หลิงอี้หรานยังไม่เข้าใจหลักฐานทางวัตถุและคำให้การที่เป็นเอกฉันท์ของพยานจนถึงทุกวันนี้“คนพวกนั้นก็เหลือเกินจริง ๆ กล้าทำกับเธอแบบนั้นได้ยังไง? พวกเขาทำตัวมีศีลธรรมสูงส่งแล้วมาตัดสินเธอทั้งที่ไม่ได้รู้อะไรแท้ ๆ” ชินเหลียนอีกล่าวอย่างขุ่นเคืองหลิงอี้หรานตอบอย่างใจเย็น "มันไม่มีความหมายสำหรับฉันหรอก”ชินเหลียนอีนึกถึงอาการบาดเจ็บทั้งหมดบนร่างกายของเพื่อนตอนที่อี้หรานเพิ่งออกจากคุกมา เธอเห็นทั้งแผลใหม่และเก่า แม้ว่าอี้หรานจะไม่เคยเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นในคุก ซินเหลียนอีก็พอจินตนาการได้ถึงความเลวร้ายที่อี้หรานเจอมา ตอนที่อยู่ในคุกอี้หรานต้องทุกข์ทรมานมากแน่“จินคืออี้จิ่นหลีจริง ๆ เหรอ?" ชินเหลียนอีถามเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา“ใช่" หลิง หรานพยักหน้า“แต่... ถ้าเขาเป็นอี้จิ่นหลี ทำไมเขาถึงแสร้งเป็นคนจรจัดและอยู่กับเธอในห้องเช่านานขนาดนี้ล่ะ?” เธอถาม ซินเหลียนอีไม่เข้าใจว่าคนรวย ๆ อย่างอี้จิ่นหลีทำไมถึงได้มีรสนิยมแปลก ๆ แบบนั้น“สำหรับเขามันก็แค่เกมน่ะ” หลิงอี้หรานตอบอย่างขมขื่น ตอนที่เธอได้ยินเขาพูดแบบนั้นกับหูของตัวเอง เธอรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ จินที่รักของเธอคนที่คอยอุ่นมือให้เธอ รอเ
"ไม่ต้องห่วงน่า ฉันไม่เป็นไร" หลิงอี้หรานตอบ ทุกคนที่ศูนย์บริการสุขาภิบาลรู้ดีอยู่แล้วเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่ทำให้ห่าวเหมยยวี่เสียชีวิตและเธอเคยติดคุกสามปี…ชายผู้เอนกายบนโซฟามือข้างหนึ่งหนุนศีรษะและอีกข้างหนึ่งถือแก้วไวน์แดงยกขึ้นจิบเป็นครั้งคราว ชายคนนี้ดูหล่อเหลา ไร้เดียงสาและมีเสน่ห์จากสายตา การปรายตามองของเขาอาจจะทำให้คนตกหลุมเสน่ห์ของดวงตาลึกซึ้งคู่นั้นได้ ทั้งเกินต้านทาน ไร้กำลัง และพร้อมอกพร้อมใจที่จะตกหลุ่มเสน่ห์ของเขา ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมถึงมีสาวไฮโซมากมายในเมืองเฉินที่หลงใหลเขา เย่ฉงเว่ยมองอี้จิ่นหลี และอดถอนใจออกมาไม่ได้ แม้ว่าจะมีคนมากมายหลงใหลเขา บางคนถึงกับกล้าจะเข้าหาเขา คนที่มีความกล้าพวกนั้นสุดท้ายก็ต้องพบจุดจบน่าเวทนาแล้วกลายเป็นเรื่องตลกในเมืองเฉิน"ทำไมนายมาดื่มคนเดียวที่นี่ล่ะ? ถ้านายมาหาเพื่อนที่นี่ นายควรพาผู้หญิงคนนั้นมาด้วยสิ ฉันอยากเจอเธอจริง ๆ ว่า ผู้หญิงแบบไหนกันที่ทำให้นายทิ้งนายท่านในวันส่งท้ายปีเก่าได้" เย่ฉงเว่ยถามเขาอยากรู้เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้มาก ถึงแม้อี้จิ่นหลีจะบอกว่ามันเป็นแค่เกมและไม่จำเป็นต้องพบเธอ แต่เย่ฉงเว่ยก็อดสงสัยไม่ได้ เพราะเขาไม่เค
แม้ว่าเธออยากจะจูบเขาแต่เขาก็ปฏิเสธสิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเธอรู้ว่าเขาเปลี่ยนแฟนเร็วขนาดไหน ทุกคนต่างพูดว่าระยะเวลาในการเป็นแฟนของเขานั้นสั้นมาก เพียงไม่กี่เดือนเขาก็เบื่อแล้ว เธอต้องจับใจเขาให้ได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และเธอก็จะไม่ยอมให้เขาเบื่อเธอแน่ เธอไม่ได้ตั้งใจจะเป็นแฟนสาวของเขาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น เพราะยิ่งอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะต้องการเขามากขึ้นเท่านั้นเพราะหลังจากได้มีชีวิตที่ดีแบบนี้แล้ว ใครจะอยากกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมกันล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้น… หลิงลั่วอินเหลือบมองหน้าตาด้านข้างอันหล่อเหลาของกู้ลี่เฉิน ผู้ชายคนนี้สามารถทำให้ผู้หญิงล้มได้อย่างง่ายดาย และเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นเธออยากจะใกล้ชิดกับเขา ไม่ใช่แค่เพื่อชื่อเสียงและความมั่งคั่งที่เขามอบให้เธอเท่านั้น แต่เพราะเธอต้องการผู้ชายคนนี้จริง ๆเมื่อดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจเต้นดังนั้นไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะต้องจับผู้ชายคนนี้ไว้ให้ได้ “วันนี้มีเพื่อนผมอยู่ที่นี่ ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักเขา” เสียงของกู้ลี่เฉินดังก้องในหูของหลิงลั่วอิน“ค่ะ” เธอตอบรับอย่า
จู่ ๆ เหงื่อเย็นก็ไหลออกมาบนแผ่นหลังของหลิงลั่วอิน หรือว่า... คนคนนี้จะเป็น...“อะไรน่ะ จิ่นหลี พวกนายรู้จักกันเหรอ?” เย่ฉงเว่ยที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกประหลาดใจ เท่าที่เขารู้หลิงลั่วอินเป็นเพียงดาราระดับสาม ตามหลักแล้ว ทั้งสองคนไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันได้เลย“อื้ม เมื่อก่อนเคยเจอกันครั้งนึง” อี้จิ่นหลีพูดนิ่ง ๆดวงตาของหลิงลั่วอินเบิกกว้าง และหัวใจของเธอก็แทบจะกระโดดออกมา เป็นเขาจริง ๆ ด้วยเขาคือ… คนที่อาศัยอยู่กับหลิงอี้หราน?! ในเวลานั้น ทุกคนในครอบครัวยังสงสัยว่า หลิงอี้หรานไปรู้จักกับอีกฝ่ายในคุกเสียอีก ใครจะคิดว่าคนคนนี้จริง ๆ แล้วคืออี้จิ่นหลี ผู้ที่ปกครองเมืองเฉินด้วยมือเดียว!หลิงลั่วอินแทบจะเป็นลม นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ทำไมหลิงอี้หรานและอี้จิ่นหลีถึงอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านเช่าโทรม ๆ แบบนั้น?!กู้ลี่เฉินมองไปที่อี้จิ่นหลีและหลิงลั่วอินด้วยความประหลาดใจ แล้วถามว่า "ลั่วอิน ทำไมคุณไม่บอกว่าคุณรู้จักจิ่นหลีมาก่อนล่ะ?"หลิงลั่วอินตัวสั่น และหัวเราะออกมาเพียงสองครั้งก่อนจะพูดขึ้นว่า "ตอนนั้น... ฉันยังไม่รู้ว่าคุณอี้เป็นใคร" หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็รีบยิ้มอย่างขอโทษที่อี้จิ
แม้จะสัมผัสริมฝีปากของเธอแล้ว เขาก็เช็ดนิ้วกับผ้าเช็ดหน้าสะอาด ราวกับว่าบนริมฝีปากเธอมีสิ่งสกปรกพฤติกรรมที่ขัดแย้งกันนี้ทำให้เธอเต็มไปด้วยความสับสน แต่เธอก็ไม่กล้าถามอะไร“ไม่จำเป็นต้องขอโทษ คุณเป็นแฟนผม ขอแค่คุณใส่ใจผม ส่วนคนอื่นจะคิดยังไงก็ช่าง” กู้ลี่เฉินกล่าวการกระทำของเขาอ่อนโยนราวกับว่ากำลังกอดรัดสมบัติที่ล้ำค่า แต่น้ำเสียงของเขากลับฟังดูเย็นชาและห่างไกลมากบางครั้งหลิงลั่วอินก็รู้สึกว่า เธอไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้จริง ๆ เขากำลังคิดอะไรอยู่ และเขาต้องการอะไร“ฉัน… ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” หลิงลั่วอินพูดตะกุกตะกักกู้ลี่เฉินดึงมือกลับไปและหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดนิ้วอย่างละเอียดตามปกติหลิงลั่วอินกัดริมฝีปากของเธอเล็กน้อย วันหนึ่งเธอจะต้องได้ผู้ชายคนนี้ให้ได้ เธอจะกลายเป็นแฟนคนสุดท้ายของเขา และในอนาคต เธอจะต้องได้แต่งงานกับตระกูลกู้!ขณะนี้ หลิงลั่วอินก็แอบปฏิญาณในใจ!……ปีใหม่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในวันที่แปดของปีใหม่ทางจันทรคติ หลิงอี้หรานกลับไปทำงานที่ศูนย์บริการสุขาภิบาล เห็นได้ชัดว่า เพื่อนร่วมงานของเธอหลายคนได้อ่านข่าวที่มีคนโยนไข่และผักใส่เธอนอกโรงพยาบาลและพวกเขาก็เริ่มซุบซิบ
จริง ๆ แล้วหลิงอี้หรานเคยชินกับคนแบบนี้แล้ว หลายคนจะดูถูกคนงานสุขาภิบาล บางครั้งถึงพวกเขาชนคนของสุขาภิบาลจนล้ม แต่พวกเขากจะโทษว่าเป็นความผิดของคนงานสุขาภิบาลอยู่ดี“ช่างเถอะค่ะพี่ซู มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”หลิงอี้หรานกล่าว เธอและพี่ซูยังคงกวาดถนนต่อไป หลังจากเลิกงานแล้ว หลิงอี้หรานก็เปลี่ยนชุดทำงาน ทันใดนั้นเธอก็พบสร้อยข้อมือเงินหนึ่งในกระเป๋าของเธอสร้อยข้อมือเส้นนี้อยู่ในกระเป๋าของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? หลิงอี้หรานรู้สึกงงงวย เพราะเธอทำงานกะกลางคืนจึงไม่มีใครอยู่ในสถานีสุขาภิบาลแล้ว หลิงอี้หรานทำได้แค่เก็บสร้อยข้อมือกลับไปก่อน ตั้งใจว่าค่อยเอาไปลงทะเบียนทรัพย์สินที่สูญหายในวันพรุ่งนี้เมื่อกลับมาถึงบ้านเช่า ทั้งห้องก็มืดและเงียบสงัดเมื่อก่อน ตอนเธอกลับมาจากกะดึก ห้องจะยังคงสว่าง และอาจินจะอยู่รอเธอ แต่ตอนนี้… หลิงอี้หรานเปิดไฟ ห้องนั้นก็ว่างเปล่า เธอทำได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นตกดึก ขณะนอนอยู่บนเตียง เธอก็หยิบสร้อยข้อมือออกมา มันเป็นสร้อยข้อมือเงินของเด็ก ๆ และการออกแบบก็ดูธรรมดา ก่อนจะจำขึ้นมาได้ว่าเธอก็เคยมีสร้อยข้อมือที่คล้ายกันเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กสร้อยข้อมือเส้นนี้
มือของเธอคลำหาโทรศัพท์มือถือข้างเตียงแล้วดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาตีสามแล้วเธอยังนอนต่อได้อีกหน่อยขณะที่เธอกำลังจะหลับตา ทันใดนั้น เธอก็ลุกขึ้นนั่งอย่างกะทันหัน ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอก็เบิกกว้าง และมีสีหน้าเหลือเชื่อชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างโต๊ะอาหารในห้องเช่าของเธอ และกำลังเล่นกับสร้อยข้อมือสีเงินที่หล่นเข้ามาในกระเป๋าของเธอวันนี้ภายใต้แสงสลัว ชายคนนั้นดูเหมือนภาพวาดบนกระดาษข้าว คิ้วของเขาหนาและมีสันจมูกสูง ริมฝีปากปากและดวงตาคมเหมือนนกฟีนิกซ์ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยให้ความรู้วสึกเย็นชาและดูห่างเหินขณะที่เขามองมาที่เธอ หลิงอี้หรานรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นภาพลวงตาผู้ชายคนนี้มีอยู่จริงเหรอ? หรือว่า… ตอนนี้เธอกำลังฝันอยู่?!“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงของชายคนนั้นทำลายความเงียบในห้องทันใดนั้นหลิงอี้หรานก็กลับมามีสติอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริง!“คุณ คุณเป็นใคร? ทำไมคุณถึงมาอยู่ในห้องของฉันตอนกลางดึกแบบนี้!” หลิงอี้หรานพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่กรีดร้อง เธอยื่นมือออกไปเงียบ ๆ เพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือ และใช้โอกาสตอนที่ชายคนนั้นไม่ทันสังเกตโทรแจ้งตำรวจแต่ก่อนที่เธอจะแตะโทรศัพท
เดี๋ยวนะ… จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็มองเขาอย่างประหลาดใจมากขึ้น เขารู้ได้อย่างไรว่าสร้อยข้อมือของเขาอยู่ที่นี่?เธอพบมันในกระเป๋าชุดทำงานของเธอ เมื่อตอนเลิกงานกะดึกแต่ชายคนนี้กลับรู้ว่าสร้อยข้อมืออยู่กับเธอ แล้วยังรู้ว่าด้วยว่าเธออาศัยอยู่ที่ไหน แถมยังบุกเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ...ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ได้?“คุณบอกว่าเก็บสร้อยเส้นนี้ได้ งั้นคุณก็บอกมาสิว่าอยากได้รางวัลอะไร? ถ้าไม่มากเกินไป ผมก็ให้คุณได้” กู้ลี่เฉินลดศีรษะลงและมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเหยียดหยามเดิมทีเขาตั้งใจจะมาเอาสร้อยข้อมือแล้วจากไป แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่กำลังหลับใหลของผู้หญิงคนนี้ เขากลับอยู่ในห้องนี้ต่อเขาคิดว่าบางทีเขาอาจอยากเห็นว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อเธอลืมตาและตอนนี้เธอลืมตาขึ้นมาแล้ว เธอมีดวงตาสีอัลมอนด์ที่สวยงามมากคู่หนึ่ง รูม่านตาสีเข้ม ขนตาที่งอนยาวช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับดวงตาคู่นั้นไม่น้อยมันเป็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้นมา นัยน์ตาที่ไร้ชีวิตชีวาดูไม่เหมาะกับอายุของเธอเอาเสียเลยราวกับว่าเธอผ่านความยากลำบากอะไรมามากมายและได้สูญเสียความมีชีวิตชีวาที่เธอควรจะมีไปแล
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ