แก้มหวานเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งฟุบหน้าบนโต๊ะภายในห้องเรียนก่อนโอดครวญออกมาเบาๆ “ฮื่อ..จะทำยังไงดี”
“อ๊าย! อาจารย์หล่อมาก”
“งื้อ..อาจารย์หล่อจัง”
เธอนั่งฟุบหน้าอยู่อย่างนั้นจนเสียงกรีดกราด และเสียงชื่นชมของเพื่อนผู้หญิงในห้องดังระเบ็งเซ้งแซ้ขึ้นเธอจึงผงกหน้าขึ้นมองเพียงครู่นึ่ง ก่อนฟุบลงเหมือนเดิมตอนนี้เธอไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องใดๆทั้งนั้นนอกจากปัญหาของน้องสาว
มิราที่เห็นว่าเพื่อนสาวเอาแต่นั่งฟุบหน้าไม่ร่าเริงเหมือนเดิมยืนมือไปจั๊กจะจี้เอวเบาๆเพื่อหยอกเย้าไม่ให้เพื่อนสาวเครียดและมันก็ได้ผลแก้มหวานถึงกับหัวเราะร่าออกมาอย่างลืมตัว “ฮ่าฮ่า..หยุดนะมิรา”
‘อุ๊บ!’
ก่อนที่เธอจะต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้เมื่อสายตาเธอปะทะเข้ากับสายตาของอาจารย์หนุ่มที่จ้องเธออยู่จังๆ มือเล็กประนมยกขึ้นไหว้อาจารย์หนุ่มด้วยความประหม่า “ขะ..ขอโทษค่ะอาจารย์”
“....” ไร้เสียงและปฏิกิริยาตอบกลับจากอาจารย์หนุ่ม ดวงตาคมกริบจับจ้องดวงหน้าสวยนิ่งๆ ก่อนที่เขาจะกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อมั่นใจว่าเธอคือพี่สาวของแก้วตาคนที่เห็นในคลับเมื่อคืนโลกช่างกลมเสียจริง เขาปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะเอ่ยแนะนำตัว “สวัสดีครับอาจารย์ชื่อปุณณวิชญ์ สิริราญากุลจะมาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาแทนอาจารย์กนกวรรณนับตั้งแต่วันนี้”
ดวงตาคมกริบไล่มองหน้านักศึกษาทุกคนภายในห้องเรียน ก่อนหยุดสายตาอยู่ที่ใบหน้าของแก้มหวานที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะรู้สึกคุ้นๆน้ำเสียงของอาจารย์หนุ่มจนต้องหันไปถามเพื่อนสาวโดยไม่รู้เลยว่ากำลังโดนจับจ้องอยู่ “ทำไมฉันคุ้นๆเสียงอาจารย์จังเหมือนเคยได้ยินที่ไหน”
“เราเพิ่งเคยเจออาจารย์ครั้งแรกแกจะเคยได้ยินจากไหนเสียงมันก็คล้ายกันได้น่า”
“อือก็คงงั้น” เธอไหว่ไหล่ให้เพื่อนสาวอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ก่อนแสสายตามองออกไปนอกหน้าต่างเรื่องของน้องสาวพลันย้อนกลับเข้ามาในโสตประสาทอีกครั้ง
“แก้ม” จนเสียงของมิราดังขึ้นข้างๆหูดึงให้เธอหลุดออกจากห้วงความคิด ดวงตากลมโตตวัดมองหน้าเพื่อนสาวเชิงตั้งคำถาม “อะไรมิรา”
"ฉันได้ยินมาว่าอาจารย์เป็นลูกชายของอธิการบดีมหาวิทยาลัยเลยนะแถมจบปริญญาเอกจากเมืองนอกอีกด้วยคนอะไรทั้งหล่อทั้งเก่งทำไมเพิ่งได้มาเจอตอนพวกเราเรียนปีสุดท้ายแล้วอะ" มิราโน้มไปกระซิบกระซาบประชิดกกหูเพื่อนสาวด้วยท่าทางตื้นเต้นปนเสียดาย คนได้ฟังส่ายหน้าเบาๆก่อนกระซิบตอบแบบกวนๆ “อยากรู้ก็ไปถามอาจารย์เองสิ”
“ชิ..” มิราจีบปากจีบคอใส่เพื่อนสาวอย่างงอนๆ ก่อนจะกอดอกสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น
ท่าทางกระฟัดกระเฟียดของมิราทำให้แก้มหวานระบายยิ้มออกมาบางๆ นิ้วเรียวจิ้มลงบนแขนเพื่อนสาววซ้ำๆ อย่างนึกมันเขี้ยว ทว่าเธอก็ต้องหุบยิ้มและหยุดการกระทำลงฉับพลันเมื่อเหลือบไปเห็นว่าอาจารย์หนุ่มยืนจ้องอยู่ เธอค่อยเอนตัวหลบหลังเพื่อนที่นั่งเก้าอี้ด้านหน้าก่อนจะยื่นมือไปสะกิดเพื่อนสาวแล้วพูดขึ้น “มิราอาจารย์มีปัญหาอะไรกับฉันหรือเปล่าทำไมเอาแต่จ้องฉัน”
มิราปรายตามองอาจารย์หนุ่มตามคำบอกของเพื่อนสาวแต่ก็พบว่าเขาไม่ได้มองมาเหมือนที่เพื่อนสาวพูด “แกคิดไปเองหรือเปล่าอาจารย์ไม่เห็นจ้องเลย”
คนได้ฟังขมวดคิ้วชนกันก่อนจะชะโงกหน้ามองอาจารย์หนุ่มปรากฏว่าเขากำลังก้มหน้าทำอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะไม่ได้จ้องเธอจริงๆ แต่เธอไม่ได้คิดไปเองเมื่อกี้อาจารย์หนุ่มจ้องเธออยู่จะจ้องด้วยสาเหตุอะไรนั้นก็มิอาจทราบได้
“ใครเป็นหัวหน้าห้องครับ” ระหว่างที่หญิงสาวกำลังครุ่นคิดอยู่เสียงอาจารย์หนุ่มก็ดังขึ้น เธอจึงรีบยกมือตอบ “หนูค่ะ”
“ตามผมไปเอาแบบสอบถามมาแจกเพื่อนๆด้วย” อาจารย์หนุ่มพยักหน้ารับก่อนเอ่ยต่อสิ้นสุดคำพูดก็ก้าวเท้าเดินออกไป ร่างบางรีบหยัดกายลุกเดินกึ่งวิ่งตามอาจารย์หนุ่มไปทันที
ปึก!
ร่างบางที่ก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังอาจารย์หนุ่มมาติดๆชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างเต็มแรงเมื่อเขาหยุดเดินกระทันหัน ใบหน้าสวยเหยเกด้วยความเจ็บปนไม่พอใจที่จู่เขาก็หยุดเดินไม่บอกไม่กล่าว ทว่าเธอก็ต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนน้อมศีรษะขอโทษในตอนที่อาจารย์หนุ่มหันกลับมองเธอด้วยแววตาดุดัน “ขอโทษค่ะอาจารย์”
“...” ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองจากอาจารย์หนุ่มเขาเพียงจ้องหน้าหญิงสาวนิ่งๆครู่นึ่งก่อนหันไปเปิดประตูเดินเข้าห้องทำงานของตัวเอง
“ทำไมเซ่อซ่าอย่างนี้นะแก้มหวาน” แก้มหวานมองไปทางประตูที่อาจารย์หนุ่มเพิ่งเดินหายเข้าไป มือเล็กยกขึ้นตีกะบาลตัวเองเบาๆเมื่อเห็นป้ายชื่อหน้าห้องก็เพราะถึงห้องทำงานเขาแล้วนั้นเอง เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนค่อยๆเปิดประตูเข้าไป กายเล็กถึงกับขนลุกซู่เมื่อความเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในห้องทำงานของอาจารย์หนุ่มตกกระทบผิวมันไม่ใช่แค่เย็นธรรมดาแต่โคตรเย็นยะเยือกเลย เธอเดาว่าอาจารย์หนุ่มคงเป็นคนขี้ร้อนหรือไม่ก็ชอบความเย็นเอามากๆ ดวงตากลมโตมองสำรวจภายในห้องอย่างพินิจพิจารณาเฟอร์นิเจอร์และของประดับที่วางในห้องไม่บอกก็รู้ว่าราคาแพงแค่ไหนดูสะดวกสบายราวกับไม่ใช่ห้องทำงานด้วยซ้ำซึ่งแตกต่างจากห้องอาจารย์คนอื่นสิ้นเชิง ทว่าเธอไม่แปลกใจเลยสักนิดเขาเป็นถึงลูกชายเจ้าของมหาวิทยาลัยย่อมได้รับสิทธิพิเศษกว่าบุคลากรคนอื่นๆในมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว
“เธอชื่ออะไร” เสียงของอาจารย์หนุ่มดึงความสนใจคนที่กำลังมองสำรวจภายในห้องให้หันไปมองดวงตากลมโตสบประสานเข้ากับดวงตาคมกริบของอาจารย์หนุ่มอย่างจัง เธอรีบหลุบสายตาลงต่ำ ก่อนเดินไปยืนหน้าโต๊ะทำงานที่เขานั่งอยู่แล้วพูดขึ้น “จิณัฐตาค่ะ”
“อืม” อาจารย์หนุ่มพยักหน้ารับพร้อมทั้งหยิบแบบสอบถามปึกหนายื่นให้เธอ “วันจันทร์หน้ารวบรวมมาส่งผมด้วย”
“ค่ะ” มือเล็กเอื้อมไปรับเอกสารจากมืออาจารย์หนุ่มก่อนรีบหมุนตัวเดินออกจากห้องนำแบบสอบถามไปแจกเพื่อนๆ หลังจากนั้นจึงเดินทางไปทำงานที่คาเฟ่ต่อเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา
หลายวันต่อมา@Chill Coffee Bar‘ครืด ครืด’โทรศัพท์แผดเสียงดังขึ้นทำให้ร่างบางที่กำลังยกเครื่องดื่มไปเสิร์ฟลูกค้าชะงักฝีเท้าลงมือเล็กล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์เจนภพจึงกดปิดเสียงแล้วใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิมที่เขาโทรมาคงไม่พ้นเรื่องสัญญาบ้าบอนั้นแน่นอนเพราะผ่านมาหลายวันแล้วเธอยังไม่มีคำตอบให้เจ้านายของเขาเลยแก้มหวานลอบถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายนึกตัดพ้อชีวิตเธอไม่เคยได้ใช้ชีวิตตามใจตัวเองเลยสักครั้งจะทำอะไรก็ต้องคำนึงแล้วคำนึงอีก เด็กคนอื่นในวัย 21ปีคงกำลังสนุกสนานอยู่กับการใช้ชีวิตไม่ต้องมานั่งแบกรับภาระทุกอย่างไว้บนบ่าเหมือนเธอลมหายใจหนักๆถูกพ่นออกจากจมูกโด่งเล็กอีกครั้งก่อนที่เธอจะยกเครื่องดื่มไปเสริฟ์ลูกค้าแล้วกลับมาหย่อนสะโพกนั่งลงในบาร์น้ำเธอนั่งทำใจอยู่สักพักก่อนล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาต่อสายหาเจนภพ(สวัสดีค่ะคุณเจนภพขอโทษที่เมื่อกี้ไม่ได้รับสายนะคะพอดีติดงานอยู่ค่ะ) เสียงหวานลงกรอกตามสายทันทีเมื่อคนปลายสายกดรับ(ครับ)(คุณเจนภพมีธุระอะไรคะถึงโทรหาฉัน)(อ๋อ..ผมแค่โทรมาแจ้งให้ทราบว่าน้องสาวของคุณจะมาเริ่มงานกับเจ้า
“ว๊ายย!” แก้มหวานอุทานด้วยความตกใจเมื่อใครบางคนจับแขนของเธอแล้วดึงเข้ามาในห้อง ดวงตากลมโตพยายามเพ่งมองเจ้าของมือหนาผ่านความมืดสลัวแต่ก็เห็นแค่ลางๆเท่านั้นรูปร่างสูงราวๆ 180กว่าเห็นจะได้แต่หน้าตาของเขาเป็นแบบไหนนั้นเธอก็มองไม่ออก“ค..คุณกวินท์ใช่ไหมคะ” เธอข่มความหวาดกลัวเอาไว้ก่อนเปล่งเสียงสั่นเครือถามไป “อืม” กวินท์ขานรับในลำคอเบาๆขณะที่มือยังคงจับแขนของเธออยู่ ดวงตาคมกริบจับจ้องร่างบางที่ความสูงอยู่ระดับหน้าอกผ่านความมืดสลัว น้ำเสียงสั่นเครือและกายสั่นเทาบ่งบอกได้ว่าคนตรงหน้าหวาดกลัวเพียงใด ทว่าเขากลับชอบสะอีกนานๆครั้งจะได้เจอผู้หญิงแบบเธอที่ดูไม่จัดจ้าน ไม่ประสีประสาเรื่องผู้ชายภายในห้องตกอยู่ในความเงียบนานนับนาทีก่อนแก้มหวานจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ขะ..ขอเปิดไฟได้ไหมคะ” “...” ไร้เสียงตอบจากกวินท์เขาทำเหมือนคำพูดของหญิงสาวเป็นอากาศก่อนเริ่มต้อนเธอให้จนมุม ร่างบางใช้มือดันร่างสูงไว้เมื่อเดินถอยหลังจนติดขอบเตียงไร้ทางหลีกหนีแล้ว ทว่าเธอกลับโดนเขาผลักให้ล้มลงนอนแผ่หลาบนเตียงนุ่มก่อนที่เขาจะตามขึ้นมาคร่อมไว้ “ค..คุณกวินท์ดะ..เดี่ยวก่อนได้ไหมฉันยังไม่พร้อม” แก้มหวานเอ่ยเสียงสั่นใจดวงน้อยก
‘ครืด ครืด’โทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายข้างของแก้มหวานแผดเสียงดังขึ้นปลุกให้เจ้าของที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่“อื้อ” มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาเบาๆไล่อาการงัวเงียก่อนเพ่งสายตามองคนข้างๆแต่ก็ไร้เงาของเขาแล้วเธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ตัวเองเผลอหลับเสียสนิทจนอดเห็นหน้าเขา น้ำสีใสพลันไหลออกจากตาคู่สวยอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อคืนย้อนเข้ามาในสมองเป็นฉากๆ อาการปวดร้าวตรงกลางกายสาว และรอยเลือดบนผ้าปูที่นอนตอกย้ำว่าความบริสุทธ์ของเธอทุกพรากไปแล้วจริงๆ ‘ครืด ครืด’โทรศัพท์ที่เพิ่งเงียบลงแผดเสียงดังขึ้นอีกครั้งดึงร่างบางออกจากห้วงความรู้สึกทุกข์ระทมมือเล็กยกขึ้นเช็คน้ำตาลวกๆ ก่อนพยุงกายบอบช้ำลงจากเตียงเดินไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์เจนภพจึงกดรับสาย(เสื้อผ้าของคุณวางอยู่ในห้องนั่งเล่นนะครับมีคีย์การ์ดห้องด้วยคุณเก็บไว้ได้เลยครั้งหน้าคุณกวินท์เรียกหาจะได้สะดวก) ปลายสายกรอกเสียงลงตามสายทันทีที่เธอกดรับ(ค่ะ) แก้มหวานตอบเพียงสั้นๆก่อนกดวางสายแล้วกวาดสายตามองสำรวจภายในห้องทุกซอกทุกมุมหวังว่าจะมีรูปเจ้าของห้องวางอยู่บ้าง ทว่าเธอก็ต้องผิดหว
ร่างบางที่กำลังเดินเหม่อลอยคิดเรื่องอาจารย์หนุ่มสะดุ้งโหย่งด้วยความตกใจเมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายข้างแผดเสียงดังขึ้น เธอชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อยก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ใจดวงน้อยกระตุกวูบโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อเห็นเบอร์เจนภพโชว์ร่าบนหน้าจอเธอยืนทำใจอยู่ครู่ใหญ่ก่อนกดรับอย่างเลี่ยงไม่ได้(สวัสดีค่ะคุณเจนภพ)(วันนี้สองทุ่มเจอกันที่เดอะปริ้นเซสคลับห้องเดิมมาเซ็นสัญญาฉบับใหม่ที่เป็นชื่อคุณเอง)(ค่ะ)แก้มหวานถอนหายใจออกมาระคนเหนื่อยหน่ายหลังจากเจนภพวางสายไปแล้ว ดวงตากลมโตเหม่อมองทางเดินเท้าข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายตั้งแต่มีเรื่องสัญญาว่าจ้างบ้าบอนั้นเข้ามาเธอก็รู้สึกเหนื่อยกับการใช้ชีวิตมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลายเท่ามันไม่ได้เหนื่อยกายแต่เหนื่อยใจ“น้องแก้ม” เท้าเล็กที่กำลังก้าวเดินไปตามทางเดินเท้าหยุดชะงักอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลังก่อนหันกลับไปมองเจ้าของเสียง รอยยิ้มหวานผุดขึ้นประดับใบหน้าสวยในทันทีเมื่อเห็นว่าคนเรียกคือเตชินเจ้านายหนุ่มแสนใจดี มือเล็กประนมยกขึ้นไหว้อย่างนบน้อม “สวัสดีค่ะคุณเตชิน” “ดีครับน้องแก้ม” เตชินรับไหว้ลูกจ้างสาวที่ตัวเองแอบชอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อ
"จิณัฐตา" ใจดวงน้อยกระหน่ำเต้นแทบทะลุออกมานอกอกเมื่อเสียงของอาจารย์หนุ่มดังขึ้นทางด้านหลัง มือเล็กกำสายกระเป๋าสะพายข้างแน่นในตอนที่ร่างสูงเดินมายืนประกบหลังจนลมหายใจอุ่นๆเป่ารดศีรษะเล็กทุย เธอลอบกลืนน้ำลายเหนี่ยวๆ ลงลำคอแห้งผากอึกใหญ่ก่อนรวบรวมความกล้าหันกลับไปทักทายอาจารย์หนุ่มด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วน “ส..สวัสดีค่ะอาจารย์”“....” ไร้ปฏิกิริยาตอบกลับจากกวินท์เขายืนจับจ้องร่างบางตรงหน้าด้วยแววตาราบเรียบยากเกินคาดเดาได้ ทำคนโดนจ้องต้องรีบหลุบหน้าลงต่ำเธอไม่ชอบสายตา ท่าทางแบบนี้ของเขาเลยมันทำให้รู้สึกอึดอัด และอับอายเป็นอย่างมากเธอไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขากำลังคิดอ่านอะไรอยู่สู้ให้เขาพูดออมาตรงๆยังดีสะกว่า ระหว่างคนทั้งสองตกอยู่ในความเงียบนานนับนาทีก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยทำลายความเงียบ “อยู่นอกมหาลัยไม่ต้องเรียกอาจารย์” "ค่ะ" แก้มหวานพยักหน้ารับพร้อมกับช้อนสายตาขึ้นมองคนตัวสูงด้วยความประหม่าทำให้สองสายตามองสบประสานกันจังๆ "สัญญาฉบับใหม่อยู่ในห้อง" ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้าเบี่ยงสายตามองไปทางอื่นด้วยทาทางเลิ่กลั่ก ก่อนพูดทิ้งท้ายแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องทิ้งให้หญิงสา
แก้มหวานจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาแข็งกร้าวน้ำสีใสไหลออกจากห่างตาคู่สวยด้วยความโกรธเคือง เธอโมโหตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย “คุณไม่มีสิทธิมาทำร้ายร่างกายแก้ม แก้มเป็นลูกจ้างไม่ใช่ทาส ไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของคุณ” น้ำเสียงสั่นเครือเปล่งออกจากริมฝีปากเอิบอิ่มอีกครั้งอย่างไม่เกรงกลัวทันทีที่ชายหนุ่มปล่อยมือออก“หึ” คำพูดของเธอหาได้มีผลต่อชายหนุ่มไม่ถึงยังไงเธอก็อยู่ในกำมือของเขา กวินท์กระตุกยิ้มมุมปากอย่างไม่แยแสก่อนโน้มลงประกบจูบอีกครั้ง ฟันขบขบเม้มริมฝีปากเอิบอิ่มจนเป็นแผลลงโทษที่เธอกล้าปากดีกับเขา ตุ๊บๆ!“อื้ออ” การกระทำของชายหนุ่มสร้างความเจ็บแสบให้เจ้าของริมฝีปากเอิบอิ่มไม่น้อยเธอพยายามใช้มือทุบตีเขาอย่างแรงหวังให้เขาหยุด ทว่าชายหนุ่มหาได้หยุดการกระทำไม่จมูกโด่งคลอเคลียไปตามซอกคอระหงระเรื่อยมาถึงเนินอกอวบอิ่มก่อนฝากรอยเขี้ยวเอาไว้ให้เธอดูต่างหน้าแล้วผงกศีรษะขึ้นพูด “ไม่เซ็นสัญญาฉบับนี้ก็ได้เกิดวันไหนผมอยากเรียกน้องสาวคุณมาหาผมก็ย่อมมีสิทธิ์เพราะในสัญญายังเป็นชื่อเธอ” คนฟังถึงกับหน้าเหว่อพูดไม่ออกเมื่อชายหนุ่มเอ่ยจบสุดท้ายแล้วไม่ว่าเธอจะต่อต้านยังไงก็ไม่มีทางสู้เขาได้เพร
“แก้มเจ็บนะ” ร่างบางที่ตอนนี้แทบควบคุมตัวเองไม่อยู่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อโดนอาจารย์หนุ่มจับยัดเข้าไปในรถหรูเบาะหลังคนขับอย่างไร้ความอ่อนโยนจนทำให้ศีรษะชนกับขอบประตูรถอย่างแรง “คุณหลอกแก้ม แก้มไม่ไปแก้มจะกลับหอ” ดวงตากลมโตปรือมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างเอาเรื่องก่อนพยายามคลานไปยังประตูอีกฝั่งของรถเพื่อลงจากรถ “แม่ตัวแสบ” การกระทำของหญิงสาวทำเอากวินท์หัวเสียไม่น้อยเข้าพ่นลมหายใจหนักออกมาระคนเบื่อหน่ายก่อนเดินอ้อมไปยืนขว้างร่างบางที่กำลังก้าวลงจากรถ“ถอยไปแก้มจะกลับหอ” คนโดนขว้างชัดสีหน้าไม่พอใจก่อนใช้มือดันร่างสูงให้พ้นทางแต่กลับโดนเขาจับยัดเข้าไปในรถอีกครั้ง“จะทำอะไรอย่ามายุ่งกับแก้มนะ” เธอร้องท้วงด้วยความตื่นตระหนกพลางตะเกียกตะกายหนีในตอนที่อาจารย์ตามเข้ามาในรถแล้วถอดเข็มขัดหนังราคาแพงออกจากเอว มือเล็กปัดปายมั่วไปหมดเพื่อไม่ให้เขาใช้เข็มขัดมัดมือเธอได้สำเร็จแต่สุดท้ายก็มิอาจสู้แรงคนตัวโตกว่าได้กวินท์รวบมือเล็กไปตรึงไว้เหนือศีรษะก่อนใช้เข็มขัดมัดข้อมือเธอจนแน่น เขาหอบหายใจหนักๆออกมาด้วยความเหนื่อยกว่าจะกำราบเธอได้ก็เล่นสะเขาเสียกำลังไปเยอะเหมือนกัน ดวงตาคมกริบจ้องมองร่างบางที่นอนดีดด
ร่างบางที่สลบไสลไปตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากบทรักหยาบโลนจบลงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเช้าวันใหม่ มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาเบาๆไล่อาการตาพร่ามัว“ตื่นแล้วก็ลุกขึ้น” เธอรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความเร็วเมื่อเสียงของอาจารย์หนุ่มดังขึ้น ก่อนปรายตามองทางต้นเสียงก็พบว่าเขานั่งพิงหัวเตียงอยู่มีเพียงผ้าเช็ดตัวปกปิดท่อนล่าง เธอลอบกลืนน้ำลายเหนี่ยวๆลงคออึกใหญ่พอเหตุการณ์เมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาในโสตประสาทก็ทำให้เธอรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากจนแทบอยากมุดดินหนีมือเล็กกำผ้าห่มแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน หากเป็นคนอื่นเธอคงไม่อับอายขายหน้ามากมายขนาดนี้แต่เขาคืออาจารย์ที่ปรึกษาของเธอหากต้องเจอกันในมหาวิทยาลัยเธอก็ไม่รู้ว่าควรทำหน้ายังไงดีภายในห้องตกอยู่ในความเงียบนานหลายนาทีก่อนกวินท์จะพูดทำลายความเงียบ “ฉันมีอีกหนึ่งงานให้เธอทำ”แก้มหวานขมวดคิ้วเป็นปมระคนสงสัยก่อนเปล่งเสียงถามไป “งานอะไรคะ”“แกล้งเป็นแฟนตบตาแม่ผม”“หึ” คนฟังหลุดหัวเราะออกมาอย่างลืมตัวเมื่อชายหนุ่มพูดจบใครจะคิดว่าผู้ชายที่เพรียบพร้อมไปหมดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ฐานะ และหน้าตาแบบเขากลับไม่มีแฟนจนต้องจ้างให้เด็กกะโปโลอย่างเธอเล่นละครตบตาคนใน
หลายเดือนต่อมาอ๊วกกก! เสียงอาเจียนดังเล็ดออกมาจากห้องน้ำภายในห้องนอนของแก้มหวานกับกวินท์ เจ้าของเสียงอาเจียนหาใช่หญิงสาวไม่แต่กลับเป็นชายหนุ่มที่ยืนอาเจียนหน้าอ่างล้างหน้าจนหมดไส้หมดพุงเขามีอาการแบบนี้มา 2วันติดๆ แล้วก็ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร"พี่กวินท์เป็นอะไรมากไหมคะ แก้มว่าไปหาหมอดีกว่าพี่เป็นแบบนี้มา 2-3วันแล้วนะ" แก้มหวานเดินเข้าไปลูบหลังให้แฟนหนุ่มเบาๆ พร้อมถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของเขาผ่านกระจกกวินท์ใช้มือกรอกน้ำล้างปากก่อนแหงนหน้าขึ้นสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ระบายอาการคลื่นไส้ในอกแล้วหันไปพูดกับแฟนสาวด้วยใบหน้าอิดโรย "ก็ดีเหมือนกันครับ""ค่ะ" ใบหน้าสวยเพียงพยักรับน้อยๆ มือเล็กเอื้อมไปจับแขนแกร่งไว้แล้วประคองเขาเดินออกจากห้องน้ำพาไปนั่งลงริมเตียงจากนั้นจึงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อออกมายื่นให้เขาเปลี่ยน "นี่ค่ะเสื้อ""ขอบคุณครับ" กวินท์รับเสื้อจากมือแฟนสาวมาวางลงข้างตัวแล้วสอดมือเข้าไปรั้งเอวคอดกิ่วของร่างบางที่ยืนตรงหน้าเข้ามาแนบชิดทำให้ตอนนี้ใบหน้าของเขาอยู่ระดับหน้าท้องแบนราบพอดี ก่อนเขาจะแหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าแฟนสาวพลางนึกขอบคุณใน
"พี่ยังไม่ตอบแก้มเลยนะคะรู้ได้ยังไงว่าแก้มอยู่ที่นี่" แก้มหวานหันไปถามอาจารย์หนุ่มอีกครั้งขณะกำลังเดินไปหาน้องสาวกับเพื่อนริมชายหาดหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเป็นที่พอใจของอาจารย์หนุ่มแล้วเธอยังคงคาใจอยู่อยากจะรู้ว่าเขาตามหาเธอถูกได้ยังไง"ผมก็หลอกถามจากเพื่อนคุณยังไงละ" กวินท์ตอบหน้าระรื่นก่อนยกยิ้มมุมปากเขาก็แค่ส่งไลน์ไปหาเพื่อนของหญิงสาวบอกให้ทั้งสองเอาโปรเจคมาให้เขาดู แต่เพื่อนของเธอบอกว่าไม่สะดวกเพราะมาเที่ยวพัทยาเขาเลยได้รู้แล้วแสร้งตีเนียนถามข้อมูลไปเรื่อยๆ จนรู้ว่าเธอพักอยู่รีสอร์ทนี้"พี่นี่มันจริงๆ เลย" เธอถึงกับกรอกตามองบนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับความเจ้าเล่ห์ของเขา ทว่าอีกคนกลับหัวเราะร่าออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมยื่นมือไปโอบไหล่มน "ผัวคุณฉลาดไหมละ""เจ้าเล่ห์สิไม่ว่า หลอกล่อเก่ง แผนเยอะ""ก็บอกแล้วไงว่าผมเจ้าเล่ห์กับเด็กดื้ออย่างคุณคนเดียว""เพราะพี่เจ้าเล่ห์ไงแก้มก็เลยต้องดื้อ กับคนอื่นแก้มเชื่อฟังจะตาย""ผมต้องดีใจไหมที่คุณดื้อกับผมคนเดียว""ต้องดีใจสิคะ""ระวังจะโดนผมลากขึ้นไปกำราบบนเตียงนะเด็กดื้อ""คนบ้าชอบพูดจาทะลึ่งอยู่เรื่อย""ผมพูดจริงทำจริงไม่ได้ทะลึ่ง" "พอเลยไม่พูดเ
กวินท์ยืนจับจ้องแผ่นหลังร่างบางในชุดบิกินี่ด้วยแววตาดุดัน ใช้ลิ้นดันกระพุงแก้มอย่างไม่สบอารมณ์เขารู้สึกหัวเสีย และโกรธเอามากๆ แต่ก็พยายามระงับอารมณ์เอาไว้ไม่ให้ตัวเองขาดสติใช้อารมณ์เข้านำเหมือนในคืนนั้นอีก เขาผ่อนลมหายใจแล้วเดินอ้อมไปยืนข้างหน้าร่างบางที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงก้มหน้ามองดิน คิ้วเข้มถึงกับขมวดชนกันเป็นปมเมื่อเห็นหน้าอกหน้าใจที่ล้นทะลักออกมานอกบรา ไหนจะหน้าท้องขาวเนียนเรียวขาสวยนั้นอีก บิกินี่ทูพีชเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งสัดส่วนทุกอย่างชัดเจนไปหมดผู้ชายคนใดได้เห็นก็คงคิดดีไม่ได้"ทำไมใส่ชุดแบบนี้มันโป็มากรู้ไหม" เขาอดที่จะเอ็ดหญิงสาวไม่ได้อยากจะจับเธอตีก้นให้เข็ดหลาบว่าไม่ควรแต่งตัวแบบนี้อีกแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้ ก่อนถอดเสื้อแจ็กเก็ตมาห่อตัวเธอจนมิดชิด"ว๊าย!" แก้มหวานที่ยืนมองการกระทำของอาจารย์หนุ่มอย่างงงๆ ร้องอุทานด้วยความตกใจในตอนที่เขาจับตัวเธอขึ้นอุ้มพาดบ่าจนหัวห้อยโต่งเตงไม่แคร์สายตาคนที่เดินผ่านไปมา หรือสายตาน้องสาวกับเพื่อนสาวของเธอที่ยืนอ้าปากค้างมองด้วยความงุนงงสักนิด"คุณกวินท์ปล่อยแก้มลงนะคนมองหมดแล้ว" เสียงหวานเปล่งออกจากริมฝีปากเอิบอิ่มเบาๆ ด้วยความอับอายเธอไม
"พี่แก้มดีขึ้นแล้วเหรอคะ" เสียงของแก้วตาทำให้แก้มหวานที่ยืนทอดสายตามองทะเลด้วยใจเหม่อลอยสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ความคิด ก่อนปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วหันกลับไประบายยิ้มตอบน้องสาว "พี่ดีขึ้นแล้ว""งั้นไปหาอะไรกินกันเถอะเริ่มหิวแล้วอะ" มิราเอ่ยชวนทันทีเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนสาวสดชื่นขึ้นกว่าก่อนหน้านี้พร้อมใช้มือลูบวนไปมาบนท้อง "งั้นก็ไปหาอะไรกินกัน" หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับการท่าทางของเพื่อนสาวก่อนเดินไปโอบไหล่เพื่อนสาวกับน้องสาวแล้วเดินพาออกจากห้อง@ร้านอาหารทั้งสามคนเลือกมาทานอาหารทะเลร้านใกล้ๆ กับรีสอร์ทที่เดินเลียบชายหาดมาเพียง 200เมตรก็ถึงเพราะได้ชื่นชมบรรยากาศระหว่างเดินมาด้วย เมื่อได้ออกมาพปปะผู้คนข้างนอกได้ชื่นชมกับบรรยากาศริมทะเลก็ทำให้แก้มหวานรู้สึกดี และผ่อนคลายมากขึ้นลืมเรื่องอาจารย์หนุ่มไปชั่วขณะหลังจากทานอาหารเสร็จทั้งสามคนก็พากันตะเวนเที่ยวทั่วเมืองพัทยาจนค่ำจึงกลับห้องมาพักผ่อน"พรุ่งนี้เล่นน้ำกันไหม" มิราเอ่ยขึ้นหลังจากเดินมาหย่อนสะโพกนั่งลงบนโซฟาในห้องแล้ว "ไปสิคะพี่มิรา" แก้วตาตอบตกลงอย่างไม่รอช้าก่อนหันไปพูดกับพี่สาวต่อ "มาทะเลทั้งทีไม่ได้เล่นน้ำก็เหมือนมาไม่ถ
@คอนโดมิรา"ฮึก ฮื่อ" เสียงสะอื้นไห้ดังระงมเบาๆ ภายในห้องนอนของคอนโดมิราแก้มหวานเลือกหนีอาจารย์หนุ่มมาหลบที่คอนโดเพื่อนสาวเพราะคิดว่าเขาคงไม่รู้แน่นอน เธอปล่อยให้น้ำตาแห่งความเสียใจ และผิดหวังหลั่งไหลออกมาเพื่อชะล้างความรู้สึกแย่ให้หมดไป และหลังจากนั้นเธอจะเริ่มต้นใหม่"คนปากเสียมาว่าแก้มแบบนั้นได้ไง แก้มไม่ชอบคุณแล้ว" ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่เธอนอนร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนรู้สึกดีขึ้นจึงหยัดกายลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มลวกๆ ดวงตากลมโตฉายแววเด็ดเดี่ยวขึ้นในทันตาเมื่อสิ้นเสียงงึมงำ ก่อนจะลุกลงจากเตียงเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแล้วเดินกลับมาหย่อนสะโพกนั่งริมเตียง มือเล็กเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายข้างออกมาเปิดเครื่องหลังจากที่เธอปิดเครื่องหนีอาจารย์หนุ่มก่อนหน้านี้เพื่อโทรบอกน้องสาว ทว่าเพียงแค่เปิดเครื่องเท่านั้นข้อความพยายามติดต่อจากเขาก็เด้งเข้ามาในมือถือระรัวเกือบสิบข้อความแต่เธอหาได้สนใจไม่กลับปัดข้อความเขาทิ้งแล้วต่อสายหาน้องสาว ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ(ว่าไงคะพี่แก้ม)(คืนนี้พี่นอนห้องพี่มิรานะแก้ว)(ค่ะ..เมื่อกี้เจ้านายพี่เขามาตามหาพี่
"แก้มหวาน!" กวินท์เดินปรี่ไปหาหญิงสาวที่กำลังยืนคุยกับผู้ชายหน้าระรื่นด้วยอารมณ์เดือดดาล มือหนาเอื้อมไปจับแขนเล็กแล้วกระชากให้ออกห่างเตชินเจ้านายเก่าของเธออย่างแรงจนเธอเซถลาปะทะลำตัวของเขาเต็มๆปึก!"อ๊ะ..คุณกวินท์" แก้มหวานเบ้หน้าออกมาด้วยความเจ็บ ก่อนแหงนมองหน้าอาจารย์หนุ่มด้วยความรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทว่าเธอก็ต้องลอบกลืนน้ำลายเหนี่ยวๆ ลงลำคออึกใหญ่เมื่อเห็นสีหน้าแดงก่ำ และแววตาเกรี้ยวกราดของเขาที่จับจ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ "คุณฟังแก้มก่อนได้ไหม""โอ๊ย! แก้มเจ็บนะ" เธอพยายามข่มไม่ให้ตัวเองตื่นกลัวกับท่าทางเกรี้ยวกราดของร่างสูงตรงหน้า ก่อนเปล่งเสียงพูดเพืื่ออธิบายให้เขาเข้าใจ ทว่าเธอก็ต้องร้องท้วงด้วยความรู้สึกเจ็บพร้อมใช้อีกมือแกะมือหนาออกในตอนที่มือหนาออกแรงบีบแขนของเธอแรงๆ ราวกับจะให้มันแหลกคามือยังไงยังงั้น แต่แรงอันน้อยนิดของเธอหาได้ทำให้มือหนาขยับเขยื้อนออกจากแขนเธอสักนิดไม่ "ผมคนเดียวมันไม่ถึงใจใช่ไหมถึงได้ระริกระรี้กับผู้ชายคนอื่นอีก" กวินท์โกรธและหึงจนหน้ามืดตามัวไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว เขาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มจับจ้องหน้าเธอสลับกับชายหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนพรั่งพรูคำ
"เฮ้อ" แก้มหวานเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งริมเตียงภายในห้องนอนด้วยสมองที่หนักอึ้งหลังจากทานมือค่ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เรื่องที่คุณหญิงอมรรัตน์ไม่ยอมให้เธอย้ายออกไปแต่กลับให้น้องสาวย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันทำให้เธอคิดไม่ตกไม่รู้ว่าควรจะเอายังไงต่อไปดี แต่ที่แน่ๆ เธอไม่ให้น้องสาวรู้เรื่องความสัมพันธ์จอมปลอมระหว่างเธอกับอาจารย์เด็ดขาด'แกร็ก'เสียงปลดล็อคประตูดังขึ้นทำให้แก้มหวานหลุดออกจากห้วงความคิดก่อนปรายตามองทางประตู เธอถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาคืออาจารย์หนุ่มเธอก็คิดว่าหลังจากทานข้าวเสร็จเขาจะกลับคอนโดไปแล้วเสียอีก"คุณเข้ามามีธุระอะไรกับแก้มคะ" ดวงตากลมโตจับจ้องร่างสูงที่เดินมาหยุดยืนตรงหน้านิ่งๆ นานนับนาทีๆ ก่อนเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย"คุณจะเอายังไงต่อเรื่องที่แม่ผมให้น้องสาวย้ายมาอยู่ที่นี่กับคุณ" กวินท์หย่อนสะโพกนั่งลงข้างๆ หญิงสาวก่อนถามไถ่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้าเคร่งขรึมไม่ได้แสดงท่าทางเจ้าเล่ห์ หรือกรุ่มกริ่มเหมือนที่ผ่านมา ท่าทางที่ดูจริงจังของเขาทำเอาแก้มหวานแปลกใจไม่น้อย ดวงกลมโตจับจ้องเสี้ยวหน้าหล่อเหลาอย่างใช้ความคิดปกติเขาคงจะหาเรื่องเข้ามา
@บ้านสิริราญานุกุล"ไม่ต้องมายุ่งกับแก้มคนเผด็จการ" แก้มหวานหันไปตะเบ็งเสียงใส่อาจารย์หนุ่มดังลั่นเมื่อเขายื่นมือมาดึงพวงแก้มนวลของเธอหลังจากรถจอดเรียบร้อยแล้วพร้อมยกมือขึ้นปัดมือหนาออกจากพวงแก้มจากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปในบ้านด้วยท่าทางกระเฟียดกระฟัด แต่เมื่อเข้ามาในบ้านเธอก็ต้องรีบปรับสีหน้า และท่าทางให้เป็นปกติเมื่อเห็นคุณหญิงอมรรัตน์นั่งอยู่ในห้องโถงก่อนเดินเข้าไปทักทาย "สวัสดีค่ะคุณป้า""จ้ะ" คุณหญิงอมรรัตน์พยักหน้ารับพร้อมระบายยิ้มให้เด็กสาวบางๆ แต่เธอก็ต้องขมวดคิ้วชนกันเป็นปมเมื่อเห็นบุตรชายเดินเข้ามา "ลมอะไรหอบลูกมาบ้านอีกละวันนี้" เธอแซวบุตรชายอย่างอดไม่ได้เพราะสองวันติดๆ แล้วที่บุตรชายโผล่หน้ากลับมาอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าบุตรชายของเธอนั้นกว่าจะกลับบ้านได้แต่ละทีไม่มีธุระก็เธอโทรตามเท่านั้น แต่เธอก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะพอรู้เหตุผลว่าทำไมบุตรถึงกลับบ้าน"ไม่มีลมอะไรทั้งนั้นแหละครับ" กวินท์ไหว่ไหล่ให้ผู้เป็นแม่ก่อนเดินเข้าไปนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามท่าน ดวงตาคมกริบปรายมองร่างบางที่ยืนเยื้องๆ กับโซฟาก่อนรอยยิ้มร้ายจะผุดขึ้นประดับมุมปากหนาเมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเธอ"เผด็จกา
วันต่อมา@มหาวิทยาลัยคอนเวนต์'ติ๊ง ติ๊ง'เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นไลน์ดังขึ้นเบาๆ ทำให้แก้มหวานที่กำลังฟังอาจารย์สอนอย่างตั้งใจละสายตาจากจอโปรเจคเตอร์ ก่อนล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายออกมาเปิดดูข้อความ"เรียนเสร็จมาหาผมที่ห้องทำงาน" เธอแบะปากน้อยๆ เมื่ออ่านข้อความที่อาจารย์หนุ่มเป็นคนส่งมาจบ "รอไปเถอะแก้มไม่ไปตามคำสั่งคุณหรอก" "งึมงำอะไรของแกแก้ม" มิราที่นั่งอยู่ข้างๆ เอียงหน้ามาถามเพื่อนสาวเบาๆ เมื่อเห็นเธอก้มมองหน้าจอมือถือแล้วงึมงำเบาๆ ราวกับคนบ้า"เปล่าาา" แก้มหวานตอบพร้อมส่งยิ้มแหย่ๆ ให้เพื่อนสาวขณะที่มือกดปิดหน้าจอมือถือแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิมไม่ได้คิดจะตอบกลับข้อความของอาจารย์หนุ่มเพราะยังรู้สึกเคืองๆ เรื่องเมื่อวานอยู่ ก่อนสนใจกับการเรียนต่อ หลังจากเรียนเสร็จเธอกับเพื่อนสาวก็เดินมานั่งที่ศาลาหน้าตึกคณะเพื่อทำโปรเจคต่อ"ฉันได้ดูโปรเจคที่แกส่งมาแล้วนะ แกทำได้ไงอะ" มิราขมวดคิ้วมองหน้าถามเพื่อนสาวด้วยความสงสัยหลังจากนั่งลงแล้วเพราะเพียงเวลาแค่ 2-3วันเพื่อนสาวก็ทำโปรเจคเกือบเสร็จแล้วแถมข้อมูลยังแน่นอีกคนถูกถามลอบถอนหายใจเบาๆระคนเหนื่อยหน่ายเธอคงต้องโกหกเพื่อนสาวอี