อภิชญาต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานถึงสามวัน โดยที่มีวายุมาเฝ้าไข้อยู่ตลอด ทุกครั้งที่เขาว่างหรือเลิกเรียนเขาก็จะมุ่งหน้ามาเยี่ยมเธอในทันที สิ่งที่เขามักซื้อติดมือมาให้อยู่เสมอก็คือโจ๊กพิเศษใส่ไข่ไม่ใส่ขิง เพราะเธอเป็นคนบอกเขาเองว่าไม่ชอบกินขิง และดูเหมือนว่าเขาจะจำเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดีนอกจากวายุแล้วเพื่อนสนิททั้งสองของเธอก็มาเยี่ยมอยู่เป็นประจำ วันแรกที่พวกมันรับรู้ว่าเธอป่วยจนเข้าโรงพยาบาล ก็ร้องไห้งอแงออกมาด้วยความเป็นห่วง นับว่าเป็นภาพที่แปลกพิลึกที่ได้เห็นเจนนี่ร้องไห้ แต่ทว่ามันก็ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูกตลอดเวลาที่นับสองนอนอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น ทุกคืนเฮียลมเหนือจะเป็นคนมานอนเฝ้าไข้เธอตลอด เขามักจะโผล่หน้ามาตอนที่เพื่อน ๆ ของเธอกลับไปแล้ว และมักจะออกไปตอนหกโมงเช้า และกลับมาอีกครั้งในตอนเที่ยงอภิชญาไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไรกับเรื่องนี้ ดีเสียอีก อย่างน้อยก็มีคนมาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ว่าเขาจะมาเยี่ยมเธอทุกวันด้วยสาเหตุอะไร แต่จะแบบไหนเธอก็รู้สึกขอบคุณทั้งนั้นเพราะความจริงแล้วเฮียเหนือไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรก็ได้ เรื่องในวันนั้นเป็นเธอที่ตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนออ
"อีสองมึงแกล้งโง่หรือเปล่า มึงไม่รู้จริง ๆ เหรอ" เจนนี่ถามด้วยสีหน้าจริงจัง ที่ผ่านมาการกระทำรวมถึงสายตาที่เฮียหนาวมองอีสองมันชัดเจนมากเลยว่าเขาชอบมัน มีแค่อีเพื่อนตัวดีนี่แหละที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอีกอย่างตอนนี้มันก็คบกับเฮียเหนือไปแล้วด้วย แบบนี้ฝาแฝดจะไม่ผิดใจกันเหรอวะ.."กูไม่รู้จริง ๆ ปกติเฮียหนาวก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้วหรือเปล่า อีกอย่างเขาก็ไม่เคยมาบอกชอบกูนะ""โอ๊ยชะนี กูอยากจะกรี๊ด กูสงสารเฮียหนาว""สงสารอะไรเฮียเหรอเจนนี่" เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นเฮียหนาวที่กำลังเดินเข้ามาร่วมวงสนทนากับพวกเธอ เขานั่งลงตรงที่ว่างข้างเจนนี่ พลางโปรยยิ้มให้กับทุกคนมีเพียงอภิชญาที่มองหน้าเฮียหนาวตาปริบ ๆ คำพูดของเจนนี่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว คนอย่างเฮียหนาวน่ะเหรอจะชอบเธอ เป็นไปไม่ได้หรอก เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดเลย"เอ่อ.." เจนนี่ได้แต่อึกอักทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไปดี ครั้นจะถามไปเลยว่าเฮียหนาวชอบอีสองใช่มั้ย มันก็ใช่เรื่อง"อีสองคบกับเฮียเหนือแล้ว เฮียรู้เรื่องนี้มั้ย" จู่ ๆ แก้มบุ๋มที่นั่งกินขนมอยู่ก็โพล่งขึ้นมา ทำเอาคนที่มาใหม่ถึงกับนิ่งเป็นหินไป
อภิชญาเลือกที่จะนั่งกินข้าวอยู่ที่ห้องครัว บ้านหลังนี้นับว่าใหญ่เกินไปสำหรับการอยู่คนเดียว โต๊ะกินข้าวในโถงรับประทานอาหารนั้นมีเก้าอี้เพียงพอสำหรับสิบคน แต่กลับมีเพียงวายุที่ต้องนั่งอยู่ตามลำพังในทุกวันห้องนอนขนาดใหญ่สี่ห้อง ที่ผ่านก็มีเพียงห้องของเขาเองที่ถูกใช้งาน ส่วนที่เหลือถูกจัดเตรียมไว้สำหรับรับแขกเฉย ๆ คงมีเพียงลานจอดรถสำหรับสี่คันที่มันไม่ว่าง..อภิชญาก้มหน้าตักข้าวต้มกุ้งใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อลองคิดดูแล้วนี่ก็นับว่าเป็นเมนูโปรดที่เขาชอบกิน และเป็นเมนูที่เธอทำให้เขากินอยู่บ่อย ๆ ในตอนที่ยังคบกันอยู่ใบหน้าหวานที่ก่อนหน้านี้เปี่ยมด้วยความสุขพลันหุบยิ้มลงทันที เพราะเธอเผลอคิดถึงอดีตที่เคยมีร่วมกันกับเขาตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยลืมเขาก็จริง แต่ความรู้สึกมันก็ไม่ได้รุนแรงเท่าช่วงนี้ อาจเป็นเพราะว่าเธอได้เจอหน้าเขาอีกครั้ง ความทรงจำต่าง ๆ ก็พลันหวนกลับมามันเหมือนเป็นการตอกย้ำว่า บางคนอาจหายไปจากการมองเห็น.. แต่ไม่เคยหายไปจากความทรงจำเขามักจะโผล่มาในบางครั้ง..โผล่มาในอาหารบางเมนู..โผล่มาในเพลงบางเพลง..โผล่มาในคำบางคำ..โผล่มาในตอนที่เมา.."คิดว่าแมวขโมยที่ไหนมาทำตัวลับ
หลังจากที่นับสองกินโจ๊กจนหมดถ้วย วายุก็พยุงคนตัวเล็กกลับมานอนที่เตียง ด้วยฤทธิ์ของความเหนื่อยล้าทำให้เธอผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่านับสองหลับไปแล้ว เขาจึงลุกขึ้นและเดินมาออกจากห้องของเธออย่างเงียบ ๆสำหรับคนอย่างเขาคงมีสิทธิ์ทำได้แค่เท่านี้..ร่างกำยำคว้ากุญแจลัมโบร์กินีคู่ใจขับออกไปจากบ้านในยามวิกาล จุดมุ่งหมายที่เขาตั้งใจจะไปคือร้านเหล้าของเพื่อนสนิทอย่างเอกภพ ทุกครั้งที่สุขหรือเศร้าเขาก็มักจะดื่มเหล้าอยู่เสมอครั้งนี้เองก็เช่นกัน.. มีทั้งเรื่องสุขและเศร้าปนกันไป หวังเพียงเพื่อนรักทั้งสองช่วยปลอบโยนEverything's rushed, I know I just lost A piece of mine Why can't we turn back time? เสียงเพลงจากเครื่องเสียงราคาแพงดังขึ้นกระแทกใจคนที่กำลังฟังเข้าอย่างจัง ไม่รู้ว่าเพลงนี้มาอยู่ในเพลย์ลิสต์ของเขาได้ยังไง แต่ฟังไปฟังมามันก็เพราะดีเหมือนกันวายุขับรถด้วยความเร็วที่ช้ากว่าที่ขับตอนปกติ ดื่มด่ำกับทิวทัศน์ในยามค่ำคืน ไฟแสงสีส้มสองข้างทางทอดยาวไปกับถนนจนสุดลูกหูลูกตา ถนนเส้นนี้กลางวันคับแน่นไปด้วยรถรา ต่างจากตอนกลางคืนราวกับไม่ใช่ถนนเส้นเดียวกัน ระหว่างทางที่เขาขับรถมานั้น มีรถสว
วายุปัดสัมผัสของน้ำหวานออก ตอนนี้ยอมรับเลยว่า เขาไม่ได้รู้สึกพิศวาสเธอเลยสักนิด ฝ่ามือหนาคว้าแก้วเหล้าขึ้นมากระดกรวดเดียวจนหมดหลายต่อหลายรอบ จนในที่สุดก็เป็นเอกภพที่เข้ามาแย่งแก้วออกไปจากมือของเขา"พอเลยไอ้เหนือ มึงเล่นแดกเหล้าเป็นน้ำเปล่าขนาดนี้ เดี๋ยวก็ตายห่ากันพอดี""กูควรทำยังไง.. กูต้องทำยังไง.." วายุที่เมาเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง สร้างความประหลาดใจให้กับน้ำหวานเป็นอย่างมาก เธอไม่เคยเห็นเฮียเหนือเมาจนเสียสติขนาดนี้มาก่อน ดวงหน้างามขมวดคิ้วมุ่นด้วยความเป็นห่วงปนความสงสัย เพราะอะไรเฮียเหนือผู้เคร่งขรึมของเธอถึงได้เมามายเพ้อพกขนาดนี้"ตอนนี้มึงควรกลับบ้านไปนอน" เอกภพตอบกลับเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเอือมระอา เมาเหมือนหมาขนาดนี้มึงจะไปทำอะไรได้ เผลอ ๆ ถ้ากลับบ้านไปด้วยสภาพแบบนี้ นับสองจะได้หักคะแนนมึงน่ะสิ!จากที่มันติดลบอยู่แล้ว มันจะได้ติดลบเข้าไปอีก"ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ให้เฮียเหนือมานอนห้องหวานมั้ยคะ หวานเอารถมาค่ะ เดี๋ยวหวานเป็นคนขับรถเอง"เอกภพหันไปสำรวจเพื่อนรักของตน ซึ่งตอนนี้เขาก็พบว่ามันนั่งหลับซบอยู่บนไหล่สาวน้อยไปแล้ว เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสาวน้อ
วายุลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเที่ยงด้วยอาการปวดหัว สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบห้องก็พบว่าที่นี่คือห้องนอนของน้ำหวาน ฝ่ามือหนานวดคลึงขมับตัวเองด้วยความกลัดกลุ้ม เขาจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้เลยสักนิดแต่ถ้าดูจากร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขาในตอนนี้ นั่นก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่าระหว่างเขากับน้ำหวานเกิดอะไรขึ้นฉิบหายแล้วไงกู วายุรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูนาฬิกาก็พบว่า นับสองโทรมาหาเขาหนึ่งสายเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว โชคดีที่มันขึ้นว่าสายที่ไม่ได้รับ.. เพราะถ้าน้ำหวานเป็นคนเดินมารับสายแทนเขาแล้วล่ะก็ ชีวิตของเขาคงจบสิ้นอย่างแน่นอนเขาโทรให้สิงห์มารับในทันทีที่ตื่น จากนั้นจึงลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ เพื่อที่จะเตรียมตัวกลับบ้าน ขณะที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เจอเข้ากับน้ำหวานพอดี วายุเว้นระยะห่างจากเธอประมาณสามก้าว ซึ่งสำหรับน้ำหวานแล้ว มันช่างห่างไกลเสียเหลือเกิน"ตื่นแล้วเหรอคะ หวานทำโจ๊กร้อน ๆ ไว้ให้เฮียทานแก้เมาค้างด้วยค่ะ" เธอพยายามทำตัวให้สดใสเหมือนที่เคยเป็น ทว่าวายุไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาทำเพียงเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาตั้งใจแล้วว่าจะมาที่นี่วันนี
วิลล่าหรูสองชั้นสไตล์โมเดิร์นที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและวิวธรรมชาติ มีผู้เป็นเจ้าของคือ วายุ รัตนกิจโกศล หรือคุณลมเหนือ ทายาทและลูกชายคนโตของบ้านรัตนกิจโกศลซึ่งเป็นตระกูลมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของภาคเหนือครอบครัวของเขามีหลากหลายธุรกิจ ทั้งเป็นเจ้าของรีสอร์ตหรู และปลูกไร่องุ่นขนาดใหญ่ ทั้งนำเข้าและส่งออกไวน์ ไม่แปลกใจเลยหากเขาจะมีกำลังทรัพย์มากพอสำหรับอยู่อาศัยในวิลล่าหรูราคาเกือบเก้าหลัก"บอสครับ นี่คือใบสมัครของคนที่มาสมัครตำแหน่งผู้จัดการรีสอร์ตใหม่ครับ" สิงห์ มือขวาคนสนิทของวายุเอ่ยขึ้น ก่อนจะนำเอกสารมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน เพื่อรอให้เจ้านายตรวจสอบ"ขอบใจ นายไปพักเถอะเดี๋ยวผมจะดูเสร็จแล้วจะโทรเรียก" เขาตอบกลับเสียงเรียบ"ครับบอส"เมื่อมือขวาเดินพ้นประตูห้องออกไป เจ้าของใบหน้าคมคายก็ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า นิ้วมือเรียวนวดคลึงขมับไปมา เขาเรียนจบปริญญาโทวิศวะแต่กลับต้องมานั่งทำงานบริหารธุรกิจของครอบครัว จมอยู่กับกองเอกสารที่น่าปวดหัวพวกนี้ฝ่ามือหนากวาดกองเอกสารสมัครงานไปกองไว้ด้านข้างของโต๊ะอย่างไม่ไยดี ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะทำงานอะไรทั้งนั้น เอกสารนี่ค่อยอ่านวันพรุ่งนี้ก็ยังไม่สา
23 กุมภาพันธ์ เวลา 01:50 น.ในขณะที่นักท่องราตรีคนอื่น ๆ ต่างกำลังเต้นบนฟลอร์อย่างเมามัน แต่สามสาว นับสอง เจนนี่ และแก้มบุ๋ม นั้นเมามายจนไม่รู้เรื่องอะไรแล้วสภาพแต่ละคนดูได้ซะที่ไหน หรือนี่คือที่มาของคำว่า มาอย่างหงส์กลับอย่างหมาเจนนี่ที่เมาก็เดินเต้นและชนแก้วไปจนทั่ว ราวกับว่าตัวเองนั้นรู้จักกับเขาไปหมดทุกโต๊ะ เหลือเพียงสองสาวที่ลุกไปไหนไม่ไหว แก้มบุ๋มก็ได้แต่นั่งเท้าคางสัปหงก หากเธอฝืนดื่มต่ออีกนิดมีหวังได้อ้วกคาโต๊ะแน่ส่วนนับสองที่คออ่อนที่สุด ก็ฟุบหน้าหลับบนโต๊ะไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย และคาดว่าต่อให้ร้านปิดเธอก็น่าจะยังไม่ตื่น"คนสวยครับง่วงแล้วเหรอ ไปต่อกับเรามั้ย" เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น แต่เธอก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไร บางทีเขาอาจจะคุยกับคนอื่นอยู่ก็ได้"ว่ายังไงครับไปมั้ย" ชายคนนั้นยังคงถามต่อพลางฉวยโอกาสใช้มือโอบไหล่ของเธอ ทำเอาอภิชญาที่ฟุบหน้าหลับอยู่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจ"ไม่ค่ะขอบคุณ" เธอตอบกลับเสียงแข็ง ก่อนจะปัดมือของผู้ชายคนนั้นออกด้วยความไม่สบอารมณ์ เธอฟุบหน้าลงบนโต๊ะอีกครั้งและหวังว่าเขาจะไม่ตอแยและเดินจากไปแต่โดยดีเธออยากกลับบ้านแล้ว แต่ดูเหมือนว่
วายุลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเที่ยงด้วยอาการปวดหัว สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบห้องก็พบว่าที่นี่คือห้องนอนของน้ำหวาน ฝ่ามือหนานวดคลึงขมับตัวเองด้วยความกลัดกลุ้ม เขาจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้เลยสักนิดแต่ถ้าดูจากร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขาในตอนนี้ นั่นก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่าระหว่างเขากับน้ำหวานเกิดอะไรขึ้นฉิบหายแล้วไงกู วายุรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูนาฬิกาก็พบว่า นับสองโทรมาหาเขาหนึ่งสายเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว โชคดีที่มันขึ้นว่าสายที่ไม่ได้รับ.. เพราะถ้าน้ำหวานเป็นคนเดินมารับสายแทนเขาแล้วล่ะก็ ชีวิตของเขาคงจบสิ้นอย่างแน่นอนเขาโทรให้สิงห์มารับในทันทีที่ตื่น จากนั้นจึงลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ เพื่อที่จะเตรียมตัวกลับบ้าน ขณะที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เจอเข้ากับน้ำหวานพอดี วายุเว้นระยะห่างจากเธอประมาณสามก้าว ซึ่งสำหรับน้ำหวานแล้ว มันช่างห่างไกลเสียเหลือเกิน"ตื่นแล้วเหรอคะ หวานทำโจ๊กร้อน ๆ ไว้ให้เฮียทานแก้เมาค้างด้วยค่ะ" เธอพยายามทำตัวให้สดใสเหมือนที่เคยเป็น ทว่าวายุไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาทำเพียงเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาตั้งใจแล้วว่าจะมาที่นี่วันนี
วายุปัดสัมผัสของน้ำหวานออก ตอนนี้ยอมรับเลยว่า เขาไม่ได้รู้สึกพิศวาสเธอเลยสักนิด ฝ่ามือหนาคว้าแก้วเหล้าขึ้นมากระดกรวดเดียวจนหมดหลายต่อหลายรอบ จนในที่สุดก็เป็นเอกภพที่เข้ามาแย่งแก้วออกไปจากมือของเขา"พอเลยไอ้เหนือ มึงเล่นแดกเหล้าเป็นน้ำเปล่าขนาดนี้ เดี๋ยวก็ตายห่ากันพอดี""กูควรทำยังไง.. กูต้องทำยังไง.." วายุที่เมาเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง สร้างความประหลาดใจให้กับน้ำหวานเป็นอย่างมาก เธอไม่เคยเห็นเฮียเหนือเมาจนเสียสติขนาดนี้มาก่อน ดวงหน้างามขมวดคิ้วมุ่นด้วยความเป็นห่วงปนความสงสัย เพราะอะไรเฮียเหนือผู้เคร่งขรึมของเธอถึงได้เมามายเพ้อพกขนาดนี้"ตอนนี้มึงควรกลับบ้านไปนอน" เอกภพตอบกลับเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเอือมระอา เมาเหมือนหมาขนาดนี้มึงจะไปทำอะไรได้ เผลอ ๆ ถ้ากลับบ้านไปด้วยสภาพแบบนี้ นับสองจะได้หักคะแนนมึงน่ะสิ!จากที่มันติดลบอยู่แล้ว มันจะได้ติดลบเข้าไปอีก"ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ให้เฮียเหนือมานอนห้องหวานมั้ยคะ หวานเอารถมาค่ะ เดี๋ยวหวานเป็นคนขับรถเอง"เอกภพหันไปสำรวจเพื่อนรักของตน ซึ่งตอนนี้เขาก็พบว่ามันนั่งหลับซบอยู่บนไหล่สาวน้อยไปแล้ว เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสาวน้อ
หลังจากที่นับสองกินโจ๊กจนหมดถ้วย วายุก็พยุงคนตัวเล็กกลับมานอนที่เตียง ด้วยฤทธิ์ของความเหนื่อยล้าทำให้เธอผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่านับสองหลับไปแล้ว เขาจึงลุกขึ้นและเดินมาออกจากห้องของเธออย่างเงียบ ๆสำหรับคนอย่างเขาคงมีสิทธิ์ทำได้แค่เท่านี้..ร่างกำยำคว้ากุญแจลัมโบร์กินีคู่ใจขับออกไปจากบ้านในยามวิกาล จุดมุ่งหมายที่เขาตั้งใจจะไปคือร้านเหล้าของเพื่อนสนิทอย่างเอกภพ ทุกครั้งที่สุขหรือเศร้าเขาก็มักจะดื่มเหล้าอยู่เสมอครั้งนี้เองก็เช่นกัน.. มีทั้งเรื่องสุขและเศร้าปนกันไป หวังเพียงเพื่อนรักทั้งสองช่วยปลอบโยนEverything's rushed, I know I just lost A piece of mine Why can't we turn back time? เสียงเพลงจากเครื่องเสียงราคาแพงดังขึ้นกระแทกใจคนที่กำลังฟังเข้าอย่างจัง ไม่รู้ว่าเพลงนี้มาอยู่ในเพลย์ลิสต์ของเขาได้ยังไง แต่ฟังไปฟังมามันก็เพราะดีเหมือนกันวายุขับรถด้วยความเร็วที่ช้ากว่าที่ขับตอนปกติ ดื่มด่ำกับทิวทัศน์ในยามค่ำคืน ไฟแสงสีส้มสองข้างทางทอดยาวไปกับถนนจนสุดลูกหูลูกตา ถนนเส้นนี้กลางวันคับแน่นไปด้วยรถรา ต่างจากตอนกลางคืนราวกับไม่ใช่ถนนเส้นเดียวกัน ระหว่างทางที่เขาขับรถมานั้น มีรถสว
อภิชญาเลือกที่จะนั่งกินข้าวอยู่ที่ห้องครัว บ้านหลังนี้นับว่าใหญ่เกินไปสำหรับการอยู่คนเดียว โต๊ะกินข้าวในโถงรับประทานอาหารนั้นมีเก้าอี้เพียงพอสำหรับสิบคน แต่กลับมีเพียงวายุที่ต้องนั่งอยู่ตามลำพังในทุกวันห้องนอนขนาดใหญ่สี่ห้อง ที่ผ่านก็มีเพียงห้องของเขาเองที่ถูกใช้งาน ส่วนที่เหลือถูกจัดเตรียมไว้สำหรับรับแขกเฉย ๆ คงมีเพียงลานจอดรถสำหรับสี่คันที่มันไม่ว่าง..อภิชญาก้มหน้าตักข้าวต้มกุ้งใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อลองคิดดูแล้วนี่ก็นับว่าเป็นเมนูโปรดที่เขาชอบกิน และเป็นเมนูที่เธอทำให้เขากินอยู่บ่อย ๆ ในตอนที่ยังคบกันอยู่ใบหน้าหวานที่ก่อนหน้านี้เปี่ยมด้วยความสุขพลันหุบยิ้มลงทันที เพราะเธอเผลอคิดถึงอดีตที่เคยมีร่วมกันกับเขาตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยลืมเขาก็จริง แต่ความรู้สึกมันก็ไม่ได้รุนแรงเท่าช่วงนี้ อาจเป็นเพราะว่าเธอได้เจอหน้าเขาอีกครั้ง ความทรงจำต่าง ๆ ก็พลันหวนกลับมามันเหมือนเป็นการตอกย้ำว่า บางคนอาจหายไปจากการมองเห็น.. แต่ไม่เคยหายไปจากความทรงจำเขามักจะโผล่มาในบางครั้ง..โผล่มาในอาหารบางเมนู..โผล่มาในเพลงบางเพลง..โผล่มาในคำบางคำ..โผล่มาในตอนที่เมา.."คิดว่าแมวขโมยที่ไหนมาทำตัวลับ
"อีสองมึงแกล้งโง่หรือเปล่า มึงไม่รู้จริง ๆ เหรอ" เจนนี่ถามด้วยสีหน้าจริงจัง ที่ผ่านมาการกระทำรวมถึงสายตาที่เฮียหนาวมองอีสองมันชัดเจนมากเลยว่าเขาชอบมัน มีแค่อีเพื่อนตัวดีนี่แหละที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอีกอย่างตอนนี้มันก็คบกับเฮียเหนือไปแล้วด้วย แบบนี้ฝาแฝดจะไม่ผิดใจกันเหรอวะ.."กูไม่รู้จริง ๆ ปกติเฮียหนาวก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้วหรือเปล่า อีกอย่างเขาก็ไม่เคยมาบอกชอบกูนะ""โอ๊ยชะนี กูอยากจะกรี๊ด กูสงสารเฮียหนาว""สงสารอะไรเฮียเหรอเจนนี่" เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นเฮียหนาวที่กำลังเดินเข้ามาร่วมวงสนทนากับพวกเธอ เขานั่งลงตรงที่ว่างข้างเจนนี่ พลางโปรยยิ้มให้กับทุกคนมีเพียงอภิชญาที่มองหน้าเฮียหนาวตาปริบ ๆ คำพูดของเจนนี่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว คนอย่างเฮียหนาวน่ะเหรอจะชอบเธอ เป็นไปไม่ได้หรอก เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดเลย"เอ่อ.." เจนนี่ได้แต่อึกอักทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไปดี ครั้นจะถามไปเลยว่าเฮียหนาวชอบอีสองใช่มั้ย มันก็ใช่เรื่อง"อีสองคบกับเฮียเหนือแล้ว เฮียรู้เรื่องนี้มั้ย" จู่ ๆ แก้มบุ๋มที่นั่งกินขนมอยู่ก็โพล่งขึ้นมา ทำเอาคนที่มาใหม่ถึงกับนิ่งเป็นหินไป
อภิชญาต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานถึงสามวัน โดยที่มีวายุมาเฝ้าไข้อยู่ตลอด ทุกครั้งที่เขาว่างหรือเลิกเรียนเขาก็จะมุ่งหน้ามาเยี่ยมเธอในทันที สิ่งที่เขามักซื้อติดมือมาให้อยู่เสมอก็คือโจ๊กพิเศษใส่ไข่ไม่ใส่ขิง เพราะเธอเป็นคนบอกเขาเองว่าไม่ชอบกินขิง และดูเหมือนว่าเขาจะจำเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดีนอกจากวายุแล้วเพื่อนสนิททั้งสองของเธอก็มาเยี่ยมอยู่เป็นประจำ วันแรกที่พวกมันรับรู้ว่าเธอป่วยจนเข้าโรงพยาบาล ก็ร้องไห้งอแงออกมาด้วยความเป็นห่วง นับว่าเป็นภาพที่แปลกพิลึกที่ได้เห็นเจนนี่ร้องไห้ แต่ทว่ามันก็ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูกตลอดเวลาที่นับสองนอนอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น ทุกคืนเฮียลมเหนือจะเป็นคนมานอนเฝ้าไข้เธอตลอด เขามักจะโผล่หน้ามาตอนที่เพื่อน ๆ ของเธอกลับไปแล้ว และมักจะออกไปตอนหกโมงเช้า และกลับมาอีกครั้งในตอนเที่ยงอภิชญาไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไรกับเรื่องนี้ ดีเสียอีก อย่างน้อยก็มีคนมาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ว่าเขาจะมาเยี่ยมเธอทุกวันด้วยสาเหตุอะไร แต่จะแบบไหนเธอก็รู้สึกขอบคุณทั้งนั้นเพราะความจริงแล้วเฮียเหนือไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรก็ได้ เรื่องในวันนั้นเป็นเธอที่ตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนออ
หกปีก่อน (หลังจากที่นับสองเจอกับลมเหนือครั้งแรก)อภิชญากลับมาถึงคอนโดด้วยสภาพเปียกปอนเหมือนกับลูกหมาตกน้ำ ยิ่งตอนนั่งตากแอร์อยู่บนรถ ยิ่งทำให้รู้สึกหนาวเสียจนปากสั่น เธออยู่ในสภาพที่หนาวตัวสั่นหงึก ๆ จนกระทั่งถึงห้องเมื่อจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เรียบร้อยแล้ว เธอก็ขึ้นไปนอนบนเตียงขนาดคิงไซส์อย่างมีความสุข นิ้วมือเรียวไถหน้าจอโทรศัพท์ไปมา จนกระทั่งมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวเป็นไปไม่ได้ที่คนจะหน้าเหมือนกันได้ขนาดนั้น เว้นเสียจากจะเป็นพี่น้องหรือฝาแฝดกัน.. ใบหน้าหวานยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มปฏิบัติการสืบเรื่องของชาวบ้าน!หญิงสาวกดเข้าไปส่องดูหน้าโปรไฟล์ของเฮียลมหนาวรุ่นพี่ในคณะที่สนิทกัน ซึ่งปกติแล้วเธอไม่ใช่คนที่ติดโซเชี่ยลเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะมีไว้ดูคลิปหมาคลิปแมวเท่านั้นอภิชญาเลื่อนดูอัลบั้มรูปภาพไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสายตาไปหยุดอยู่กับรูปหนึ่ง ซึ่งในรูปก็คือเฮียหนาวที่เธอรู้จักและอีกคนหนึ่งก็มีหน้าตาเหมือนเฮียหนาวอย่างกับแกะซึ่งในรูปภาพน่าจะเป็น งานปัจฉิมนิเทศตอนจบ ม.ปลาย และชื่อบุคคลที่ถูกแท็กอยู่ในภาพก็คือ@วายุ รัตนกิจโกศล @เหมันต์ รัตนกิจโกศลทั้งสองคนเป็นฝาแฝดกันจริง
วายุที่ได้ยินดังนั้นประกายประหลาดก็ฉายวาบในแววตา เมื่อครู่เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่ เขาได้ยินจริง ๆ ว่านับสองเรียกแทนตัวเองว่า หนูและเรียกเขาว่าเฮีย เขาคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้ยินคำพูดนี้จากปากของผู้หญิงที่ชื่อว่านับสองอีกแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังมีโอกาสอยู่ ใช่ไหม..ฝ่ามือหนาเอื้อมไปแตะหน้าผากมนของคนตัวเล็กอย่างเบามือ ปรากฏว่าอภิชญาตัวร้อนรุม ๆ คล้ายคนจะเป็นไข้ อีกทั้งหน้าตาก็ยังซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด เขาขมวดคิ้วด้วยความกังวลใจ ก่อนจะตัดสินใจขับรถออกไปอย่างรวดเร็วระหว่างทางที่กลับบ้าน วายุก็ตบไฟเลี้ยวและไปจอดอยู่หน้าร้านอะไรสักอย่าง ซึ่งตอนนั้นหญิงสาวเองก็ไม่รู้ว่าเขาจอดรถที่ไหน และลงไปทำอะไรบ้าง เพราะเธอเองก็มีสติอยู่ไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง รถยุโรปคันหรูของวายุก็แล่นเข้ามาจอดที่โรงจอดรถของวิลล่าหลังใหญ่ อันเป็นบ้านพักส่วนตัวของเขา ร่างกำยำเดินอ้อมไปฝั่งคนนั่ง จากนั้นก็ทำการปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากเอวคนตัวเล็กที่กำลังหลับอยู่บนรถ เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม ก่อนจะมุ่งหน้าเดินเข้าไปภายในบ้าน"เอ่อ..ฉันเดินเองได้ค่ะ" เสียงหวานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
อภิชญานั่งกะพริบตาปริบ ๆ เธอรู้สึกมึนหัวอย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะว่าเธอซัดแชมเปญไปตั้งสองแก้วทั้งที่ท้องยังว่างอยู่ ตอนแรกเธอตั้งใจว่าจะมาหาอะไรกินที่งานเลี้ยงนี่แหละ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้แยกตัวออกมาจากเจ้ากรรมนายเวรเลยแม้แต่ครึ่งก้าว รู้ตัวอีกทีเท้าเธอก็ถลอกจนแสบไปหมดแล้วหญิงสาวในชุดราตรีสีเงินนั่งน้ำตาคลอเบ้า หิวก็หิว เท้าก็เจ็บ แถมตอนนี้เริ่มเวียนหัวเพราะเมาด้วย ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแชมเปญเพียงแค่สองแก้วจะทำให้เธอเมาได้ ปกติดื่มเหล้าก็ไม่เห็นเมาไวขนาดนี้ หรืออันที่จริงแล้วคอเธอไม่เหมาะกับของแพง..กลับไปแดกเหล้าผสมโซดาเหมือนเดิมดีกว่ามั้งกูขณะที่อภิชญานั่งทำหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว ก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านข้าง เมื่อเธอหันไปมองตามเสียงก็พบว่าเขาคนนั้นคือเฮียลมหนาว รุ่นพี่ในคณะสมัยที่เธอเรียนอยู่มหาลัย"ไม่คิดเลยว่าเฮียจะได้เจอสองที่นี่" เหมันต์เอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง เขาถือโอกาสนั่งลงข้าง ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ"อันที่จริงสองเองก็กำลังงงอยู่เหมือนกันค่ะ" เสียงหวานตอบกลับอย่างติดตลก ก่อนจะเล่าความเป็นมาของตำแหน่งเลขาคุณลมเหนือให้กับรุ่นพี่ฟัง ไม่รู้ว่าเป็น