หยงไท่เฟยหันไปมองหน้าอันถงอย่างมีความหมาย “เข้าใจแล้ว ถึงเวลาสักทีเช่นนั้นก็เตรียมการดำเนินตามแผนที่เจ้าวางเอาไว้ได้เลย”“เพคะไท่เฟย”“ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะหาเหตุผลใดมาเลี่ยงข้อหานี้ได้ ขอดี ๆ ไม่ยอมให้ ก็ต้องใช้วิธีนี้”ห้องบรรทมท่านอ๋อง“เห็นว่าเจ้าบอกปัดเรื่องที่ไท่เฟยมาเบิกเงินเพื่อดูแลแขกไปงั้นหรือ”“พระองค์ไม่พอพระทัยหรือเพคะ”ท่านอ๋องถอดชุดคลุมและเดินมาหานางที่หน้ากระจกพร้อมกับจับหวีที่มือของนางมาและหวีเรือนผมของนาง“ข้าบอกกับทุกคนไปแล้วว่าเรื่องนี้ให้เจ้าตัดสินใจ ไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจให้หรือไม่ให้ก็เป็นเรื่องที่เจ้าพิจารณาได้”“อันถงมาเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยมิใช่หรือเพคะ หม่อมฉันเห็นตอนที่นางยืนปาดน้ำตาและพระองค์ส่งผ้าเช็ดหน้าให้ที่หน้าตำหนัก”“เจ้าไม่พอใจงั้นหรือ”เฟยเย่ไม่ตอบเพียงแต่หันไปมองพระพักตร์ท่านอ๋อง “หากเข้าใจไม่ผิดนางคงมาขอร้องแทนไท่เฟย”“ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเจ้าจะเดาผิด นางมิได้มาขอร้องแทนไท่เฟยแต่มาเพื่อแจ้งข่าว”“แจ้งข่าว”“ใช่ การมาของซ่งฟางหรูเป็นแผนการของไท่เฟยที่รับปากสกุลซ่งเอาไว้ว่าอยากให้นางมาเป็นพระสนมของข้า ไท่เฟยรับเงินของสกุลซ่งมาหนึ่งหมื่นตำลึงเพื่อเร
สิ้นเสียงนั้นเขาก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีกนอกจากเสียงลมหายใจของเขาและเสียงครางของนางเมื่อเขาเริ่มขยับแก่นกายเข้าออก ความเสียวซ่าน ความปรารถนาและไฟราคะที่สุมอกอยู่นานจนท่วมถูกปลดปล่อยออกมาจากทั้งคู่“อ๊าา….ท่านอ๋อง”เขายกขานางขึ้นสูงจนบั้นท้ายนางลอยขึ้นและกระแทกกลับเข้าไปอีกครั้ง เขาเองก็จะถึงฝั่งแล้วเช่นกันจึงได้เร่งจังหวะไม่นานนักเฟยลี่ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่เริ่มไหลเข้ามาในกายนาง มันทั้งอุ่นจนร้อนแต่นางกลับไม่สนใจ นางสนใจเพียงใบหน้าของท่านอ๋องในยามนี้ที่ทำให้นางหลงใหลพร้อมกับเสียงครางที่เขาระบายออกมา“เฟยลี่ เจ้าจะทำให้ข้าเป็นบ้าเข้าสักวัน”“พระองค์เองก็….แข็งแรงมากเพคะ”“พูดเช่นนี้ เจ้าจะทนรับข้าไหวอีกรอบหรือไม่”“ทรงตรัสว่าอย่างไรนะเพคะ อ๊ะ ท่านอ๋องเพคะ อื้อ…อ๊าา ”ท่านอ๋องที่พึ่งจะได้ลิ้มรสชาติของพระชายาแล้วมีหรือที่จะปล่อยนางเพียงแค่รอบเดียว มือหนาล้วงไปบีบเคล้นหน้าอกพร้อมกับเริ่มซุกไซ้ที่ซอกคออย่างหยอกเย้า เฟยเย่บิดไปมาราวกับไปกระตุ้นเขาเพิ่มขึ้นจื่อหานจับขานางยกขึ้นพร้อมกับสอดใส่เข้าไปในทันที เฟยเย่สะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็เริ่มคุ้นชินกับมันแล้ว“อ๊าา…เดี๋ยวก่อนเพคะหม่อมฉัน อ๊าา ยัง
“เจ้าคงไม่คิดจะปิดบังเรื่องนี้ได้หรอกนะ ตอนนี้รองแม่ทัพนั่นกลับมาถึงเฉินโจวแล้ว หากว่าจะให้เขามายืนยันเรื่องนี้ เจ้าว่าเขาจะกล้าหลอกลวงท่านอ๋องหรือไม่เล่า”“พระองค์….ทรงเตรียมแผนการนี้มานานแล้วสินะเพคะ”“จับนางเอาไว้!!”“พระชายาเพคะ หยุดนะ พวกเจ้าจะทำสิ่งใดกับพระชายาอย่านะ!”“เจ้าหลีกไป!!”“พี่อันถง นี่พระชายานะเจ้าคะ”“ข้าบอกให้เจ้า…หลีกไป”“พี่อันถงแต่ว่า…”“ผลัก!!”“หยุดนะ” / เฟยเย่อันถงผลักสาวใช้ที่ติดตามเฟยเย่มาไปชนกับเสาจนหน้าผากแตกและล้มลง ฟางหรูมาช่วยอันถงจับพระชายาเอาไว้“ปล่อยข้านะ!!”“พระชายาก็อยู่เฉย ๆ สิเพคะ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือนนะเพคะ”“อันถง ข้าจะนับถึงสาม”“พระชายาคงไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปเป็นเรื่องอื้อฉาวจนทำให้สกุลหลินเสียหายหรอกนะเพคะ ทางที่ดี ยอมให้ท่านหมอตรวจดี ๆ ก็จะทราบแล้วว่าก่อนหน้านี้ พระองค์เคยทำแท้งมาก่อนหรือไม่!!”“เจ้าไม่ปล่อยใช่หรือไม่ แม่นางซ่งข้ากับเจ้าไม่เคยมีความแค้นเคืองกัน ข้าจะให้โอกาสเจ้า”“นังสารเลว เป็นเพียงลูกพ่อค้าชั้นต่ำกล้าดีเช่นไรแย่งตำแหน่งพระชายาของข้าไป”“หึ ลูกพ่อค้างั้นหรือ แล้วเจ้าเล่าเป็นถึงบุตรขุนนางแต่ทำตัวเยี่
เฟยเย่ทรุดตัวลง ครั้งนี้นางหมดแรงไปจริง ๆ เมื่อได้ยินท่านอ๋องเอ่ยนามของบุรุษหนุ่มตรงหน้า เขานี่เอง เขาคือ “ลั่วมู่เฉิน” พ่อของบุตรในครรภ์ของพี่สาวฝาแฝดเว่ยจื่อหานตกใจเมื่อเฟยเย่ล้มลงเขาจึงช้อนตัวนางขึ้นมาอุ้มและพาเดินเข้าไปยังตำหนัก นางซบหน้าไปที่แผงอกของเขาพร้อมกับตัวที่สั่นเทา ท่านอ๋องเองก็เริ่มสังเกตอาการผิดปกตินี้แต่ในตอนนี้เขายังไม่อยากพูดสิ่งใดมาก เมื่อเดินเข้ามาก็ต้องตกใจกับสภาพด้านในตำหนักที่เห็น “เกิดอะไรขึ้นที่นี่”เขาเห็นสาวใช้ที่กำลังนั่งทำแผลให้กันอยู่ที่มุมห้อง ซ่งฟางหรูที่มีสาวใช้อีกสองคนพยุงมานั่งทำแผล ไท่เฟยที่นั่งกุมขมับและดมยาอยู่ที่เก้าอี้ เมื่อนางเห็นเขาเข้ามาพร้อมกับลั่วมู่เฉินจึงรีบลุกขึ้นมาทันที“ท่านอ๋อง รีบปล่อยนังแพศยานั่นลงเดี๋ยวนี้ นางเป็นตัวกาลกิณี ทำเรื่องบัดสีคาวโลกีย์อย่างไม่น่าให้อภัย”“ว่าอย่างไรนะ ท่านพูดอะไรกัน นี่ต่อหน้าผู้อื่น เหตุใดกล้ากล่าวหาพระชายาของข้า แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นที่นี่”“ท่านอ๋องก็ทรงถามคนที่พระองค์อุ้มอยู่สิว่านางทำสิ่งเลวร้ายอันใดกับฟางหรูที่เป็นบุตรขุนนางในราชสำนักและอันถง สาวใช้คนสนิทของข้าจนนางบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น”ท่านอ๋องพ
ลั่วมู่เฉินหันไปมองที่ไท่เฟยอย่างวิตก สายพระเนตรของท่านอ๋องหันมามองเขาด้วยความตกใจ พระชายาเองก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเขา มีเพียงหยงไท่เฟยเท่านั้นที่นั่งอยู่ราวกับผู้ชนะเป็นผู้พูดออกมา“ไม่กล้างั้นหรือ เรื่องที่เจ้าแอบเข้าห้องส่งตัวพระชายาหลังจากที่ท่านอ๋องออกไปรับราชโองการนั่น…”ท่านอ๋องถึงกับตกพระทัย เขาเบิกตากว้างและมองไปยังลั่วมู่เฉินสลับกับพระชายาที่นั่งหน้าซีดราวกระดาษก็มิปาน“นี่มันเรื่องอะไรกันไท่เฟย ท่านกล่าวเรื่องเหลวไหลอันใดกัน!!”“เรื่องเหลวไหลงั้นหรือ หึ เกรงว่าจะเป็นท่านอ๋องที่รับความจริงไม่ได้มากกว่า เรียกอันถงออกมา!”ไม่นานอันถงก็ถูกสาวใช้สองคนพยุงออกมา ดูท่าแล้วฝานป๋ายคงทำแผลให้นางอย่างดี“อันถง คืนนั้นเจ้ารู้เห็นอะไร ก็ทูลท่านอ๋องไปเถอะ”“อันถง เจ้า….”“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันเองเพคะ หม่อมฉันไม่กล้าทูลเพราะเห็นว่าพระองค์ทรงลุ่มหลงพระชายา แต่เรื่องนี้….เป็นความจริง”“ความจริงอันใดกัน เรื่องเป็นมาอย่างไร”“คืนวันส่งตัว หลังจากที่พระองค์ออกมาจากห้องส่งตัวแล้ว หม่อมฉันเห็นว่าในห้องส่งตัวนั้นดับไฟไปแล้ว เมื่อรับราชโองการแล้วท่านอ๋องก็ไปเตรียมตัว ไท่เฟยจึงให้หม่อมฉันมาแจ้งกับ
“เจ้านี่มันปากมากเสียจริง รีบพูดมา เจ้ายังต้องรีบไปตรวจอาการนางด้วย”“ท่านไม่รู้สึกแปลกใจสิ่งใดบ้างเลยหรือ”“เจ้าหมายถึงเรื่องใดเล่า”“ลองนึกย้อนไปสิ ตอนที่ท่านพบพระชายาที่กำลังเตะสาวใช้ผู้นั้นลงมา…”“ในตอนนั้นข้าวิ่งไปหานาง นางก็แทบจะไม่มีแรงยืนแล้ว”“จากนั้นเล่า”“จากนั้นลั่วมู่เฉินก็เดินมา และบอกว่าช่วยคนเจ็บแล้วนางยังขอบคุณ….เขา......เจ้ากำลังจะบอกว่า..”“ใช่ พระชายาพูดกับลั่วมู่เฉิน ราวกับคนแปลกหน้าที่พึ่งรู้จักกัน”“นั่นสิ และไม่ใช่การเสแสร้งด้วย นางพูดกับเขาอีกหลายคำก่อนที่ข้าจะ…เอ่ยชื่อเขาขึ้นมา หลังจากนั้นนางก็เริ่มเปลี่ยนท่าทีไป เจ้ากำลังจะบอกว่า…”“ข้ามิอาจบอกสิ่งใดท่านได้ เรื่องนี้คงจะมีแค่นางเท่านั้นที่จะบอกท่านได้ เอาละรีบเดินกลับไปเถอะ ข้าจะได้ตรวจรักษานาง”“แต่ว่าข้ากับนาง….ไม่สิ เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง เจ้าไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วรู้ได้อย่างไร”“วันก่อนพระชายานำตำรับยาไปพบข้าโดยบังเอิญที่ร้านของข้า ตอนที่ส่งนางออกมานางชนเข้ากับลั่วมู่เฉินเข้าพอดีน่ะ”“เดินชนกันงั้นหรือ”“ใช่ นางขอโทษเขา ท่านลองเดาดูสิ ว่าระหว่างทั้งคู่เกิดอะไรขึ้น”“ข้า…ไม่รู้”“นางขอโทษเขาและถามว่าเขาบาดเจ็
“เจ้าบังอาจ….”“เจ้าไม่รู้จักข้าหรืออย่างไร ผู้คนเรียกขานข้าหมอเทวดาเจ็ดฟ้าดิน เจ้าคิดว่าเพียงแค่ตรวจพรหมจรรย์สตรี ข้าต้องปลดอาภรณ์พวกนางก่อนจึงจะตรวจได้หรืออย่างไร”“เจ้า…ไม่ได้ล่วงเกินเฟยลี่จริง ๆ ใช่หรือไม่”“บุปผางามล้ำค่าผู้ใดกันจะกล้าอาจเอื้อม จื่อหานข้ามิใช่คนฉวยโอกาสเช่นนั้น ข้ากับท่านเป็นสหายกันมานาน ไม่โง่ผิดใจกับท่านด้วยเรื่องสตรีหรอก เอาออกไป....มันคม”ท่านอ๋องดึงดาบออกมาและพุ่งมันกลับไปโดยไม่มอง ดาบถูกเก็บเข้าไปที่เดิมก่อนที่เขาจะเดินกลับมานั่งที่เดิม ฝานป๋ายจึงเริ่มรินชามะลิของเขาและจิบดู“พูดมา อย่าให้ข้าต้องถาม ข้า…”“โมโหจนพูดอะไรไม่ออกแล้วใช่หรือไม่ หึ จื่อหานท่านที่สุขุมเคร่งขรึมกับทุกเรื่อง เหตุใดจึงร้อนรนจนหมดท่าเช่นนี้ต่อสตรีเพียงผู้เดียว”“เจ้าไม่มีวันเข้าใจข้าหรอก”“หวังว่าข้าจะไม่ต้องเข้าใจ ข้ายังมิอยากเป็นสุนัขที่ไล่กัดคนไปทั่ว”“พูดมาเสียที!!”“นางเป็นสตรีพรหมจรรย์ ท่านเป็นบุรุษคนแรกของนางเรื่องนี้ข้าเอาศีรษะไร้ค่าของข้ารับประกันกับท่านได้”ท่านอ๋องราวกับได้ดื่มชาอุ่น ๆ ในยามเช้า ราวกับต้นไม้ที่ได้รับแสงสว่างของวันใหม่ เขาดีใจจนเริ่มยิ้มออกมาอย่างปกปิดไม่มิด
“แต่หากว่าเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดก่อนหน้านี้จึงไม่เคยมีผู้ใดรู้”“ข้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นสกุลหลินที่มิได้เปิดเผย พวกเขาพึ่งย้ายกลับมาค้าขายที่เฉินโจวนี้ได้ไม่นานเห็นบอกว่าก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่ที่เจียงหนานมาก่อน ที่ย้ายมาที่นี่เพราะเป็นบ้านเกิดของหลินฮูหยิน”“ข้าส่งคนไปสืบหาข่าวและส่งคนแทรกซึมอยู่ในจวนนั้นแต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เลย ทั้งบ่าวไพร่และคนในจวนไม่มีผู้ใดปริปากเรื่องของนายออกมาเลย พวกเขานับว่าดูแลบ่าวไพร่เป็นอย่างดี”“ท่านจะทำเช่นไรต่อ หากว่าท่านไม่ถามเราก็ไม่มีทางแก้ไขข้อกล่าวหานี้ให้กับพระชายาของท่านได้แม้ว่าท่านจะออกมาปกป้องนางแต่ความคลางแคลงใจของนางก็มิอาจหมดสิ้นไปได้”“มีอยู่คนหนึ่งที่อาจจะช่วยไขข้อข้องใจนี้กับข้าได้”“ท่านหมายถึงผู้ใด”“หลินเต๋อ บิดาของนาง”ค่ำวันนั้นท่านอ๋องส่งฝานป๋ายกลับไปแล้วจึงเดินกลับขึ้นไปที่ห้องของพระชายาเพราะนางไม่ยอมลงมากินข้าวเย็น เขาต้องสั่งให้คนนำอาหารเย็นไปส่งให้นางที่ห้อง“เฟยลี่ ข้าเข้าไปได้หรือไม่”นางมิได้ตอบกลับมา เขาจึงถือโอกาสเปิดเข้ามา พระชายานั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง สายตานางมองออกไปด้านนอกอย่างเหม่อลอยไร้จุดหมาย เป็นเช่นนี้นางถึงมิ
เฟยเย่หลับไปหลังจากให้นมท่านหญิงน้อยไม่นานเพราะความอ่อนเพลีย หลังจากนั้นท่านอ๋องน้อยก็เดินกลับมาพร้อมกับอาชิงและแม่นมลี่ที่บอกท่านอ๋องน้อง จื่อหรงเรื่องการคลอดบุตร“จริงหรือแม่นม ครั้งที่คลอดข้าเสด็จแม่ก็ร้องเช่นนี้หรือ”“ใช่เพคะ แต่ครั้งนี้พระชายาทรงเจ็บสองครั้งเพราะว่าท่านอ๋องน้อยได้น้องสาวเพิ่มมาสองคนเลยนะเพคะ”“สองคนหรือ สองคนเลยงั้นหรือ ที่เสด็จพ่อบอกว่าจะมีแฝดคือคลอดสองคนงั้นหรือ”“ใช่เพคะ ท่านอ๋องอยากจะไปเยี่ยมท่านหญิงทั้งสองหรือไม่เพคะ”“ข้าไปได้งั้นหรือ แล้วเสด็จแม่เล่า”“พระชายานอนพักอยู่ในห้องพักเพคะท่านอ๋องทรงเฝ้าอยู่เพคะ”“ไป ข้าอยากไปหาน้องสาวของข้า”“ได้เพคะหม่อมฉันจะพาไปนะเพคะ”แม่นมลี่และอาจิงพาจื่อหรงเดินไปที่ห้องของท่านหญิงน้อยสองคนที่นอนอยู่ที่แปลเดียวกัน ซึ่งเป็นเปลที่ท่านอ๋องน้อยเคยใช้มาก่อนหน้านี้แต่ในตอนนี้คงต้องสั่งทำเพิ่มเพราะน้องสาวเขามีสองคน จื่อหรงมองไปยังเด็กที่มีผ้าแพรสีแดงห่อหุ้มอยู่อีกคนห่อด้วยผ้าแพรสีน้ำเงินทั้งคู่หลับสนิทอยู่ในเปลเดียวกัน“นั่น…เด็กงั้นหรือเหตุใดพวกนางจึงตัวเล็กและนอนนิ่งนัก”“ท่านหญิงพึ่งจะกินนมและหลับไปเพคะ”“เป็นก้อนกลม ๆ อ้วน
หลังจากที่ท่านอ๋องน้อยได้รับการสอนวิชาดาบ มากว่าสามเดือน วันนี้เว่ยจื่อหรงได้มีโอกาสจับดาบเป็นครั้งแรก อาจารย์ผู้สอนให้เขาทดลองจับดาบกิเลนไฟที่เขาได้รับจากท่านอ๋องในวันครบรอบหนึ่งขวบ ท่านอ๋องแม้ว่าในครั้งแรกจะแทบยกไม่ขึ้นแต่ก็ไม่ทิ้งความพยายามในการร่ำเรียน ไม่นานก็เริ่มคล่องและเริ่มฝึกอย่างจริงจัง“เหตุใดเจ้ายังมานั่งดูจื่อหรงอยู่ตรงนี้อีกเล่าเฟยเฟย แล้วยาพวกนี้ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าไม่ให้ทำแล้ว เหตุใดพวกเจ้าไม่ปรามนาง”“ก็แค่นั่งคัดแยกเอาไว้แก้เบื่อเพคะ เหตุใดพระองค์ช่างบ่นมากความ บ่นมากกว่าแม่นมลี่เสียอีก”“ท้องเจ้าโตขนาดนี้ยังจะมานั่งตากลมอีก แม้ว่าจะเป็นช่วงปลายฤดูหนาวแล้วแต่อากาศก็ยังคงเย็นอยู่นะ”ท่านอ๋องบ่นพลางกับสวมชุดคลุมให้เฟยเย่อีกชั้นหนึ่งเพื่อให้ร่างกายนางอบอุ่นแต่เขาดึงถาดยาที่นางถือไว้ยื่นไปให้อาจิงแล้วพร้อมกับจับมือนางมาซุกเตาอุ่นมือ“มือเย็นขนาดนี้ยังจะเถียงข้าอีก เหตุใดเจ้าต้องดื้อแข่งกับจื่อหรงด้วยนะ”“พระองค์ทรงกังวลเกินไปต่างหาก หม่อมฉันก็แค่…”ท่านอ๋องหันไปมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวแปลก ๆ ของพระชายา พร้อมกับที่นางเริ่มจับที่ท้องที่โตเกินกว่าตัวนาง“เฟยเฟยเจ้าเป็นอะไร
ฤดูหนาวห้าปีถัดมา“จื่อหรง เจ้าอย่าวิ่งเล่นไปทั่วเช่นนั้นหากเสด็จพ่อมาเห็นเจ้าเล่นดาบไม้แล้วไม่นำไปเก็บให้ดีละก็….”“เสด็จแม่ ท่านก็อย่าบอกเสด็จพ่อสิพ่ะย่ะค่ะ ลูกแค่อยากเล่นเพิ่มอีกหน่อยมิใช่ว่าจะไม่เก็บแต่เมื่อเช้าอาจารย์หวางเอ่ยชมข้าด้วยว่าข้าตอบกลยุทธ์การศึกได้ยอดเยี่ยม”“ก็ได้ ๆ แต่เจ้าอย่าวิ่งวนไปใกล้สระเช่นนั้น หากพลัดตกลงไปแม่จะลุกไปช่วยเจ้าไม่ทัน”“ท่านอ๋องเสด็จ!!”“หรงเอ๋อร์เสด็จพ่อมาแล้ว รีบมานั่งนี่เร็วเข้าทำตัวเงียบ ๆเก็บดาบไม้เจ้าไปก่อน”แม้ว่าจะปรามบุตรชายก่อนหน้านี้แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริง ๆ พระชายาก็ไม่อยากให้ท่านอ๋องน้อย “เว่ยจื่อหรง”ต้องถูกท่านอ๋องตำหนิเอาได้ แม้ว่าพักหลัง ๆ เว่ยจื่อหานจะลดความดุดันลงแล้วบ้างเพราะเห็นว่าพระชายาตั้งครรภ์อยู่ก็ตาม“เฟยเฟย เหตุใดยังนั่งตากลมอยู่ตรงนี้อีก ทำไมไม่รีบเข้าไปพักในตำหนักหิมะเริ่มจะตกแล้ว”“หม่อมฉันแค่มานั่งเล่นและตรวจดูยาสมุนไพรที่นำมาตากเอาไว้ พอหิมะตกเลยสั่งให้คนเก็บเพคะ”“ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำอีกเจ้าก็ไม่ฟัง จื่อหรงวันนี้อาจารย์หวางบอกพ่อว่าเจ้าตอบคำถามในชั้นเรียนได้อย่างยอดเยี่ยม เจ้าอยากได้รางวัลอะไร”“เสด็จพ่อ ได้
ท่านอ๋องยืนกอดพระชายาไว้พร้อมกับมองหิมะที่ตกลงมาก่อนจะพยุงนางเดินกลับรถม้าที่จอดรออยู่ เขานั่งกอดนางมาตลอดทางเพราะคิดว่านางเห็นภาพการประหารเช่นนั้นคงจะไม่สบายใจ“เฟยเฟย เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง”“หม่อมฉันรู้สึกดีและอบอุ่นมากเพคะเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของพระองค์เช่นนี้”“แล้วเจ้าหายกลัวหรือยัง”“หม่อมฉันมิได้กลัวนะเพคะ เพียงแค่รู้สึกเศร้าไปหน่อยเท่านั้น”“เศร้างั้นหรือ”“คนคนหนึ่งทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่อยากครอบครอง จนทำเรื่องที่ผิดไปมากมาย อันถงไม่น่าจบชีวิตเช่นนี้หากว่านางมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ก็คงจะดีเพคะ”“ไม่มีผู้ใดเลือกได้นอกจากตัวนางเอง นางเลือกเดินเส้นทางที่ผิดตั้งแต่แรก”“จริงด้วย ว่าแต่แม่นางซ่ง…”“อ้อ ข้าเองก็ลืมบอกเจ้าไป จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางเลยตัดสินใจไปที่อารามหย่งชิงพร้อมกับไท่เฟยเพื่อจะไปดูแลนางน่ะ พวกนางจะออกเดินทางในอีกสองวัน”“เช่นนี้นี่เอง ท่านอ๋องไม่เสียพระทัยหรือเพคะ”“หืม ข้าหรือเหตุใดต้องเสียใจอีกเล่า”“ก็เห็นวันก่อนพระองค์ยังคลอเคลียกับนางในตำหนักอย่างสนิทสนม คิดว่าจะห้ามมิให้นางไปแสวงบุญเสียอีก”“นี่เจ้า!! นั่นมิใช่เพราะทำตามคำสั่งเจ้าหรืออย่างไร สั่งให้ข้าทำเช
โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากอีก เฟยเย่รู้ดีว่าเขาจะทำสิ่งใดเมื่อเขาจับนางหันหน้ามาและจับนางนั่งคร่อมเขาอีกครั้ง เมื่อครู่พึ่งจะล้างตัวกันไปเอง เสียงน้ำกระเพื่อมทำให้เฟยเย่เริ่มจุดไฟรักเร่าร้อนนั้นอีกครั้งด้วยตัวเอง“ท่านอ๋อง เสียว….อ๊าาา ในน้ำนี่..”“ดีใช่หรือไม่”“อื้มมม ดี อ๊าา เสียวดีจัง อ๊าา จื่อหาน หม่อมฉันช้ำไปหมดแล้ว”“อีกรอบเดียวนะ ข้าสัญญาว่าจะล้างตัวแล้วพาเจ้าไปนอนพักแล้ว แต่ตอนนี้ อาา เหตุใดยังคับแน่นอยู่เช่นนี้กันนะ เฟยเฟยของข้าช่าง งดงามจริง ๆ”“อ๊าาา ท่านอ๋องเพคะ”“เปลี่ยนท่าหน่อย ไม่ไหวหรอกท่านี้มันเสียวเกินไป”“เดี๋ยวก่อน มันแคบเช่นนี้ อ๊าา…”เขาจับนางไปเกาะที่ขอบสระพร้อมกับดันกระแทกจากด้านหลัง ท่านอ๋องไม่เคยลดละความดุดันลงได้เลยในเรื่องนี้ น้ำกระเพื่อมออกเกือบครึ่งสระแต่เขากลับไม่ใส่ใจเสียงน้ำและกล้ามเนื้อกระแทกกันทำเอาทั้งคู่อารมณ์กระเจิงจนทั้งสองเริ่มเกร็ง เฟยเย่จับขอบสระเอาไว้แน่นพร้อมกรีดเสียงร้องออกมา ท่านอ๋องเองก็จับบั้นท้ายนางเอาไว้แน่นเช่นกัน“อาาา…เฟยเฟย…”ท่านอ๋องต้องอุ้มนางขึ้นมาหลังจากที่ทั้งคู่ล้างตัวเสร็จ เขาวางนางลงที่เตียงพร้อมกับกอดนางเอาไว้“พรุ่งนี้พระองค์
ทหารดึงตัวนางขึ้นและพาเดินออกจากห้องโถงไป อันถงไม่มีท่าทีของคนที่รู้สึกผิดเลยสักนิด เมื่อเดินผ่านหลินเฟยเย่นางหันกลับมาพูดกับนางอีกครั้ง“เจ้าคิดหรือว่าท่านอ๋องจะรักเจ้าเพียงคนเดียว เขากำจัดข้าได้ ก็ทำกับเจ้าได้เช่นกัน”เฟยเย่หันไปสบตากับอันถง แม้ในตอนนี้จะถูกจับและรอลงทัณฑ์ แต่อันถงก็ยังไม่รู้สึกกลัว“ข้าไม่เหมือนเจ้า อย่างน้อยข้าก็ไม่เคยวางแผนร้ายเพื่อแย่งผู้ใดมา”“อย่ามั่นใจมากไปหน่อยเลย เขาไม่มีหัวใจตั้งแต่แรกอย่าคิดว่าเขาจะรักเจ้า”“อันถง เพียงแค่ท่านอ๋องไม่รักเจ้า มิได้หมายถึงว่าท่านอ๋องไม่มีหัวใจที่สำคัญ ข้ามั่นใจและเชื่อใจในตัวท่านอ๋องมากพอ”“เจ้า….”“นำตัวนางออกไปได้แล้ว”“พ่ะย่ะค่ะพระชายา”ท่านอ๋องเดินมาหลังจากฝานป๋ายให้คนพยุงหยงไท่เฟยกลับเข้าไปพักผ่อนแล้ว“เจ้าพูดสิ่งใดกับนางงั้นหรือ”“ก็แค่ สั่งลาครั้งสุดท้าย”“เจ้าไม่ขอให้ข้าลดโทษให้นางงั้นหรือ”“ไม่เพคะ โทษที่นางได้รับสมควรแล้ว หม่อมฉันจะไปดูการประหารนางด้วยตนเองพรุ่งนี้ มองด้วยตาของตัวเองจนถึงช่วงเวลาสุดท้าย”“ได้สิข้าอนุญาต พวกเรากลับตำหนักก่อนดีหรือไม่”“ไท่เฟยเข้าไปพักแล้วหรือเพคะ”“ไปแล้วละ นางขอข้าว่าหากหายดีแล้ว อ
“อันถง เจ้าบ้าไปแล้ว”“ข้าบ้าแล้วอย่างไรเล่า เจ้าไม่รู้หรอกว่าการแอบรักคนคนหนึ่งมาตลอดเกือบยี่สิบปี เฝ้ามองเขาอยู่ข้าง ๆ เขาจนเขาเติบโตไปพร้อมกับข้า แต่จู่ ๆ เจ้าก็แย่งไป!!”“ข้าไม่ได้แย่งเจ้าไป หากว่าท่านอ๋องจะรักเจ้าเขาคงเลือกเจ้าไปตั้งแต่แรกแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมรับ”“ไม่จริง!! หากไม่มีพวกเจ้าสองพี่น้องเข้ามา ท่านอ๋องต้องเลือกข้าอย่างแน่นอน ท่านอ๋อง ใช่หรือไม่ ท่าน….”ท่านอ๋องถึงกับทำสีพระพักตร์ไม่ถูกเมื่อเขามองอันถงชัด ๆ นางเปลี่ยนไปมากจริง ๆ เปลี่ยนจากในตอนเด็กที่เป็นเด็กเรียบร้อยและมักตามเขาไปในที่ต่าง ๆ คอยดูแลเรื่องอาหารการกินเวลาที่เขาฝึกหนัก แต่สายตาของนางในตอนนี้กลับมิใช่เด็กสาวที่ใสซื่อในวันนั้น“เหตุใดพระองค์มองหม่อมฉันเช่นนั้น พระองค์คงจะไม่…..”“อันถง ข้าไม่เคยคิดกับเจ้าเกินเลยไปกว่าคำว่าน้องสาวที่เติบโตมาด้วยกัน ข้าบอกเจ้าทุกครั้งว่าเจ้าจะต้องพบกับบุรุษที่ดีและเหมาะสมกับเจ้าและรักเจ้ามากในสักวัน แต่คนคนนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ข้าแน่นอน”“ไม่จริง!! พระองค์โกหก เป็นเพราะนาง นางเข้ามาแทรกระหว่างท่านกับข้า ท่านจึงได้หลงกลนางและลุ่มหลงนาง ท่านอ๋องทอดพระเนตรสิเพคะ นี่หม่อมฉันท
อันถงหันไปมองหน้าซ่งฟางหรูพร้อมกับบีบน้ำตา“ไท่เฟยเป็นดุจมารดาและญาติของข้าเพียงคนเดียว เหตุใดท่านจึงได้ทำเช่นนี้”“ไม่ใช่ข้านะ!! ท่านอ๋องเพคะ เรื่องนี้ต้องมีคนปองร้ายหม่อมฉัน”“แล้วเจ้าคิดว่าจะเป็นผู้ใดไปได้เล่า”“แต่ผู้ที่ให้ยาไท่เฟยคือพระชายา ต่อให้ยานี่เป็นยาพิษก็ไม่ได้เกี่ยวกับหม่อมฉันนะเพคะ พระชายาเป็นคนร้ายตัวจริง!!”“เดิมทีคิดว่าเจ้าจะสำนึกได้ คิดไม่ถึงว่านอกจากจะไม่สำนึกยังกล่าวโทษข้าอีก ซ่งฟางหรูข้าจะบอกเจ้าฟังให้ชัด ๆ ยาที่เจ้าส่งให้ข้า ถูกข้าสลับยาจริง ๆ นั่นเพราะข้ารู้ว่ายาที่อยู่กับเจ้า คือยาพิษ”“อะไรนะ….”""เป็นไปไม่ได้""อันถงเผลอตัวอุทานออกมาพร้อมกับฟางหรู แม้ว่าผู้อื่นจะไม่ได้ยินแต่ท่านอ๋องได้ยินชัดเจน “ซ่งฟางหรูทางที่ดีเจ้ารับสารภาพมา ยานี่เจ้าไปเอามาจากที่ใด เจ้าคงไม่คิดว่าจะมีที่ที่สายตาข้าไปไม่ถึงใช่หรือไม่”ฟางหรูและอันถงเริ่มเข่าอ่อนไปพร้อม ๆ กันเมื่อท่านอ๋องกล่าวจบ แม้ว่าอาจจะเป็นเพียงแค่คำขู่ แต่ก็น่ากลัวมากพอที่ทำให้ซ่งฟางหรูตัวสั่นจนเริ่มหันไปมองที่อันถง“หมะ…หม่อมฉัน….”“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วนะ หากเป็นเช่นนี้ เกิดเรื่องขึ้นและต้องไต่สวน เกรงว่าจะไม่ใช่เจ้า
ท่านอ๋องหันไปมองหน้าของซ่งฟางหรูที่มุ่งประเด็นไปยังพระชายาของเขาในทันที แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะบอกกับเฟยเย่ว่าแผนการที่นางคิดเอาไว้อาจจะมีช่องโหว่ให้อันถงและซ่งฟางหรูจับได้แต่นางกลับบอกว่า“พวกนางจะไม่สงสัยพระองค์เลย ขอเพียงแค่พระองค์ดีกับนางนิดหน่อย นางก็พร้อมจะเชื่อในสิ่งที่เห็นแล้วเพคะ”นึกไม่ถึงว่าพระชายาของเขาจะพูดได้ถูกต้อง พวกนางไม่เพียงสงสัยแต่กลับเดินเข้าไปในแผนของเฟยเย่โดยง่าย หรือว่านี่คือสิ่งที่มีเพียงสตรีด้วยกันเท่านั้นที่จะรู้ทันความคิดของกันและกัน เขานึกเลื่อมใสเฟยเย่เล็กน้อยแต่ก็ต้องรีบจัดการเรื่องตรงหน้านี้ก่อน“เร็วเข้ารีบไปพาตัวพระชายามาที่นี่ สั่งปิดประตูตำหนัก ห้ามคนเข้าออก”“พ่ะย่ะค่ะ”พวกเจ้ารีบไปเอาตัวอันถงมาที่นี่ด้วย หากว่า…เกิดเรื่องไม่คาดคิดพวกนางจะได้…."“ท่านอ๋องเพคะ พระชายาช่างเหี้ยมโหดใจดำยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่านางจะกล้าทำร้ายไท่เฟยถึงในนี้ หากว่าหม่อมฉันยืนกรานมิให้นางป้อนยาให้ไท่เฟย คงไม่เป็นเช่นนี้ หม่อมฉันผิดเองเพคะ”“อาการของไท่เฟยทรงตัวมานานไม่แน่ว่านางอาจจะทนพิษไม่ไหวก็เลย…”“แต่หากมิใช่ยาที่พระชายาให้ไท่เฟยคงไม่กำเริบรุนแรงและรวดเร็วเช่นนี้ นางต้องไ