โหลวฉางเยว่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเบาๆ “เรื่องพวกนั้นมันก็ผ่านไปแล้ว หนูไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว เมื่อลูกสาวโตขึ้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่ค่อยสนิทกับพ่อ คนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น”ดูเหมือนว่าพ่อโหลวจะไม่ได้ยินคำพูดของเธอที่พึมพำกับตัวเอง “แต่ลูกสบายใจได้ พ่อจะไม่ทำให้ลูกเสียใจอีกแล้ว คนพวกนั้นก็หาเจอแล้ว ครั้งนี้พ่อจะปกป้องลูกเอง ต่อให้ต้องตายก็จะปกป้องลูกให้ได้” โหลวฉางเยว่หยุดเดิน รู้สึกว่าคำพูดของเขาละเอียดอ่อนมาก เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย “พ่อคะ พ่อพูดอะไรออกมา? ”พ่อโหลวส่ายหัว “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร พ่อจะจัดการเอง” ทุกอย่างจะได้รับการจัดการอย่างเรียบร้อยเมื่อมาถึงปากซอย ก็มีแท็กซี่จอดรออยู่แล้วพ่อโหลวช่วยเธอเก็บกระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถโหลวฉางเยว่คิดอะไรบางอย่างได้และพูดกับเขาว่า “พ่อคะ แม้ว่าแพทย์แผนจีนคนนั้นจะรักษาพ่อให้หายแล้ว แต่เขาก็ยังดูแปลกๆ อยู่บ้าง หนูยังไม่รู้ที่มาที่ไปของเขาเลย ถ้าไม่จำเป็น ก็อย่าไปหาเขาอีกเลยนะคะ”พ่อโหลวรับปากเธอโหลวฉางเยว่ขึ้นรถ พาเธอไปที่สถานีรถไฟความเร็วสูง และเธอก็ขึ้นรถไฟความเร็วสูงกลับไปที่ซีเฉิงเธอนั่งอยู่บนที่นั่งของเธอ บริเวณโด
หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักชั่วคราว “เป็นเพราะว่าเลขาเหอช่วยฉางเยว่หาพยาบาลผู้ดูแลคนนั้นเจอ แล้วผู้ดูแลก็เปิดเผยแล้วว่าเป็นไป๋โหยว เขาเลยไล่เลขาเหอออกงั้นเหรอ?”เธอเยาะเย้ยทันที “ในเมื่อเขาปกป้องไป๋โหยวมากขนาดนั้น แล้วทำไมเขาถึงอยากจะคืนดีกับฉางเยว่ด้วยล่ะ? ใครกันแน่ที่เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ร้าย? ”“ใช่ ใช่ ใช่ คนที่เหมือนกันก็มักจะมารวมตัวกัน ตอนนี้ผมก็ไม่มีความสุขเช่นกัน ผมเองก็ขอให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับคดีของเลขาโหลวอีก” เย่เหอหรานถอดรองเท้าแล้วขึ้นเตียงเตียงในวอร์ดไม่ใหญ่มากนัก แต่เมื่อเขา ซึ่งเป็นชายร่างใหญ่เบียดตัวเข้าไป หลี่ซิงรั่วก็ถูกเขาควบคุมไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีที่ว่างสำหรับอิสรภาพเลย เธอมองอย่างเย็นชา และเตะเขาลงจากเตียง!เย่เหอหรานคล่องแคล่วมาก ตัวเขาไม่ได้ร่วงตกลงไปจริง ๆ แต่ก็มีแค่เข่าข้างหนึ่งเท่านั้นร่วงลงไป แต่มันก็ไม่สมศักดิ์ศรีเลยที่ถูกผู้หญิงคนหนึ่งเตะลงจากเตียงใบหน้าของเขาเคร่งขรึม และเรียกเธอด้วยชื่อและนามสกุลของเธอเป็นครั้งแรก “หลี่ซิงรั่ว! ”หลี่ซิงรั่วไร้ความรู้สึก “เรื่องนี้ยังไม่ต้องให้คุณมาช่วยตัดสินใจแทนหรอก”เย่เหอหรานยิ้มด้วยดวงตาที่เย็นชา “ว่ายังไงนะ? ได
มันไม่ใช่แค่การโทรศัพท์คุยกันธรรมดา ๆ แต่เป็นการนัดหมายเพื่อพบเธอผ่านเสิ่นไหชินหลี่ซิงรั่วแนะนำเธอว่าอย่าไป “หากเธอยืนกรานที่จะฟ้องร้องพวกเขา จะเป็นการดีกว่าที่จะไม่ติดต่อกับพวกเขาก่อนการพิจารณาคดี”โหลวฉางเยว่กระตุกมุมปากของเธอ “พวกเขาเองก็เดาไว้แล้วว่าฉันจะปฏิเสธ ดังนั้นพวกเขาจึงขอให้ประธานเสิ่นเป็นคนกลางให้”เธอไม่กลัวว่าพวกเขาจะใช้กลอุบายอะไรกับเธอ อย่างไรก็ตาม เธอก็ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเลขามาหลายปีแล้ว ดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยกับกับดักทางภาษาเหล่านั้นในที่สุดโหลวฉางเยว่ก็ตกลงที่จะพบ และหลี่ซิงรั่วเองก็ไปกับเธอ เธอเป็นคนตัดสินใจเลือกสถานที่นัดเจอที่เสมือนดั่งฝันก่อนเข้าไปในคลับ หลี่ซิงรั่วได้รับโทรศัพท์จากสถานีตำรวจ ใบหน้าของเธอก็เคร่งขรึมเล็กน้อย “ตระกูลเนี่ยเพิ่งปล่อยตัวเนี่ยเหลียนอี้ด้วยการประกันตัว”“มีสิทธิ์อะไร? ” โหลวฉางเยว่มีสีหน้าเย็นชา หลักฐานมัดตัวเนี่ยเหลียนอี้เป็นที่แน่ชัด แล้วเหตุใดจึงยังได้รับอนุญาตให้ประกันตัวได้อีก?“พวกเขาออกรายงานการวินิจฉัยว่าเนี่ยเหลียนอี้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเธอไม่เหมาะที่จะอยู่ในห้องขัง ดังนั้นตำรวจจึงตกลงที่จะปล
โหลวฉางเยว่พูดอย่างใจเย็น “ฉันเชื่อว่าหลังจากที่ลูกสาวของคุณได้เรียนรู้บทเรียนนี้แล้ว เธอจะกลายเป็นคนที่จะพิจารณาทุกสิ่งที่เธอจะทำในอนาคต เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ได้แน่”แม่ตระกูลเนี่ยเดินอ้อมโต๊ะ แล้วรีบไปหาโหลวฉางเยว่ “เรื่องของลูกสาวฉันยังไม่ต้องให้ถึงนังสารเลวอย่างเธอมาบอกว่าต้องทำยังไง! ฉันขอแนะนำให้เธอคิดให้ดี! ถ้าลูกสาวของฉันติดคุกจริง ๆ ตระกูลเนี่ยของเราจะไม่ยอมจบง่าย ๆ แน่!”หลี่ซิงรั่วหยุดแม่ตระกูลเนี่ย และพูดอย่างรุนแรง “คุณผู้หญิงเนี่ยคะ คุณกำลังข่มขู่ลูกความของฉันเหรอคะ? ”“พวกเราแค่อยากพูดให้ชัดเจน และทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน! คุณโหลว พอคิด ๆ ดูแล้วยังไงคุณก็ไม่เสียหายอะไรเลย หลังจากรับเงินไปแล้ว แล้วกลับไปใช้ชีวิตตามปกติไม่ดีหรือไง? จำเป็นต้องต่อต้านพวกเราด้วยเหรอ”พ่อตระกูลเนี่ยหัวเราะเยาะ “คุณเพิ่งบอกว่าข้อมูลของคุณถูกเปิดเผยบนอินเทอร์เน็ต ชาวเน็ตบางคนก็ทำสิ่งที่เกินไปต่อคุณ คุณคงไม่อยากให้คุณและครอบครัวต้องอยู่ด้วยความกลัวไปตลอดหรอกมั้ง!”โหลวฉางเยว่รู้ว่าพวกเขากำลังเตือนเธอ ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นยืน “คุณกล้าอย่างงั้นเหรอ! ”แม่ตระกูลเนี่ย “งั้นเธอก
จากนั้นโหลวฉางเยว่จึงหันไปมองเหวินเหยียนโจว เธอไม่ได้มีอารมณ์ฉุนเฉียวใด ๆ “ฉัน ‘ราคาถูก’ มากขนาดนั้น ฉันจะคู่ควรกับประธานเหวินได้อย่างไรล่ะคะ?”เหวินเหยียนโจวชะงักไปครู่หนึ่งคนฉลาดอย่างเขา แน่นอนว่าจะต้องโต้ตอบในอีกไม่ช้า คำพูดของเขาทำให้ตระกูลเนี่ยหงุดหงิด ในขณะเดียวกันก็ทำร้ายเธอด้วย“ผมไม่ได้พูดถึงคุณ” เสียงของเขาทุ้มลึก “แล้วคุณเองก็มองไม่ออกเหรอ ว่าตอนนี้ผมชอบคุณอยู่? ”โหลวฉางเยว่พูดหักล้างความคิดเห็นของอีกฝ่าย “มีคนชอบฉันมากพอแล้ว แล้วฉันจำเป็นต้องตอบรับทุกคนด้วยเหรอคะ? ”“……”เยี่ยม เยี่ยมมากหากเขายังสนับสนุนคำพูดของเธออีก เธอก็จะใช้มันโจมตีเขาอีก น้อยมากที่เหวินเหยียนโจวจะโกรธจนพูดไม่ออกแบบนี้การหายใจของเขาเริ่มช้าและหนักหน่วง และเมื่อเขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นที่ประตูเดิมทีประตูของห้องส่วนตัวได้แง้มไว้อยู่ แต่ตอนนี้มันถูกผลักให้เปิดออก หลิวเยี่ยนเอนตัวไปด้านข้าง และหัวเราะอย่างหนักจนเขาหายใจแทบไม่ทัน “พูดได้ดี! พูดได้ดีมากเลยคุณโหลว มีคนชอบคุณมากมาย อย่างเช่นผม ผมนั้นแตกต่างจากเขา ผมรู้ ความชอบที่ผมมีต่อคุณ เดิมทีก็ไม่ได้บังคับให้คุ
“ร้านอาหารนี้ประธานหลิวเป็นคนเปิดเองหรือไง? คุณมาได้ แต่คนตระกูลเหวินมาไม่ได้” เหวินเหยียนโจวดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง นั่งข้างโหลวฉางเยว่นิ้วของโหลวฉางเยว่กระชับขึ้นขณะที่เธอพลิกดูเมนูหลิวเยี่ยน “แน่นอนว่าคุณมาได้ แต่ทำไมประธานเหวินถึงได้มานั่งที่โต๊ะเราล่ะครับ? ”เหวินเหยียนโจวจ้องไปที่หน้าของโหลวฉางเยว่ “เพราะมันเต็มหมดแล้ว”โกหกหน้าตาย เห็นได้ชัดว่ามีที่นั่งว่างมากมาย......ก่อนที่หลิวเยี่ยนจะพูดอะไร บอดี้การ์ดของเหวินเหยียนโจวที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดที่คอยปกป้องเขาก็เข้ามาทีละคน แยกกันนั่งโต๊ะละสองคน ไม่นานที่นั่งว่างอื่น ๆ ทั้งหมดในร้านอาหารก็เต็มทันที“......”หลิวเยี่ยนเปลี่ยนคำพูดกะทันหัน “ต่อให้ไม่มีที่นั่ง แต่เราก็ไม่ยินดีที่จะร่วมโต๊ะกับประธานเหวินหนิครับ? เรากำลังเดทกันอยู่ และประธานเหวินก็เป็นเหมือนหลอดไฟดวงใหญ่ที่ค่อนข้างจะส่งผลกระทบต่อพวกเรานิดหน่อย”เหวินเหยียนโจวมองดูโหลวฉางเยว่แล้วพูดว่า “คุณกับเขาเป็นแฟนกันหรือเปล่า? ”ขนตาของโหลวฉางเยว่สั่น แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรหลิวเยี่ยนตะคอก “เธอไม่ปฏิเสธ ก็เท่ากับว่าเธอยอมรับ ประธานเหวินก็มีคำตอบแล้วหนิครับ”“ถ้ายึดตา
โหลวฉางเยว่ไม่ได้พูดอะไรหลิวเหยี่ยนหยุดชะงักชั่วคราว พูดเบาขึ้น และถามอย่างไม่มั่นใจ “คุณโกรธหรือเปล่า? ”ก็ไม่ได้โกรธอะไรอันที่จริง โหลวฉางเยว่กำลังรอให้หลิวเยี่ยนพูดเธอรู้ว่าเขาจะพูดแบบนี้อย่างแน่นอนนั่นคือลูกพี่ลูกน้องของเขา และทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก คงเป็นเรื่องแปลกถ้าเขาจะไม่ช่วยพูดให้เธอโหลวฉางเยว่เยาะเย้ยเล็กน้อย “ฉันแค่คิดว่าราคาตั้งแต่สองล้านห้าแสนไปจนถึงห้าสิบล้าน ราคานี้ ค่อนข้างยืดหยุ่นเกินไป”ถ้าเพิ่มอีกยี่สิบเท่าล่ะหลิวเยี่ยนยิ้ม “ผมรู้ว่าคุณพูดเรื่องเงินสองร้อยห้าสิบล้านกับลุงของผม”เขายอมรับตรง ๆ มาว่า “เงินนั่นไม่ใช่ของประธานเหวิน พูดตามตรงก็คือ เพื่อลูกเขยในอนาคตเท่านั้น ป้ากับลุงของผมอยากจะดองกับตระกูลเหวิน ถ้าสองตระกูลแต่งงานกัน ทรัพย์สินทั้งหมดที่มีก็จะเป็นทรัพย์สินร่วมกันของสามีภรรยา ดังนั้นที่ยอมจ่ายสองร้อยห้าสิบล้านจึงไม่ใช่การบริจาค แต่เป็นการลงทุน”จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ตระหนักได้ ว่าที่แท้เรื่องก็เป็นแบบนี้หากเหวินเหยียนโจวยอมรับเงินสองร้อยห้าสิบล้านนั่นจริง ๆ นั่นหมายความว่าเธอก็ปฏิบัติต่อเหวินเหยียนโจวในลักษณะเดียวกัน พวกเขาไม่เพ
โหลวฉางเยว่กลับมาที่โรงแรม เวลาผ่านไปไม่นานมากนัก หลี่ซิงรั่วก็โทรหาเธอ และมาหาเธอทันทีหลังจากรู้ว่าเธออยู่ในห้องตอนนี้หลี่ซิงรั่วเองก็พักอยู่ที่โรงแรมนี้เช่นกันหลังจากเข้าประตูไป เธอก็ถอดผ้าพันคอออกก่อน เผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงามของเธอ “ฉางเยว่ ฉันขอโทษ เย่เหอหรานมาหาฉันเมื่อบ่ายวันนี้ และบอกว่ามีเรื่องด่วน ฉันจึงไปกับเขาโดยไม่บอกเธอก่อน”“ไม่เป็นไร เธอทำธุระเสร็จแล้วเหรอ? ”“......”หลี่ซิงรั่วไม่รู้จะบอกเธอยังไงดี เรื่องด่วนของเย่เหอหรานก็คือ “โอกาสที่หาได้ยากในการปั๊มลูก” เขาจึงรีบดึงเธอกลับโรงแรม จากนั้นก็......หลังจากนั้นเธอก็ตบเขาไปทีหนึ่งมีรอยแดงบนใบหน้าอันหล่อเหลาของชายคนนั้น แล้วมันก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่สนใจ จุดบุหรี่และพูดด้วยรอยยิ้มภายใต้ควันบุหรี่ “นี่คือสิ่งที่แม่ของผมไปขอให้เทพเซียนทำนายให้เชียวนะ ถ้าร่วมเตียงในเวลานี้ ทารกในครรภ์ก็จะแข็งแรงปกติ และหากโชคดี ก็อาจจะได้ลูกแฝดด้วย”เย่เหอหรานไม่ใช่ลูกแหง่สักหน่อย และเขาก็ไม่ใช่คนที่จะทำตามที่แม่ของเขาพูดอยู่แล้วเขาเพียงมาที่ซีเฉิงก็เพื่อเธอ ผลคือเธอทิ้งเขาไปทำงานทุกวัน และเขาก็เบื่อที่ต้องอยู่คนเดียว เข
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ