงได้แค่ไม่กี่เดือน”อี้จิ่นหลีเข้าใจ เกิดแก่เจ็บตาย ไม่ว่าจะมีเงินมากมายขนาดไหน ก็ไม่สามารถควบคุมได้นายท่านอี้ถูกส่งไปห้องผู้ป่วย ติดตามอาการห
ผู้ชายตระกูลอี้ไม่ควรจะตกหลุมรักใครทั้งสิ้น“แก…” ใบหน้าของนายท่านอี้ตอนนี้แดงก่ำไปด้วยความโมโหอย่างถึงที่สุด สำหรับคนอย่างเขาที่เพิ่งถูกช่วยเหลือเมื่อสองวันก่อน ถือว่าเป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างเห็นได้ชัดแต่อี้จิ่นหลีกลับไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะปลอบโยนเขาเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังเอ่ย “คุณปู่ ในเมื่อวันนี้ผมมาพูดต่อหน้าปู่ขนาดนี้แล้ว นั่นก็แสดงว่าผมมีความสามารถมากพอที่จะปกป้องเธอได้ หมอก็บอกแล้วว่า ถ้าปู่รักษาตัวดี ๆ ก็ยังอยู่ได้อีกนานหลายปีนะ”นายท่านอี้แค่นหัวเราะออกมาพร้อมกับพูดด้วยความโกรธที่มากล้น “เหอะ ไม่สมกับเป็นหลานฉันเลย ดูแล้วแกน่าจะตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นมากเลยสิท่า แกลืมตัวอย่างของพ่อแกไปแล้วหรือไง? หรือคิดจะเดินตามพ่อแกไปอีกคน?”“ผมไม่ได้ลืม แต่ถึงแม้ผมจะรักใครสักคนขึ้นมาจริง ๆ ผมก็จะไม่ยอมให้เธอมาควบคุมบงการชีวิตของผมได้หรอก” อี้จิ่นหลีเอ่ยตอบ“ตอนแรกพ่อแกก็เคยพูดแบบนี้ แล้วผลสุดท้ายเป็นไงล่ะ? เขาก็ต้องมาสละชีวิตตัวเองเพื่อผู้หญิงคนเดียว!”“ผมไม่ใช่พ่อ!” อี้จิ่นหลีตอบด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เขาเดินตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้านายท่านอี้ และโน้มตัวลงม
“แกว่า ถ้าวันนึงหลิงอี้หรานรู้ความจริงของเรื่องราวแล้ว เธอจะคิดยังไง?” นายท่านอี้เอ่ยอี้จิ่นหลียกริมฝีปากยิ้มทันที แต่ในแววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเย็นชา “เธอจะไม่มีวันรู้ความจริงของเรื่องนี้”นายท่านอี้ส่งเสียงหึอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก “แกคิดว่ามันเป็นไปได้หรือไง? ในเมื่อตอนนี้ฉันก็รู้ได้ ยังไงสักวันหนึ่งเธอก็ต้อง…”เขายังพูดไม่ทันจบ อี้จิ่นหลีก็พูดขัดขึ้นมาทันทีว่า “เธอจะไม่รู้แน่นอน ปู่ว่างั้นไหม?”เสียงเยือกเย็นที่ใช้เปล่งออกมาเพื่อให้ได้ยินแค่สองคนเท่านั้น แต่นายท่านอี้กลับมองเห็นรังสีคุกคามที่สะท้อนออกมาทางสายตาของหลานชายตัวเองนึกไม่ถึงเลยว่า หลานของตัวเองจะกล้าคุกคามเขาเพียงเพื่อผู้หญิงแบบนี้ความรู้สึกปั่นป่วนภายในใจของนายท่านอี้เริ่มก่อตัวและทะลักออกมาในอนาคตหลานของเขาจะไม่ถูกผู้หญิงคนนั้นควบคุมบงการเขาจริงหรือ?หรือว่า… จะกลายเป็นแย่ลงกว่าเดิมกันนะ?……ช่วงสุดสัปดาห์ หลิงอี้หรานรีบขึ้นรถรถบัสไปหาคุณยายที่นอนอยู่โรงพยาบาลภายในห้องผู้ป่วยของคุณยายอัดแน่นไปด้วยเหล่าเครือญาติ ๆ ที่มาเยี่ยมไข้ หลังจากที่พวกเขาเห็นหลิงอี้หรานเดินเข้ามา ใบหน้าของพวกเขาก็แสดงออกชัดเจ
ทันใดนั้น ภายในใจของหลิงอี้หรานรู้สภาพในทันที เธอกลัวว่าพวกเขาจะเรียกให้เธอมาเพื่อจุดประสงค์เดียวคือ ให้เธอเป็นคนที่ออกเงินและถ้าหากเธอเดาไม่ผิด พวกคนที่อยู่ตรงหน้านี้แท้จริงอาจจะวางแผนที่จะพูดเรื่องนี้กันมาระยะหนึ่งแล้วก็ได้ดังที่คิดเอาไว้ ทันทีที่ตาหลูกำลังจะอ้าปากพูด ลุงใหญ่ก็เอ่ยขึ้นมา “พ่อ พวกเรามีเงินกันซะที่ไหนล่ะ ตอนนี้แม้แต่เงินที่ผมต้องให้ลูกชายเอาไปแต่งงานยังไม่มีเลย ไม่งั้นหมิงฮุยจะยังไม่แต่งงานมาจนถึงตอนนี้ได้ไงล่ะ?”“นั่นสิพ่อ พวกเราไม่มีเงินจริง ๆ นะ!” ลุงรองรีบพูดต่อ จากนั้นจึงหันไปมองหลิงอี้หรานด้วยสีหน้าขมขื่น“อี้หราน ถ้าไม่ใช่เพราะเรายากจนเกินจนไม่มีทางเลือก ก็คงไม่ให้เธอไปแต่งงานเข้าตระกูลเฝิงหรอก”“สรุปแล้วพวกคุณจนกันมากเลยต้องเอาฉันไปแต่งงานกับไอ้โง่นั่นน่ะเหรอ? อย่างนั้นใครจนก็พูดแบบนี้ได้ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานเอ่ยตอบเสียงเย็นลุงรองเมื่อได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป ก่อนที่ลุงใหญ่จะพูดด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจว่า “ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองของแก จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้พูดถึงภรรยาด้วยซ้ำ แต่พวกเขาต้องการที่จะสานต่อตระกูลหลูให้กับพวกเรา คุณยายก็ดีกับแกขนาดนั้น แกไม่คิดอยากจะตอบแ
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ