แต่เมื่อเทียบกับความน่ารังเกียจของชายผู้นี้แล้ว สิ่งที่เธอกลัวมากกว่าก็คือ การไม่สามารถมีชีวิตที่มั่งคั่งได้ เธอไม่อยากจะใช้ชีวิตทำงานตั้งแต่เก้าโมงเช้าแล้วเลิกงานห้าโมงเย็นเหมือนคนปกติทั่วไป ตรากตรำกว่าจะซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมได้แต่ละใบ อาจจะต้องอดมื้อกินมื้อเป็นเวลานานเสียด้วยซ้ำแค่คิดก็เกิดความกลัวขึ้นภายในใจในความคิดของจ้าวม่านเถียน เธอจะต้องอยู่เหนือกว่าหลิงอี้หราน แต่ตอนนี้ที่หลิงอี้หรานกำลังเห็นเอาอกเอาใจชายร่างท้วมคนนี้ ความโกรธภายในใจก็ทวีความรุนแรงขึ้นมาทันที“ม่านเถียน รู้จักเธอด้วยเหรอ?” ชายวัยกลางคนที่รูปร่างอ้วนเตี้ยถามจ้าวม่านเถียน“ค่ะ เธอเพิ่งออกมาจากคุกแล้วตอนนี้ก็ทำงานเป็นคนกวาดถนนด้วย” จ้าวม่านเถียนพูดจาดูถูกหลิงอี้หรานอย่างจงใจ ก่อนจะมองไปยังผู้จัดการร้านที่กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ “ภัตตาคารหรูแบบนี้อนุญาตให้คนกวาดถนนเข้ามาได้ด้วยเหรอ?”เพราะว่ายืนหันหลังให้ จ้าวม่านเถียนจึงไม่เห็นหน้าของอี้จิ่นหลีในทันทีทว่าผู้จัดการร้านกำลังเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้!เห็นอย่างนั้นผู้จัดการร้านก็รู้สึกหวาดกลัวและอยากจะพาตัวผู้หญิงที่ชื่อจ้าวม่านเถียนออกไปจากที่นี่ทันทีเพ
ไม่ว่าจ้าวม่านเถียนจะโง่เขลาขนาดไหน แต่เธอก็พอจะรู้ว่าหาเรื่องใส่ตัวเสียแล้วหลิงอี้หรานไปคบหาผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาและร่ำรวยขนาดนี้ได้อย่างไร เพียงแค่คิดความอิจฉาก็ก่อเกิดขึ้นในแววตาของจ้าวม่านเถียน ก่อนจะเริ่มคุ้นหน้าคุ้นตาชายหนุ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อนทันใดนั้นดวงตาของจ้าวม่านเถียนก็เบิกกว้าง ก่อนจะเอ่ยเสียงสั่น “นายคือ… เด็กของหลิงอี้หรานใช่ไหม?”ทันทีที่คำพูดเหล่านั้นหลุดออกไป สีหน้าของผู้จัดการร้านก็เปลี่ยนไปทันที ส่วนประธานเจิ้งก็แทบล้มทั้งยืน ไม่อยากจะรู้จักผู้หญิงที่ชื่อจ้าวม่านเถียนเลยจริง ๆทั่วทั้งเมืองเฉิน ใครก็ตามที่พูดกับอี้จิ่นหลีแบบนี้ ล้วนแต่รนหาที่ตายอี้จิ่นหลีมองจ้าวม่านเถียนพลางคลี่ยิ้มเล็กน้อย ทว่าแววตากลับเย็นเฉียบ“ม่านเถียนกำลังพูดเรื่องอะไร นี่คือคุณอี้จิ่นหลี ประธานของอี้กรุ๊ปนะ!” ประธานเจิ้งเอ่ยอย่างเร็วเท่านั้นดวงตาของจ้าวม่านเถียนก็เบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองผู้ชายคนนี้คือ.. อี้จิ่นหลีจริงอย่างนั้นเหรอ?!เป็นไปได้อย่างไร? อี้จิ่นหลีจะอยู่กับหลิงอี้หรานได้อย่างไร? ในเมื่อคนที่หลิงอี้หรานฆ่าตายคือคู่หมั้นของอี้จิ่นห
การกระทำเหล่านั้นทำให้ผู้จัดการและประธานเจิ้งตกใจเล็กน้อยใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่า อี้จิ่นหลีไม่ใช่คนเจ้าชู้ นอกจากคู่หมั้นของชายหนุ่มอย่างห่าวเหมยยวี่ที่มาเป็นแขกที่นี่ ก็ไม่เคยเห็นเขาใกล้ชิดกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนแต่เขากำลังเรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้หญิงคนนี้อยู่อย่างนั้นเหรอ?จ้าวม่านเถียนคุกเข่าลงแล้วขอโทษพร้อมกับร่างสั่นเทา “อี้หราน เรื่องทั้งหมด… มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรพูดกับเธอแบบนั้น ฉัน.. ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว ช่วย.. ยกโทษให้ฉันนะ”หลิงอี้หรานมองจ้าวม่านเถียนอย่างไร้ความรู้สึก เพราะเธอรู้ดีว่าท้ายที่สุดจ้าวม่านเถียนไม่มีวันเห็นใจ หรือจริงใจต่อเธอ เธอไม่สามารถให้ความเมตตาสงสารต่อคนที่ชอบเยาะเย้ยถากถางเธอได้ลงเพียงแต่ก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ที่ให้จ้าวม่านเถียนคุกเข่าลง ในใจเธอก็ไม่ได้รู้สึกมีความสุขขึ้นเลยแม้แต่น้อย“พี่จะยกโทษให้เธอไหม?” อี้จิ่นหลีพึมพำกับเธอ“แล้วแต่คุณเลย” หลิงอี้หรานเอ่ย “ฉันหิวแล้วล่ะ”“ได้สิ งั้นไปกันเถอะ” อี้จิ่นหลีพูดพลางจับมือหลิงอี้หรานอีกครั้ง ก่อนจะให้ผู้จัดการร้านเป็นคนนำทางผู้จัดการรีบนำทางไปอย่างรวดเร็ว ส่วนจ้าวม่านเถียนก็ยังคงคุกเข
ตั้งแต่ตอนนั้นอี้จิ่นหลีนี่เองที่เป็นคนคอยปกป้องหลิงอี้หรานเสมอมา!……หลิงอี้หรานเดินตามอี้จิ่นหลีเข้าไปในห้องส่วนตัว แล้วทั้งสองก็นั่งลงโดยมีผู้จัดการคอยเสิร์ฟของว่างให้“ลองกินดูสิ แก้หิว ขนมที่นี่ไม่เลวเลยนะ” พูดจบชายหนุ่มก็ยื่นขนมชิ้นหนึ่งให้เธอหลิงอี้หรานมองขนมตรงหน้าแล้วลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหยิบมากินในที่สุดอี้จิ่นหลีวางเมนูลงตรงหน้าเธอ “พี่ลองดูสิว่าอยากกินอะไร?”“ไม่ต้องหรอก คุณสั่งเลย ฉันกินอะไรก็ได้” เธอเอ่ยในขณะที่กำลังเคี้ยวของว่างไปเรื่อย ๆ ราวกับว่าไม่สามารถลิ้มรสอะไรได้เลยอี้จิ่นหลีจึงหรี่ตาลงแล้วจ้องมองคนตรงหน้าเล็กน้อยทันใดนั้นก็เกิดบรรยากาศเย็น ๆ รอบกายอดไม่ได้ที่ผู้จัดการจะกลั้นหายใจ พลางหัวใจเต้นแรง กลัวว่าชายหนุ่มจะอารมณ์ไม่ดีแต่โชคยังดีที่มีรอยยิ้มค่อย ๆ แต่งแต้มบนใบหน้าของอี้จิ่นหลี “งั้นฉันช่วยพี่สั่งแล้วกัน”เขาพูดพร้อมกับสั่งอาหารติดต่อกันหลายเมนู เมื่อจดรายการครบแล้วผู้จัดการก็เดินออกไปเมื่อก้าวออกมาจากห้องนั้น ผู้จัดการก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะไปคิดว่าอี้จิ่นหลีจะปกป้องผู้หญิงคนนั้นถึงขนาดนี้“ผู้จัดการ จริงหรือเปล่าที่คุณอ
ร่างบางตัวแข็งทื่อกว่าเดิม พลางเบือนหน้าหนีอย่างไม่รู้ตัว ไม่อยากให้เขาเห็นสีหน้าของเธอในตอนนี้“คิดแค่ว่าฉันเป็นอี้จิ่นหลีงั้นเหรอ ตอนที่เพื่อนร่วมห้องรังแกและดูถูกพี่แบบนั้น ฉันเป็นคนที่ทำให้เธอต้องคุกเข่าลงขอโทษ เพื่อที่เธอจะได้ไม่กล้าทำอะไรพี่อีก ไม่ว่าใครหน้าไหนที่กล้ามาดูถูกพี่ ฉันสามารถทำให้คนพวกนั้นต้องร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้าพี่ได้เหมือนกัน”“แล้วยังไง ก็คือจิ้งจอกที่อยากทำตัวเป็นเสือก็เท่านั้น” เธอพูด“แล้วไม่ดีหรือไงที่พี่จะสามารถพึ่งพาฉันได้?” เขาเอนกายลงพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน แล้วมองหลิงอี้หรานพูดคุยกันราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปหลิงอี้หรานมองอีกฝ่ายด้วยความสับสน คิดว่าวันนั้นที่ขอร้องเขาไป แล้วเขาปฏิเสธมาแบบนั้น จะทำให้เขาและเธอไม่ได้พบเจอกันอีกผู้ชายที่เย่อหยิ่งอย่างเขาจะยอมให้ผู้หญิงปฏิเสธลงได้อย่างไร?แล้วเธอก็คาดไม่ถึงว่าจู่ ๆ เขาจะมาปรากฏตัวถึงห้องเช่า แล้วยังพาเธอมาที่นี่ได้อีกก่อนหน้านี้เขาจงใจบังคับจ้าวม่านเถียนให้คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ เพียงเพราะทำให้เธอเข้าใจว่า ‘อี้จิ่นหลี’ คนนี้คือใครกันแน่“คุณต้องการอะไรกันแน่?” เธอมองเขาอย่างสงสัยแววตาของชายห
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นอี้จิ่นหลีจึงตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ “เข้ามา”เมื่อประตูถูกผลักออก ผู้จัดการและพนักงานเสิร์ฟก็ถืออาหารเข้ามา หลิงอี้หรานอยากจะดึงมือออก แต่อี้จิ่นหลีกลับดึงมือของเธอเอาไว้ “อย่าขยับสิ มันยังเย็นอยู่เลย”ผู้จัดการและพนักงานเสิร์ฟต่างก็มองหน้ากัน จนหลิงอี้หรานรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าทว่าอี้จิ่นหลีก็ยังคงจับมือเธอไว้อย่างนั้นตลอดนี่ใช่… คุณอี้จริง ๆ ใช่ไหม? เท่าที่ได้ฟังมาแม้จะมีผู้หญิงมานอนแก้ผ้าตรงหน้าอี้จิ่นหลีก็สามารถจับผู้หญิงเหล่านั้นโยนทิ้งข้างถนนได้ง่าย ๆ และไม่แยแสด้วยซ้ำเขามักจะเย็นชากับผู้หญิงเสมอ แต่สำหรับผู้หญิงธรรมดาคนนี้… เขาช่างอ่อนโยนเหลือเกินน่าตกใจจริง ๆ โชคดีที่ผู้จัดการกระแอมไอขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน และขอให้พนักงานเสิร์ฟสาวคนนั้นวางอาหารและเครื่องดื่มลงให้เร็ว ก่อนจะรีบออกไปจากห้องพลางปิดประตูอย่างระมัดระวัง“เมื่อกี้นี้เราไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหมคะ ผู้จัดการ?” สาวน้อยกระซิบข้างหูผู้จัดการของเธอเบา ๆ “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครคะ?”เขาจึงตอบอย่างจริงจัง “คงจะเป็นนายหญิงคนใหม่ของเมืองเฉินน่ะสิ”ใช่ ถ้าเธอทำให้อี้จิ่นหลีตกหลุมร
“ดื่มจนกว่าฉันจะพอใจ” เขาเอ่ยหลิงอี้หรานเม้มปากแน่นแล้วลดตาลงมองแก้วไวน์ในมืออีกฝ่าย แสงไฟในห้องส่องลงบนใบหน้านวล สังเกตเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังรู้สึกอะไร“กลัวว่าฉันจะรังแกตอนที่พี่เมาเหรอ?” เขาเอ่ยราวกับอ่านใจเธอออก “ถ้าฉันอยากได้ผู้หญิงสักคนจริง ๆ ผมมีอีกหลายร้อยวิธี ฉันจะไม่ใช้วิธีนี้ ถึงแม้ว่าฉันจะรังแกพี่ที่นี่ก็จะไม่มีใครพูดอะไรเลย”ถูกต้อง หลิงอี้หรานหัวเราะเยาะตัวเองในใจ เธอคงคิดมากไปจริง ๆเธอจึงหยิบแก้วไวน์ขึ้นดื่มทันทีรสชาติของมันทั้งหวานและมีรสขมนิด ๆ ที่จริงแล้วเธอดื่มไม่เก่งนัก ส่วนใหญ่ตอนที่ไปทำงานเธอมักจะดื่มเพียงแชมเปญในตอนนั้นเธอยังเป็นแฟนของเซียวจื่อฉี จึงไม่มีใครบังคับให้เธอดื่มได้อี้จิ่นหลีรินไวน์ลงในแก้วหลิงอี้หรานมากขึ้น แล้วมองเธอดื่มมันเป็นแก้วที่สองก่อนจะมองเธอดื่มต่อไปทีละแก้ว ราวกับพยายามกินยาเพื่อทำให้เขาพอใจว่าแล้วรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของอี้จิ่นหลี ราวกับว่าเห็นเธอดื่มแบบนี้ก็ยิ่งมีความสุขหลังจากที่ดื่มไปมาก หลิงอี้หรานก็รู้สึกมึนหัวเล็กน้อย แขนขาเริ่มอ่อนแรง แม้แต่จะพูดก็ยังพูดติดอ่าง“คุณก็ต้องดื่มด้วยสิ…” หลังจากที่เห็นไวน์แดงรินเต็มแ
ในที่สุดเธอก็พูดประโยคนี้จบอย่างติด ๆ ขัด ๆ “ได้” เขาตอบ อย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องที่เขาเคยสัญญาไว้ ในเมื่อเขาได้เห็นเธอตอนเมาแล้ว เขาก็ควรทำอย่างที่เธอคาดหวัง คือการปล่อยคนเหล่านั้นไปเขาดึงแก้วจากในมือของเธอ และยกดื่มอีกครั้งร่างเล็กเมามากจริงๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เรียกเขาว่า “อาจิน”ชายหนุ่มไม่รู้ตัวแม้แต่นิดว่าตนชอบฟังเธอเรียกเขาว่า “อาจิน” มากขนาดไหน น้ำเสียงที่เธอเรียกชื่อ “อาจิน” มันอ่อนโยนเสียจนราวกับมีคนกำลังเฝ้าคอยคุณในคืนราตรีอันอ้างว้างเธอเผยยิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มอ่อนหวานนั้นราวกับเธอทำภารกิจสำเร็จแล้ว เธอก็ทิ้งน้ำหนักลงที่ตัวของเขาทันที แขนทั้งสองของเธอโอบคอเขาไว้ “อาจิน ฉัน… ฉันง่วง อยาก… อยากนอน…”หญิงสาวพูดอู้อี้ และหลับกลางอ้อมกอดของร่างสูงเขาก้มหน้า มองร่างบางในอ้อมแขนเหม่อ ๆเธอเมื่อมีสติ ระแวงเขาถึงขีดสุด แต่เธอที่นอนหลับ กลับทิ้งความระแวงเหล่านั้นจนสิ้น“ว่าแล้ว ตอนพี่เมาน่ารักกว่าจริง ๆ” เขาพึมพำเสียงแผ่ว ยกมือปัดผมที่ติดอยู่ข้างแก้มของเธอเบา ๆแก้มของเธอแดงระเรื่อจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ดวงตาหลับพริ้ม ทำให้เห็นขนตาที่งอนเป็นแพเล็กน้อยของเธอได้ดียิ่งขึ้น จมูกจิ
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ