ตอนนั้นเหวินเหยียนโจวก็ไม่ได้มีความรู้สึกหรือท่าทีอะไร เมื่อมาถึงสถานที่ที่นัดกับเย่เหอไว้ เย่เหอหรานที่กำลังกินโรตีคำโตอย่างเอร็ดอร่อยสองตาเขาสำรวจมองเย่หราน นั่งลงเย่เหอหรานหันไปบนโต๊ะที่มีเอกสารอย่างบอกเป็นนัย พูดอย่างกำกวม “ข้อมูลที่นายอยากได้เอาไปดูเอง ฉันยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ หิวจะตายอยู่แล้ว”“ที่บ้านไม่มีใครทำกับข้าวให้นายกินเหรอ? ไหนบอกว่าแม่นายหาเมียให้นายแล้วไม่ใช่เหรอ?” เหวินเหยียนโจวหยิบเอกสารขึ้นมาพลิกดู พูดลอย ๆ ออกมาเย่เหอหรานพอนึกถึงสถานะของคู่หมั้นนั่น ยายแก่ที่บังคับให้เขาไปบ้านนั่นก็หมดอารมณ์กิน หยิบโรตีเข้ากระเป๋าหยิบกระดาษขึ้นมาเช็ดมือด้วยความหงุดหงิด“ถ้าว่ากันตามอายุ ยัยนั่นฉันคงต้องเรียกว่าป้าแล้ว แก่กว่าฉันตั้งห้าปี ไม่รู้ว่าช่วงล่างยานขนาดไหนแล้ว เอามาทำเมียให้ฉันขาดทุนตายจนแม่ฉันยังนึกออกเลย อยากจะได้สมบัติในมือเธอ สู่ขอยัยผู้หญิงนี่มาก็เหมือนเอามาเป็นแม่บ้านให้ฉันเพิ่มอีกคน...ช่างเถอะไม่ต้องพูดถึงเธอแล้ว”เขายกเปลือกตาขึ้น “ทำไมอยู่ ๆ ถึงอยากได้ข้อมูลบริษัทเล็ก ๆ พวกนี้ ข้อมูลพวกนี้ปี๋หยุนของพวกนายดูไม่ได้เหรอ?”ที่สำคัญถ้าเขา
โหลวฉางเยว่สีหน้าอย่างนิ่ง “ได้ยินมาว่าคุณเพิ่งจะคลอดลูกชาย น่ารักมาก ไม่รู้ว่าจะได้รับเกียรติไปดูไหม”“…” ประธานเฉินไม่ได้สนใจเธอ ขึ้นรถออกไปแต่เขาไม่ได้กลับบ้านแต่ไปที่โรงแรม ไปเข้าร่วมงานกิจการซาลอนที่จัดขึ้นที่นั่นโหลวฉางเยว่มีสถานะเป็นเลขาของประธานปี๋หยุนกรุ๊ป แน่นอนว่าเข้าไปได้แต่เธอไม่ได้สนใจที่จะพูดคุยกับคนอื่น หาที่สักมุมหนี่ง นั่งลงเงียบ ๆ รอประธานเฉินเลิกงานเลี้ยง เธอก็เข้าไปให้เขาเซ็นสัญญาเพิ่มเติมอ่อ ไม่เซ็นต์ก็ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เธอค่อยมาใหม่ ดีสุดเขาคงถ่วงเวลาเธอสักสี่วัน หลังจากสี่วันเธอก็ลาออกพอดีโหลวฉางเยว่เปิดนิตยสารอ่านเล่น ทันใดนั้นก็เห็นอีกด้านหนี่งโกราหลขึ้นมาโหลวฉางเยว่ลุกขึ้นมอง เป็นประธานเฉินที่กำลังถกเถียงกับผู้หญิงคนหนึ่งผู้หญิงคนนั้นไม่ได้สนกาลเทศะอะไร ชี้หน้าด่าประธานเฉินยกใหญ่ “เฉินเหลียน แกขายทรัพย์สินของบริษัท แกต้องไม่ตายดีแน่!”หญิงสาวตะโกนด่าเสียงดังจนคนทั้งซาลอนได้ยินไปหมด ทุกคนต่างรุมล้อมกันเข้ามาสีหน้าประธานเฉินไม่น่ามองเป็นที่สุดโหลวฉางเยว่กระซิบถามคนข้าง ๆ “เธอเป็นใคร?”“เมียน้องชายของประธานเฉิน ขึ้นชื่อเรื่องการด่าเลยทีเดียว
โหลวฉางเยว่ถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ “คุณจะจัดการเธออย่างไร?”ประธานเฉินยิ้มเย็น “นั่นเป็นเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับเธอ”“ถ้าคุณทำร้ายเธอเกี่ยวเนื่องจนถึงผิดกฎกมาย อย่างนั้นฉันก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคอดด้วย ต้องเกี่ยวข้องกับฉันอย่างแน่นอน”“ฉันทำอย่างนี้ก็เพื่อช่วยเธอด้วยเหมือนกัน ถ้าให้ฉันเดาล่ะก็เดิมเรื่องนี้เธอเป็นคนรับผิดชอบทว่าเรื่องหน้าหน่ายกลับมาลงกับตัวเธอ ก็เพราะว่าประธานเหวินของพวกเธอเข้าข้างเธอ ให้ทายเธอ พูดก็พูดถึงขนาดที่การมีอยู่ของเธอขวางทางของเธอ ส่งเธอให้ฉัน ฉันจัดการเธอเอง เธอก็จะหมดคู่แข่งไปอีหนึ่ง ไม่สบายกว่าเหรอ?”ประธานเฉินวิเคราะห์แจกแจงเรื่องอย่างช้า ๆ น้ำเสียงที่ดูหลอกล่อราวกับว่าเป็นเรื่องดีไปหมดโหลวฉางเยว่ไตรตรองพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ไม่เลวพอดีเลยฉันก็รำคาญเธอเหมือนกัน”ประธานเฉินหรี่นัยน์ตา “เธอเอาด้วยใช่ไหม?”“แน่นอน ฉันจะโทรศัพท์ตอนนี้” โหลวฉางเยว่หยิบโทรศัพท์กดเบอร์โทรออก รอไม่กี่สิบวินาทีก็พูด“เลขาฟาง เจ้านายเก่าของเธอประธานเฉินให้ฉันหลอกเธอมา เขามีอะไรจะให้เธอ ตอนนี้พวกเราอยู่ที่โรงแรมฮิลตันตอนนี้เธอไม่ลองเข้ามาดูหน่อยเหรอ?”ประธานเฉินแย่งโทรศัพท์จา
เมื่อคืนของเหวินเหยียนโจวเหมือนจะไม่เข้ากับเอวเธออย่างนั้น เอวของเธอยังเหลือร่องรอยฟันการบีบเอาไว้หลายที่.ในตอนที่ยังสะลืมสะลือ โหลวฉางเยว่ได้ยินเขาพูดข้างหูของเธอว่า “เมื่อก่อนทำไมไม่เห็นว่าเธอจะยั่วยวนคนอย่างนี้?”โหลวฉางเยว่คิดว่าคนที่เขาพูดถึงคือประธานเฉิน ไร้สาระจนเธอไม่อยากตอบเขา ปิดตาลงแล้วแต่เขาจะลงทัณเธอ วันรุ่งขึ้นก็ยังเป็นโหลวฉางเยว่ที่ตื่นเช้าเมื่อวานเหวินเหยียนโจวรุนแรงมากจริง ๆ ตอนที่เธอลงจากเตียงรู้สึกเจ็บมาก ขยับแล้วรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ เหวินเหยียนโจวที่ตื่นตามมาเหลือบจ้องเธออย่างนิ่ง ๆ ไม่ได้พูดอะไรก็ตรงไปล้างหน้าที่ห้องน้ำเขาทำอะไรไว โหลวฉางเยว่แต่งหน้าเสร็จเดินออกมา เขาก็เดินตามหลังออกมาด้วยเหมือนกัน ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรสับเท้าเดินออกจากโรงแรมคนขัยรถของเหวินเหยียนโจวเอารถมาจอดรับเขาที่หน้าประตู เขาขึ้นรถแล้ว “รอเดี๋ยว”โหลวฉางเยว่เดินออกจากโรงแรม เห็นกันอยู่ว่าเธอเห็นรถเขาทว่ากลับยังเรียกรถแท็กซี่คนขับรถลอบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังเหวินเหยียนโจวหน้านิ่งไร้อารมณ์ “ไป”……ก็มาทำงานตอนเช้าเหมือนอย่างเคย โหลวฉางเยว่ก็รับงานจากเพื่อนร่วมงาน เหลือบเห็น
เหวินเหยียนโจวขมวดคิ้วขึ้นอย่างไว “ตั้งแต่เมื่อไร?”โหลวฉางเยว่ตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง “เธอบอกว่าเมื่อวาน”เมื่อวานโหลวฉางเยว่ถูกล่วงละเมิดแต่จะเป็นประธานเฉินไหม ไม่มีใครรู้ดีเท่าเหวินเหยียนโจวเขามองไปที่ฟางเชี่ยน “เธอเห็นอะไร?”“ฉัน...ฉัน...” สีหน้าของฟางเชี่ยนซีดเล็กน้อยถึงได้รู้ตัวว่าโหลวฉางเยว่ไม่ได้ล้อเล่น!เธอร้อนรนขึ้น “โหลวฉางเยว่! เธอพูดบ้าอะไร!”โหลวฉางเยว่ “จะเป็นฉันที่พูดบ้าอะไรนั้นได้อย่างไร? ไม่ใช่เธอกับเหล่าเพื่อนร่วมงานลือกันว่าฉันกับประธานเฉินอะไรกันไม่ใช่เหรอ? เธอพูดออกท่าออกทาง เป็นช่วงเป็นตอนขนาดนั้น แม้ว่าฉันจะจำไม่ได้สักฟางเชี่ยนไม่นึกไม่ฝันว่าโหลวฉางเยว่จะจัดการเธออย่างนี้!ข่าวลือพวกนี้ แค่ขยับปากก็ลือกันออกมา เจ้าตัวคงไม่มีวิธีแก้ให้กระจ่างได้ แม้ว่าเธอจะอธิบายก็คงมีคนไม่เชื่อเธออยากจะทำให้ชื่อเสียงของโหลวฉางเยว่เสียหาย ถึงขนาดที่เธอคิดมาดีแล้ว ถ้าโหลวฉางเยว่มาหาความกับเธอ เธอจะจัดการอย่างไร ผลก็คือเธอแจ้งตำรวจ!เรื่องนี้จากตัวเธอเองก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าไม่ได้ทำก็เปลี่ยนให้เธอยืนยันว่าเกิดเรื่องจริง ๆ แม้จะไม่ได้เกิดอะไรขึ้นก็ตาม เธอจะพิสูจน์อย่างไร?เ
วันนี้ชั้น 19 อลหม่านที่สุด ทั้งด้านในอละนอกราล้อมไปด้วยพนักงานของปี๋หยุนตำรวจมาตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่โรงแรม พิสูจน์เรื่องเมื่วานที่ประธานเฉินกับโหลวฉางเยว่ไปร่วมงานเลี้ยงที่ซาลอน และประธานเฉินก็ออกไปก่อนตั้งนานแล้ว หลังจากที่เขาออกไปโหลวฉางเยว่ยังไม่ได้กลับ เวลาของทั้งสองคนไม่ตรงกันจะเกิดเรื่องอะไรคงเป็นไปไม่ได้นั่นก็คือฟางเชี่ยนกุเรื่อง!ฟางเชี่ยนจนตรอก “ดู ดูไปเรื่อย ๆ ! โหลวฉางเยว่มันบ้าไปแล้วจริง ๆ บ้านของเธออยู่ที่เมืองเฉินเฉิง ดึก ๆ ดื่น ๆ ยังไม่กลับบ้านนอนมาอยู่ที่โรงแรม ต้องมีเรื่องแน่นอนถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ประธานเฉินอย่างนั้นก็อาจจะเป็นคนอื่น!”คลิปวิดีโอนี้ก็ไหลต่อไป ภาพที่โหลวฉางเยว่ถูกเหวินเหยียนโจวลากขึ้นชั้นไปสีหน้าของโหลวฉางเยว่ไร้อารมณ์ “ขอแค่ได้พิสูจน์ว่าเธอกุเรื่องใส่ร้ายก็พอแล้ว ถึงขนาดที่ว่าฉันออกจากโรงแรมตอนนไหนมันเกี่ยวอะไรกับเธอ”ฟางเชี่ยนกัดฟัน “เธอกลัว! ดูต่อไป ทุกคนมาดู เธอทำเรื่องบ้าอะไร!”โหลวฉางเยว่ชั่งใจว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร เหวินเหยียนโจวยังนิ่งเงียบ “เรื่องก็ชัดพอแล้ว แยกย้ายกันเถอะ”เขาพูด คนที่อยู่รอบ ๆ ก็ไม่กล้าจะอยู่ต่อ ค่อย ๆ สลายแตกร
โหลวฉางเยว่กลับมาที่ตำแหน่งที่ทำงาน เพื่อนร่วมงานคนอื่นต่างก็มาปลอบใจเธอ หรือไม่ก็ขอโทษ ว่าตนเองไม่ควรเชื่อคำพูดฟางเชี่ยนง่าย ๆโหลวฉางเยว่พูดแต่ไม่เป็นไรเสิ่นเมี่ยวเมี่ยวกลับไม่ปกติอย่างที่เคยเป็นมาก่อน อยู่ตำแหน่งที่ทำงานคนเดียว ก้มหัว ไม่รู้ว่าพึมพำอะไร ดูเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดีเมื่อกี้เธอช่วยโหลวฉางเยว่ชี้แจ้งคำโกหก ก็ให้ผู้ช่วยไปดูกล้องวงจรในโรงแรม ใช่แล้ว เธอได้ภาพกล้องวงจรนั้นเร็วกว่าตำรวจหนึ่งก้าว แต่ไม่คิดว่า จะเห็นเหวินเหยียนโจวในกล้องวงจร พวกเขาสองคนเข้าไปในลิฟท์ด้วยกัน ขึ้นไปข้างบน ในห้องชายหญิงสองคนเข้าไปในห้องโรงแรม ทำเรื่องอะไรนั้น เธอจะใสซื่ิแค่ไหนก็คิดได้เธอมีความรู้สึก ที่ถูกโหลวฉางเยว่ทรยศเธอเป็นคนที่พาเธอไปอยู่กับเหวินเหยียนโจวแท้ ๆ ให้เธอมีความสัมพันธ์กับเหวินเหยียนโจว เธอจะทำแบบนี้กับเธอได้ยังไงนี่แตกต่างอะไรกับแย่งแฟนของเพื่อนล่ะโหลวฉางเยว่ไม่ได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของเสินเมี่ยวเมี่ยว เธอเห็นซิ่วอวี้จากไป จึงรีบลุกขึ้นยืนเข้าไปห้องทำงานประธาน“ประธานเหวิน ฉันจะลาหยุดช่วงหนึ่งค่ะ”เหวินเหยียนโจวขมวดคิ้ว “ทำไม?”โหลวฉางเยว่สีหน้านิ่งเฉย “เรื่องวัน
โหลวฉางเยว่เอื้อมมือไปสัมผัสปิ่นปักผม เม้มปากพูด “อืม”แทนที่จะบอกว่าเขาซื้อสิ่งนี้ให้เธอ เป็นการดีกว่าถ้าบอกว่าเขากำลังสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว ให้เหล่าประธานได้รู้จักตัวเขา รู้จักความสามารถของปี๋หยุนถ้าให้พูดง่าย ๆ เธอก็ได้กลายเป็นเครื่องมือของเขาอีกครั้ง “เครื่องมือ” ของเขาเพื่อแสดงตัวตนของเขาเสิ่นซู่ชินเก็บสายตากลับมา ค่อย ๆ จิบค็อกเทลช้า ๆเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เลิกคิ้ว “คุณก็ชอบปิ่นปักผมนี่เหรอ? ตั้งใจดูขนาดนั้น”เสิ่นซู่ชินยิ้มเล็กน้อย “ใช่แล้ว ชอบครับ”เพื่อน “ชอบจริง ๆ เหรอ? แล้วเมื่อกี้ทำไมคุณไม่สู้ราคาล่ะครับ? ท่านนั้นคือเหวินเหยียนโจวของตระกูลเหวินใช่ไหม? ตระกูลเขาเก่งจริง โดยเฉพาะไม่กี่ปีมานี้ เติบโตได้ไวมาก ๆ แต่ตระกูลเสินเมืองซีเฉิงอย่างคุณก็ไม่ได้แย่นี่ ถ้าคุณจะเอาปิ่นปักผมนั่นจริง ๆ ก็ใช่ว่าจะสู้เขาไม่ได้”เสิ่นซู่ชินยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไร วันหลังยังมีโอกาส”เพื่อนมองดูเขา และมองไปทิศทางของเหวินเหยียนโจวและโหลวฉางเยว่ ครุ่นคิดอยู่สักพัก เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง “ที่คุณชอบไม่ใช่ปิ่นปักผม แต่เป็นคนที่ใส่ปิ่นปักผมรึเปล่า”เสิ่นซู่ชินอ่อนโยนและสง่า “อย
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ