ร่างบางตัวแข็งทื่อกว่าเดิม พลางเบือนหน้าหนีอย่างไม่รู้ตัว ไม่อยากให้เขาเห็นสีหน้าของเธอในตอนนี้“คิดแค่ว่าฉันเป็นอี้จิ่นหลีงั้นเหรอ ตอนที่เพื่อนร่วมห้องรังแกและดูถูกพี่แบบนั้น ฉันเป็นคนที่ทำให้เธอต้องคุกเข่าลงขอโทษ เพื่อที่เธอจะได้ไม่กล้าทำอะไรพี่อีก ไม่ว่าใครหน้าไหนที่กล้ามาดูถูกพี่ ฉันสามารถทำให้คนพวกนั้นต้องร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้าพี่ได้เหมือนกัน”“แล้วยังไง ก็คือจิ้งจอกที่อยากทำตัวเป็นเสือก็เท่านั้น” เธอพูด“แล้วไม่ดีหรือไงที่พี่จะสามารถพึ่งพาฉันได้?” เขาเอนกายลงพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน แล้วมองหลิงอี้หรานพูดคุยกันราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปหลิงอี้หรานมองอีกฝ่ายด้วยความสับสน คิดว่าวันนั้นที่ขอร้องเขาไป แล้วเขาปฏิเสธมาแบบนั้น จะทำให้เขาและเธอไม่ได้พบเจอกันอีกผู้ชายที่เย่อหยิ่งอย่างเขาจะยอมให้ผู้หญิงปฏิเสธลงได้อย่างไร?แล้วเธอก็คาดไม่ถึงว่าจู่ ๆ เขาจะมาปรากฏตัวถึงห้องเช่า แล้วยังพาเธอมาที่นี่ได้อีกก่อนหน้านี้เขาจงใจบังคับจ้าวม่านเถียนให้คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ เพียงเพราะทำให้เธอเข้าใจว่า ‘อี้จิ่นหลี’ คนนี้คือใครกันแน่“คุณต้องการอะไรกันแน่?” เธอมองเขาอย่างสงสัยแววตาของชายห
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นอี้จิ่นหลีจึงตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ “เข้ามา”เมื่อประตูถูกผลักออก ผู้จัดการและพนักงานเสิร์ฟก็ถืออาหารเข้ามา หลิงอี้หรานอยากจะดึงมือออก แต่อี้จิ่นหลีกลับดึงมือของเธอเอาไว้ “อย่าขยับสิ มันยังเย็นอยู่เลย”ผู้จัดการและพนักงานเสิร์ฟต่างก็มองหน้ากัน จนหลิงอี้หรานรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าทว่าอี้จิ่นหลีก็ยังคงจับมือเธอไว้อย่างนั้นตลอดนี่ใช่… คุณอี้จริง ๆ ใช่ไหม? เท่าที่ได้ฟังมาแม้จะมีผู้หญิงมานอนแก้ผ้าตรงหน้าอี้จิ่นหลีก็สามารถจับผู้หญิงเหล่านั้นโยนทิ้งข้างถนนได้ง่าย ๆ และไม่แยแสด้วยซ้ำเขามักจะเย็นชากับผู้หญิงเสมอ แต่สำหรับผู้หญิงธรรมดาคนนี้… เขาช่างอ่อนโยนเหลือเกินน่าตกใจจริง ๆ โชคดีที่ผู้จัดการกระแอมไอขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน และขอให้พนักงานเสิร์ฟสาวคนนั้นวางอาหารและเครื่องดื่มลงให้เร็ว ก่อนจะรีบออกไปจากห้องพลางปิดประตูอย่างระมัดระวัง“เมื่อกี้นี้เราไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหมคะ ผู้จัดการ?” สาวน้อยกระซิบข้างหูผู้จัดการของเธอเบา ๆ “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครคะ?”เขาจึงตอบอย่างจริงจัง “คงจะเป็นนายหญิงคนใหม่ของเมืองเฉินน่ะสิ”ใช่ ถ้าเธอทำให้อี้จิ่นหลีตกหลุมร
“ดื่มจนกว่าฉันจะพอใจ” เขาเอ่ยหลิงอี้หรานเม้มปากแน่นแล้วลดตาลงมองแก้วไวน์ในมืออีกฝ่าย แสงไฟในห้องส่องลงบนใบหน้านวล สังเกตเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังรู้สึกอะไร“กลัวว่าฉันจะรังแกตอนที่พี่เมาเหรอ?” เขาเอ่ยราวกับอ่านใจเธอออก “ถ้าฉันอยากได้ผู้หญิงสักคนจริง ๆ ผมมีอีกหลายร้อยวิธี ฉันจะไม่ใช้วิธีนี้ ถึงแม้ว่าฉันจะรังแกพี่ที่นี่ก็จะไม่มีใครพูดอะไรเลย”ถูกต้อง หลิงอี้หรานหัวเราะเยาะตัวเองในใจ เธอคงคิดมากไปจริง ๆเธอจึงหยิบแก้วไวน์ขึ้นดื่มทันทีรสชาติของมันทั้งหวานและมีรสขมนิด ๆ ที่จริงแล้วเธอดื่มไม่เก่งนัก ส่วนใหญ่ตอนที่ไปทำงานเธอมักจะดื่มเพียงแชมเปญในตอนนั้นเธอยังเป็นแฟนของเซียวจื่อฉี จึงไม่มีใครบังคับให้เธอดื่มได้อี้จิ่นหลีรินไวน์ลงในแก้วหลิงอี้หรานมากขึ้น แล้วมองเธอดื่มมันเป็นแก้วที่สองก่อนจะมองเธอดื่มต่อไปทีละแก้ว ราวกับพยายามกินยาเพื่อทำให้เขาพอใจว่าแล้วรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของอี้จิ่นหลี ราวกับว่าเห็นเธอดื่มแบบนี้ก็ยิ่งมีความสุขหลังจากที่ดื่มไปมาก หลิงอี้หรานก็รู้สึกมึนหัวเล็กน้อย แขนขาเริ่มอ่อนแรง แม้แต่จะพูดก็ยังพูดติดอ่าง“คุณก็ต้องดื่มด้วยสิ…” หลังจากที่เห็นไวน์แดงรินเต็มแ
ในที่สุดเธอก็พูดประโยคนี้จบอย่างติด ๆ ขัด ๆ “ได้” เขาตอบ อย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องที่เขาเคยสัญญาไว้ ในเมื่อเขาได้เห็นเธอตอนเมาแล้ว เขาก็ควรทำอย่างที่เธอคาดหวัง คือการปล่อยคนเหล่านั้นไปเขาดึงแก้วจากในมือของเธอ และยกดื่มอีกครั้งร่างเล็กเมามากจริงๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เรียกเขาว่า “อาจิน”ชายหนุ่มไม่รู้ตัวแม้แต่นิดว่าตนชอบฟังเธอเรียกเขาว่า “อาจิน” มากขนาดไหน น้ำเสียงที่เธอเรียกชื่อ “อาจิน” มันอ่อนโยนเสียจนราวกับมีคนกำลังเฝ้าคอยคุณในคืนราตรีอันอ้างว้างเธอเผยยิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มอ่อนหวานนั้นราวกับเธอทำภารกิจสำเร็จแล้ว เธอก็ทิ้งน้ำหนักลงที่ตัวของเขาทันที แขนทั้งสองของเธอโอบคอเขาไว้ “อาจิน ฉัน… ฉันง่วง อยาก… อยากนอน…”หญิงสาวพูดอู้อี้ และหลับกลางอ้อมกอดของร่างสูงเขาก้มหน้า มองร่างบางในอ้อมแขนเหม่อ ๆเธอเมื่อมีสติ ระแวงเขาถึงขีดสุด แต่เธอที่นอนหลับ กลับทิ้งความระแวงเหล่านั้นจนสิ้น“ว่าแล้ว ตอนพี่เมาน่ารักกว่าจริง ๆ” เขาพึมพำเสียงแผ่ว ยกมือปัดผมที่ติดอยู่ข้างแก้มของเธอเบา ๆแก้มของเธอแดงระเรื่อจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ดวงตาหลับพริ้ม ทำให้เห็นขนตาที่งอนเป็นแพเล็กน้อยของเธอได้ดียิ่งขึ้น จมูกจิ
“บางครั้ง อย่าขี้สงสัยจะดีกว่า” กู้ลี่เฉินถอนสายตากลับมาแล้วสตาร์ทรถ“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ“ หลิงลั่วอิ่นกล่าวด้วยท่าทีเชื่อฟังเธอสืบมาแล้ว กู้ลี่เฉินชอบผู้หญิงที่เชื่อฟัง ยิ่งเชื่อฟัง จะได้อยู่ข้างกายเขานานมากยิ่งขึ้น พวกที่ได้รับความรักจากเขา แล้วพยายามแสดงว่าตนเป็น ‘ข้อยกเว้น’ อยากจะเป็นเพียง ‘หนี่งเดียว’ ในใจของเขา ต่างโดนเขาทิ้งหมดแม้เธอเองก็อยากจะเป็น ‘ข้อยกเว้น’ และ ’หนึ่งเดียว‘ ของเขา แต่เธอจะไม่รีบร้อน เธอจะค่อย ๆ ทำให้ตนเองมีความสำคัญในใจของเขามากยิ่งขึ้นทีละก้าว ๆ “ลี่เฉิน วันนี้ขอบคุณสร้อยที่คุณให้ฉันมากนะคะ ฉันชอบมากเลย แต่สร้อยที่หรูหราและสวยงามขนาดนี้ ฉันเกรงว่าฉันคงไม่มีโอกาสได้ใส่” หลิงลั่วอิ่นแสดงท่าทีดีใจก่อน จากนั้นทำท่าราวกับเสียดายเพียงแต่เธอไม่รู้ว่า การแสดงที่ดูสมบูรณ์แบบในสายตาเธอ สำหรับกู้ลี่เฉินแล้ว กลับรู้สึกน่าขบขันเล็กน้อยเพราะเขาเจอผู้หญิงเล่นละครมามากมาย “ก็ใส่ตอนออกงานงานเลี้ยงแสงดารันต์สิ” สีหน้าของหลิงลั่วอิ่นดีใจขึ้นมาในทันที จากนั้นเธอก็รีบกล่าว “แต่ตอนนี้ฉันเป็นแค่นักแสดงเล็ก ๆ คงไม่ได้รับบัตรเชิญจากงานเลี้ยงแสงดารันต์หรอกค่ะ”“คุณไปที่นั่
“คืนนี้นายกลับไปก่อน” อี้จิ่นหลีพูดกับเกาฉงหมิงที่เพิ่งเดินเข้ามานัยน์ตาเกาฉงหมิงกะพริบแววสงสัย เขาอยู่ข้างกายอี้จิ่นหลีมาหลายปีย่อมต้องเข้าใจว่าเรื่องบางอย่างนั้นไม่ควรถาม“ครับ” เกาฉงหมิงขานตอบ จากนั้นเดินออกจากห้องเช่าในเมื่อนายน้อยอี้สั่งให้เขาออกมา หมายความว่าคืนนี้เขาจะค้างที่นี่อย่างนั้นเหรอ?ภายในห้องเช่า เหลือเพียงอี้จิ่นหลีและหลิงอี้หรานสองคนเขาถอดรองเท้าและเสื้อคลุมของร่างเล็กออก ห่มผ้าห่มไว้บนร่างเธอ และลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งอยู่ข้างเตียงจะว่าไป เขาไม่ได้อาศัยที่นี่มาพักหนึ่งแล้ว เหมือนว่า ‘ร่องรอย’ ที่เขาเคยอาศัยอยู่จะหายไปหมดแล้วเพราะเธอทิ้งของที่เขาเคยใช้ไปหมดแล้วเหรอ? คิดได้ดังนี้ คิ้วของเขาขมวดติดกันอย่างอดไม่ได้ ความรู้สึกไม่สบายใจ เอ่อล้นขึ้นมาในใจเวลานี้เอง หลิงอี้หรานที่เดิมทีนอนหลับอยู่บนเตียง จู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้น เธอขยับร่างเตรียมจะลงจากเตียง“มีอะไรงั้นเหรอ?” เขาเอ่ยถามเธอหรี่ตาสะลึมสะลือ “น้ำ… อยากกินน้ำ…”ดูท่าก่อนหน้านี้เธอจะดื่มมากไป ตอนนี้เธอจึงรู้สึกหิวน้ำอี้จิ่นหลีถอนหายใจทีหนึ่ง กดตัวเธอนั่งลงบนเตียง “เธอนั่งเฉย ๆ ฉันจะไปเอาน้ำมาให้!”
ดวงตาดำของชายหนุ่มจ้องไปทางหญิงสาวตรง ๆ ท่าทีมึนเมาของเธอ ทั้งอ่อนโยนและยั่วยวน เธอในตอนนี้ จะมีสักกี่คนที่เคยเห็นกันนะ‘เซียวจื่อฉีเคยเห็นหรือเปล่านะ’จู่ ๆ ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกอิจฉา อิจฉาเซียวจื่อฉีที่เคยคบกับเธอ เมื่อตอนเธอคบกับเขาเคยเรียกชื่อเขาด้วยเสียงที่อ่อนโยนแบบนี้ไหม? เธอกับเซียวจื่อฉีใกล้ชิดกันขนาดไหน?“เธอรู้สึกว่าฉันหล่อจริง ๆ เหรอ?” เขาเอ่ยถามเสียงแผ่ว เขาอยากมัดเธอไว้ข้างกายเขา ไม่ให้ผู้อื่นได้เห็นท่าทีหยาดเยิ้มของเธอ“อื้ม หล่อสิ อาจินเป็นคนที่หล่อที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นเลย” เธอหัวเราะเสียงต่ำ นิ้วมือแตะไปบนปลายจมูกของชายหนุ่มอย่างซุกซน ราวกับกำลังเล่นของเล่นที่แสนสนุกอยู่และคนที่เห็นเขาเป็นของเล่นได้ ก็มีเพียงเธอคนเดียวจู่ ๆ สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปฉับพลัน ความโศกเศร้าเข้ามาแทนที่รอยยิ้ม “อาจิน ฉันจะทำดีกับคุณมาก ๆ อย่าจากฉันไปเลยได้ไหม”ในดวงตากลมโต ถูกคลุมด้วยหมอกจาง เหมือนสำหรับเธอแล้วเขาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ หากเขาจากไป จะเป็นความหนักหน่วงที่เธอไม่อาจแบกรับได้“ฉันไม่เคยจากไปไหน เธอต่างหากที่ไม่ยอมอยู่ข้างกายฉัน เธอลืมแล้วเหรอ?” เขากล่าว
เมื่อเธอมองเขาด้วยสายล้ำลึก เมื่อเธอเรียกเขาว่า ‘อาจิน’ ด้วยรอยยิ้ม เมื่อแขนทั้งสองของเธอโอบคอเขา กลิ่นไอหอมหวานอบอวลเข้าสู่จมูกของชายหนุ่ม เขารู้สึกเหมือนตนกำลังมึนเมาไปตามเธอ“ดูเหมือน ฉันไม่ควรพูดว่าจะไม่แตะต้องผู้หญิงเมาอะไรทำนองนั้น” เขาพูดเสียงเบา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาผิดคำพูด เพียงเพราะเธอคนเดียวเขาก้มหน้าลง จูบไปที่ริมฝีปากของเธอ ทั้งหลงใหลและผูกพันไม่รู้ว่าจูบไปนานเท่าไร เมื่อหยุดลง เขาเพิ่งพบว่า เธอได้หลับพริ้มไปอีกครั้ง“จริง ๆ เลย…” ความรู้สึกทำอะไรไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาอย่างหาได้ยาก จนเขาดูทุลักทุเล คนที่หลับลงได้ คงมีเพียงเธอคนเดียวดวงตาดำจ้องไปทางคนตัวเล็กใต้ร่างนิ่ง ๆ ผ่านไปสักพัก ในที่สุดอี้จิ่นหลีถอนหายใจทีหนึ่ง ห่มผ้าให้หลิงอี้หรานอย่างดีอีกครั้ง เขาลงจากเตียงและมานั่งอยู่ข้างเตียง“เธอติดฉันไว้หนึ่งครั้งนะ” เขาพูดเสียงต่ำจนแทบปลิวหายไปพร้อมกับสายลมอุณหภูมิในห้องไม่หนาวเหน็บอีกต่อไป กลับกัน มันกำลังอบอวลไปด้วยความเร่าร้อน……เมื่อตอนหลิงอี้หรานตื่นมา เธอเห็นอี้จิ่นหลีนั่งอยู่ข้างเตียง ก็อดชะงักไม่ได้ “คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เธอถามเสียงเบา“เธอคิดว่า พอเ
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ