ส่วนเจียงหวานหว่านหลายวันมานี้นางก็ไม่สบายใจเช่นกัน อาหารที่ส่งให้คนนำไปถวายให้ท่านอ๋องก็ถูกปฏิเสธกลับทั้งหมด“คุณหนู ท่านอ๋องบอกให้เอากลับมาเจ้าค่ะ”หลายวันมานี้เมื่อได้ยินคำพูดที่สือหลิวตอบกลับมา เจียงหวานหว่านก็รู้สึกแปลกใจขึ้นท่านอ๋องเป็นอันใดไป เหตุใดถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้เช้าวันต่อมา เจียงหวานหว่านเตรียมอาหารตุ๋นยาจีน ใส่ภาชนะบรรจุเรียบร้อย“คุณหนู ข้าน้อยว่าอย่าไปเลยเจ้าค่ะ เสียแรงเปล่านะเจ้าคะ”สือหลิ่วกล่าวด้วยสีหน้าเป็นทุกข์ นางถูกปฏิเสธมาหลายครั้งหลายคราแล้ว ไม่อยากให้โชคร้ายเจอเช่นนั้นอีกเจียงหวานหว่านนำใส่ห่อเป็นอย่างดี และถือไว้ “ข้าจะไปดูอาการท่านอ๋องสักหน่อย”สือหลิ่วถอนหายใจออกมาด้วยความทอดถอนใจ นางรู้สึกว่าต่อให้เจียงหวานหว่านไปด้วยตัวเองก็จะถูกปฏิเสธกลับมาเช่นกัน“น้ำแกงถ้วยซ้ายให้ฉางเกอ บอกเขาว่าหลังกินเสร็จให้ตั้งใจอ่านตำราเมื่อวานให้ดี แล้วข้าจะไปหาเขาทีหลัง น้ำแกงถ้วยขวาเอาให้ท่านแม่ เจ้าดูท่านแม่ดื่มด้วยล่ะ”“เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะพยายามปลอบใจฮูหยินดื่ม คุณหนูวางใจได้”เจียงหวานหว่านมุ่งหน้าไปที่จวนอ๋อง นางอยากรู้ว่าหรงซีเป็นอันใดไปและขณะที่เจียงหวานหว
หรงซีวางพู่กันลง เลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตาฉายแววใคร่ครวญมุมปากปรากฏรอยยิ้มเยาะ พูดอย่างเย็นชา “เจียงหวานหว่าน เจ้ามาทำไม ต้องการขอร้องอะไรข้าอีก”เจียงหวานหว่านก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เพิ่มระยะห่างระหว่างตัวเองกับหรงซีตอนที่ก้าวถอยหลัง ไม่ได้สังเกตเห็นเก้าอี้ข้างๆ จึงเซไปทางเก้าอี้ตัวนั้นหรงซีรีบวิ่งไปหาเจียงหวานหว่าน โอบแขนรอบเอวของเจียงหวานหว่าน แล้วทั้งสองก็แนบชิดกันลมหายใจอุ่นๆ ของชายคนนั้นเป่ารดใบหน้าของเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหน้าแดงเถือกทันที ยกมือขึ้นดันอกของหรงซี พยายามจะหลุดพ้นจากวงแขนนั้นหรงซีจับมือของเจียงหวานหว่าน นางพิงหลังชนกำแพง มือของเจียงหวานหว่านถูกเกาะกุมด้วยมือของหรงซีหัวใจของเจียงหวานหว่านเต้นรัวเร็ว เสียงสั่นเล็กน้อย “ท่าน...อ๋อง ท่าน...”หรงซีก้มศีรษะลง โน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหูของเจียงหวานหว่าน และกระซิบที่ข้างหูของเจียงหวานหว่านด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความน่าดึงดูด“เขาคือใคร”เจียงหวานหว่านตกตะลึงกับคำพูดของหรงซี ท่านอ๋องถามว่าคือใครงั้นหรือหรงซีเงยหน้าขึ้น ขยับเข้าใกล้ใบหน้าของเจียงหวานหว่าน เจียงหวานหว่านรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดใบหน้าของ
เซี่ยงหรงปกปิดความจริงที่ว่าท่านอ๋องกำลังสะกดรอยตามเจียงหวานหว่านที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง เจียงหวานหว่านรู้แล้วว่าทำไมหรงซีถึงโกรธหากหรงซีเห็น เขาก็ต้องรู้สิว่านางกำลังจะล้ม แล้วกู้จ่างชิงก็ยื่นมือออกมาช่วยนางพอคิดได้ดังนี้ก็รู้สึกดีใจ ดูเหมือนว่าหรงซีก็สนใจตัวเองอยู่เหมือนกัน“รบกวนเจ้านำอาหารไปให้ท่านอ๋องด้วย ไว้วันหน้าข้าค่อยมาเยี่ยมไข้ท่านอ๋องใหม่”เซี่ยงหรงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง มองตามหลังเจียงหวานหว่านที่ออกเดินไปไกลแล้ว จากนั้นก้มหน้ามองอาหารในมือ แล้วก็ทำได้เพียงนำไปส่งให้กับท่านอ๋องเท่านั้น“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”“เข้ามา”เสียงเคาะประตูได้ขัดจังหวะความคิดของหรงซี แล้วประตูห้องตำราก็ก็ถูกผลักเปิดออกเขาคิดว่าคนที่มาคือเจียงหวานหว่าน แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเซี่ยงหรง เขาก็ไม่พอใจอย่างมากเซี่ยงหรงจะเดินไปข้างหน้าก็ไม่กล้าจะถอยหลังก็ไม่ได้ จึงพูดอย่างทำอะไรไม่ถูก “แม่นางเจียงมีธุระจึงขอตัวก่อน นี่คืออาหารที่นางทำให้นายท่าน”เมื่อเห็นว่าหรงซีทำเมินเฉย เซี่ยงหรงก็พูดด้วยความจนใจ “ข้าน้อยจะนำอาหารออกไปเดี๋ยวนี้”“วางลง”หรงซีแค่นเสียงกล่าวอย่างเย็นชาเซี่ยงหรงวางอาหารลงด้วยความเคา
เลือดสีแดงฉานไหลหยดลงที่พื้น ขอทานน้อยยกสองมือจับที่หัวแล้วนั่งขดตัวจางวั่งไฉยังคงสถบด่า “ไอ้สุนัขไร้ค่า ตีมันแรงๆ ตีมันให้ตาย.....”หลังจากตีคนเสร็จ จางวั่งไฉก็จากไปอย่างสง่างามพร้อมกับลูกน้องหมอจากโรงหมอเสวียนรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บของขอทานน้อย ก่อนถอนหายใจออกมา “ไม่มีชีพจร ชีวิตน้อยๆ สูญสิ้นแล้ว”ฝูงชนที่อยู่รอบๆ ต่างก็รู้สึกสงสารขอทานน้อยเจียงหวานหว่านผลักฝูงชนออก ก่อนเดินเข้าไปตรวจสอบอาการบาดเจ็บของขอทานน้อยศัตรูของศัตรูคือมิตร เจียงหวานหว่านตัดสินใจจะช่วยเขา“หมอ ข้าสามารถยืมเข็มเงินได้หรือไม่?”หมอแสดงท่าทีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่งเข็มเงินไปให้เมื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บของขอทานน้อย ก็พบว่าเขายังมีลมหายใจอยู่ เจียงหวานหว่านใช้เข็มเงินในการรักษา“หมอโจวเป็นทายาทของหมอโจวอวี้อี เขาบอกว่าช่วยไม่ได้ก็ไม่ได้ แม่นางเสียเวลาเปล่าแล้ว”“ดูแม่นางคนนี้สิดูไม่เหมือนผู้มีทักษะทางแพทย์เลย”“แล้วใครบอกว่าไม่ใช่ มิรู้ว่าเป็นแม่นางน้อยบ้านใด ช่างทำตัวไร้สาระ!”……ในใจของฝูงชนที่มาชมความตื่นเต้นล้วนเห็นอกเห็นใจขอทานน้อยแต่พวกเขาไม่เชื่อว่าแม่นางคนหนึ่งจะสามาร
โจวไท่ฟู่ยกมือขึ้นคารวะ “ข้าแซ่โจว แม่นางเจียง เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้าดูอาการให้ฉี่เอ๋อร์ดูชำนาญไม่เบา!”“ข้ารู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” เจียงหวานหว่านพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นเจียงหวานหว่านช่วยคนเมื่อครู่ โจวไท่ฟู่ก็นึกถึงภรรยาที่บ้านตนเขาเชิญหมอมากมายมารักษา แต่ไม่มีหมอคนไหนรักษาอาการเจ็บป่วยของภรรยาเขาได้เลย“ฮูหยินของข้านอนป่วยติดเตียงมาเป็นเวลานาน ไม่รู้ว่าแม่นางจะพอเดินทางไปดูอาการให้นางได้หรือไม่”เจียงหวานหว่านครุ่นคิดเล็กน้อย “ย่อมได้”โจวไท่ฟู่ยินดียิ่งนัก “ไม่ทราบว่าแม่นางมีเวลาว่างเมื่อไร? ข้าจะไปตามหาแม่นางได้ที่ใด”“วันพรุ่งนี้ ที่จวนเจียง ถนนหย่งอันทางเหนือ”โจวไท่ฟู่ครุ่นคิดแล้วเอ่ยถามว่า “เจ้าคือคนในจวนเจียงป๋อเหนียน?””ใช่แล้ว ท่านรู้จักบิดาข้านั้นหรือ”โจวไท่ฟู่มองไปยังเจียงหวานหว่านด้วยความตกตะลึงแม่นางคนที่อยู่ตรงหน้านี้ คือคุณหนูจวนเจียงที่เพิ่งเดินทางกลับมาเมื่อไม่นานนี้นางควรจะมีกิริยาท่าทางต่ำต้อยน่ารังเกียจมิใช่หรือ เหตุใดจึงดูสง่างามอ่อนช้อยราวกับคุณหนูในตระกูลสูงส่งเช่นนี้หน้าตางดงามเหลือหลาย ในเมืองหลวงนี้คาดว่าคงไม่มีแม่นางคนใดงามไปกว่านางแล้ว
เจียงหวานหว่านคอยดูอาการให้กู้ฉางเกออย่างใกล้ชิด หลังจากที่สือหลิ่วปรุงยาเรียบร้อยแล้วก็นำมาป้อนให้กู้ฉางเกอ“คุณหนูเจ้าคะ กู้ฉางชิงเดินทางมา เขาให้ข้านำสิ่งนี้ให้ท่าน”สือหลิ่วหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อเจียงหวานหว่านเปิดอ่านพบว่าเป็นลายมือของกู้ฉางชิงคาดว่าเขาคงจะออกเดินทางแล้ว คงจะไม่ทำให้นางผิดหวัง ส่วนน้องชายก็ฝากนางให้ดูแลในจดหมายยังมีโฉนดที่ดินฉบับหนึ่ง ในนั้นเขียนเป็นชื่อเจียงหวานหว่านไว้เจียงหวานหว่านยิ้มขึ้นเล็กน้อย เมื่อมีเรือน ในอนาคตนางและมารดาก็จะมีที่อยู่อาศัยแล้วขณะที่สองนายบ่าวกำลังสนทนากันอยู่นั้น เจียงป๋อเหนียนก็เดินทางเข้ามา“คุณหนูเจ้าคะ นายท่านเดินทางมาเจ้าค่ะ”บ่าวรับใช้รีบเข้ามารายงานสีหน้าของเจียงหวานหว่านเคร่งขรึมลงเจียงป๋อเหนียนนั่งอยู่ในห้องรับรองหลักของเรือนเหมย สีหน้าดูไม่ดีนักบ่าวรับใช้รินน้ำร้อนระอุแก้วหนึ่งให้เขาตอนที่เจียงหวานหว่านเดินตรงเข้ามาก็พบว่าเจียงป๋อเหนียนสีหน้าไม่ยินดีนัก“คารวะท่านพ่อ”เจียงป๋อเหนียนส่งเสียงหึๆ ออกมาแล้วชี้ตำหนิว่า “พ่อเดินทางมาหาเจ้า เจ้ากลับให้คนเตรียมเพียงน้ำเปล่าแก้วเดียว?”“ท่านพ่อเจ
พอเจียงป๋อเหนียนรู้เข้าโกรธมากจนไปหาเรื่องกับเจียงหวานหว่าน“นายท่าน ท่านอย่าโกรธเลย ข้ามีวิธีแล้ว”เฉาหยูเฟิ่งกระซิบเสียงนุ่มเจียงป๋อเหนียนถามอย่างไม่สบอารมณ์ “วิธีใด บอกมาเร็ว”เฉาหยูเฟิ่งวางมือบนไหล่ของเจียงป๋อเหนียน แล้วบีบไหล่ของเขาเบาๆ“นายท่าน ทักษะการวาดภาพของอวิ้นเออร์ไม่เลวเลย ทำไมไม่ให้อวิ้นเออร์ช่วยวาดสักภาพ แล้วส่งไปยังจวนอ๋องในนามของคุณหนูหก”เจียงป๋อเหนียนปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ไม่ได้ ถ้าท่านอ๋องรู้เข้า มิถูกตำหนิแย่หรอกรึ”“นายท่าน...แม้ท่านอ๋องจะรู้ก็ไม่เป็นไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือได้พูดในสิ่งที่ต้องการบอก”เฉาหยูเฟิ่งภายนอกให้คำแนะนำเจียงป๋อเหนียน แต่ภายในนางกลับมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่นางใช้เงินจำนวนมากฝึกฝนเจียงอวิ้น ให้มีความเชี่ยวชาญในด้านพิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันจีน ภาพวาดจีนถ้าท่านอ๋องเห็นพรสวรรค์ของลูกสาวนาง คงต้องมองนางแตกต่างออกไปอย่างแน่นอนเมื่อเจียงหวานหว่านไม่มีท่านอ๋องให้พึ่งพาอีก นางจึงจะมีโอกาสขับไล่หลิ่วซื่อสองแม่ลูกออกจากจวนตระกูลเจียงเจียงป๋อเหนียนพอได้ฟังคำแนะนำของเฉาหยูเฟิ่ง ก็คิดว่าเป็นไปได้ เขาแค่ต้องการข้ออ้างเพื่อไปพบท่านอ๋องเท่านั้น
เจียงหวานหว่านรู้ว่าฮูหยินใหญ่เจียงพยายามเอาใจและพูดกระแนะกระแหนตัวเองด้วย“อืม ฝากขอบคุณท่านย่าแทนข้าด้วย”เมื่อแม่นมหลี่ได้ยินคำตอบของเจียงหวานหว่าน รอยยิ้มบนใบหน้าก็ลึกล้ำยิ่งขึ้นหลังจากที่แม่นมหลี่จากไปแล้ว ผู้ดูแลโจวฝูก็ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูเรือนเหมย ชะโงกหน้ามองเข้าไปในเรือนหมยเมื่อเห็นเจียงหวานหว่านออกมา ผู้ดูแลก็รู้สึกโล่งใจ รีบไปรายงานเจียงป๋อเหนียนทันทีแล้วเจียงหวานหว่านก็พาสือหลิ่วขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปยังจวนโจวโจวไท่ฟู่รออยู่ที่หน้าประตู เขาหวังให้เจียงหวานหว่านช่วยรักษาอาการป่วยให้ภรรยาเมื่อมองเห็นรถม้าของตัวเองจากระยะไกลๆ โจวไท่ฟู่ก็เดินไปมาด้วยอาการกระสับกระส่ายหลังจากเจียงหวานหว่านยกม่านขึ้นและก้าวออกจากรถม้า โจวไท่ฟู่ก็เข้ามารับนางทันที“แม่นางเจียง”เมื่อเจียงหวานหว่านมองตามเสียงไป ก็รู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นโจวไท่ฟู่มารอรับหน้าถึงหน้าประตู“อาจารย์โจว”โจวไท่ฟู่ประกบมือคำนับเจียงหวานหว่านแล้วพูดว่า “แม่นางโปรดมากับข้าด้วย”โจวไท่ฟู่เดินนำเจียงหวานหว่านไปที่ห้องของโจวฮูหยินโจวฮูหยินนั้นมีรูปโฉมงามสง่างามดูภูมิฐาน ทว่าใบหน้ากลับซีดเซียวไร้เลือดเมื
เจียงหวานหว่านตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองชาติก่อน หรงมู่หานขังนางเอาไว้ในห้องลับ ยังมีสตรีอีกนางหนึ่งอยู่ด้วยตอนที่นางถูกจับเข้าไป สตรีนางนั้นก็ถูกนำตัวออกไปสตรีนางนั้นหายใจโรยรินตอนที่หิ้วสตรีนางนั้นออกไป นางได้เห็นใบหน้าสตรีนางนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจตอนนั้นคิดว่าสตรีนางนั้นหน้าตาคุ้นตามากเมื่อรวมกับใบหน้าของหรงซี สตรีนางนั้นและหรงซีมีความคล้ายกันอยู่แปดส่วนคงเป็นเสด็จแม่ของหรงซีซ่างกวนเสวี่ยเจียงหวานหว่านมองหรงซีด้วยสายตาสับสนนางรู้แล้ว เป็นความลับที่ชาติก่อนนางกับหรงซีไม่ล่วงรู้นางคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับหรงซีเช่นไรหรงซีเห็นสีหน้าเจียงหวานหว่านก็คิดว่านางต้องรู้เรื่องบางอย่าง“เจ้ารู้จักเสด็จแม่ข้า?”หรงซีกล่าวประโยคนี้ออกมาสัญชาตญาณเขาบอกเขาว่าเจียงหวานหว่านเคยพบเสด็จแม่ของเขาเจียงหวานหว่านสับสนในใจห้องลับอยู่ในห้องอักษรของฝ่าบาทหากสตรีนางนั้นเป็นเสด็จแม่ของหรงซีจริงเช่นนั้นใครเป็นผู้บงการเรื่องการหายตัวของเสด็จแม่หรงซี ก็ไม่ต้องคาดเดาแล้วเป็นฝ่าบาทองค์ปัจจุบันฝ่าบาทมีประสงค์ใดจึงได้กักขังเสด็จแม่ของหรงซีเอาไว้ในห้องลับหรือเพื่อควบคุมอำนาจทหารในมือหรง
“เจียงหวานหว่าน เจ้าเคยทำอาหารให้เซียวหวายกินหรือไม่?”เจียงหวานหว่านยิ้ม “นอกจากท่านแม่และสือหลิ่วแล้ว ข้าเคยทำอาหารให้ท่านอ๋องแค่คนเดียว”หรงซีพอใจกับคำตอบของเจียงหวานหว่านมาก“ต่อไปทำอาหารให้ข้ากินได้คนเดียวเท่านั้น”เจียงหวานหว่านคิดสักพัก “ได้”หรงซีพอใจมากเมื่อเห็นคราบโจ๊กที่มุมปากนางหรงซีใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดให้ ทำเอาเจียงหวานหว่านเขินจนหน้าแดง“ท่านอ๋อง มือท่านไม่มีแรงไม่ใช่หรือ?”เจียงหวานหว่านถามอย่างรู้ทัน“อืม”หรงซีหน้าไม่แดง ใจไม่เต้นเร็วเจียงหวานหว่านเบะปาก หรงซีกำลังโกหกชัดๆแต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่หรงซีถูกพิษเพราะขนมของนาง นางก็ยอมให้ความร่วมมือกับเขา“ท่านอ๋องต้องกินให้มากหน่อย ไม่แน่พรุ่งนี้ก็อาจลุกจากเตียงได้แล้ว”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยความหงุดหงิด“ยาพิษกลืนวิญญาณ จะหายเร็วเพียงนั้นได้เช่นไร”“ตุบ”ชามในมือเจียงหวานหว่านร่วงลงพื้น“ท่านถูกยาพิษกลืนวิญญาณ?”ผู้ถูกยาพิษกลืนวิญญาณจะต้องตายภายในสามวันนางจับมือของหรงซีแล้ววางนิ้วมือตัวเองทาบลงไปหรงซีเห็นท่าทางร้อนใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นในใจ“ชีพจรท่านอ๋องได้รับความเสียหาย ยังดีที่ยายใบ้อยู่ด้วย
เจียงหวานหว่านส่ายหน้า นางไม่ได้วางยาหรงซี“ปล่อยนาง”หรงซีได้ยินเสียงจึงเอ่ยปาก“ท่านอ๋อง พิษถอนหมดแล้ว พักผ่อนมากๆ”หญิงชรานั่งอยู่ข้างเตียงหรงซีกล่าวเสียงทุ้มต่ำ“ขอบคุณมากยายเฒ่า”หรงซีกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงหญิงชราลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปตอนที่เจียงหวานหว่านได้เห็นใบหน้าหญิงชราก็ใจกระตุกหญิงชราก็คือยายใบ้ อาจารย์ของซิ่วกู่“เทียนซู เจ้าก็ออกไปด้วย”“ท่านอ๋อง แต่ว่า...”เทียนซูไม่ไว้ใจกลัวว่าเจียงหวานหว่านจะคิดร้ายต่อท่านอ๋อง“ออกไป...”แม้เสียงของหรงซีจะอ่อนแรง แต่น้ำเสียงนั้นก็เกินพอแล้วเทียนซูมองเจียงหวานหว่านด้วยสายตาเตือน จากนั้นก็ออกจากห้องไปเจียงหวานหว่านเห็นหรงซีใบหน้าซีดขาว นางไม่กล้าเข้าไปหานางนึกถึงฉากที่หรงซีตายเพื่อนางในชาติที่แล้วขึ้นมา“เข้ามา”หรงซีขมวดคิ้วเจียงหวานหว่านน้ำตาตก เดินเข้าไปหาหรงซี“เจียงหวานหว่าน เป็นโชคดีของเจ้าที่ข้ายังไม่ตาย”หรงซีมองเจียงหวานหว่านที่กำลังตื่นตระหนกทำสิ่งใดไม่ถูกเขาถูกพิษหลังจากที่กินขนมของเจียงหวานหว่านแต่เขาไม่สงสัยในตัวเจียงหวานหว่านสักนิด“ท่านอ๋อง ข้าไม่รู้เหตุใด...”“เจ้าไม่ใช่คนวางยา ข้ารู้”
“ไอ้หยา”เจียงจิ่นเซวียนแกล้งทำเงินตกพื้นอย่างไม่ตั้งใจสือหลิ่วเห็นดังนั้นก็วางกล่องอาหารลงและวิ่งไปเก็บเศษเงินที่ตกกระจายอยู่ทั่วพื้นเจียงจิ่นเซวียนค่อยๆ ขยับและเปิดกล่องอาหารอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โรยผงบางอย่างลงไปสือหลิ่วเก็บเศษเงินกลับมาหมดแล้ว เจียงจิ่นเซวียนกล่าวขอโทษ “แม่นางสือหลิ่วลำบากแล้ว”“ไม่เป็นไร คุณชายสี่ ข้าไปก่อนเจ้าค่ะ”สือหลิ่วหยิบกล่องอาหารขึ้นมาแล้วบอกลาเจียงจิ่นเซวียนเจียงจิ่งเซวียนกล่าวอย่างนุ่มนวล “แม่นางสือหลิ่วเดินทางระวังด้วย”“เจ้าค่ะ”สือหลิ่วรู้สึกเขินอายหลังจากพยักหน้าให้เจียงจิ่นเซวียนแล้ว นางก็เดินทางไปจวนอ๋องในมุมที่สือหลิ่วมองไม่เห็น เจียงจิ่นเซวียนยิ้มเยาะเย็นชานี่คือบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาให้เจียงหวานหว่านสือหลิ่วไม่สงสัยสักนิด นางเดินถือกล่องอาหารมาถึงจวนอ๋องหลังส่งกล่องอาหารเรียบร้อย นางไปร้านหนังสือเพื่อซื้อกระดาษให้เจียงจิ่นเซวียนซื้อกระดาษเสร็จแล้ว สือหลิ่วกลับถึงจวนและนำกระดาษไปส่งให้เจียงจิ่นเซวียน“แม่นางสือหลิ่ว เรื่องซื้อกระดาษในวันนี้ ไม่ต้องบอกน้องหก นางไม่ชอบให้ข้าเข้าใกล้คนเรือนเหมย หากนางรู้ว่าข้าเรียกใช้คนข
เจียงหวานหว่านมองดูรถม้าจวนอ๋องจากไปรถม้าจวนอ๋องไปไกลแล้ว เจียงหวานหว่านเก็บสายตากลับมาและเดินเข้าจวนไป“น้องหก รอก่อน”เจียงจิ่นเซวียนเรียกเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหยุดเดินแล้วถามเสียงเย็น “มีเรื่องใด?”“น้องหก ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง เป็นวาสนาของเจ้านัก ต้องรักษาไว้ให้ดี อย่าทำให้ท่านอ๋องโกรธจนลากคนในจวนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”เจียงจิ่นเซวียนเดินมาข้างกายเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหงุดหงิด เจียงจิ่นเซวียนไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปจริงด้วย คอยแต่จะหาโอกาสถากถางนางน้ำเสียงดูแคลนหาว่านางไม่คู่ควรกับท่านอ๋อง ช่างเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนางจริงๆ“พี่สี่คอยปรนนิบัติรัชทายาทมาตั้งหลายปี การประจบสอพลอคงเป็นสิ่งที่พี่สี่ถนัดนัก หน้าไหว้หลังหลอกเป็นความสามารถโดดเด่นของพี่สี่ พี่สี่ใช้ชีวิตได้อย่างหน้าซื่อใจคดจริงๆ”รอยยิ้มจอมปลอมของเจียงจิ่นเซวียนเลือนหายไปเขานึกไม่ถึงว่าเจียงหวานหว่านจะด่าเขาไม่ไว้หน้าสักนิดเจียงหวานหว่านไม่มองเจียงจิ่นเซวียนแม้แต่น้อย นางเดินเข้าไปในประตูจวนหากอยู่นานกว่านี้หน่อยนางยิ่งรู้สึกขยะแขยง เจียงจิ่นเซวียนน่ารังเกียจกว่าเจียงจิ่นหนิงเสียอีกเจียงจิ่น
นางเปิดผ้าม่านเตรียมตัวลงรถม้าทันใดก็ถูกแรงกระชากนางกลับเข้ามาในรถม้าเจียงหวานหว่านจมเข้าสู่อ้อมกอดหรงซีกลิ่นหอมอำพันทะเลลอยเข้าจมูกนางหรงซีกุ้มหน้ามองเจียงหวานหว่านไม่พูดไม่จาเจียงหวานหว่านคิดจะลุกขึ้นกลับถูกหรงซีกอดเอาไว้แน่นคนสองคนจ้องตากันและกัน ไม่มีใครพูดจา“เหตุใดรถม้าจวนอ๋องถึงจอดอยู่ตรงนี้?”เจียงจิ่นเซวียนกลับมาถึงจวนพอดีและเห็นรถม้าจวนอ๋องจอดอยู่หน้าบ้านของตนเจียงหวานหว่านได้ยินเสียงเจียงจิ่นเซวียน ดวงตาก็กลับมาแจ่งชัดอีกครั้ง“ท่านอ๋อง พี่สี่ข้าอยู่ข้างนอก รีบปล่อยข้า”หรงซียิ้มเย็น “ข้าต้องกลัวเขาด้วย?”เจียงหวานหว่านกัดฟัน “ท่านอ๋องไม่กลัว แต่ชื่อเสียงข้าไม่เหลือแล้ว วันหน้าหากแต่งงานก็จะถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เอาได้”“เจ้าคิดจะแต่งกับใคร? กู้ฉางชิง? หรือเซียวหวาย?”เจียงหวานหว่านประหลาดใจ นางแต่งงานเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเขาฝีเท้าของเจียงจิ่นเซวียนเดินเข้ามาใกล้เจียงหวานหว่านกดร่างต่ำลงแล้วกล่าวอย่างออดอ้อน “ท่านอ๋อง ขอร้องท่านล่ะ”หรงซีได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเจียงหวานหว่าน ความโมโหในใจลดไปไม่น้อย“เจียงหวานหว่าน เจ้าติดค้างข้า ครั้งหน้าข้าไม่ปล่อ
เจียงหวานหว่านได้ฟังคำพูดของหรงซีก็หันไปยิ้มให้เซียวหวายอย่างจนปัญญา“เซียวหวาย ขอโทษด้วย พรุ่งนี้ข้าจะไปพบเจ้า”เซียวหวายยิ้มแย้ม “แม่นางเจียง พรุ่งนี้ข้ามารับเจ้า”“ก็ดี...”ยังไม่ทันได้กล่าวจบประโยค เจียงหวานหว่านรู้สึกว่าตัวเองถูกจับข้อมือเอาไว้ไม่รู้ว่าหรงซีลงมาจากรถม้าตั้งแต่เมื่อใดเขาสีหน้าบึ้งตึง ดึงข้อมือเจียงหวานหว่าน ลากนางขึ้นรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง โปรดปล่อยแม่นางเจียงด้วย”เซียวหวายเห็นเจียงหวานหว่านถูกหรงซีผลักขึ้นรถม้า เขาจึงตามไปขวางแต่ถูกเทียนซูขวางเอาไว้ เซียวหวายผลักเทียนซู ทว่าเทียนซูไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยหรงซีทำเหมือนไม่ได้ยินเซียวหวายโกรธเจียงหวานหว่านหันหน้ามากล่าวกลับเซียวหวายที่อยู่ด้านหลัง“คุณชายเซียว ข้าไปก่อนนะ”มือของหรงซีดึงศีรษะเจียงหวานหว่านเข้าไปในรถม้าเซียวหวายนั่งอยู่บนรถม้าสกุลเซียว กำลังตามท้ายรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง รถม้าของคุณชายเซียวตามอยู่ด้านหลัง”เทียนซูที่อยู่ด้านนอกกล่าวรายงานหรงซี“สะกดรอยตามราชวงศ์ มีเจตนาไม่ดี เทียนซู ส่งคุณชายเซียวไปยังสถานที่ที่เขาควรไป”เทียนซูลังเล“ท่านอ๋อง คุณชายเซียวเป็นน้องชายเซียวกุ้ย
เซียวกุ้ยเฟยยิ้มอย่างอบอุ่น“ฝีมือของอ้ายเฟย ข้าชอบยิ่งนัก”ฝ่าบาทตรัสด้วยถ้อยคำสองแง่สองง่ามเซียวกุ้ยเฟยหุบตาลงด้วยความเขินอาย จากนั้นก็พยุงฝ่าบาทเดินไปด้วยกันรอจนกระทั่งไม่เห็นเงาฝ่าบาทแล้วหรงซีสีหน้าเย็นชา ดวงตาเย็นชายิ่งกว่า จับจ้องมองหรงมู่หานหรงมู่หานรับรู้ถึงความโกรธท่วมท้นของหรงซี“เสด็จอา หลานขอตัวก่อน”ระหว่างที่กล่าว สายตาเขาเหล่มองเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านกรอกตาบนใส่หรงมู่หานนัยน์ตาหรงซีใกล้ระเบิดแล้วเขาขยับข้อมือก้อนเงินถูกดีดออกไปดีดโดนบริเวณกระดูกขาของหรงมู่หาน“เอื้อ...”หรงมู่หานรู้สึกถึงกระแทกที่ขาความเจ็บปวดจู่โจมกะทันหัน ทำให้เขาทรุดเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเจียงหวานหว่าน”“องค์ชายรอง รู้ว่าผิดรู้จักแก้ไข เป็นสิ่งที่ดียิ่ง แต่ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองเช่นนี้”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยท่าทางใจกว้าง“เจ้า พวกเจ้า...”หรงซีและเจียงหวานหว่านเดินเคียงข้างกันจากไปโดยไม่สนใจหรงมู่หานหรงมู่หานรู้ว่าเป็นฝีมือหรงซีความรู้สึกอัปยศอดสูพุ่งเข้าสู่หน้าอกใบหน้าของเขาถูกหรงซีกับเจียงหวานหว่านทำลายจนป่นปี้หรงมู่หานมองแผ่นหลังทั้งสองคนแล้วสาบานกับตัวเอง
วิชาการแพทย์ของเจียงหวานหวานล้ำเลิศ พิษในร่างกายของน้องชายจะกำจัดไปได้เมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว เขาต้องวางแผนเอาไว้“น้องชาย ช่วงนี้สุขภาพเจ้าดีหรือไม่ เจ้าไม่ได้ไปให้หมอหลวงตรวจนานแล้ว”หรงซีหุบสายตาลง จากนั้นก็ประสานมือ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงนึกถึง ช่วงนี้น้องชายสุขภาพไม่ดี วันนี้จะไปให้หมอหลวงตรวจอาการ”ฝ่าบาทเมื่อได้รับฟังก็เบาพระทัยลงมากพิษในตัวน้องชายถูกถอนไปแล้วหรือไม่ ถามหมอหลวงก็รู้แล้วฝ่าบาทหรี่พระเนตร มีแผนการในพระทัยแค่หมอหลวงจับชีพจรก็จะรู้ว่าหรงซีถอนพิษไปแล้วหรือไม่“แม่นางเจียง โรคของหรงซี เจ้ามีวิธีรักษาหรือไม่?”ฝ่าบาททอดพระเนตรเจียงหวานหว่าน“ฝ่าบาท แม่นางเจียงก็รักษาโรคของข้าไม่หายเช่นกัน”หรงซีกล่าวประโยคหนึ่งเจียงหวานหว่านรู้สึกว่าหรงซีประหลาดมาก เหตุใดกล่าวเช่นนั้นทว่าเมื่อเห็นสายพระเนตรฝ่าบาท นางเข้าใจทันทีฝ่าบาทต้องการให้หรงซีประคองความมั่นคงของแคว้น เขาไม่มีทางเปิดโอกาสให้หรงซีได้ครองบัลลังก์ในสมองเจียงหวานหว่านผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาพิษหนอนกู่ในร่างกายหรงซีเป็นของฝ่าบาทจังหวะหัวใจนางเต้นเร็วขึ้น หากเป็นเช่นนี้ หรงซีก็จะถูกฝ่าบาทควบคุม