เสียงปะทะดังสะท้านทั่วทั้งม่านพิภพตระกูลฮั่น วิชายุทธ์พิฆาตที่ผสานไปด้วยวิญญาณยุทธ์อันหลากหลายได้สร้างความเสียหายอย่างหนักเป็นวงกว้างส่งผลให้อาคารบ้านเรือน สิ่งก่อสร้างโดยรอบรัศมีล้วนถูกทำลายไปจนสิ้น ยิ่งสนามต่อสู้ของสุดยอดฝีมือของทั้งสองฝ่ายแล้วล้วนเต็มไปด้วยจิตสังหารที่สร้างแรงคุกคามต่อผู้ฝึกต้นที่อ่อนด้อยในพลังลมปราณจนไม่อาจย่างก้าวเข้ามายุ่งย่ามบริเวณส่วนนี้ได้“ไม่คิดว่าผู้อาวุโสลู่แห่งตระกูลหวังจะมากไปด้วยฝีมือเช่นนี้...” บุรุษวัยกลางคนที่เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสสำนักเทพมารที่ถูกส่งตัวมาได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับแสยะยิ้มมุมปาก“สวะเช่นพวกเจ้าที่ละทิ้งเผ่าพันธ์ไปเข้าร่วมกับพวกมารปีศาจอย่าได้ทะนงว่าตนแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น วันนี้ตาเฒ่าผู้นี้จะสั่งสอนเจ้าเอง!!”"ช่างไม่กลัวความตายเสียจริง!!!"พริบตาเดียวนั้นกรงเล็บที่ห่อหุ้มด้วยปราณมารก็บรรลุถึงเบื้องหน้าของลู่หลาน แรงสะกดข่มของพลังปราณที่ถูกเสริมแกร่งด้วยค่ายกลดวงตามารได้สร้างความกดดันเพิ่มขึ้นหลายเท่า เผชิญหน้ากับกระแสพลังขั้วตรงข้ามของฝ่ายมากเช่นนี้ทำให้ยากที่จะขยับตัวได้ดั่งใจนึก อย่างไรก็ตามกระบี่ในมือยังคงถูกยกขึ้นต้านรับกรงเล็บมารนี้ได้
ห้วงมิติพลันบิดเบี้ยวไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะปรากฎเงาร่างของผู้มาเยือนใหม่ที่มีรูปลักษณ์งดงามยากที่จะเปรียบเทียบ ผมสีดำยาวสลวยจรดกลางหลังได้ถูกรวบมัดเป็นทรงเสียบด้วยปิ่นปักผมพร้อมทั้งเครื่องประดับสีเงิน ชุดคลุมสีขาวไล่ระดับสีเขียวอ่อนเป็นสีประจำตัวนั้นจรดลากยาวไปถึงพื้นที่ถูกปักด้วยดิ้นสีทองลวดลายดอกโบตั๋นบานสะพรั่ง ส่งเสริมให้ชายหนุ่มผู้นี้ดูบอบบางน่าทะนุถนอมเป็นอย่างยิ่งทว่าจิตสังหารอันเข้มข้นที่แผ่ซ่านออกมาอย่างฉับพลันได้ส่งผลให้กองกำลังและพันธมิตรของตระกูลฮั่นต่างถูกแรงสะกดข่มนี้ไปถึงห้วงลึกของจิตวิญญาณ ใบหน้าถือดีเมื่อครู่พลันขาวซีดไปชั่วขณะก่อนจะก้าวถอยหลังด้วยความโกรธระคนหวาดกลัวยามเมื่อต้องเผชิญกับสายตาของอีกฝ่ายที่ประกายวาวโรจน์ไปด้วยความอาฆาต นัยน์ตาสีดำสนิทได้ปลดปล่อยความเย็นยะเยือกที่เต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวและบั่นทอนจิตใจอย่างถึงขีดสุด ผู้ที่อ่อนด้อยของรากฐานบ่มเพาะต่างถูกแรงกดทับของจิตสังหารนี้จนร่างกายระเบิดแตกออกเป็นชิ้นเนื้อทั้งสิ้นหนิงอ้ายจ้องมองศัตรูตรงเบื้องหน้าด้วยความเย็นชา หลังจากที่เขาช่วยเหลือท่านลุงรองหวังเฟยหลงจัดการผู้บุกรุกม่านพิภพตระกูลหวังแล้ว เขาจึงรี
เขตแดนเทพสังหารถือเป็นเขตแดนแห่งพลังอำนาจมหาศาลที่เปี่ยมไปด้วยความล้ำลึกพิสดารอย่างถึงที่สุด ผู้เป็นนายแห่งบัญชาการสามารถบิดเบือนกาลเวลาทำให้ผู้ที่อยู่ในรัศมีเขตแดนสามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าหรือข้างหลังชั่วขณะหนึ่งโดยไม่อาจขัดขืน ซึ่งมีประโยชน์เป็นอย่างมากยามเมื่อต้องรับมือกับเหล่าศัตรูที่มีระดับพลังปราณไม่ธรรมดาสามัญ นอกจากนั้นยังดูดซับพลังปราณจากสิ่งมีชีวิตและสมบัติวิเศษเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขตแดน กล่าวได้ว่าภายใต้เขตแดนเทพสังหารนั้นไร้ขีดจำกัด ผู้เป็นนายแห่งเขตแดนถือเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจเหนือกฎเกณฑ์ใดอย่างแท้จริงสิ่งที่น่าตกตะลึงนั้นคือปรมาจารย์โอสถน้อยผู้นี้กลับสามารถบัญชาการเรียกใช้เขตแดนเทพสังหารกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมานั้นเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น แน่นอนว่านามกรอันเลื่องชื่อของเขตแดนเทพสังหารนี้ต่างได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดเขตแดนอันดับต้น ๆ บนมหาพิภพเต็มเปี่ยมด้วยความพิสดารที่แปรเปลี่ยนไปตามความเชี่ยวชาญของผู้บัญชาการ มีเอกลักษณ์โดดเด่นยากที่จะลอกเลียนแบบได้โดยง่ายพวกเขาล้วนกระจ่างแก่ใจว่าผู้เรียกใช้งานเขตแดนเทพสังหารนี้จะต้องได้รับการถ่ายทอดโดยตรงและผ่านการทดสอบจากเ
เป็นเวลาเกือบสามชั่วยามกับศึกปะทะครั้งนี้ท้ายที่สุดแล้วกองกำลังตระกูลหวังและพันธมิตรก็สามารถช่วงชิงชัยชนะมาได้ในที่สุด ฮั่นหลี่เฉียงและผู้อาวุโสคนอื่นแม้จะยังคงมีชีวิต ทว่าการถูกดึงกลับของปราณมารเมื่อครู่โดยไม่สมยอมนั้นได้ส่งผลให้สติสัมปชัญญะเลอะเลือนไปเสียแล้วชวนให้รู้สึกเวทนายิ่งหนิงอ้ายได้เรียกโอสถรักษาระดับสูงเพื่อมอบให้กับทุกคนพร้อมกับกางม่านพลังเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งเพื่อทำการชำระล้างปราณมารที่อาจจะซ่อนเร้นตามเส้นชีพจรลมปราณในร่างกาย แม้จะได้รับบาดเจ็บไปในศึกครั้งนี้แต่ก็นับเป็นเรื่องดีที่ไม่ได้เกิดความสูญเสียถึงชีวิตเช่นกันแน่นอนว่าหนิงอ้ายสามารถบอกห้องลับได้อย่างถูกต้องแม่นยำที่อาจจะต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ในการแก้ไขค่ายกลอักขระเวทย์ชั้นสูงที่ได้สลักกำกับไว้ แม้จะเต็มไปด้วยกับดักตลอดเส้นทาง แต่หนิงอ้ายก็ได้ถ่ายทอดแผนผังพร้อมกับการแก้ไขกลกับดักที่มีอยู่อย่างมากมาย จากนั้นหวังจิ่งหลง หวังป๋อเหวินและหวังเหยหลงต่างแยกย้ายไปค้นหาผู้รอดชีวิตของตระกูลฮั่นที่เหลืออยู่ห้องลับที่ได้ถูกซ่อนอยู่ภายในห้องโถงใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีถึงสามทางเข้า แน่นอนว่าภายในล้วนมีคนตระกูลฮั่นจำนวนมากที่
ร่างกายของหนิงอ้ายที่ได้ดูดซับโอสถหมื่นชีวันอนันต์มหรรณพอันเป็นโอสถระดับสิบในตำนานที่มีฤทธิ์อาณุภาพสรรสร้างสุดยอดกายเนื้อ ได้ส่งผลให้เส้นชีพจร ไขกระดูกรวมไปถึงทุกส่วนในร่างกายล้วนถูกยกระดับอย่างเหนือชั้น อีกทั้งร่างกายของหนิงอ้ายที่ประกอบไปด้วยสี่ปราณธาตุนั่นคือปราณสุริยะธาตุ ปราณทิวาธาตุ ปราณธาตุน้ำและปราณธาตุพิษ ล้วนต่างหวนคืนถึงเขตขั้นต้นกำเนิดด้วยทั้งสิ้นรวมไปถึงวิญญาณยุทธ์อันเกิดจากปราณธาตุทั้งสี่ล้วนได้รับการยกระดับความพิสดารและขุมพลังไปด้วยเช่นกัน กลางทะเลมหาสมุทรลมปราณยังปรากฏเป็นสายโลหิตของเผ่าพันธ์พญามังกรทองอัมพรพิสุทธิ์มหาสวรรค์บรรพกาลกับสายโลหิตของเผ่าพันธุ์พญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์บรรพกาลอันเป็นพลังแห่งสายเลือดอันเข้มข้นของมังกรที่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่งและพลังทำลายล้างกับสายเลือดของเฟยเฟิ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการรักษาปกป้องชีวิตที่กำลังหลอมรวมกันอย่างช้า ๆ ไม่รีบเร่งจนเกินไปเมื่อบรรลุถึงพลังในเขตขั้นนี้กลับกลายเป็นว่าการดูดซับพลังลมปราณฟ้าดินอาจไม่เพียงพอต่อการเลื่อนระดับพลังวิญญาณของหนิงอ้ายไปเสียแล้ว หรือแม้กระทั่งโอสถที่กำลังขจะหลอมสร้างขึ้นมานั้นยังสามารถทำใ
สำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ พิภพระดับกลางเหนือภูเขาน้ำแข็งที่สูงทะลุเสียดฟ้าที่ตั้งตระหง่านมั่นคงมานับพันนับหมื่นปี สถานที่แห่งนี้เป็นดั่งแดนสวรรค์ในใจของผู้คนคงไม่เกินจริงไปนัก สำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะสุดยอดฝีมือนับไม่ถ้วนที่โดดเด่นโลดแล่นสร้างชื่อเสียงไปทั่วทั้งยุทธภพ อีกทั้งทางสำนักศึกษายังวางตัวเป็นกลางและเท่าเทียมไม่แบ่งแยกทั้งสิ้นยึดหลักคำสอนเมตตาธรรมเป็นที่ตั้ง แน่นอนว่าการขึ้นเป็นหนึ่งในห้าของสำนักศึกษาที่ขึ้นชื่อยาวนานตลอดมานี้ ย่อมคาดเดาได้ว่าเบื้องหลังสนับสนุนนั้นย่อมไม่ธรรมดาสามัญแต่อย่างใดลู่ซีในฐานะของศิษย์หลักของตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกล ด้วยเพราะตลอดเวลาสิบปีมานี้เขาได้ทุ่มเทฝึกฝนตัวเองอย่างหนักหน่วง พลังปราณในเขตขั้นราชทินราชันวิญญาณขั้นกลางด้วยอายุเพียงยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีเช่นนี้ ทำให้ของเขานั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสิบของสุดยอดฝีมือขึ้นชื่อสามารถเทียบเคียงกับศิษย์สืบทอดของบางสำนักศึกษาได้เสียด้วยซ้ำ แต่ภายในใจลู่ซีต่างรู้ดีว่าหากเขาต้องการแก้แค้นสำนักมารพวกนั้น แล้วระดับพลังวิญญาณเช่นนี้ย่อมไม่อาจกระทำได้อย่างสำเร็จแน่นอนเร
ยามราตรีที่ม่านเมฆคล้อยลงมาปกคลุมม่านพิภพเปรียบดั่งผ้ากำมะหยี่สีครามอันงดงามจวนตระกูลหวังยามนี้ล้วนประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสีสัน สร้างบรรยากาศอบอุ่นด้วยแสงเทียนนับพันดวงส่องสว่างไสวเคล้าไปกับเสียงดนตรีอันไพเราะบรรเลงขับกล่อมไปทั่วทั้งงานเลี้ยง ทั้งบนโต๊ะที่นั่งยังจัดวางเต็มไปด้วยอาหารเลิศรสอย่างหลากหลายและสุราชั้นดีไว้มากมายเช่นกันค่ำคืนนี้ทางตระกูลหวังได้มีการจัดงานเลี้ยงเปิดตัวคุณชายหวังหนิงอ้ายที่ได้หวนคืนมีชีวิตอีกครั้งด้วยสมบัติวิเศษประจำตระกูลที่ท่านประมุขได้ทุ่มเทพลังลมปราณหล่อเลี้ยงมาตลอดระยะเวลาสิบปีนี้ ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นถึงราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อายุน้อยสุดในรอบหลายร้อยปี ทั้งยังเป็นปรมาจารย์โอสถระดับเจ็ด อันเป็นตัวตนระดับสูงเพียงไม่กี่คนที่สามารถขึ้นชื่อในทำเนียบของวิหารเทพโอสถได้ และยังเป็นผู้ที่มีส่วนช่วยเหลือเป็นอย่างมากในการเอาชนะศึกสงครามกับตระกูลฮั่น แต่อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ล้วนถูกบอกต่อกันแค่ภายในของตระกูลหวัง ด้วยเพราะคุณชายน้อยยังไม่ต้องการเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงในยามนี้ภายในงานเลี้ยงนั้นคลาคล่ำไปด้วยแขกผู้มีเกียรติจากทั้งสี่ตระกูลใหญ่และกลุ่มอิท
หนิงอ้ายครุ่นคิดถึงสูตรโอสถระดับเจ็ดที่เขาตั้งจะจะปรุงขึ้นหลังจากได้สมุนไพรครบถ้วน สมุนไพรระดับเซียนทั้งสองชนิดนี้มิใช้ว่าจะหาเจอได้โดยง่าย เพียงพบเจอชนิดหนึ่งก็นับว่าเป็นวาสนาอย่างยิ่งแล้ว หลังจากที่หน่วยข่าวของตระกูลได้ข้อมูลมาว่าสมุนไพรระดับเซียนทั้งสองที่ หนิงอ้ายต้องการถือเป็นหนึ่งในสิ่งของขึ้นประมูลในหอประมูลสิบเก้าแก้วดาราพิทักษ์อีกไม่นานนี้หอประมูลสิบเก้าแก้วดาราพิทักษ์เป็นหอประมูลที่ขึ้นชื่อของกลุ่มอิทธิพลหนึ่งที่ไม่ปรากฏเบื้องหลัง สิ่งของวิเศษล้ำค่าจากทั่วทั้งสารทิศล้วนหาประมูลได้จากที่แห่งนี้ทั้งสิ้น ด้วยอำนาจบารมีที่สมบูรณ์พร้อมจึงสามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของหอประมูลขึ้นชื่อในยุทธภพ ทั้งยังมีผู้แกร่งกล้าไม่ด้อยกว่าราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณต่างนั่งประจำการแต่ละสาขาเลยทีเดียวสิ่งนี้นับเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาเลื่อนเวลากลับสำนักศึกษา สมุนไพรระดับเซียนต้องอาศัยเวลาดูดซับไม่น้อยกว่าร้อยปีจึงจะสามารถนำมาปรุงโอสถได้ ความยากเช่นนี้ไม่รู้ว่าอีกห้าหกปีจะพบเจอหรือไม่เพราะแต่ละครั้งล้วนพบเจอด้วยความบังเอิญทั้งสิ้นข่าวคราวของงานประมูลครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงสมุนไพรระดับเซียนสองชนิดนี้เท
ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู
ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง
คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต
การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์
หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร
ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต
มหาพิภพพิสดารแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามพิภพ สี่มหาสมุทร แปดมหาทวีป โดยที่สามพิภพนั้นจะแบ่งเป็นดินแดนพิภพระดับสูง ดินแดนพิภพระดับกลางและพิภพระดับล่าง โดยมีสี่ทะเลมหาสมุทรตั้งอยู่ 4 ทิศล้อมรอบที่เชื่อว่าเป็นที่พักพิงของเทพบรรพกาลสูงสุดทั้งสาม และแปดมหาทวีปที่ได้มีการแบ่งการปกครองตามทิศทั้งแปดของดินแดนพิภพระดับกลาง ด้วยเพราะต่างมีผู้ปกครองดินแดนอันเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น ดังนั้นการเดินทางข้ามผ่านแต่ละเขตดินแดนจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งสามพิภพโดยเฉพาะดินแดนพิภพระดับสูงและดินแดนพิภพระดับกลางนั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะพลังปราณในดินแดนพิภพระดับกลาง หากไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์วิญญาณหรือครอบครองพลังวิญญาณในระดับที่101ได้ย่อมไม่อาจก้าวล้ำมายังดินแดนพิภพระดับสูงนี้ได้ด้วยขีดจำกัดของกายเนื้อที่ไม่สามารถรองรับพลังปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วทั้งมหาพิภพ เพราะหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของสายโลหิตและพลังปราณที่ล้ำลึกที่เพียงพอ ไม่กี่ชั่วลมหายใจร่างกายและจิตวิญญาณย่อมถูกบดขยี้ไปสิ้นแต่ในทางก
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล
ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย