“ร้านอาหารนี้ประธานหลิวเป็นคนเปิดเองหรือไง? คุณมาได้ แต่คนตระกูลเหวินมาไม่ได้” เหวินเหยียนโจวดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง นั่งข้างโหลวฉางเยว่นิ้วของโหลวฉางเยว่กระชับขึ้นขณะที่เธอพลิกดูเมนูหลิวเยี่ยน “แน่นอนว่าคุณมาได้ แต่ทำไมประธานเหวินถึงได้มานั่งที่โต๊ะเราล่ะครับ? ”เหวินเหยียนโจวจ้องไปที่หน้าของโหลวฉางเยว่ “เพราะมันเต็มหมดแล้ว”โกหกหน้าตาย เห็นได้ชัดว่ามีที่นั่งว่างมากมาย......ก่อนที่หลิวเยี่ยนจะพูดอะไร บอดี้การ์ดของเหวินเหยียนโจวที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดที่คอยปกป้องเขาก็เข้ามาทีละคน แยกกันนั่งโต๊ะละสองคน ไม่นานที่นั่งว่างอื่น ๆ ทั้งหมดในร้านอาหารก็เต็มทันที“......”หลิวเยี่ยนเปลี่ยนคำพูดกะทันหัน “ต่อให้ไม่มีที่นั่ง แต่เราก็ไม่ยินดีที่จะร่วมโต๊ะกับประธานเหวินหนิครับ? เรากำลังเดทกันอยู่ และประธานเหวินก็เป็นเหมือนหลอดไฟดวงใหญ่ที่ค่อนข้างจะส่งผลกระทบต่อพวกเรานิดหน่อย”เหวินเหยียนโจวมองดูโหลวฉางเยว่แล้วพูดว่า “คุณกับเขาเป็นแฟนกันหรือเปล่า? ”ขนตาของโหลวฉางเยว่สั่น แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรหลิวเยี่ยนตะคอก “เธอไม่ปฏิเสธ ก็เท่ากับว่าเธอยอมรับ ประธานเหวินก็มีคำตอบแล้วหนิครับ”“ถ้ายึดตา
โหลวฉางเยว่ไม่ได้พูดอะไรหลิวเหยี่ยนหยุดชะงักชั่วคราว พูดเบาขึ้น และถามอย่างไม่มั่นใจ “คุณโกรธหรือเปล่า? ”ก็ไม่ได้โกรธอะไรอันที่จริง โหลวฉางเยว่กำลังรอให้หลิวเยี่ยนพูดเธอรู้ว่าเขาจะพูดแบบนี้อย่างแน่นอนนั่นคือลูกพี่ลูกน้องของเขา และทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก คงเป็นเรื่องแปลกถ้าเขาจะไม่ช่วยพูดให้เธอโหลวฉางเยว่เยาะเย้ยเล็กน้อย “ฉันแค่คิดว่าราคาตั้งแต่สองล้านห้าแสนไปจนถึงห้าสิบล้าน ราคานี้ ค่อนข้างยืดหยุ่นเกินไป”ถ้าเพิ่มอีกยี่สิบเท่าล่ะหลิวเยี่ยนยิ้ม “ผมรู้ว่าคุณพูดเรื่องเงินสองร้อยห้าสิบล้านกับลุงของผม”เขายอมรับตรง ๆ มาว่า “เงินนั่นไม่ใช่ของประธานเหวิน พูดตามตรงก็คือ เพื่อลูกเขยในอนาคตเท่านั้น ป้ากับลุงของผมอยากจะดองกับตระกูลเหวิน ถ้าสองตระกูลแต่งงานกัน ทรัพย์สินทั้งหมดที่มีก็จะเป็นทรัพย์สินร่วมกันของสามีภรรยา ดังนั้นที่ยอมจ่ายสองร้อยห้าสิบล้านจึงไม่ใช่การบริจาค แต่เป็นการลงทุน”จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ตระหนักได้ ว่าที่แท้เรื่องก็เป็นแบบนี้หากเหวินเหยียนโจวยอมรับเงินสองร้อยห้าสิบล้านนั่นจริง ๆ นั่นหมายความว่าเธอก็ปฏิบัติต่อเหวินเหยียนโจวในลักษณะเดียวกัน พวกเขาไม่เพ
โหลวฉางเยว่กลับมาที่โรงแรม เวลาผ่านไปไม่นานมากนัก หลี่ซิงรั่วก็โทรหาเธอ และมาหาเธอทันทีหลังจากรู้ว่าเธออยู่ในห้องตอนนี้หลี่ซิงรั่วเองก็พักอยู่ที่โรงแรมนี้เช่นกันหลังจากเข้าประตูไป เธอก็ถอดผ้าพันคอออกก่อน เผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงามของเธอ “ฉางเยว่ ฉันขอโทษ เย่เหอหรานมาหาฉันเมื่อบ่ายวันนี้ และบอกว่ามีเรื่องด่วน ฉันจึงไปกับเขาโดยไม่บอกเธอก่อน”“ไม่เป็นไร เธอทำธุระเสร็จแล้วเหรอ? ”“......”หลี่ซิงรั่วไม่รู้จะบอกเธอยังไงดี เรื่องด่วนของเย่เหอหรานก็คือ “โอกาสที่หาได้ยากในการปั๊มลูก” เขาจึงรีบดึงเธอกลับโรงแรม จากนั้นก็......หลังจากนั้นเธอก็ตบเขาไปทีหนึ่งมีรอยแดงบนใบหน้าอันหล่อเหลาของชายคนนั้น แล้วมันก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่สนใจ จุดบุหรี่และพูดด้วยรอยยิ้มภายใต้ควันบุหรี่ “นี่คือสิ่งที่แม่ของผมไปขอให้เทพเซียนทำนายให้เชียวนะ ถ้าร่วมเตียงในเวลานี้ ทารกในครรภ์ก็จะแข็งแรงปกติ และหากโชคดี ก็อาจจะได้ลูกแฝดด้วย”เย่เหอหรานไม่ใช่ลูกแหง่สักหน่อย และเขาก็ไม่ใช่คนที่จะทำตามที่แม่ของเขาพูดอยู่แล้วเขาเพียงมาที่ซีเฉิงก็เพื่อเธอ ผลคือเธอทิ้งเขาไปทำงานทุกวัน และเขาก็เบื่อที่ต้องอยู่คนเดียว เข
ปฏิกิริยาแรกของโหลวฉางเยว่คือการผลักเขาออกไป!ปฏิกิริยาที่สองคือทำไมตัวเขาถึงได้ร้อนขนาดนี้?ฝ่ามือของเธอกดลงบนหน้าอกของเขา และมือนั้นก็ค่อยๆสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่านเสื้อผ้าหลายชั้นบนร่างกายของเขาและเหวินเหยียนโจวก็ผลักเธอ ทำให้เธอ “ควบคุมตัวเองไม่ได้” จนต้องนั่งลงกับพื้นไฟในห้องนั่งเล่นถูกเปิดขึ้น ทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาและสง่างามของเหวินเหยียนโจวกลายเป็นสีแดงเล็กน้อยผมสั้นบนหน้าผากของเขาห้อยลงมาปกปิดดวงตาของเขา ทำให้เขาดูเข้มน้อยกว่าปกติโหลวฉางเยว่เม้มริมฝีปากล่างของเธอ ความรู้สึกที่มีต่อเขาบนริมฝีปากของเธอยังไม่หายไป และใบหน้าของเธอก็ดูน่าเกลียดนิดหน่อยเธอลืมไป ว่าเหวินเหยียนโจวมีคีย์การ์ดห้องของเธอ“คุณมาที่นี่ทำไม? ”เมื่อนึกถึงสิ่งที่หลายคนพูดคล้ายๆกันต่อเธอในคืนนี้ เธอก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ประธานเหวินก็มาโน้มน้าวฉันให้ยอมความกับเนี่ยเหลียนอี้ด้วยเหรอคะ? ราคาปัจจุบันคือห้าสิบล้าน แล้วประธานเหวินต้องการเพิ่มเท่าไหร่ดีคะ? ”เพิ่มอีกยี่สิบห้าล้านเหรอ?ไม่มีทาง ประธานเหวินรวยจะตาย เขาควรจะต้องเพิ่มเป็นเท่าตัวสิ ถึงจะถูกมุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอ ถ้าเขากล้าพูดแบบนี้จริ
การไหลเวียนเลือดของเหวินเหยียนโจวนั้นดี ฝ่ามือของเขาอบอุ่นอยู่ตลอด และตอนนี้มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนเตา ให้ความร้อน ที่ค่อยๆส่งความร้อนคืบคลานไปตามเส้นเลือดของเขาและเข้าสู่หัวใจของโหลวฉางเยว่เหวินเหยียนโจวเรียกเธอเป็นครั้งที่สี่ “เด็กดี คุณยังโกรธอยู่อีกเหรอ? ”โหลวฉางเยว่โกรธมากจนหัวเราะ เขาไม่ได้ทำอะไรเลยแต่อยากให้เธอหายโกรธงั้นเหรอ?เธอต้องการถอนมือออก แต่เหวินเหยียนโจวไม่ยอมปล่อย ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างเงียบๆ ฉุดกระชากกันไปมา ซึ่งทำให้โหลวฉางเยว่อารมณ์เสีย และใช้แรงดึงมือของเธอกลับเหวินเหยียนโจวไม่ได้คว้าเธอไว้ เขาดูค่อนข้างหงุดหงิด เปลือกตาของเขาหนักเล็กน้อย และเขาก็หดหู่จนถึงขีดสุดแม้แต่ลมหายใจที่เขาหายใจออกขณะพูด ก็เต็มไปด้วยความร้อนผ่าว “คนที่ติดสินบนพยาบาลไม่ใช่ไป๋โหยว เธอไม่มีความกล้าขนาดนั้น เด็กดี คุณช่วยเชื่อใจผมสักครั้ง”โหลวฉางเยว่คิดว่ามันเป็นแค่การพูดตลบตะแลงเท่านั้นถ้าไม่ใช่ไป๋โหยว แล้วจะเป็นใครกันล่ะ?เขาจะให้เธอเลือก!โหลวฉางเยว่ไม่เป็นต้องไปทำงาน และยังรีบออกจากเซินเฉิงอีก เธอแค่ไม่อยากเจอเขา แต่ใครจะรู้ว่าเขาก็ไล่ตามมาที่ซีเฉิงด้วยเธอรู้สึกไม่มีความ
ทั้งสองจ้องมองกัน หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เหวินเหยียนโจวก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยหน่ายและกระซิบ “เด็กดี คุณต้องดูแลผม ถ้าเกิดผมตายขึ้นมา ก็จะไม่เหลือคนที่ชอบคุณแล้วนะ”เพียงประโยคเดียว ความรู้สึกโกรธของโหลวฉางเยว่ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดอย่างชัดเจนว่าเขาชอบเธอผู้ชายคนนี้เก่งเรื่องเดาจุดอ่อนของคนอื่นจริงๆ ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก มีไม่กี่คนที่ชอบเธอพ่อแม่ของเธอชอบเธอหรือเปล่า? แต่ก็มีบางครั้งที่เธอยังนึกถึงช่วงเวลาที่พวกเขายินยอมที่จะใช้เธอเพื่อชำระหนี้ขนาดพ่อแม่ของเธอยังเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น หลิวเยี่ยนก็แค่พูดถึงแบบลอยๆ ซางสือซวี่เองก็ทิ้งเธอไปต่างประเทศแต่ไหนแต่ไรก็มีคนแค่ไม่กี่คนที่ชอบเธอจริงๆ และคำพูดของเหวินเหยียนโจวที่แทงทะลุหัวใจของเธอนั้น ทำให้เธอรู้สึกชาด้วยความเจ็บปวดแต่เขาชอบเธอจริงๆหรือเปล่า? คนที่เขาชอบ ไม่ใช่ไป๋โหยวหรอกเหรอ?ไอ้สารเลว เขาโกหกเธออีกแล้วมีผ้าห่มอยู่บนเตียงของโหลวฉางเยว่ เธอคว้าขอบผ้าห่มแล้วดึงลงอย่างแรง ทำให้เหวินเหยียนโจวถูกดึงออกจากเตียงมาพร้อมกับผ้าห่มทันทีเตียงไม่สูงมากนัก แต่น่าจะทำให้เจ็บเล็กน้อยตอนที่กระแทก
เหวินเหยียนโจวเป็นคนที่โหลวฉางเยว่ไม่เข้าใจมากที่สุดมาโดยตลอดเธอเป็นเลขาที่เก่งกาจที่สุดคนหนึ่ง และอยู่ในสังคมผู้ใหญ่มาก็หลายปี เธอเคยติดต่อกับผู้คนมากมายหลายประเภท โดยทั่วแล้วเพียงทานข้าวแค่มื้อเดียว เธอก็สามารถรู้วิธีรับมือกับพวกเขาเหล่านั้นได้มีเพียงเหวินเหยียนโจวคนเดียว ผ่านมาก็ตั้งสามปีแล้ว แต่เธอเองก็ยังคงไม่เข้าใจเขาอยู่ดีเธอคิดว่าตัวเธอเองเป็นเพียงเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเขา ตอนเธอจะไป เขาไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมองเธอด้วยซ้ำ แต่เขากลับกดดันเธอแทน และยืนกรานให้เธอกลับมาอยู่ข้างกายเขาเธอคิดว่ามีผู้หญิงมากมายที่อยู่รอบตัวเขาก็เหมือนกับฝูงปลาที่พยายามจะว่ายข้ามแม่น้ำ ไม่ว่าเขาต้องการอะไรก็ต้องได้ตามที่เขาต้องการ เขายังพูดอีกว่า เขาเห็นเธอเป็นแค่หนึ่งในคอลเลกชันของเขา เขาแค่อยากได้เธอก็เท่านั้นเธอคิดว่าสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดจากเธอคือความปรารถนาที่จะเอาชนะ แสดงความเป็นเจ้าของ หรือต้องการความไม่พอใจบางอย่างจากเธอก็เท่านั้น เขาจึงพาเธอไปดูดอกไม้ไฟ กล่าวสวัสดีปีใหม่ให้เธอ เรียกเธอว่าเด็กดี แล้วยังบอกอีกว่าเราลองมาคบกันอีกครั้ง......ตอนนี้ เหวินเหยียนโจวพูดกับเธอว่า “ผม
“......”โหลวฉางเยว่เม้มริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า “เหวินเหยียนโจว ฉันไม่เชื่อว่าคุณไม่รู้สึกกับไป๋โหยวเลย ไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย หากคุณไม่มีความรู้สึกอะไรเลย คุณจะยังปกปิดเธอไว้จนถึงตอนนี้อย่างงั้นเหรอ? ”“แม่ของฉัน ก็เป็นเพราะไป๋โหยวที่แย่งหัวใจไป จนตอนนี้แม่ต้องพึ่งหัวใจเทียมเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ และก็เป็นเพราะแผนการของไป๋โหยว สมองของแม่ถึงทำงานได้ไม่ดีนัก......ฉันหลัวว่าครั้งต่อไปที่ฉันกลับบ้าน แม่คงจะจำฉันไม่ได้แล้ว และที่ฉันก็กลัวยิ่งกว่าคือเมื่อกลับบ้านในครั้งต่อไป ฉันจะไม่ได้เจอแม่อีกแล้ว”“คุณออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ ทันทีที่ฉันเห็นคุณ ฉันก็นึกขึ้นได้ ทุกครั้งที่ฉันไปหาไป๋โหยวเพื่อขอคำอธิบาย คุณก็จะยืนอยู่ตรงหน้าเธอเสมอ คุณปกป้องเธอ สนใจแต่เธอ แล้วคุณบอกว่าคุณชอบฉัน แต่การชอบใครสักคนมันไม่ใช่แบบนั้น มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้นจริงๆ”เหวินเหยียนโจวมองดูเธอ เห็นมีน้ำอยู่ในดวงตาของเธอมันก็ ค่อนข้างจะเสียใจมากและนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมองเขาด้วยสายตาแบบนี้ครั้งล่าสุดคือเหตุการณ์โรงงานเรือมังกร ไป๋โหยวกล่าวหาเธออย่างไม่ยุติธรรม ว่าเธอดึงเชือกทำให้เรือมังกรล้มลงจนทำให้ผู้ได้รับบา
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ