ยามราตรีที่ม่านเมฆคล้อยลงมาปกคลุมม่านพิภพเปรียบดั่งผ้ากำมะหยี่สีครามอันงดงามจวนตระกูลหวังยามนี้ล้วนประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสีสัน สร้างบรรยากาศอบอุ่นด้วยแสงเทียนนับพันดวงส่องสว่างไสวเคล้าไปกับเสียงดนตรีอันไพเราะบรรเลงขับกล่อมไปทั่วทั้งงานเลี้ยง ทั้งบนโต๊ะที่นั่งยังจัดวางเต็มไปด้วยอาหารเลิศรสอย่างหลากหลายและสุราชั้นดีไว้มากมายเช่นกันค่ำคืนนี้ทางตระกูลหวังได้มีการจัดงานเลี้ยงเปิดตัวคุณชายหวังหนิงอ้ายที่ได้หวนคืนมีชีวิตอีกครั้งด้วยสมบัติวิเศษประจำตระกูลที่ท่านประมุขได้ทุ่มเทพลังลมปราณหล่อเลี้ยงมาตลอดระยะเวลาสิบปีนี้ ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นถึงราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อายุน้อยสุดในรอบหลายร้อยปี ทั้งยังเป็นปรมาจารย์โอสถระดับเจ็ด อันเป็นตัวตนระดับสูงเพียงไม่กี่คนที่สามารถขึ้นชื่อในทำเนียบของวิหารเทพโอสถได้ และยังเป็นผู้ที่มีส่วนช่วยเหลือเป็นอย่างมากในการเอาชนะศึกสงครามกับตระกูลฮั่น แต่อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ล้วนถูกบอกต่อกันแค่ภายในของตระกูลหวัง ด้วยเพราะคุณชายน้อยยังไม่ต้องการเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงในยามนี้ภายในงานเลี้ยงนั้นคลาคล่ำไปด้วยแขกผู้มีเกียรติจากทั้งสี่ตระกูลใหญ่และกลุ่มอิท
หนิงอ้ายครุ่นคิดถึงสูตรโอสถระดับเจ็ดที่เขาตั้งจะจะปรุงขึ้นหลังจากได้สมุนไพรครบถ้วน สมุนไพรระดับเซียนทั้งสองชนิดนี้มิใช้ว่าจะหาเจอได้โดยง่าย เพียงพบเจอชนิดหนึ่งก็นับว่าเป็นวาสนาอย่างยิ่งแล้ว หลังจากที่หน่วยข่าวของตระกูลได้ข้อมูลมาว่าสมุนไพรระดับเซียนทั้งสองที่ หนิงอ้ายต้องการถือเป็นหนึ่งในสิ่งของขึ้นประมูลในหอประมูลสิบเก้าแก้วดาราพิทักษ์อีกไม่นานนี้หอประมูลสิบเก้าแก้วดาราพิทักษ์เป็นหอประมูลที่ขึ้นชื่อของกลุ่มอิทธิพลหนึ่งที่ไม่ปรากฏเบื้องหลัง สิ่งของวิเศษล้ำค่าจากทั่วทั้งสารทิศล้วนหาประมูลได้จากที่แห่งนี้ทั้งสิ้น ด้วยอำนาจบารมีที่สมบูรณ์พร้อมจึงสามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของหอประมูลขึ้นชื่อในยุทธภพ ทั้งยังมีผู้แกร่งกล้าไม่ด้อยกว่าราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณต่างนั่งประจำการแต่ละสาขาเลยทีเดียวสิ่งนี้นับเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาเลื่อนเวลากลับสำนักศึกษา สมุนไพรระดับเซียนต้องอาศัยเวลาดูดซับไม่น้อยกว่าร้อยปีจึงจะสามารถนำมาปรุงโอสถได้ ความยากเช่นนี้ไม่รู้ว่าอีกห้าหกปีจะพบเจอหรือไม่เพราะแต่ละครั้งล้วนพบเจอด้วยความบังเอิญทั้งสิ้นข่าวคราวของงานประมูลครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงสมุนไพรระดับเซียนสองชนิดนี้เท
**ตั้งแต่บทที่ 162-174 เป็นต้นไป ไรท์จะอัพเดตตอนใหม่ทุกวันในเวลา 19.00น. และจะเปิดอ่านฟรีทุก ๆ วันจันทร์ พุธ ศุกร์ แทนครับ**โอสถหมื่นชีวันอนันต์มหรรณพเม็ดนี้ล้วนครบถ้วนไปด้วยคุณสมบัติของโอสถทิพย์ระดับเจ็ดที่ถูกต้องตรงตามตำราทุกประการทั้งสิ้น หากพินิจจากกลิ่นอายความบริสุทธิ์และสรรพคุณนั้นยังเหนือชั้นกว่าโอสถระดับแปดบางชนิดเสียด้วยซ้ำ แม้จะมีโอสถสร้างกายเนื้อหรือโอสถเพิ่มพูนความเร็วในการบ่มเพาะหลากหลายชนิด ทว่าโอสถเหล่านั้นล้วนมีเงื่อนไขจำกัดเหมาะสมเฉพาะกับผู้ที่ยังไม่เริ่มเข้าสู่เส้นทางผู้ฝึกตนหรือไม่เกินราชทินนามขุนนางวิญญาณเพียงเท่านั้น หากนำไปใช้กับผู้ฝึกตนระดับสูงโอสถเหล่านี้ย่อมไม่ต่างไปจากของขบเคี้ยวไร้ซึ่งประโยชน์ยิ่งระดับพลังวิญญาณบ่มเพาะสูงมากเพียงใดแต่ละเขตขั้นย่อยของแต่ละราชทินนามยิ่งเลื่อนระดับได้ยากมากเท่านั้น ผู้ฝึกตนบางคนถึงกับใช้เวลาไม่น้อยกว่าสิบปีในการเลื่อนระดับขั้นย่อยเพียงหนึ่งขั้น แต่หากได้รับโอสถเม็ดนี้เข้าไปขอเพียงร่างกายสั่งสมพลังปราณฟ้าดินและมีรากฐานบ่มเพาะที่หนักแน่นมากเพียงพอย่อมใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งถึงสองปีก็สามารถข้ามผ่านกำแพงเหล่านี้ได้อย่างไม่ยากนัก“โอสถ
เวลาถัดมานั้นก็ได้มีการนำเอาสมบัติวิเศษระดับสูงอีกหลายชิ้นขึ้นเปิดประมูล จนกระทั่งถึงสมบัติวิเศษชิ้นสุดท้ายที่เป็นถึงสมบัติระดับสูงครึ่งก้าวระดับตำนานที่ขึ้นชื่อในเรื่องการปกปักษ์รักษาชีวิตด้วยอักขระเวทย์ที่เข้มข้นไปด้วยพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ที่อัดแน่น ซึ่งสมบัติชิ้นนี้เป็นสิ่งของประมูลจากกลุ่มนักล่าสมบัติที่ได้ขุดค้นพบเจอในสถานโบราณสถานเก่าแก่ในแดนลับแห่งหนึ่งบรรยากาศในการเสนอราคาประมูลนั้นกล่าวได้ว่าเข้มข้นดุเดือดอย่างถึงที่สุด ด้วยเพราะสมบัติวิเศษระดับครึ่งก้าวระดับตำนานนั้นหาได้พบเจอและครอบครองโดยง่าย แม้กระทั่งตระกูลใหญ่บางตระกูลยังมีครอบครองไม่ถึงสิบชิ้นเสียด้วยซ้ำความต่างชั้นระหว่างสมบัติวิเศษระดับสูงหากเปรียบกับสมบัติวิเศษระดับครึ่งก้าวระดับตำนานอาจกล่าวได้ว่ามีความห่างชั้นยากจะนึกถึงได้เลยทีเดียว ท้ายที่สุดแล้วสมบัติวิเศษชิ้นนี้ก็ตกเป็นของกลุ่มอิทธิพลชั้นหนึ่งที่ไม่สะดวกเปิดเผยนาม ด้วยการแลกเปลี่ยนด้วยสมบัติระดับสูงสามชิ้นชิ้น วิชายุทธ์โจมตีระดับสูงหนึ่งตำราและสมุนไพรระดับสูงอีกห้าชนิด หากตีประเมินเป็นเหรียญทองแล้วมูลค่าถือได้ว่าเป็นราคาประมูลที่สูงสุดในขณะนี้“สิ่งของชิ้นต่อ
หลังจากนั้นก็มีของล้ำค่ามากมายที่ถูกขึ้นวางประมูลอย่างต่อเนื่องด้วยเพราะสิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นที่หมายตาทั้งสิ้นส่งผลให้บรรยากาศในงานจึงยิ่งเป็นไปด้วยความดุเดือดยิ่ง ภายในหอประมูลแห่งนี้เต็มไปด้วยกลุ่มอิทธิพลจากทั่วทั้งสารทิศแต่ละผู้ถือป้ายต่างเสนอสิ่งของแลกเปลี่ยนที่เหนือชั้นอย่างเท่าเทียมไม่อ่อนด้อย ในจังหวะนั้นเองนักปรุงโอสถประจำหอประมูลจึงได้ปรากฎขึ้นพร้อมกับหีบไม้ขนาดใหญ่ จิตวิญญาณของราชทินนามสมญานามอัครราจารย์โอสถแผ่ซ่านไปทั่วทั้งห้องประมูลเป็นดั่งสัญญาณว่าช่วงเวลาหลังจากนี้จะเป็นการประมูลโอสถวิเศษแล้ว“โอสถวิเศษชิ้นแรกนี้นามว่าโอสถปลุกพลังลมปราณ เป็นโอสถระดับห้าขั้นสูงสามารถทะลวงลมปราณแก่ผู้ที่เริ่มเข้าสู่เส้นทางผู้ฝึกตนและช่วยสร้างความแข็งแกร่งของเส้นชีพจรและมหาสมุทรทะเลลมปราณ ผู้ที่ดูดซับโอสถนี้หากมีทรัพยากรสนับสนุนมากเพียงพอย่อมสามารถทะลวงผ่านเป็นราชทินนามขุนนางวิญญาณขั้นต้นได้อย่างไม่ยากนัก..” สิ้นเสียงของลี่อินกล่าวจบลงบรรดาผู้ที่ได้สดับฟังล้วนตกตะลึงกันทั้งสิ้นโอสถปลุกพลังลมปราณแม้จะพบเจอและหาซื้อได้โดยง่าย ทว่าสรรพคุณของโอสถระดับห้าขั้นสูงเม็ดนี้กลับหลอมสร้างได้ยากยิ่ง
บรรยากาศของมหานครจูเชว่ยามนี้กล่าวว่ายังคงเต็มไปด้วยความคึกคักของบรรดาผู้มาเยือนจากทั่วทั้งสารทิศที่ต่างมีจุดหมายเดียวกันคือร่วมประมูลสิ่งของล้ำค่าที่หมายตาเอาไว้ ท้องถนนทุกเส้นทางต่างถูกประดับประดาไปด้วยโคมไฟเวทย์ที่ให้แสงสว่าง เสียงดนตรีจากหอสุราและหอคณิกาดังขึ้นสอดประสานเป็นท่วงทำนองไพเราะ ค่ำคืนนี้กล่าวว่าเป็นอีกหนึ่งคืนที่ไร้ซึ่งแสงจันทร์สาดส่องทว่ายังไรยังคงเต็มไปด้วยแสงสว่างจากบรรดาร้านค้าและบ้านเรือนที่ตั้งอยู่เรียงรายตลอดสองข้างทางขบวนรถม้าของตระกูลหวังได้แล่นผ่านเส้นทางหนึ่งที่สามารถใช้เดินทางกลับถึงม่านพิภพตระกูลหวังโดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อนับว่าเป็นเส้นทางลัดที่สะดวกและรวดเร็วยิ่ง หนิงอ้ายกับเยว่ซินที่ต่างมีบทสนทนาพูดคุยกันบ้างเล็กน้อยตามประสาก่อนที่เสียงฝีเท้าและสัมผัสอันคุ้นเคยจะมุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็วจากทางข้างหลัง พลันปรากฎเป็นเงาร่างของหัวหน้าองครักษ์ที่ท่านตามอบหมายหน้าที่ให้ดูแลพวกเขาในการเดินทางเข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้"ท่านหญิง คุณชายน้อย ดูเหมือนว่ารถม้าของพวกเรากำลังถูกซุ่มโจมตีขอรับ เป็นไปได้ว่าพวกเราต่างตกเข้ามาอยู่ในห้วงมิติที่ถูกปิดผนึกแล้ว..." หวังชุนอ
ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล
ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู
ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง
คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต
การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์
หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร
ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต
มหาพิภพพิสดารแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามพิภพ สี่มหาสมุทร แปดมหาทวีป โดยที่สามพิภพนั้นจะแบ่งเป็นดินแดนพิภพระดับสูง ดินแดนพิภพระดับกลางและพิภพระดับล่าง โดยมีสี่ทะเลมหาสมุทรตั้งอยู่ 4 ทิศล้อมรอบที่เชื่อว่าเป็นที่พักพิงของเทพบรรพกาลสูงสุดทั้งสาม และแปดมหาทวีปที่ได้มีการแบ่งการปกครองตามทิศทั้งแปดของดินแดนพิภพระดับกลาง ด้วยเพราะต่างมีผู้ปกครองดินแดนอันเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น ดังนั้นการเดินทางข้ามผ่านแต่ละเขตดินแดนจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งสามพิภพโดยเฉพาะดินแดนพิภพระดับสูงและดินแดนพิภพระดับกลางนั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะพลังปราณในดินแดนพิภพระดับกลาง หากไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์วิญญาณหรือครอบครองพลังวิญญาณในระดับที่101ได้ย่อมไม่อาจก้าวล้ำมายังดินแดนพิภพระดับสูงนี้ได้ด้วยขีดจำกัดของกายเนื้อที่ไม่สามารถรองรับพลังปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วทั้งมหาพิภพ เพราะหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของสายโลหิตและพลังปราณที่ล้ำลึกที่เพียงพอ ไม่กี่ชั่วลมหายใจร่างกายและจิตวิญญาณย่อมถูกบดขยี้ไปสิ้นแต่ในทางก
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล
ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย